Friday, 10 May 2024
พรหมลิขิต

‘รอมแพง’ เอาจริง! ไม่มียอมความ เดินหน้าฟ้องผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ ‘พรหมลิขิต’

‘รอมแพง’ แจ้งความดำเนินคดีคนละเมิดลิขสิทธิ์ ‘พรหมลิขิต’ แล้ว งานนี้แฟนคลับแห่ซัพพอร์ตพร้อมบอกว่าให้สู้ๆ และนิยายสนุกมากๆ อีกด้วย

ทำเอาแฟนคลับและคอละครเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส’ ในภาค 1 โมโหตามเจ้าของบทประพันธ์ รอมแพง ทันทีหลังพบว่านิยายเรื่อง ‘พรหมลิขิต’ ซึ่งเป็นเสมือนภาค 2 ของบุพเพสันนิวาสที่กำลังดำเนินการถ่ายทำอยู่นั้นมีคนละเมิดลิขสิทธิ์ไป โดยรอมแพงได้ลงรูปเอกสารที่ยืนยันเรื่องลิขสิทธิ์ทางปัญญาของนิยายเรื่องนี้ว่าเป็นของเธอในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมเล่าผ่านแคปชั่นว่า...

‘หน่อง อรุโณชา’ ปลื้ม ‘บุพเพสันนิวาส’ รีรันกี่รอบก็ฆ่าไม่ตาย ส่วน ‘พรหมลิขิต’ ภาคต่อ ฟันธง!! แฟนออเจ้าได้ชมปีนี้แน่นอน

(28 ส.ค. 66) ปังไม่ไหว สำหรับละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ ที่นำแสดงโดย ‘โป๊ป ธนวรรธน์’ กับ ‘เบลล่า ราณี’ ที่แม้ว่าละครจะอวสานไปนานแล้ว แต่คนก็ยังพูดถึง แถมช่อง 3 ยังเอามาฉายรีรันใหม่ถึง 4 รอบ ซึ่งขนาดรีรันรอบ 4 กระแสละครก็ยังปัง เรตติ้งพุ่งทะลุไม่น้อยหน้าใครเลย คมชัดลึกสบโอกาสเจอ ‘หน่อง อรุโณชา’ ผู้จัดละคร ที่งานประกาศรางวัล ContentAsia Awards ครั้งที่ 4 ก็เลยไม่พลาดที่จะไปถามถึงกระแสละคร รวมถึงละคร ‘พรหมลิขิต’ ภาคต่อ ‘บุพเพสันนิวาส’ ว่าไปถึงไหนแล้ว จะได้ชมปีนี้จริงไหม

>> บุพเพสันนิวาสรีรันกระแสดีอีกแล้ว
“เพิ่งได้ 10 ตอนค่ะ ดีใจค่ะ ที่แฟนคลับออเจ้าให้การต้อนรับอบอุ่น”

>> ละครฆ่าไม่ตาย?
“(ยิ้ม) คนดูคิดถึงมั้งคะ ก็กลับมาดูกันอีกรอบ คิดว่าคงทบทวน ก่อนได้ชมพรหมลิขิตด้วย “

>> หลายคนสงสัยทำไมรีรันบ่อย?
“พี่ก็เพิ่งทราบตามทุกคน ช่องเขาน่าจะวางไว้ อีกอย่างคนก็คิดถึง ก็วางไว้ก่อนเข้าพรหมลิขิต ที่เป็นภาคต่อของบุพเพสันนิวาส ก็ทบทวนกันอีกรอบว่าที่ดูมาเป็นอย่างไรบ้าง ก็ยังสนุกเหมือนเดิมค่ะ”

>> รีรันกี่รอบแล้ว?
“4 ค่ะ (หัวเราะ) ดีใจค่ะ ดีใจมาก คาดไม่ถึงเหมือนกัน ที่แฟนๆ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยังไงก็ชมต่อไปถึงพรหมลิขิตเลยนะคะ”

>> พรหมลิขิตใกล้หรือยัง?
ใกล้แล้วค่ะ เดี๋ยวรอบุพเพสันนิวาสจบแป้บนึงค่ะ ภายในปีนี้ค่ะ ได้ชมแน่นอนค่ะ ตอนนี้ก็เร่งตัดต่ออยู่ 

>> เหลือเยอะไหม?
“อีกนิดนึงค่ะ ก็ใกล้เสร็จแล้วค่ะ”

>> เนื้อเรื่องดำเนินต่อเลยไหม?
“ใช่ค่ะ คนถามเยอะ ต่อกันเลยไหม ก็คือพรหมลิขิตคือเรื่องราวต่อจากบุพเพสันนิวาสแน่นอน ก็อยากให้ทุกคนรอชม หลายอย่างคำตอบจะอยู่ในพรหมลิขิต”

>> กดดันไหมภาคแรกดีแบบมากๆ ภาคต่อคนคาดหวัง?
“กดดันค่ะ กลัวมากๆ เลยค่ะ ความคาดหวัง สำหรับพรหมลิขิตทีมงานเราทำงานเกือบ 2 ปี ทั้งติดช่วงโควิดด้วย ความยากก็ยากกว่า โป๊ปเล่น 3 คาแร็คเตอร์ เบลล่าก็ 2 คาแร็คเตอร์”

