Saturday, 27 April 2024
พรรคไทยรักไทย

เลือกตั้ง 6 ก.พ. 48 ‘ไทยรักไทย’ ชนะขาด สร้างปรากฏการณ์รัฐบาลพรรคเดียว

งวดเข้ามาทุกขณะ สำหรับการเลือกตั้งใหญ่ ที่เริ่มส่งสัญญาณออกมาเป็นระยะ เพราะไม่ว่ารัฐบาลลุงตู่ จะอยู่ครบเทอม หรือ จะเลือกยุบสภาก่อน สุดท้ายแล้วการเลือกตั้งจะมีขึ้นภายในปีนี้อย่างแน่นอน

ส่งผลให้สถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ ต้องใช้คำว่า ‘ระอุ’ จะเริ่มเห็นส.ส. ย้ายค่าย พรรคการเมืองเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กันอย่างคึกคัก

โดยเป้าหมายหลักของพรรคการเมือง ย่อมอยู่ที่การได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคใหญ่อย่าง ‘เพื่อไทย’ ที่หมายมั่นปั้นมือว่า เลือกตั้งครานี้ จะต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ บนโจทย์ที่สุดท้าทายนั่นคือ จะต้องชนะการเลือกตั้ง กวาดที่นั่ง ส.ส. ในสภาได้อย่างถล่มทลาย หรือ ที่ตั้งสโลแกนคุ้นหู ‘แลนด์สไลด์เพื่อไทย’ โหมโรงออกมาเป็นระยะ

นั่นเพราะการชนะเลือกตั้งมีจำนวน ส.ส. มาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ได้การันตีว่าจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะยังมีเงื่อนไข ส.ว. 250 เสียงโหวตนายกรัฐมนตรีได้ เป็นเงื่อนปมที่ ‘เพื่อไทย’ อกหักมาแล้วในการเลือกตั้งปี 2562 ที่ครั้งนั้นได้จำนวนส.ส.มาเป็นอับดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะรวมเสียงแล้วสู้ อีกขั้วอำนาจไม่ได้

เลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ จึงเปรียบเป็นเวทีแก้มือ ของเพื่อไทย ที่ระดมทุกสรรพกำลังที่มี ทุ่มอย่างเต็มที่ เพื่อไปถึงจุดหมาย ‘แลนด์สไลด์’ ให้ได้ดังฝัน ถึงขั้นไปเอา ‘อุ๊งอิ๊งค์ - แพทองธาร ชินวัตร’ ลูกสาวสุดรักของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ มาโหมโรงเรียกเรตติ้งจากสาวก

จะว่าไปแล้ว ในอดีต เมื่อครั้งยังเป็น ‘พรรคไทยรักไทย’ ภายใต้การนำ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ในขณะนั้น ไทยรักไทย เคยสร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย กลายเป็นรัฐบาลพรรคเดียวมาแล้ว ในการเลือกตั้งปี 2548

โดยการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อปี 2548 มีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 หลังจากรัฐบาลทักษิณ อยู่ครบวาระ 4 ปี ซึ่งขณะนั้นคะแนนนิยมในตัวทักษิณ มีสูงมาก จากนโยบายประชานิยมที่โดนใจชาวบ้าน รวมถึงการรวมสมาชิกจากพรรคต่าง ๆ ได้แก่ พรรคความหวังใหม่, พรรคชาติพัฒนา, พรรคกิจสังคม, พรรคเสรีธรรม และพรรคเอกภาพ เข้ากับพรรคไทยรักไทย มาลงเลือกตั้ง ภายใต้สโลแกนหาเสียงว่า '4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง' และผลการเลือกตั้งปรากฎว่าพรรคไทยรักไทย กวาดไปได้ถึง 377 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 500 ที่นั่ง

มหากาพย์ เลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 กกต.ถูกจำคุก-จ้างพรรคเล็ก-ยุบพรรคไทยรักไทย

ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนทำให้ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจยุบสภา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกตั้งอีกครั้ง โกำหนดให้วันที่ 2 เมษายน 2549 เป็นวันเลือกตั้งทั่วไป

