Saturday, 22 June 2024
ปดิพัทธ์สันติภาดา

‘ก้าวไกล’ ซัด รัฐบาลทำเรื่องน่าอาย จัดหารือไม่เป็นทางการเชิญรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าร่วม เทียบไทย-เมียนมาคล้ายกัน มีรัฐบาลทหาร-เลือกตั้งสืบทอดอำนาจ แนะ จะเป็นประเทศตัวกลางชอบธรรม เริ่มจากทำตามข้อตกลงอาเซียนให้ได้ก่อน

วันที่ 25 ธันวาคม 2565 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการหารืออย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีนายดอน ปรมัติวินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วันนา หม่อง ลวิน (U Wunna Maung Lwin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา และผู้แทนจากชาติสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ในขณะที่อีก 5 ประเทศไม่เข้าร่วม ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และบรูไน

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เมียนมากำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่เมื่อดูปัจจัยแวดล้อมในการเมืองเมียนมาปัจจุบัน ไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าการเลือกตั้งจะเสรีและเป็นธรรม เพราะนักโทษการเมืองยังไม่ได้รับการปล่อยตัว ความรุนแรงบริเวณชายแดนยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ นางพรพิมล กาญจนลักษณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากดอน ให้เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในด้านสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เคยออกมาแถลงขอให้ประชาคมโลกมั่นใจในการเลือกตั้งของเมียนมา แต่ความมั่นใจนี้สวนทางกับฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน (Five-Point Consensus) ที่ต้องการให้เมียนมาเดินหน้าไปสู่สันติภาพก่อนการเลือกตั้ง

‘ก้าวไกล’ บุกศูนย์ร้องเรียนฯ ยื่นหลักฐานปมทุจริตบ้านพักทหาร ตามคำท้าของ ‘บิ๊กตู่’ จี้ หากยังนิ่งเฉย พร้อมยกระดับกดดัน

(28 ก.พ. 66) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ยื่นหลักฐานกรณีทุจริตบ้านพักสวัสดิการทหาร ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่เหตุกราดยิงโคราชเมื่อปี 2563 สืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ที่นายปดิพัทธ์อภิปรายประเด็นดังกล่าว และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท้าให้ส่งหลักฐาน

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ในการอภิปรายมาตรา 152 ที่ผ่านมา ตนได้เปิดเผยหลักฐานที่ส่วนใหญ่มาจากผู้เสียหาย คือ คุณก้อยและคุณเบิร์ด (นามสมมุติ) ว่า การทุจริตบ้านพักสวัสดิการทหาร มีการเรียกรับสินบน 5% และอมส่วนต่างค่าบ้าน จนนำไปสู่ความกดดันของทหาร ทำให้เกิดเหตุกราดยิงโคราช เรื่องนี้เป็นที่รับรู้ภายในกองทัพ แต่ไม่มีการลงโทษใด ๆ

เมื่อคุณก้อยยื่นหลักฐานไปยังกรมสวัสดิการทหารบกและกระทรวงกลาโหม ก็ปรากฎว่าไม่ได้รับความยุติธรรม มีการลงโทษผู้กระทำผิดเพียงงดบำเหน็จครึ่งปี ส่วนอีกคนหนึ่งกักตัวแค่ 7 วัน ทำให้เราเห็นถึงความไม่ชอบธรรม ทั้งที่ผู้บัญชาการทหารบกน่าจะรับรู้เรื่องทั้งหมด และการที่โครงการบ้านพักทหารเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 และสิ้นสุดโครงการในปี 2564 เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เป็นช่วงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประยุทธ์จึงควรมีส่วนรับผิดชอบด้วย

อย่างไรก็ตาม ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์หลังการอภิปรายมาตรา 152 นายกฯ ยังคงไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ กลับท้าว่าหากมีหลักฐานให้นำมายื่น ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้เสียหายพยายามยื่นเรื่องไปยังทุกช่องทางของกองทัพแล้ว การมาที่นี่วันนี้ จึงเป็นการพิสูจน์รอบสุดท้ายว่านายกฯ ได้รับเรื่องร้องเรียน และหวังว่าหลักฐานจะถึงมือนายกฯ

‘ปดิพัทธ์’ เผย ประชาสัมพันธ์เลือกตั้งล่วงหน้า ‘นอกเขต’ น้อยเกินไป แนะ!! กกต. ควรร่วมมือกับภาคต่าง ๆ ช่วยโปรโมต เพื่อรักษาสิทธิ ปชช.