>> เขาว่ายังไงกันบ้าง?
“เขาบอกว่าเหนื่อยมาก (หัวเราะ) แต่เขาเก่งกันมากค่ะ เราเชื่อว่าการที่แยกตัวละคร ในการถ่ายทำก็ต้องใช้เวลานาน 3 เท่า อยากให้ติดตามชม แยก 3 คาแร็คเตอร์ จะเป็นยังไง เบลล่าต้องมาปะทะกับตัวเองอีก และก็จะมีตัวละครใหม่ และตัวละครเดิมในบุพเพสันนิวาสที่เติบโตขึ้น”

>> จะแตกต่างกันเยอะไหม? 
“มันมีความเติบโต เดินทางผ่านห้วงเวลา 2 ราชกาล สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเพทราชา พระเจ้าเสือ”

>> มีเค้าโครงจากเรื่องจริง?
“ใช่ค่ะ เหมือนเดิม เป็นละครรัก โรแมนติก คอมเมดี้ ที่อิงประวัติศาสตร์เหมือนเดิมค่ะ จะรับความรู้ และความสนุกไปพร้อมกัน ต้องบอกว่าตัวละครเยอะมากที่สุดที่เคยทำมา (ยิ้ม)”

‘พรหมลิขิต EP.1’ สร้างปรากฏการณ์ ยอดดูสดทะลุ 1 ล้าน เรตติงพุ่งกระฉูด 6.40 ทั่วประเทศ สมการรอคอยของจริง

(19 ต.ค.66) เป็นกระแสฮือฮาไปทั่ว หลังจาก ‘พรหมลิขิต’ ออกอากาศตอนแรกไปเมื่อคืนที่ผ่านมา (18 ต.ค.66) ที่ทำให้โลกออนไลน์แทบแตก มีการเข้าไปชมสด 4 แสนคนพร้อมกัน และยังทำให้ แฮชแท็ก #พรหมลิขิตEP1 ขึ้นเทรนด์ รวมทั้งแท็ก #โป๊ปเบลล่า ก็มาด้วย

โดยตอนแรกนั้น เรื่องราวได้เท้าความย้อนถึงเหตุการณ์บ้านเมืองขณะสิ้นสมัยขุนหลวงนารายณ์ เข้าสู่สมัยขุนหลวงเพทราชา และยังมีเรื่องราวชีวิต แม่มะลิ หรือ ตองกีมาร์ เพิ่มความเข้มข้นตั้งแต่เปิดเรื่อง

แถมยังมีช็อตหวาน ออกญาวิสูตรสาครกับแม่หญิงการะเกด จากโล้สำเภา ได้ลูกชายแฝด พ่อเรือง-พ่อริด มาพรหมลิขิตแม่นายยังแรงไม่แผ่วชวนออกญาฯ ทำการบ้านด้วย จนตั้งท้องได้ลูกสาว เรียกความฟินกับแฟนละครหนักมาก

ล่าสุดวันนี้ได้มีการเปิดตัวเลขสถิติของละครตอนแรกออกมาเรียบร้อย มีเรตติง 6.40 ทั่วประเทศ ขณะที่ในกรุงเทพฯ มีเรตติง 11.07 รวมทั้งยอดดูสดทะลุ 1 ล้านคน

เรียกว่า สมการรอคอย

'เบลล่า' งานรุม!! คิวพรีเซ็นเตอร์แน่นเกิน 30 ตัว เปรย!! อยากมีคนข้างกาย แฟนคลับแซว 'โป๊ป' มีลุ้นไหม?

เมื่อวานนี้ (26 ต.ค. 66) เบลล่า ได้ให้สัมภาษณ์ในงาน 'เปิดประตูสู่พรหมลิขิต' ณ สุราลัย ฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม พร้อมเผยถึงเรื่องที่งานพรีเซ็นเตอร์รุมแน่นเกิน 30 ตัว แต่ยังรับได้อีก

ล่าสุดมีแฟนละครนับว่าช่วงพักเบรกมีโฆษณาเบลเกิน 10 ตัว?
“อ๋อ…แม่เบลก็นับค่ะ ต้องขอบคุณลูกค้าด้วยค่ะ (หลังบุพเพสันนิวาสมีพรีเซ็นเตอร์เยอะมาก พอพรหมลิขิตมีคนติดต่อเข้ามาเยอะไหม?) มีเพิ่มค่ะ ต้องรอดูค่ะ (ดีลล่วงหน้าไว้เลย?) ใช่ค่ะ (ผลพลอยได้กลับมาเยอะ?) ก็ด้วยค่ะ เราต้องขอบคุณลูกค้าทุกๆ คนที่เชื่อใจและให้โอกาสเบลด้วย”

รวมๆ แล้วถึง 50 ตัวไหม?
“บ้าเหรอ(ยิ้ม) น่าจะเกิน 30 แต่เบลยังทำงานอย่างอื่นอยู่ค่ะทุกคน ไม่ได้รับพรีเซ็นเตอร์อย่างเดียว ถามว่ายังมีส่วนไหนในร่างกายเหลืออีกบ้าง อันนี้ต้องให้ผู้จัดการจัดแจงว่าอะไรที่ไม่ซ้ำ แต่ว่าเบลก็ดูนะ ไม่ได้แบบรับทุกตัว ตัวไหนที่มีความทับซ้อน คือไม่ใช่แบบเป็นตัวเดียวกันแต่ว่าไลน์ใกล้ๆ กันเบลก็จะปฏิเสธไป (จากพรหมลิขิตเพิ่มมาอีกกี่ตัว?) ตอนนี้ 2 มี 2 ที่ ที่ตกลงไปแล้วค่ะ”

