Friday, 10 May 2024
ปลอดประสพ

“เสกสกล” โว ปชช.หนุน “นายกฯ”เปิดประเทศ ชี้ สร้างรายได้เข้าประเทศ พร้อมเหน็บ "ปลอดประสพ" แนะบิ๊กตู่แก้น้ำท่วม แล้วทำไม ตอนเป็นรมต.บริหารน้ำไม่ทำ ปล่อยท่วมใหญ่ปี54

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนสนับสนุนและมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่นายกรัฐมนตรี ประกาศเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัวสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดส เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้ประชาชนค้าขายมีรายได้ มั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศรอวันที่จะเปิดประเทศเช่นกัน และมั่นใจว่าศบค.จะมีมาตรการรองรับการเปิดประเทศ ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นจำนวนมากอีก ซึ่งจากการจัดอันดับหลายแห่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  จึงขอให้ประชาชนไว้วางใจได้ว่ารัฐบาล ศบค. กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการด้วยความรัดกุมอย่างดีที่สุดและขอให้ประชาชนทุกคน ทุกภาคส่วนร่วมมือกับรัฐบาลในการรับนักท่องเที่ยวพร้อมกับและดูแลตัวเองตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้ 

นอกจากนี้นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก อวดผลงานเจรจากับคณะสมัชชาคนจนเปิดเขื่อนปากมูลพร้อมบอกความลับแก้ปัญหาน้ำท่วม ว่า การแก้ไขปัญหาน้ำของรัฐบาลนายกฯประยุทธ์ ไม่ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะบางจังหวัด แต่ทำทั่วประเทศที่ประสบปัญหา วางโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม พัฒนาแหล่งน้ำ รัฐบาลได้เร่งดำเนินการโครงการแก้มลิงทั่วประเทศ ในพื้นที่ 65 จังหวัด  บริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง เพื่อใช้เป็นแก้มลิงขนาดใหญ่ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ชะลอน้ำหลาก และได้มีการจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี พ.ศ.2561 – 2580 เป็นครั้งแรกที่มีการดำเนินงานจากทุกหน่วยงาน โดยตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ผ่านมามีความก้าวหน้าโดยลำดับ ส่งผลให้สถิติความเสียหายภัยจากน้ำลดลงอย่างชัดเจน 

‘ปลอดฯ’ พ้อ!! ผ่านชีวิต 77 ปี ไม่เคยเจอสังคมตกต่ำเช่นนี้ ถาม!! ประเทศไทยเป็นอะไรไปแล้ว?

(6 พ.ค. 65) นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นว่า ประเทศไทยเป็นอะไรไปแล้ว โดย ระบุว่า...

ผมผ่านชีวิตมาถึง 77 ปี ก็ถือว่าได้เห็นโลกมานานมากพอสมควร ผมมีความรู้สึกว่า วันนี้สังคมไทยเหลวไหลเละเทะมาก หลักคิด หลักปฏิบัติแปรปรวนไปทางร้ายเอามากๆ ผมขอถือโอกาสสรุปความเห็นจากไลน์ของกลุ่มเพื่อนเก่าในโลกยุคเก่าของพวกผม พอสังเขปดังนี้...

เขาบอกว่าหากคนชั้นล่างก่อคดีข่มขืนก็จะมีการเรียกร้องให้ประหาร แต่ถ้าเป็นคนข้างบนก็จะปล่อยให้เรื่องเงียบ เขาให้ความเห็นว่า ครูผู้หญิงใส่บิกินี่ไปทะเลมีคนไม่พอใจ แต่พอครูผู้ชายถ่ายรูปพนักงานหญิงบนเครื่องบินเพื่อยั่วน้ำลายกลับมีคนเห็นใจ เขาระบายว่า หากพระโนเนมมี sex กับสีกาต้องรุมประจาน แต่ถ้าพระมีชื่อเสียงหน้าตาดีกลับมีคนให้กำลังใจนับแสน 

ในเรื่องการเมืองพวกเขาสรุปว่า คนที่ขัดขวางการเลือกตั้งและเรียกร้องรัฐประหาร วันนี้มาลงสมัครเลือกตั้งกันหน้าสลอน (หน้าไม่อาย)

‘ปลอดประสพ’ ปลุกรัฐเตรียมพร้อมรับมือ 'ไต้ฝุ่นโนรู' แจง 9 ข้อรัฐควรรู้ พร้อมแนะ 5 แนวทางที่ต้องเตรียมการ