(24 มี.ค. 66) ปดิพัทธ์ สันติภาดา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พิษณุโลกเขต 1 และอดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวว่ามีความเป็นห่วงว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้จะมีประชาชนจำนวนมากเสียสิทธิจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประชาสัมพันธ์การใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า การเลือกตั้งนอกเขต และการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรน้อยเกินไป 

ปดิพัทธ์ กล่าวว่า จากการที่ กกต. กำหนดให้วันเลือกตั้งเป็นวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ซึ่งไม่ได้ตรงกับช่วงวันหยุดยาว 4-7 พฤษภาคม อาจทำให้ประชาชนหลายคน ไม่ว่าจะเป็น คนที่ออกไปหางานทำที่ต่างจังหวัด นักเรียน-นักศึกษา เกิดความไม่สะดวกในการกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ กกต.กลับประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตน้อยมาก ทำให้ประชาชนที่ไม่สะดวกใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. เสมือนเสียสิทธิเลือกตั้งไปโดยปริยาย

ย้อนดู พฤติกรรม ว่าที่ประธานสภาฯ ‘หมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา’ ไม่ผูกเนคไท เข้าสภาฯ อภิปรายเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

‘หมออ๋อง’ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก อดีตนายสัตวแพทย์ ที่พรรคก้าวไกล ส่งชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร สู้กับพรรคเพื่อไทย หากเราลองย้อนดูพฤติกรรมที่ผ่านมาของหมออ๋องแล้ว ก็จะพบว่ามีพฤติกรรมหลายๆอย่างที่ไม่เหมาะสม

หมออ๋องไม่ผูกเนคไท เข้าสภาฯ 
ซึ่งประเด็นนี้ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ก็ได้เคยกล่าวอภิปรายในร่างข้อบังคับฯ ในประเด็นการแต่งกายของส.ส. แล้วว่าเป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่ การแต่งกายไม่เรียบร้อยนั้นเป็นการไม่เคารพต่อประธานสภาและเพื่อนสมาชิก

หมออ๋อง ขึ้นอภิปรายเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
โดยเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2563 นายปดิพัทธ์อภิปรายว่า "นี่เป็นคำถามแห่งยุคสมัย ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า จากบทสนทนาที่เราคุยกันในโต๊ะอาหาร วงเหล้า หรือในกลุ่มเพื่อนสนิท ตอนนี้กลับมาเป็นประเด็นทางสาธารณะ มันหมายความว่านี่คือคำถามแห่งยุคสมัย แทนที่ผู้ใหญ่จะใช้วิธีปิดปากปิดตา ปิดหู ทำไมเราไม่ทำหน้าที่ในการตอบ ในการถามกลับ” 

ในปี 2565 นายปดิพัทธ์ ยังได้เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบของมาตรา 112 ที่มีต่อสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชน ในช่วงที่นักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุวังไม่ได้รับการประกันตัวจากการถูกกล่าวหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ระหว่างเดือน พ.ค.-ส.ค. 2565

นายปดิพัทธ์ เคยกล่าวถึงบทบาทของอนุ กมธ. ชุดนี้ว่า ต้องการสร้างกระบวนการที่สามารถให้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลและหาทางออกร่วมกันได้ โดยได้มีการเรียกให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ตำรวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดี ม.112

ซึ่งในขณะนี้ทางพรรคเพื่อไทยก็ได้เตรียมจะส่งนายสุชาติ ตันเจริญ หรือพ่อมดดำ ส.ส.ฉะเชิงเทรา หลายสมัย ผู้มากประสบการณ์ ในการเดินเข้าสภาฯสมัยที่แล้ว ก็ยังได้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ ซึ่งก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม

ถ้าเปรียบเชิงมวยกันแล้วก็ดูเหมือนว่า พ่อมดดำ นั้นจะได้เปรียบหมออ๋องอยู่ไม่น้อย เพราะมีเสียงสนับสนุนทั้งจากทางพรรคเพื่อไทยเอง และจากทางพรรคการเมืองอื่น

จากกำหนดการไทม์ไลน์ก็คงจะได้เปิดสภาฯกันเร็วๆนี้ ถึงตอนนั้นก็ไปลุ้นกันว่าหมออ๋อง จะได้นั่งเก้าอี้ประธานสภาฯ หรือว่าจะได้กินแห้ว

‘สาธิต’ ชี้!! 'ปดิพัทธ์' ยังไม่เหมาะนั่งประธานสภาฯ เชื่อ!! คุณสมบัติที่มีควรเป็นรัฐมนตรีมากกว่า

(3 ก.ค. 66) นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นประธานรัฐสภา ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ 1 ใน 3 อำนาจเสาหลักของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในระบบรัฐสภาควรมีคุณสมบัติอย่างไร

ส่วนตัวผมในฐานะที่เป็น ส.ส. มาหลายสมัย และศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย ผมคิดว่า ตำแหน่งดังกล่าวจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความน่าเชื่อถือ มีความเป็นผู้ใหญ่ ‘มีความเป็นกลางแบบเป็นที่ประจักษ์’ และพร้อมที่จะประสานงานได้กับทุกพรรคการเมือง รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา และฝ่ายบริหาร

ในทางกลับกัน ถ้าคุณสมบัติของตำแหน่งคือโดดเด่นแปลกไม่เหมือนคนอื่นๆ เก่งเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ ไม่ประนีประนอม รุนแรงในการแสดงออกในทุกเรื่องจะเหมาะสมหรือไม่?