ตั้งเป้าจะโกยไว้เท่าไหร่?
“ไม่ตั้งเป้าอะไรทั้งสิ้นค่ะ แล้วแต่โอกาสที่เข้ามาแหละ ก็อย่างที่บอกว่าเบลโชคดีที่ทุกคนเชื่อใจเบล”

ลักกี้อินเกมแล้ว ลักกี้อินเลิฟด้วยไหม?
“ยังไม่อินอะไรทั้งสิ้นค่ะ (เชื่อได้ไหมที่บอกว่าลักกี้อินเกมแล้วจะไม่ลักกี้อินเลิฟ?) มันต้องเชื่อแล้วมั้ย(ยิ้ม) เบลไม่รู้นะ แต่ว่าเบลชิลๆ อ่ะ ถามว่าตอนนี้มีความสุขมั้ย ก็มีความสุขดี ถามว่าอยากมีมั้ยก็อยากมีถ้าไม่ได้กระทบกับงาน (ตอนนี้มีเงินโอเคกว่ามีผู้ชายถูกไหม?) อย่าใช้คำนั้นเลยดีกว่า(หัวเราะ)”
แม่ว่ายังไงบ้าง?
.
“คุณแม่ชิลๆ เลยค่ะ แล้วแต่เรา แต่ว่าอาจจะชิลได้ไม่นานแล้วแหละดูทรงแล้วอายุอานาม (แม่เร่งไหม?) แม่เบลไม่เร่งหรอก แต่อายุเท่านี้แล้วก็คงไม่นาน”

เห็นช่วงนี้รับขวัญหลานเยอะมาก ไม่รู้สึกว่าอยากมีบ้างเหรอ?
“(หัวเราะ)จริง คือเพื่อนมีลูกจนรู้สึกแบบเลี้ยงหลานเก่งมาก แต่เอาจริงเบลเห็นเพื่อนมีลูกก็เหนื่อยกันมากๆ จนเบลเห็นก็ลังเล หรือว่าเป็นแบบนี้ดีแล้ว”

ทำไมอยู่ดีๆ มีความคิดลังเลว่าจะมีหรือไม่มี?
“ตอนเด็กๆ ก็มีความฝันมาตลอดแหละ อยากจะสร้างครอบครัวอะไรต่างๆ โดยที่เราไม่รู้รายละเอียดเลยว่าการที่จะเลี้ยงคนคนนึงมามันขนาดไหน แต่อันนี้มันข้ามสเต็ปไปเนาะ ขอมีคนข้างกายก่อนค่ะ”

แสดงว่าไปทำบุญไม่เคยขอเรื่องความรักเลย?
“เริ่มขอแล้ว (I told พระแม่ลักษมีแล้วหรือยัง?) ขอแล้ว(หัวเราะ) (เอารูปใครไปอ้างอิง?) ไม่มี ไม่รู้ไง คือตอนนั้นก็ไปไหว้ คือขอรวมๆ ความรักความเมตตา คือถ้าจะมีใครก็อยากมีคนที่โอเค เบลไม่ได้บอกกำหนดระยะเวลาเลย อาจจะ 10 ปีข้างหน้า (หัวเราะ) ล้อเล่นค่ะ”

จริงๆ อาจจะมีคนเข้ามา แต่เรามีความกังวลกับการมีความรักอีกครั้ง?
“เบลว่าคนอื่นกังวลในจุดนี้มากกว่าเบลอีก (คนคาดหวังคนที่มาคู่กับเราจะเป็นยังไง?) ใช่ค่ะ ซึ่งเบลไม่ได้ตั้งอะไรขนาดนั้นเลยนะ ขอแค่จิตใจดีเป็นเพื่อนคู่คิดได้ (เพื่อนแนะนำไหม?) เพื่อนเลิกแนะนำไปแล้ว เรามันเล่นตัวเยอะไปหน่อย ไม่เสียดายหรอกช่วงนั้นมันก็ไม่มีเวลาจริงๆ”

หลายคนเชียร์กับพี่โป๊ปอีกแล้ว พอจะมีโอกาสลุ้นไหม?
“ไม่รู้…แต่ว่าในละครได้แน่ๆ (เคยคุยเรื่องนี้ไหม?) ก็ขำๆ ดีค่ะ ช่วงหนึ่งเป็นแก๊ง 4 คน หมื่นเรือง แม่จันทร์วาดด้วย แล้วเราก็มองหน้ากันว่าแก๊งเรามันมีอาถรรพ์หรือเปล่า (แต่ตอนนี้หมื่นเรืองไม่โสดแล้ว?) ใช่ค่ะ ให้นำไปก่อน”

‘อยุธยา’ เปิดให้บริการชม 4 วัดยามค่ำคืน คนละ 950 บาท หลัง ‘พรหมลิขิต’ กระแสบูม หวังสร้างเม็ดเงินให้จังหวัดมากขึ้น

(1 พ.ย.66) นายมานัส ทรัพย์มีชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยประชาชาติธุรกิจว่า ภาพรวมของการท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตอนนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้นจำนวนมากช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ปกตินักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาจังหวัดพระนครศรีอยุธยามักเดินทางแบบไป-กลับ ไม่พักค้างคืน