‘ปลอดประสพ’ ปลุกรัฐบาลตื่นรับมือพายุโนรูเข้าไทย เหตุฝนจะตกหนักเพิ่มน้ำนับแสนลูกบาศก์เมตร เขื่อนใหญ่ไม่พอรับน้ำ กระทบคนไทยครึ่งประเทศ แนะตั้งวอร์รูมต้องทำจริงจัง ประกาศหยุดราชการ เตรียมทหาร ตำรวจ ประจำการช่วยประชาชน

ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคเพื่อไทย และอดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีต ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติคนแรกของประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลต้องเตรียมการรับมือกับพายุโนรูที่จะสร้างความรุนแรงและความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยข้อมูลที่รัฐบาลควรรู้ ได้แก่

1.) พายุโนรูจะเป็นพายุโซนร้อนที่ใหญ่ที่สุดลูกหนึ่ง นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยเคยประสบมา 

2.) ขนาดของพายุลูกนี้ ครอบคลุมเนื้อที่ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง รวมพื้นที่ทั้งหมดครึ่งหนึ่งของประเทศ หรือมากกว่า 250,000 ตารางกิโลเมตร

3.) ด้วยขนาดของพายุที่ครอบคลุมเนื้อที่ขนาดใหญ่ จะกระทบกับพี่น้องประชาชน 30-35 ล้านคน 

4.) พายุโนรูจะอยู่ในประเทศไทย 3-5 วัน โดยจะทำให้ฝนตกหนัก 100-300 มิลลิเมตรหรือมากกว่าในบางพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณฝนที่สูงมาก

5.) ปริมาณฝนดังกล่าวจะเพิ่มน้ำท่า 100,000 ลูกบาศก์เมตร หรือเท่ากับปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล 10 เขื่อน 

6.) แม้เขื่อนขนาดใหญ่ เช่น เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ จะมีความสามารถรับน้ำได้อีก 10,000 ลูกบาศก์เมตร และระบบน้ำในภาคเหนือ รับน้ำได้อีก 10,000 ลูกบาศก์เมตร แต่ขณะนี้พื้นที่ภาคกลางอิ่มตัวแล้ว ไม่มีความสามารถซึมน้ำได้อีก ดังนั้นปริมาณน้ำฝน 100,000 มิลลิเมตร จะมีน้ำเหลือไหลลงสู่ภาคกลาง 70,000-80,000 ลูกบาศก์เมตร และบางพื้นที่น้ำจะไหลบ่าลงมาในลักษณะหน้ากระดาน 

7.) พายุลูกนี้ เป็นพายุลูกที่ 16 แต่เป็นพายุที่ให้น้ำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อผสมความชื้นในทะเลจีนตอนใต้ และมีร่องมรสุมในพาดผ่านตรงกลาง มีหน้าที่เป็นกับดักความชื้นที่ถูกป้อนจากมหาสมุทร รัฐบาลจึงต้องเร่งเตรียมการ 

8.) ปริมาณน้ำจากพายุโนรู จะไหลลงสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงเวลาเดียวกันกับน้ำทะเลขึ้นสูง ซึ่งยากต่อการระบายเป็นอย่างมาก

9.) เชื่อว่าจะมีพายุเข้ามาอีก 1-3 ลูก แต่ความรุนแรงน้อยกว่า

ทั้งนี้จากการคาดการณ์ดังกล่าว รัฐบาลต้องเตรียมการ 5 ข้อ ได้แก่

1.) ต้องเตรียมการเผชิญเหตุภายในอีก 24 ชั่วโมง โดยต้องทุ่มเทสรรพกำลังในการเผชิญเหตุใน 5 ข้อ
1.1. ตั้งหน่วยเผชิญเหตุประจำตำบล 
1.2. เรียกทหารประจำการกระจายไปในตำบล เพื่อช่วยเหลือกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในการเผชิญเหตุ
1.3. จัดเตรียมเครื่องมือในการเผชิญเหตุให้พร้อม เช่น เรือบด เชือก ฯลฯ
1.4. พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เช่น พื้นที่ราบ ควรใช้ทหาร ส่วนพื้นที่บนเขา เจ้าหน้าที่กรมอุทยานและกรมป่าไม้ ประจำการในพื้นที่ใกล้หมู่บ้าน ประชาชน
1.5. ตำรวจ ให้อยู่ในเมืองอย่างเดียว 

