Monday, 17 June 2024
พงศ์พรหมยามะรัต

‘พงศ์พรหม ยามะรัต’ ท้านักการเมือง-ศิลปินช่างแซะ ดีเบทแก้ปัญหาน้ำท่วม ลั่นอย่าเก่งแต่ในโลกโซเชียล ทำสังคมไทยเป็นแค่สังคมนักแซะ นัก PR แต่โง่

30 ก.ย.64 - นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า

ฝากนักการเมืองทั้งฝั่งรัฐบาล และฝ่ายค้าน
พรรคการเมืองต่างๆ หรือแม้แต่ “นักคิด” 
ที่แห่กันไปลงพื้นที่ ไม่ก็นั่งแซะกันอยู่บนโซเชียลมีเดีย

ช่วยตอบประชาชนด้วยนะครับว่าจะลดปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืนยังไง

รวมถึงอดีตอธิการบดีธรรมศาสตร์ ยันหัวหงอกหลายๆ คนนั่น
ที่แก่เฒ่าเพราะอยู่นาน

‘พงศ์พรหม’ ย้ำถึงเวลาสังคายนาผังเมืองกทม. ชี้ ควรเร่งทำแก้มลิง - ทางระบายน้ำ แก้น้ำท่วมถาวร

นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีฝนตกหนักน้ำท่วมในพื้นที่กทม. เมื่อคืนวันที่ (20 ก.ค. 65) ที่ผ่านมา ว่า ...
เมื่อคืนฝนตกหนัก เกิดปัญหาน้ำท่วมหลายจุด
ก็ได้เวลาที่ผมจะเขียนถึงรากปัญหาน้ำท่วมอีกที

อาจไม่ครบถ้วนนะครับ เพราะเขียนจากนักเศรษฐศาสตร์อย่างผม ที่สนใจผังเมือง โดยมักไปขอความรู้จาก อ.เดชา บุญค้ำ และ อ.จอห์น ชินวัตร ที่ช่วยเจียดเวลามาสอนผมเสมอ

ภาพแรก (ภาพที่ 1) คือผังเมืองฉบับ Litchfield ที่ทำในปี 2503 เพื่อออกแบบนครหลวงปี 2533
ภาพที่สอง (ภาพที่ 2) คือผังเมืองฉบับล่าสุด

ดู 2 ภาพนี้ก่อน ให้เห็นปัญหาใหญ่

แผน Litchfield เสนอให้พัฒนากรุงเทพเป็น “แคบ-ยาว” เหตุเพราะกรุงเทพถูกขนาบด้วยร่องน้ำซ้าย-ขวา ที่เป็นร่องน้ำระบายน้ำเหนือตามธรรมชาติทุกปี
3 ร่องซ้ายคือบางใหญ่ ร่องขวาคือหนองจอก-คลองสามวา

แต่ 60 ปีผ่านไป ผังเมืองกลับขยายออกซ้าย-ขวา ขวางทับร่องน้ำ

แต่….น้ำเหนือในช่วงกลาง-ปลายฤดูฝนก็ยังจะเยอะตามปกติ ก็ยังต้องเทลงกรุงเทพ ผ่านลงอ่าวไทยตลอดไป

กรมโยธาธิการ และผังเมืองทำสิ่งที่เด็ก ป.5 ดูก็รู้ว่าผิด จึงเกิดปัญหาแบบปี 2554 น้ำเหนือโดนเมืองขวาง

ต่อมาน้ำขัง ซึ่งเป็นปัญหาเมื่อคืน มันคือปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาบนพื้นที่

เบสิคแรกคือกรุงเทพคือพื้นที่ต่ำตามธรรมชาติ ตรงนี้ไม่มีวิศวกรรมโยธาคนไหนในโลกที่ช่วยได้ และอย่าพยายามถมที่ตัวเองให้สูง เพราะถมไปน้ำก็จะเทลงที่ดินคนอื่น