แต่หลังจากมีกระแสของละครเรื่อง ‘พรหมลิขิต’ เริ่มออกอากาศไป และทางกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้อนุญาตเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมวัดไชยวัฒนารามได้จนถึงเวลา 22.00 น. ในช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ จากการสอบถามผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร โดยเฉพาะโรงแรมมีอัตราการจองเข้าห้องพักประมาณ 80% สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเฉลี่ย 20,000 คนต่อวัน ส่วนวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 2,000 คนต่อวัน โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังเป็นคนไทย ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น เกาหลี จีน และโซนยุโรป ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเฉลี่ย ประมาณ 1,000 ต่อหัวต่อคน คาดการณ์เงินสะพัด 200 ล้านบาทต่อเดือน

“สำหรับวัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลายและเป็นไฮไลต์ของละครดังกล่าว ปกติจะเปิดให้บริการ 08.00-18.00 น. ช่วงกลางคืนวัดค่อนข้างสวยงามเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวให้นอนพักค้างคืนได้ โดยจะเปิดแถลงข่าวโปรโมตอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 และสิ้นสุดโครงการวันที่ 31 ธันวาคม 2566 แต่ถ้ากระแสตอบรับดีอาจจะมีการขยายเวลาให้บริการ” นายมานัส กล่าว

ขณะเดียวกันทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพระนครศรีอยุธยา ได้มีการขออนุญาตเปิดให้บริการสถานที่ท่องเที่ยวตอนกลางคืนเพิ่มอีก 4 แห่ง ได้แก่ วัดพระราม วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดราชบูรณะ และวัดมหาธาตุ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป จนถึง 31 มีนาคม 2567

โดยใช้ชื่อกิจกรรมว่า ‘ไนต์แอดเดอะเทมเพิล’ จะเปิดให้บริการศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ กรุ๊ปละ 20 คน ค่าบริการประมาณ 950 บาทต่อคน ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง มีรถตุ๊กตุ๊กรับ-ส่ง ให้บริการ 4 รอบต่อวัน รอบแรกเวลา 18.30 น. รอบสองเวลา 19.00 น. รอบสามเวลา 19.30 น. รอบสี่เวลา 20.00 น. โดยแต่ละรอบต้องมีหัวหน้าไกด์ ผู้ช่วยไกด์ เจ้าหน้าที่กรมศิลป์เข้าไปดูแล

รวมถึงทำประกันชีวิตให้กับนักท่องเที่ยว โดยกิจกรรมดังกล่าวต้องทำในรูปแบบบริษัททัวร์ แม้ทางกรมศิลปากรได้มีการอนุญาตเปิดให้บริการ แต่จะต้องเข้าไปเป็นหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ เนื่องจากมีบางจุดที่ค่อนข้างมืด ส่งผลอันตรายต่อนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ จัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวพักค้างแรมที่จังหวัดอยุธยาให้เพิ่มมากขึ้น จะทดลองให้บริการประมาณ 2 สัปดาห์ หากได้กระแสตอบรับที่ดีจะมีการโปรโมตประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ

ปัจจุบันจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีห้องพักเปิดให้บริการประมาณ 2,000 กว่าห้อง เปิดให้บริการ 100% และคาดว่าช่วงไฮซีซั่นเดือนธันวาคม 2566 อัตราการเข้าพักน่าจะ 90-100%

ด้าน นายณัฐปคัลภ์ อัครวิชญ์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยกับประชาชาติธุรกิจว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 800,000 คนต่อเดือน เฉลี่ยเป็นชาวไทย 700,000 คน และต่างชาติ 100,000 คน หากเทียบกับปี 2565 มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวของจังหวัดจะพยายามทำให้ได้ 80% ของตัวเลขปี 2562

ซึ่งเป็นปีที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาอยุธยามากที่สุด รวมเกือบ 40 ล้านคนต่อปี แต่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาค่อนข้างอยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางไปเช้า-กลับเย็น และจากข้อมูลของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา หลังละครเรื่องพรหมลิขิตได้มีการออนแอร์ไป พบว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จากเดิมช่วงวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) มีนักท่องเที่ยวประมาณ 1,000 คนต่อวัน ตอนนี้เพิ่มขึ้น 2,000-3,000 คนต่อวัน

และมีแนวโน้มนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะคนไทย และหลังจากกรมศิลปากรได้อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมวัดไชยวัฒนารามตอนกลางคืนได้ เฉลี่ยมีนักท่องเที่ยวประมาณ 1,000-2,000 คนต่อวัน ถือว่าได้การตอบรับที่ดี

นอกจากนี้ มีกิจกรรมล่องเรือรับประทานอาหารเย็น พยายามหากิจกรรมภาคท่องเที่ยวตอนกลางคืนให้นักท่องเที่ยวสนใจและเดินชม จึงได้มีการจัดทำกิจกรรม กับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คือ

‘ไนต์แอดเดอะเทมเพิล’ หรือ Night at the Temples 2023 ท่องเที่ยวโบราณสถานในยามค่ำคืน ก็หวังว่ากิจกรรมดังกล่าวจะกระตุ้นเศรษฐกิจ และสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวพักค้างคืน และสร้างรายได้ให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