แต่ทว่า ก่อนการเลือกตั้ง วันที่ 2 เมษายน 2549 ฝ่ายค้านในห้วงนั้นประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคมหาชน ได้ทำหนังสือถึงพรรคไทยรักไทย เรียกร้องให้ทำสัตยาบันร่วมกันว่า หลังการเลือกตั้งจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 313 เพื่อตั้ง ‘คนกลาง’ ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่พรรคไทยรักไทยประกาศไม่ลงสัตยาบันร่วมกับฝ่ายค้าน แต่เชิญหัวหน้าพรรคทุกพรรคให้มาทำสัญญาประชาคมร่วมกันว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญระหว่างการเลือกตั้ง จากนั้นค่อยมาตั้ง ‘คนกลาง’ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ฝ่ายค้านจึงประกาศคว่ำบาตรไม่ส่งผู้สมัคร

การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549 จึงเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายมากมาย มีการฉีกบัตรเลือกตั้งเพื่อแสดงอารยะขัดขืน เช่น รศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร, มีการกรีดเลือดมาเป็นหมึกกาบัตรเลือกตั้ง, คูหาเลือกตั้งหันหลังออก, มีผู้สมัคร ส.ส. หลายสิบเขตได้รับคะแนนเสียงน้อยกว่าคะแนนโนโหวต มีการใช้ตรายางประทับบัตรเลือกตั้ง และมีบัตรเสียเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดความเคลือบแคลงใจในความโปร่งใสของการเลือกตั้งครั้งนั้นอย่างหนัก

ส่วนผลการเลือกตั้งปรากฏว่า ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มีผู้มาใช้สิทธิ 29 ล้านคนเศษ จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 44.9 ล้านคน คิดเป็น 64.77% มีบัตรเสีย 1,680,101 ใบ หรือ 5.78% มีผู้ไม่ประสงค์จะลงคะแนน หรือ โนโหวต สูงถึง 9,051,706 คน คิดเป็นสัดส่วน 31.12%

และผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต มีผู้มาใช้สิทธิเกือบ 29 ล้านคน หรือ 64.76% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มีบัตรเสีย 3,778,981 ใบ 13.03% มีผู้ไม่ประสงค์จะลงคะแนน 9,610,874 คน 33.14%

หลังจากนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพิกถอนการเลือกตั้ง และให้มีการเลือกตั้งใหม่

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 9/2549 ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 และคำพิพากษาศาลปกครองกลางที่ 607-608/2549 วันที่ 16 พฤษภาคม 2549 วินิจฉัยให้การเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีการจัดคูหาที่อาจส่งผลให้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยลับ และให้จัดเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2549

นอกจากนี้ ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2549 ศาลอาญา ได้พิพากษาให้ กกต. ที่จัดการเลือกตั้งมีความผิดเนื่องจากการจัดการเลือกตั้งที่ไม่เที่ยงธรรม โดยให้ลงโทษจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี แต่ต่อมา เมื่อปี 2556 หลังจากที่ กกต. (สามคนในเวลานั้น) ผ่านการติดคุก/ต่อสู้คดีแล้ว ศาลกลับได้มีคำสั่งยกฟ้อง กกต. ทั้งสาม

หลังจากนั้นก็มีการสรรหา กกต.ใหม่ และกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ แต่ยังไม่ทันได้เลือกตั้ง ก็ถูก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ทำการปฏิวัติเสียก่อนเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

แต่ผลพวงจากการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใสในครั้งนั้น ยังตามหลอนพรรคไทยรักไทยไม่จบสิ้น เมื่อ ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียน กกต.ว่า พรรคไทยรักไทย จ้างพรรคการเมืองขนาดเล็ก อย่างพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทยลงสมัคร ลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหนีเกณฑ์ร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ กกต.ปลอมแปลงฐานข้อมูลสมาชิกพรรคเล็กเมื่อปี 2549


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top