เลือกตั้ง 6 ก.พ. 48 ‘ไทยรักไทย’ ชนะขาด สร้างปรากฏการณ์รัฐบาลพรรคเดียว

งวดเข้ามาทุกขณะ สำหรับการเลือกตั้งใหญ่ ที่เริ่มส่งสัญญาณออกมาเป็นระยะ เพราะไม่ว่ารัฐบาลลุงตู่ จะอยู่ครบเทอม หรือ จะเลือกยุบสภาก่อน สุดท้ายแล้วการเลือกตั้งจะมีขึ้นภายในปีนี้อย่างแน่นอน

ส่งผลให้สถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ ต้องใช้คำว่า ‘ระอุ’ จะเริ่มเห็นส.ส. ย้ายค่าย พรรคการเมืองเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กันอย่างคึกคัก

โดยเป้าหมายหลักของพรรคการเมือง ย่อมอยู่ที่การได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคใหญ่อย่าง ‘เพื่อไทย’ ที่หมายมั่นปั้นมือว่า เลือกตั้งครานี้ จะต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ บนโจทย์ที่สุดท้าทายนั่นคือ จะต้องชนะการเลือกตั้ง กวาดที่นั่ง ส.ส. ในสภาได้อย่างถล่มทลาย หรือ ที่ตั้งสโลแกนคุ้นหู ‘แลนด์สไลด์เพื่อไทย’ โหมโรงออกมาเป็นระยะ

นั่นเพราะการชนะเลือกตั้งมีจำนวน ส.ส. มาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ได้การันตีว่าจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะยังมีเงื่อนไข ส.ว. 250 เสียงโหวตนายกรัฐมนตรีได้ เป็นเงื่อนปมที่ ‘เพื่อไทย’ อกหักมาแล้วในการเลือกตั้งปี 2562 ที่ครั้งนั้นได้จำนวนส.ส.มาเป็นอับดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะรวมเสียงแล้วสู้ อีกขั้วอำนาจไม่ได้

เลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ จึงเปรียบเป็นเวทีแก้มือ ของเพื่อไทย ที่ระดมทุกสรรพกำลังที่มี ทุ่มอย่างเต็มที่ เพื่อไปถึงจุดหมาย ‘แลนด์สไลด์’ ให้ได้ดังฝัน ถึงขั้นไปเอา ‘อุ๊งอิ๊งค์ - แพทองธาร ชินวัตร’ ลูกสาวสุดรักของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ มาโหมโรงเรียกเรตติ้งจากสาวก

จะว่าไปแล้ว ในอดีต เมื่อครั้งยังเป็น ‘พรรคไทยรักไทย’ ภายใต้การนำ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ในขณะนั้น ไทยรักไทย เคยสร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย กลายเป็นรัฐบาลพรรคเดียวมาแล้ว ในการเลือกตั้งปี 2548

โดยการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อปี 2548 มีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 หลังจากรัฐบาลทักษิณ อยู่ครบวาระ 4 ปี ซึ่งขณะนั้นคะแนนนิยมในตัวทักษิณ มีสูงมาก จากนโยบายประชานิยมที่โดนใจชาวบ้าน รวมถึงการรวมสมาชิกจากพรรคต่าง ๆ ได้แก่ พรรคความหวังใหม่, พรรคชาติพัฒนา, พรรคกิจสังคม, พรรคเสรีธรรม และพรรคเอกภาพ เข้ากับพรรคไทยรักไทย มาลงเลือกตั้ง ภายใต้สโลแกนหาเสียงว่า '4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง' และผลการเลือกตั้งปรากฎว่าพรรคไทยรักไทย กวาดไปได้ถึง 377 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 500 ที่นั่ง

ส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของ ‘บัญญัติ บรรทัดฐาน’ หัวหน้าพรรคในขณะนั้น ซึ่งถือเป็นคู่แข่งสำคัญเพียงหนึ่งเดียวใช้สโลแกน 'ทวงคืนประเทศไทย' ใช้หาเสียง พร้อมกับรณรงค์ให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้ 201 ที่นั่ง เพื่อที่จะสามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตรวจสอบรัฐบาลได้ แต่สุดท้ายแล้วได้มาเพียง 96 ที่นั่งเท่านั้น เรียกว่าแพ้อย่างหลุดลุ่ย แม้จะรักษาพื้นที่ภาคใต้ได้ถึง 52 ที่นั่ง จากทั้งหมด 54 ที่นั่ง แต่ก็ถือว่า ‘ล้มเหลว’ จนทำให้ ‘บัญญัติ’ ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อแสดงความรับผิดชอบ

อย่างไรก็ตาม ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยที่สอง ของทักษิณ ดูเหมือนว่าหนทางจะสะดวกราบรื่น เพราะกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ เป็นรัฐบาลพรรคเดียว และที่สำคัญเสียงฝ่ายค้านไม่เพียงพอที่จะยื่นอภิปรายตรวจสอบได้ แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเกิดการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องให้ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่ง ด้วยเหตุผลขาดความชอบธรรมและเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้อง สุดท้ายแล้ว ทักษิณ จำต้องประกาศยุบสภา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 

ถึงแม้ว่าจะชนะเลือกตั้งมาแบบแลนด์สไลด์ แต่เป็นรัฐบาลได้เพียงปีเดียวเท่านั้น 

ขณะที่ต้องติดตามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ‘พรรคเพื่อไทย’ วางเป้าหมาย แลนด์สไลด์ ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายอีกครั้ง จะทำได้สำเร็จดังฝันหรือไม่ ท่ามกลางบริบททางการเมืองที่ไม่เหมือนเมื่อครั้งปี 2548 ที่อำนาจรัฐอยู่ในมือ และอย่าลืมว่า ประชาชนมีบทเรียนมาแล้ว...