เปิดเรตติง ‘พรหมลิขิต’ EP. ล่าสุด พุ่งทะลุ 7.12 จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ฟาก ‘ลมพัดผ่านดาว’ ต่ำสุดตั้งแต่ออนแอร์ ทำเอาเพจดังถึงกับตั้งคำถาม

(1 พ.ย. 66) ปังต่อเนื่อง!! ‘โป๊ป-เบลล่า’ แน่จริง สำหรับละคร ‘พรหมลิขิต’ ล่าสุด #พรหมลิขิตEP6 ออกอากาศเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 66 นอกจากติดอันดับ 1 เทรนด์ไทย บน X (ทวิตเตอร์) ยอดดูสดออนไลน์ 1.1 ล้านคน กับการเป็นคู่กัดคู่รักของ ‘พ่อริด’ (โป๊ป ธนวรรธน์) และ ‘แม่พุดตาน’ (เบลล่า ราณี) และการลุ้นได้เจอหน้ากันของ ‘คุณหญิงการะเกด’ กับ ‘แม่พุดตาน’ ทำเอาเรตติงพรหมลิขิต EP.6 พุ่งขึ้นมาสูงสุดอยู่ในขณะนี้ ที่ 7.12 เลยทีเดียว!!

ขณะที่เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 66 เพจดัง ‘เขวี้ยงรีโมท’ ออกมาตั้งคำถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับ 2 ละครดัง ‘พนมนาคา’ และ ‘ลมพัดผ่านดาว’ เรตติงต่ำที่สุดตั้งแต่ออนแอร์ ได้ไป 1.768 และ 1.872 ด้วย” ส่วนวันที่ 31 ต.ค. ลมพัดผ่านดาว เรตติงขยับขึ้นมาอีกนิด ได้ไป 2.22

ตอนสุดท้าย ‘พรหมลิขิต EP.26’ ดูสดพร้อมกันคืนนี้ ลุ้น!! ความรัก ‘พ่อริด-แม่พุดตาน’ จะลงเอยเช่นไร

(18 ธ.ค.66) เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับ ‘พรหมลิขิต’ แฟนละครทุกท่านสามารถติดตามชม EP.26 ตอนจบ พร้อมกันได้ที่ทางช่อง 3HD กด 33 และช่องทางรับชมบนโทรศัพท์มือถือ กด 3Plus ตั้งแต่เวลา 20.30 น. เป็นต้นไป และอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับใครที่กลัวดูสดไม่ทัน สามารถรับชมสตรีมมิ่งบน Netflix ได้เช่นกัน (คาดว่าลงหลังออนแอร์เหมือนกับหนังและซีรีส์ทั่วไป)

>> เรื่องย่อ พรหมลิขิต ตอนที่ 26 (ตอนจบ) 

พ่อริดเห็นความไม่โปร่งใสของพระยาโกษาธิบดีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พ่อริดจึงตัดสินใจครั้งใหญ่ พูดกับพระยาโกษาธิบดีตรง ๆ ว่ารู้เรื่องทุจริตทั้งหมดแล้วและขอไม่ทำงานด้วยอีก ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับพระยาโกษาธิบดีเป็นอย่างมาก จนทำให้แม่หญิงแพรจีนตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว

ในขณะที่คุณหญิงจำปาเริ่มป่วยและอาการทรุดหนัก ก็ได้หลาน ๆ ผลัดกันมาดูแลอย่างใกล้ชิด แม้จะมีอุปสรรคความรักมากเพียงใด แต่พุดตานกับพ่อริดก็จับมือสู้กันมาทุกครั้ง ซึ่งการใช้ชีวิตของพุดตานก็ยังไม่เคยหยุดทำมาหากิน เธอยังขยันหาเมนูใหม่ ๆ มาทำขายที่ตลาด จนเป็นที่ติดใจทั้งขุนหลวงและหนุ่ม ๆ ที่ผ่านไปผ่านมา และระหว่างนั้นเกศสุรางค์เดินทางไปเยี่ยมตองกีมาร์เพื่อแสดงความยินดีที่เธอได้อวยยศเป็นท้าวทองกีบม้า

แล้วเมื่อเวลาผ่านไป จู่ ๆ วันหนึ่งเกศสุรางค์ได้ฝันเห็นยายนวลที่มาหาหลาน ๆ ซึ่งยายมาเพื่อบอกให้ทุกคนเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านพ้นไป เกศสุรางค์บันทึกเรื่องราวเหล่านี้ลงสมุดบันทึกและปิดสมุดลงพร้อมยิ้มอย่างมีความสุข

เสียดาย!! 'พรหมลิขิต' ทั้งที่นักแสดงแบกบทของตนอย่างเต็มที่  แต่เส้นเรื่องตามบท ส่งให้ละครด้อยลงจากมาตรฐานเดิม

(20 ธ.ค. 66) นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'พรหมลิขิต ep. สุดท้ายยับเยินอย่างไร' ระบุว่า...