2.) เมื่อผ่านระยะ 3 วันไปแล้วจะเป็นระยะค้นหา ช่วยเหลือ 
2.1. เตรียมการอุปกรณ์ช่วยเหลือให้พร้อม เช่น เรือ เฮลิคอร์ปเตอร์ อุปกรณ์ให้กับกลุ่มงานทั้ง 3 กลุ่มข้างต้น 

3.) ระยะการฟื้นฟู ต้องทำ 6 เรื่อง
3.1. นำบุคลากรในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาช่วย
3.2. นำบุคลากรด้านสาธารณสุขเข้ามาช่วยเหลือ รักษาโรคที่เกิดจากน้ำนิ่ง
3.3. ส่งของใช้อุปโภคบริโภคให้ประชาชน
3.4. ใช้โรงเรียนและวัดให้เป็นประโยชน์
3.5. นำทหารจากหน่วยช่าง เพื่อซ่อมแซมสาธารณประโยชน์
3.6. ให้กรมทางหลวงชนบทและกรมชลประทานซ่อมแซมสาธารณูปโภค

'ปลอดประสพ' แนะรัฐ หยุดไฟป่า หยุด PM2.5 ควรเร่งตั้ง 'สำนักดับไฟป่า' และลงมือทำทันที

(30 มี.ค.66) ปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจากสถานการณ์ไฟป่าขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ คือพื้นที่จังหวัดนครนายก และจังหวัดเชียงราย รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ในประเทศไทยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

พรรคเพื่อไทยมีความเป็นห่วงต่อความปลอดภัยของประชาชนอย่างสูงสุด และได้มีการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจติดตามสถานการณ์ โดยที่ประชุมเห็นควรให้ข้อมูลประชาชนถึงข้อเท็จจริงของสถานการณ์ และข้อเสนอแนะต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการรับมือสถานการณ์ทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว ดังนี้...

1. ข้อเท็จจริง ขณะนี้  สถานการณ์ไฟป่าขณะนี้ รุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปี (สาเหตุเพราะเชื้อเพลิงถูกสะสมมานาน ไม่มีการจัดการ) ซึ่งไฟป่าขนาดใหญ่ อุณหภูมิจะสูงถึง 1,000 องศาเซลเซียล อากาศจะระเบิด และไฟจะไปไกลถึงเมือง หากปล่อยไป จะดับไฟไม่ได้เลย ต้องรอฝนเท่านั้น และสถานการณ์ไฟป่านี้ เป็นเหตุให้ PM2.5 เพิ่มขึ้นเท่าตัว

2. ข้อเสนอแนะ ภาครัฐจะต้องเร่งจัดตั้งสถาปนา สำนักดับไฟป่า ในกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ จะต้องมีการจัดตั้ง อาสาสมัครไฟป่าประจำหมู่บ้านริมเขา มีงบประมาณหรือกองทุนไฟป่าสนับสนุน มีการทำประกันชีวิตให้เจ้าหน้าที่ไฟป่า มีการจัดตั้งคลังเครื่องมือ (Depo) ในพื้นที่เสี่ยงภัย สร้างถังน้ำสำรองในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยในส่วนของกำลังพลนั้น สามารถใช้กำลังทหารเข้าเผชิญไฟป่าช่วย และควรจัดทำที่จอดเฮลิคอปเตอร์ในพื้นที่สูง เพื่อใช้ในการเข้าถึงพื้นที่ไฟ และในอนาคต ต้องจัดทำ Green Belt (ป่าไม่ผลัดใบ) เป็นแนวกันไฟ 

ในสถานการณ์ดังกล่าวนี้ ควรให้ผู้ตรวจราชการสำนักงานนายกรัฐมนตรี (C11) ไปประจำพื้นที่ไฟ เพื่อการประสานงานบัญชาการแก้ไขปัญหา 

พรรคเพื่อไทยให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้แก้ไขปัญหาได้อย่างลุล่วงปลอดภัยทุกคน


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0h42NrvsDnS1X3gVRkpxYYwn3EPwMjou7SoeAMJq8RBiGEUWZsaotWrMGs86uP6uUl&id=100044569743646&mibextid=Nif5oz 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top