วิธีที่ทำได้ คือหาที่หน่วงน้ำ ได้แก่คูคลอง ลำราง และแก้มลิง

มาดูตัวอย่างรูปที่ 3
กรุงเทพเป็นที่ต่ำตามธรรมชาติ
ไม่กี่พันปีก่อน ตรงนี้ยังเป็นทะเลอยู่นะครับ อย่าลืม
แล้วที่ต่ำนี้ก็ไม่ได้แบน มีสูงต่ำ มีที่ดอน มีที่ลุ่ม รวม ๆ กันอยู่

ปัญหาที่ผู้ว่ารุ่นใหม่ ๆ คนไหนก็แก้ไม่ได้ ก็เพราะผู้ว่า กรุงเทพคนเก่า ๆ และกรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมกันทำผิดมาตลอดคือ “ก่อสร้างอาคารขวางทางน้ำ” รวมถึง “ถมคลอง ถมลำราง” มาโดยตลอด

สุขุมวิท 39 ยันเอกมัย จึงเละ

ผมยกตัวอย่างคลอง และลำรางสุขุมวิท 39 ทองหล่อ และเอกมัย

ไม่โดนถม ก็โดนทำให้ตัน ถ้าไม่โดนทำให้ตัน ก็โดนถมถนนด้านบน แล้วเปลี่ยนคลองเป็นท่อ

อันนี้คือรูปที่ 4-6
รูปที่ 4 คือลำรางตามแนวซอยทองหล่อ
ไม่โดนถม ก็โดนล้ำ ไม่โดนล้ำ ก็โดนตัดตอนจนหมดสภาพการระบายน้ำ

รูปที่ 5-6 นี่ล่าสุดเลย และเป็นสาเหตุหลักให้เอกมัยท่วมหนักเมื่อคืน
คลองตลอดแนวซอยเจริญใจ มีหน้าที่ระบายน้ำจากเอกมัยตอนกลาง รวมถึงทองหล่อ 12 

แต่ 4-5 ปีก่อนนี่เอง กทม. และเขตทำตัวฉลาด
ถมคลองซะ แล้วเปลี่ยนคลองเป็น “ท่อ” ตามที่เห็นในภาพ คราวนี้พื้นที่รับน้ำก็หาย น้ำจึงท่วมเอกมัยระดับ “เละ” แบบเมื่อคืน

มารูปที่ 7
ปากซอยสุขุมวิท 39 ซึ่งเป็นปัญหาเดียวกันกับซอย อสมท. เมื่อคืน ต่างแค่เมื่อคืนสุขุมวิท 39 “โดนหนัก” แต่ซอย อสมท. “โดนหนักกว่า”

ทั้งสุขุมวิท 39 และซอย อสมท. เป็นที่ต่ำอยู่แต่เดิม
ฝนตกน้ำท่วมตรงนี้มานานแล้ว

ซอย อสมท. เคยถูกออกแบบเป็น “ขอบวงแหวนรอบใน” ในแผน Litchfield มีหน้าที่ระบายน้ำ

แต่อุตริทำผิดผังเมือง ตอนนี้ “ขอบวงแหวน” เลยกลายเป็นเซ็นทรัลพระราม 9 และตึก The Nine แถวนั้น ซึ่งเป็นผลของกรมโยธาธิการ และผังเมือง กทม.

ปากซอยสุขุมวิท 39 ก็บอกถึงคอนโดจำนวนมาก รวมถึงห้าง ที่เติมความหนาแน่นเข้าไป แต่ท่อข้างใต้ก็ยังเล็กๆเท่าเดิม

'พงศ์พรหม' แฉ!! วิถีลวงโลกแห่งโซเชียลมีเดีย สร้างสังคม 'เกินตัว - อ่อนแอ - เปราะบาง

นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

"... มีคนรู้จักมาปรึกษาปัญหาที่บ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ

เช่น บ้านนึงมีถึงรถเบนซ์ใช้ สภาพใหม่เอี่ยม แม้แต่ไมล์ยังแค่ 3-4 หมื่น กม. 