พรหมลิขิต ep. สุดท้ายยับเยินอย่างไรคงไม่ต้องบอก อ่านเอาจาก #พรหมลิขิตตอนจบ ได้ว่าคนดูรู้สึกอย่างไร ผมเองก็อยากจะพูดความในใจตัวเองที่ดูทนดูอึดจนมาถึงตอนสุดท้าย 

คนที่ดูบุพเพสันนิวาสจะรู้สึกไม่ต่างกันว่าพรหมลิขิตมาตรฐานตกไปเทียบไม่ได้กับตอนเก่า ทั้งที่นักแสดงบทนำทุกคนต่างก็แบกบทของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทีมบ่าวทั้งทีมใหม่ทีมเก่าก็เล่นกันเกินร้อย ตัวหลักของเรื่องก็ช่วยละครใส่อินเนอร์กันสุด ๆ นักแสดงทุกคนแบกละครกันเต็มกำลัง แต่เส้นเรื่องตามบทมันทำให้ละครด้อยลงจากมาตรฐานเดิมที่เคยทำเอาไว้

ผมอยากจะบ่นเรื่องการสร้างละครที่ตัดต่อบทจากหนังสือได้ไม่ต่อเนื่อง การกำกับตามบทที่เอาไม่อยู่มือ และการยำบทเรื่องเพี้ยนจากหนังสือไปจนเส้นเรื่องไทม์ไลน์บวมบ้างเหี่ยวบ้างเพี้ยนไปหมด ถ้าเดินเส้นเรื่องตามหนังสือแล้วเพิ่มสิ่งที่อยากจะเพิ่มเพื่อสีสันของละครอีกสักเล็กน้อย น่าจะดีกว่าไปตัดเรื่องในหนังสือทิ้งและเพิ่มอะไรมาก็ไม่รู้ที่ทำให้ละครดูน่าเบื่อ

ยิ่งตอนสุดท้ายเหมือนยัดเยียดตบให้จบเหมือนดูสปอยหนังบนยูทูปมากกว่าดูละครที่เดินเรื่องมายี่สิบกว่าตอน คนดูส่วนมากจะถามว่ายี่สิบตอนที่ผ่านมายืดเรื่องจนน่าเบื่อ เดินล้ม เดินล้ม แล้วกอดกัน สลับกับทะเลาะกับหลานยายกุย แต่วันสุดท้ายวันเดียว ย่าตาย พี่ตาย คนในครอบครัวแต่งงานสามคน บรรดาเมีย ๆ ทั้งหลายก็ท้องแล้วท้องอีก หลานเต็มบ้าน และตัดสินใจอพยพครอบครัวหนีไปเพชรบุรี สามารถขยายเรื่องให้ดูดีได้อีกสามสี่ตอนได้แบบสบาย ๆ ทั้งคนสร้างและคนดู

เสน่ห์ของละครบุพเพสันนิวาสนั้นคือ เกร็ดของประวัติศาสตร์จริงที่สอดแทรกไปตลอดเวลา แต่สิ่งนี้ขาดไปและมีน้อยเกินไปในพรหมลิขิต ถ้าตัดเอาฉากขาอ่อนเดินล้มเดินล้มแล้วกอดกันออกไปบ้าง เอาฉากทะเลาะกับหลานยายกุยออกไปบ้าง จะมีเวลาที่สอดแทรกประวัติศาสตร์ลงไปให้เติมเต็มเหมือนในหนังสืออีกไม่น้อย

คนส่วนมากคิดว่าประวัติศาสตร์ช่วงแผ่นดินพระนารายณ์มีอะไรให้เล่นมากกว่าช่วง พระเพทราชา, พระเจ้าเสือ, พระเจ้าท้ายสระ จนถึงแผ่นดินพระบรมโกศ แต่ที่จริงแล้วประวัติศาสตร์ช่วงนี้เข้มข้นไม่น้อยกว่ากัน เป็นการปูทางให้เข้าใจถึงจุดเสื่อมของอยุธยาด้วยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ในหนังสือนั้นได้เขียนเรื่องนี้สอดแทรกนัยเอาไว้ไม่ขาดเกิน แต่พอกลายเป็นบทละครแล้วกลับกลายเป็นหายไปเกือบหมด 

ละคร ep. สุดท้ายยัดเรื่องเข้ามาเหมือนหนังเกรด 2 ทุนหมด ต้องปิดกล้องให้ได้ในห้านาทีสุดท้าย นักแสดงเลยต้องแบกหนังให้จบแบบสุดฝีมือ ฉากที่แม่อุ้มห่อกระดูกลูก บ่าวไพร่ร้องไห้กันทั้งเรือน ผมให้คะแนนเกินร้อย ฉากนี้แบกให้คุณค่าของตอนนี้ดีที่สุดฉากหนึ่ง แต่นอกจากนั้นรวบรัดเดินเรื่องกันอย่างน่าหงุดหงิด ย่าตายแบบให้เวลาน้อยมากทั้งที่เป็นตัวหลักมาตลอดสองภาค ลวกก๋วยเตี๋ยวเสร็จคนดูเดินเข้าห้องน้ำรีบออกมาดูต่อก็คลอดลูกกันแล้ว หรือฉากตายของพ่อเรืองก็นอนป่วยอยู่สองนาทีก็ตาย ฉากแต่งงานที่พิษณุโลก และที่อยุธยาอีกสองคนก็หายไปทั้งที่ควรจะมี ฉากคุณยายนวลที่เป็นต้นเรื่องให้ยกครัวหนีไปอยู่เพชรบุรีก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ และที่น่าเสียดายคือจุดจบของคนที่โกงกินอย่างพระยาคลังที่โดดข้ามไป ทั้งที่เรื่องนี้น่าจะต่อยอดได้เข้มข้นมากตามประวัติศาสตร์จริง และเป็นการเริ่มต้นของพระยาคลังหนุ่มอีกคนตามประวัติศาสตร์ อะไรทำนองนี้

หนึ่งปีแปดเดือนที่นักแสดงทุกคนต้องแบกรับ แสดงกันแบบเกินร้อย แต่มาตกม้าตายกับงานที่ตัดต่อออกมาเป็นบทละครและโพสโปรดักชั่น น่าผิดหวังเมื่อเทียบกับงานภาคแรก แต่ผมเองก็ทำใจเอาไว้แล้วว่าภาคสองดีกว่าภาคหนึ่งคือสิ่งที่หายากในวงการหนังและละคร

ผมอยากจะเล่าเรื่องสักเรื่องที่มีการเปลี่ยนไปจากประวัติศาสตร์ อาจจะเป็นเพราะละครไม่อยากไปแตะต้องหรือต้องการเว้นว่างเอาไว้ เช่นบทของ ทองคำ ที่วางบทเอาไว้เพียงแค่มีตัวตนไปไหนไปกันกับกลุ่มบอยแบนด์ในรัชกาลพระเจ้าท้ายสระ แต่ไม่ได้มีบทเด่นอะไรเหมือนโกษาปานผู้เป็นพ่อและปู่ เพราะ ทองคำ ทองดี ทองด้วง อีกสามรุ่นคนทั้งก่อนและหลังกรุงศรีอยุธยาแตกคือปฐมชนกและปฐมกษัตริย์ของราชวงค์จักรี เรื่องแบบนี้ละครทำได้ดีแล้วที่ทำบทแต่พองาม ไม่มากไปน้อยไป ไม่มีเรื่องรักใคร่เหมือนกับบอยแบนด์ตัวจี๊ดของอยุธยาเช่นคนอื่น ๆ 

และอีกเรื่องที่ละครสร้างเส้นไทม์ไลน์ให้ย้ายครัวไปอยู่เมืองเพชรบุรีเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามครั้งกรุงแตกนั้น เป็นการเลี่ยงที่จะพูดถึงสาเหตุจริงที่ต้องรีบย้ายครัว เพราะขุนหลวงท้ายสระครองราช 24 ปี เวลานั้นถ้าดูตามอายุลูก ๆ ของพุดตานเทียบกับไทม์ไลน์ของตัวละครแล้ว รัชสมัยของขุนหลวงท้ายสระน่าจะอยู่ไปอีกไม่ต่ำกว่าสิบปีหรือเวลาใกล้เคียง หลังจากนั้นก็เป็นรัชกาลของขุนหลวงบรมโกศอีก 26 ปี และรัชสมัยสุดท้าย ขุนหลวงเอกทัศอีก 9 ปี 

นั่นหมายความว่าการย้ายครัวไปอยู่เมืองเพชรบุรีนั้นไปกันก่อนกรุงแตกถึงกว่า 40 ปี สิ่งที่ละครเลี่ยงออกไปว่าเป็นการย้ายครัวหนีก่อนกรุงแตก แต่เหตุผลจริง ๆ นั้นคือการหนีสงครามกลางเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงรอยต่อของรัชสมัยขุนหลวงท้ายสระและขุนหลวงบรมโกศที่ข้าราชการฝ่ายวังหลวงโดนวังหน้ากวาดล้างตัดหัวเสียจนเกือบหมดสิ้น 

ซึ่งแน่นอนว่าครอบครัวของออกญาวิสูตรสาครและคุณหญิงการะเกด รวมถึงรุ่นลูกหมื่นมหาฤทธิ์ ที่เป็นคนใกล้ชิดของขุนหลวงท้ายสระ โดนวังหน้ากวาดล้างหมดแน่นอน เพราะเมื่อขุนหลวงบรมโกศขึ้นครองราชย์จากการปราบดาภิเษกนั้นก็ทำพิธีกันที่วังหน้าไม่สนใจวังหลวงที่กำลังรบกันอยู่ และหลังจากนั้นขุนนางในวังหลวงก็โดนกวาดล้างไปเสียจำนวนมาก เหลือแต่ตำแหน่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เท่านั้นที่ได้ไปต่อในแผ่นดินใหม่

นี่คือเหตุผลที่ละครยกเอาเรื่องเสียกรุงที่ไกลตัวไปอีกชั่วอายุคนบนเส้นไทม์ไลน์จริง แทนที่จะเป็นการบอกว่าหนีภัยการเมืองที่มีโอกาสโดนกุดหัวยกเรือนในสงครามซีวิลวอร์ช่วงเปลี่ยนรัชกาลในอีกสิบปีข้างหน้า เพราะมันดูเบากว่า อีกทั้งไม่ต้องไปแตะต้องอะไรมากนักกับกษัตริย์ทั้งสองพระองค์และการเปลี่ยนแผ่นดินแบบเลือดท่วมของกรุงศรีอยุธยา

‘รอมแพง’ ขอโทษ ‘แดง ศัลยา-ทีมงาน’ หลังพรหมลิขิตตอนจบถูกสับเละ ลั่น!! “ตำหนิดิฉันได้เลย เขียนนิยายได้ไม่ดีพอจะเอามาทำเป็นละคร”