แต่ภรรยาให้ขาย ไปซื้อรถใหม่ เพียงแค่เพราะมัน “ตกรุ่นแล้ว”

ขายรถเบนซ์ใหม่ที่ตกรุ่น ไปซื้อรถใหม่ ก็ต้องโปะเงินอีก 2 ล้านบาท ในสภาพเศรษฐกิจแสนฝืดเคือง

ผมถามว่าทำไปทำไม?

คำตอบคือการมีหน้ามีตาในสังคม ซึ่งผมเดาแต่แรกว่าคงเป็นคำตอบนี้

เหมือนอีกรายที่ขายที่ดินเล็ก ๆ ได้ 5 ล้านบาท แล้วเอาเงินไปซื้อรถ 4.7 ล้านบาท แต่ในบ้านทะเลาะกันเละ เพราะสมาชิกคนอื่นอยากให้เอาเงินไปเก็บ เตรียมสภาพคล่องไว้เผื่อวิกฤติเศรษฐกิจมากกว่า

และอีกราย ที่เอาเงินเก็บอันน้อยนิด ไปซื้อ Porsche, Hermès แต่พอเจอวิกฤติเศรษฐกิจแล้วขาดสภาพคล่อง

ตอนนี้ต้องปิดบริษัทไปแล้ว

นี่ยังไม่พูดถึงคนที่ผมเคยโพสต์ว่าฝากผมขาย Porsche Cayenne เพียงเพราะขาดสภาพคล่องกับเงินแค่ 3 ล้านบาท

'พงศ์พรหม' จี้!! จุดอ่อนก้าวไกล ยึดแต่แก้ 112 ดันทุรัง!! แม้ก๊วน 'ด่าทอเจ้า-ล้อมรถ-อาฆาต' ยังเดินสลอน

(14 ก.ค.66) นายพงศ์พรหม ยามะรัต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Pongprom Yamarat' ระบุว่า...

แม้ว่าเมื่อวานผมจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับกลไกการขัดขา ‘ก้าวไกล’

แต่อีกเรื่องที่ต้องติ ‘จุดอ่อน’ ก้าวไกลคือการขาดแนวทางในการพัฒนาประเทศ

หลังการโหวตในสภา คุณวิโรจน์ออกมาพูดว่า “ยังจะยึดการแก้ 112 เป็นนโยบายหลัก” ซึ่งขัดกับสิ่งที่ ‘ประชาชน’ ต้องการเห็น

คุณจะปฏิรูปการศึกษา เกษตร SME ปากท้อง การเข้าถึงโอกาส การจัดการการคอร์รัปชันอย่างไร

ไม่มี ไม่มี ไม่มี

แต่เมื่อวานคุณกลับพูดเรื่องๆ เดียว ‘จะแก้ 112’ ก็เพื่อลดบทบาทสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นแหละ เอาตรงๆ

‘พงศ์พรหม’ ห่วง!! เด็กรุ่นใหม่ ยิ่งคิดถึงตัวเองมาก ความสุขก็ยิ่งลด แนะ!! มนุษย์ต้อง ‘ห่วงใยกัน’ เพื่อป้องกันการดิ่งสู่ ‘ซึมเศร้า-ฆ่าตัวตาย’

ไม่นานมานี้ นายพงศ์พรหม ยามะรัต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pongprom Yamarat’ ระบุว่า...

1.) ขึ้น BTS ลงสถานีสยาม ทางลงบันไดเลื่อนมีวัยรุ่นยืนขวางทางลง คนต้องยืนต่อแถวยาว ลงไม่ได้ 

ลงมาอีกที เจอวัยรุ่นสาวสวยยืนขวางอีก เลยต้องบอกดีๆ ว่าน้องครับ ทางซ้ายคือเดิน ทางขวาคือยืน รบกวนยืนทางขวาครับ แล้วยิ้ม

ปรากฏว่าน้องไม่ยิ้มด้วย กลับเถียงว่า “ทำไมหนูถึงต้องหลบ?”