เปิดตัวสวย เรตติงน่าพอใจ สำหรับละคร ‘พรหมลิขิต’ ทางช่อง 3 ภาคต่อของละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ แต่เพราะตอนจบ เหมือนรีบตัดจบ จนทำแฟนละครพากันงงและผิดหวัง วิจารณ์กันสนั่น ทำนองว่า ทำไมต้องยัดทุกเรื่องราวไว้ในตอนสุดท้าย จนทำให้ทัวร์ลงอยู่ไม่น้อย…

ล่าสุด (22 ธ.ค. 66) ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ เฟซบุ๊ก ‘อาจารย์แดง ศัลยา สุขะนิวัตติ์’ ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงเรื่องนี้ ยันบทละครเหมือนนิยายทุกประการ บางข้อความคล้ายพาดพิงไปถึงคนเขียนนิยาย โดยระบุว่า…

“พรหมลิขิต 2566

ยกที่หนึ่ง

พรหมลิขิตตอนจบรวบรัดเกินไป นิยายเขียนคำว่า “จบบริบูรณ์” หลังจากฉากแต่งงานของพ่อริดเและพุดตาน ต่อจากนั้น นิยายเขียนว่า “ตอนพิเศษ” ความยาว 4 หน้าหนังสือ ในเมื่อเป็นตอนพิเศษ จึงไม่เพิ่มไม่ลดไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ

บทละครจึงเหมือนนิยายทุกประการ คำว่ารวบรัดเกินไปจึงขอมอบให้ตอนพิเศษของนิยายเรื่องนี้
ยังมียกต่อๆ ไป

1. ) คาแรคเตอร์ของพ่อริด เรื่องนี้ต้องพูดกันยาว
2.) คาแรคเตอร์คนอื่นๆ : ไม่เหมือนนิยายแน่หรือ?
3.) ตัวละครหาย : คนเขียนบทหรือนิยายกันแน่ที่ทิ้งตัวละคร
4.) เหตุการณ์พุดตานถวายตัวที่ไม่มีในนิยาย : ทำไม?
5.) บทอาฆาตแค้นของจันทราวดีต่ออทิตยาที่หายไป : เพราะอะไร?
6.) ศรีปราชญ์ : ตัวละครเจ้ากรรมตั้งแต่บุพเพสันนิวาส : มีและไม่มีเพราะอะไร?
7.) การเคารพบทประพันธ์และการเคารพวิถีการเขียนบทละคร : ศาสตร์ที่แตกต่างกัน
8.) บทละครเหมือนนิยาย หรือต่อยอดจากนิยาย เป็นสัดส่วนเท่าไหร่? : ต้องคำนวณ
9) การวิพากษ์วิจารณ์รวบยอดที่รุนแรงและไม่เป็นวัตถุวิสัย

ต่อมา ‘รอมแพง’ หรือ ‘จันทร์ยวีร์ สมปรีดา’ ก็ได้เผยถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า…

ตำหนิดิฉันได้เลย บอกน่าจะเป็นนิยายที่ไม่ดีพอจะทำเป็นละคร

“ขอน้อมรับความผิดพลาดของนิยายพรหมลิขิต ที่ทำได้ดีที่สุดเท่านี้ และน่าจะไม่ดีพอที่จะทำเป็นละคร จึงทำให้ทีมละครโดนวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เป็นความผิดของดิฉันเองค่ะ

หลายท่านอาจจะไม่พอใจที่ทีมทำละครโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยที่ดิฉันเหมือนลอยตัวจากการวิพากษ์นั้น จากการที่ดิฉันพิมพ์และพูดอยู่เสมอว่า หลังขายเป็นละครแล้วแทบจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของทีมละครเลย นอกจากจะมีการขอคำปรึกษาจากทีมงาน และต้องให้เกียรติคนทำงาน เพราะศิลปะการนำเสนอของละครกับนิยายแตกต่างกัน…

ซึ่งประโยคเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดิฉันพูดมาเป็น 10 ปี ในการไปเป็นวิทยากรทุกแห่ง จากการที่นิยายได้ทำเป็นละครมาหลายเรื่อง แน่นอนว่า ดิฉันไม่มีปัญหากับการดัดแปลงเพราะเข้าใจเป็นอย่างดีในศาสตร์ที่ต่างกัน แต่อาจจะมีความเสียดายในเนื้อหาหรือคาแรกเตอร์ที่เปลี่ยนไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่ความเสียใจที่ขายเป็นละครอย่างแน่นอน

ดังนั้น แบ่งความคิดเห็นที่ตำหนิจากความผิดหวังในสิ่งที่คาดหวังจากละครมาทางดิฉันได้เลยค่ะ เพราะถ้าไม่โดนตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์เสียบ้าง ก็จะไม่ทำให้เกิดการพัฒนาขอบคุณมากนะคะ รอมแพง”

ต่อมา รอมแพงก็ได้เข้าไปคอมเมนต์ใต้เฟซบุ๊กของแดง ศัลยา ระบุว่า “อุ้ยต้องกราบขอโทษป้าแดงด้วยนะคะ ที่นิยายของอุ้ยมีความผิดพลาดขาดพร่อง จนทำให้ป้าแดงทำงานยาก และต้องดัดแปลงจนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขนาดนี้ รวมไปถึงความอ่อนด้อยในการตอบคำถามของพิธีกรและนักข่าว ก็ยิ่งสร้างความลำบากใจให้กับทีมละคร เป็นความผิดของอุ้ยเองค่ะ กราบขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ อุ้ย รอมแพง”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top