ผมเลยต้องสอนเรื่องมารยาทด้วยเสียงเข้มๆ กลับ

แต่ดูหน้าน้องแล้ว ‘สิทธิ ตัวตน’ ของน้องคงทำให้ไม่ฟังอะไร…

2.) ตกบ่ายที่หน้าห้องน้ำ Community Mall มีผู้สูงอายุกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ

วัยรุ่นคนแรกเดินสวนออกไปโดยไม่ให้ผู้สูงอายุเข้ามาก่อน และไม่เปิดประตูให้

วัยรุ่นคนที่ 2 แต่งตัวดี เนี้ยบเหมือนคนแรก เหมือนออกมาจากปกนิตยสารก็เดินสวนตามออกไป โดยให้ผู้สูงอายุที่กำลังจะเข้าห้องน้ำหลบอีก

ส่วนผม คน Gen X
ผมเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ ค้างไว้ให้ผู้สูงอายุ แล้วพูดว่า “เชิญเข้ามาก่อนครับ” และยิ้มให้

มันคงอยู่ใน DNA คน Gen X แหละ ว่าเราต้องให้ Priority กับผู้สูงอายุ เด็ก และสตรี

3.) จอดรถไฟกะพริบอยู่ ก็มีวัยรุ่น รุ่นประมาณข้างบนเดินมาถามว่า “รถเสียรึเปล่าพี่ มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?” ก็ตอบไปว่า “จอดรอครับ ขอบคุณมากครับ”

ยังดีครับ
ใน 8 คน ยังหามีน้ำใจได้ 1 คน
วัยรุ่นดีๆ ก็ขอชม

แต่พวก ‘Gen me, only me and myself’ ก็น่าเป็นห่วงจริงๆ และเยอะขึ้นมาก

ยิ่งคิดถึงตัวเองมาก ความสุขก็ลด

อัตราการป่วย Depression ก็สูงตาม ฆ่าตัวตายก็สูงตาม

เพราะลืมนึกว่ามนุษย์ต้องมีคำว่า ‘ห่วงใยกัน’ ครับ

ปล. รูปที่แปะมา เป็นสภาพลานจอดรถสวนเบญจกิติ วัยรุ่นที่มาถ่ายภาพกัน ทิ้งขยะเกลื่อนตั้งแต่ skywalk ยันลานจอดรถ

คนรุ่นก่อน เช่น ยุค Baby Boomer ไทย อาจล้าหลังหน่อย อันนี้เข้าใจ แต่คนรุ่นใหม่ก็อย่าล้าหลังตามสิครับ

'พงศ์พรหม' เผย!! พบพนักงานต่างชาติในร้านขายมือถือตามย่านดังมากขึ้น เหตุ!! 'ทำงานดี-ขยัน-พัฒนา' มากกว่าคนไทยในเงินเดือนที่เท่ากัน 

(15 ม.ค.67) นายพงศ์พรหม ยามะรัต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Pongprom Yamarat' ระบุว่า...

เสาร์ - อาทิตย์ที่ผ่านมา ไปหาซื้อเคสโทรศัพท์ที่มาบุญครอง ไปทานข้าวที่ Central Embassy
ที่น่าสนใจคือ เจ้าของร้านมือถือมาบุญครองเป็นบังคลาเทศ, พม่า, จีน, แขก ไปเกือบหมดแล้ว เหลือเจ้าเก่าเก่งๆ ไม่กี่เจ้า

ตรงกับที่ผมเคยแชร์ เจ้าของร้านเดิมๆ หาคนงานยาก คนไทยยุคใหม่หมิ่นเงินน้อย ด้อยวินัย ไม่ขยัน ภาษาอังกฤษห่วย ทางออกเจ้าของเดิมก็ต้องเซ้งบูทต่อ ไม่ก็เข้าหุ้นให้ต่างชาติมาทำ ต่างชาติขยันกว่า แถมพูดภาษาอังกฤษได้ 

ส่วน Embassy, EmQuartier ก็เกิดปรากฏการณ์ผู้จัดการร้านเป็นฝรั่ง เป็นบังคลาเทศ เป็นฟิลิปปินส์ เป็นอินโดนีเซีย เจ้าของร้านเจอเหมือนกันคือต่างชาติทำงานดีกว่าคนไทยในเงินเดือนที่เท่ากัน

ธุรกิจท่องเที่ยวก็กำลังเจอปัญหานี้ คนไทยเป็นระดับคนเสิร์ฟ แต่ระดับแต่ผู้จัดการร้านในโรงแรม ตอนนี้ต้องเอาคนอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ พม่ามา เพราะคนไทยเก่งๆ หายากขึ้นมาก

นัดสัมภาษณ์แล้วไม่มา อยากจะออกก็ออก ให้ไปฝึกภาษาอังกฤษ ก็บอกว่าเป็นหน้าที่นายจ้างที่ต้องส่งไปเรียน ตื่นเช้าบ่อยไม่ไหว ทำงานดึกก็ไม่ไหว แต่ขอเงินเดือนเหมือนความสามารถเป็น GM โรงแรมเลย

ปัญหาใหญ่นี้ไม่ใช่ปัญหาชนชั้น แต่มันกำลังสร้างปัญหาชนชั้น คือชนชั้นขยัน เอาตัวรอดได้ดี ต่างชาติเคารพ กับชนชั้นขี้บ่น ขี้ท้อ ขี้ไม่พัฒนา อะไรๆ ก็ไม่ดีไปหมด แต่อยากมีชีวิตสบาย แล้วก็โดนต่างชาติดูถูกไปเรื่อย เพราะเก่งแต่เรื่องสนุกสนาน

ภายใน 10 ปี ปัญหานี้จะใหญ่ขึ้น ความห่างชนชั้นจะเพิ่มขึ้น โดยที่ปัญหานี้คนในชนชั้นนี้สร้างปัญหาเอง

'พงศ์พรหม' เผย!! 'กทม.-กลาง-เหนือ' เสี่ยงสะสมมะเร็ง เหตุฝุ่นพิษไม่แผ่ว ชี้!! ภาคใต้ตั้งแต่ชุมพรลงไป อยู่ได้

(30 ม.ค.67) นายพงศ์พรหม ยามะรัต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Pongprom Yamarat' ระบุว่า...

โพสต์นี้สำหรับคนเริ่มอยากย้ายบ้านหนีฝุ่นมะเร็งชั่วคราว

หลายปีก่อน วิกฤติฝุ่นมะเร็งหนักๆ จะอยู่ที่ภาคเหนือตอนบนเป็นหลัก

จน 4-5 ปีที่ผ่านมา

เกษตรเชิงเดี่ยวขยายตัวในภาคกลางสูงมาก (ผลประโยชน์ปุ๋ยนักการเมือง + ข้าราชการนั่นแหละ)

ผสมการเผาในเขมรและลาว

ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้

ภาคเหนือและภาคกลาง จะเป็นที่ๆ อยู่ไม่ได้แล้วครับ

หรือฝืนอยู่ก็เป็นมะเร็งตายกันหมด

กรุงเทพฯ นครปฐม สระบุรี เขาใหญ่ นครราชสีมา สระแก้ว ขอนแก่น นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ เชียงราย ไม่รอดซักจังหวัด

คำถามคือภาคไหนที่น่าอยู่ที่สุด?

คำตอบคือภาคใต้ตั้งแต่ชุมพรลงไปครับ

ภาคใต้เป็นภาคที่ไม่ทำเกษตรแบบหมุน crop ไว ทำให้มีการเผาน้อยมากเทียบกับภาคอื่น

ส่วนภูมิศาสตร์เองก็ดี มีลมทะเล 2 ฝั่งพัดเอามลภาวะทิ้งแทบตลอดปี

อากาศจึงดีตลอด

แถมมีอาหารทะเลเยอะ

การหนีกรุงเทพฯ ไปอยู่ภาคใต้สม่ำเสมอ จะทำให้สุขภาพดีกว่าหนีไปเขาใหญ่ เชียงใหม่ครับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top