รวมถึงการคัดเลือกบุคคลดังกล่าวไม่ควรถูกเลือกโดยพรรคการเมืองใดเพียงเพราะมีโควต้าแล้วจะเสนอใครที่มีคุณสมบัติอะไรก็ได้ แต่ควรพิจารณาจากคุณสมบัติที่กล่าวมาแล้ว

ด้วยความเคารพเท่าที่ผมเคยสัมผัสพูดคุย และติดตามงานในสภาฯ ของท่านปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ ‘หมออ๋อง’ เพื่อน ส.ส.รุ่นน้อง

ท่านเป็นคนหนุ่มที่มีความมั่นใจสูง เป็นตัวของตัวเอง มีความรู้ ความสามารถ พูดจาแสดงออกได้อย่างตรงไปตรงมา ท่านน่าจะทำงานได้ดีในตำแหน่งที่ต้องใช้การตัดสินใจ ความกล้าคิด กล้าทำ และโดดเด่นไม่เหมือนใคร ท่านน่าจะเหมาะสมกับงานบริหารงานในตำแหน่งรัฐมนตรี กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งมากกว่า

“เขาไม่เหมาะกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นประธานรัฐสภา ประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติครับ”

'อี้ แทนคุณ' จี้ 'ประธานวันนอร์' ดำเนินคดี-ปลด 'ปดิพัทธ์' หลังโพสต์ภาพคู่เหล้า ผิดพ.ร.บ.ควบคุมแอลกอฮอล์

(14 ส.ค.66) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่หนึ่งของพรรคก้าวไกลโพสต์อวดรูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยี่ห้อหนึ่งทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของ Padipat Suntiphada ในข้อความว่า... 

"เอาแล้วๆๆๆๆ พิษณุโลกมีคราฟท์เบียร์ตัวแรกอย่างเป็นทางการแล้วครับ เป็นของดีพิดโลกนอกจากกล้วยตากและหมีชั่วครับ"

ทั้งนี้ ถือเป็นการทำผิดมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติควบคุม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551บัญญัติ "ห้าม มิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อัน เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม"  

โดยตนเป็นหนึ่งในคนที่เคยร่วมผลักดัน พ.ร.บ ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เพื่อป้องกันมิให้การเผยแพร่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีมากเกินไปจนนำมาซึ่งการเมามายขาดสติ เกิดอุบัติเหตุเกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทย 

แทนคุณ กล่าวอีกว่า แม้ว่าสุราพื้นถิ่นจะเป็นเรื่องที่สนับสนุนส่งเสริมอาชีพและการนำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่การโฆษณาชวนเชื่อโดยตรงหรือโดยอ้อมย่อมผิดกฎหมายชัดเจน และตัวนายปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฎรสมควรที่จะรู้และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งมาตรฐานทางจริยธรรมที่กำกับดูแลนักการเมืองไม่ให้ประพฤติชั่ว เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ย่อมทำให้ขาดสติและขาดความยับยั้งชั่งใจ เหมือนก่อนหน้านี้ที่มี ส.ส.ของก้าวไกลขาดสติ ขาดวุฒิภาวะไปกระทืบซ้ำคนล้มและเกิดวิวาทเพราะการเมา ซึ่งเชื่อว่าหากมีสติสัมปชัญญะที่ดีย่อมไม่ทำแบบอย่างที่เลวให้กับเยาวชนและสังคม

ดังนั้นจึงขอให้ท่านประธานวันนอร์ฮัมหมัดมู มะทา ได้โปรดพิจราณาดำเนินคดีตามกฎหมายดังกล่าวและประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้เด็ดขาด มิให้เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยทั้งนี้เชื่อว่าประชาชนคาดหวังการรักษากฎหมายของนักการเมืองมิให้ทำให้รัฐสภาต้องด่างพร้อยเพราะการกระทำของคนไม่กี่คนจากพรรคก้าวไกลอีก

'รองอ๋อง' แจง!! โพสต์รูปเบียร์ แค่ดื่มโชว์ว่าผื่นไม่ขึ้น แต่ถ้ามองมุมกฎหมาย ยอมรับว่า 'มีโอกาสผิด'

(16 ส.ค.66) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก รองประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้ ยังไม่มีการสอบถามมายังตน แต่ก็เห็น นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาพิพากษาแล้ว ก็เป็นสิทธิของนายราเมศ ตนเป็นบุคคลสาธารณะก็รับฟัง โดยเรื่องนี้ตนเห็นแล้วว่า มาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีปัญหา ซึ่งคราฟต์เบียร์ดังกล่าว ได้มีการทำขึ้นที่จังหวัดพิษณุโลก ผู้ผลิตไม่รู้จะเปิดตัวอย่างไร

“ผมก็เลยลองไต่เส้นดู ไม่ได้เชิญชวนให้มาดื่มกันแต่แจ้งให้ทราบว่ามีแล้ว ผมลองกินให้ดูก่อน เพราะคราฟต์เบียร์ คนส่วนมากต่างแค่ว่ากินแล้วผื่นขึ้นหรือไม่ จะแพ้หรือไม่ มีมาตรฐานอุตสาหกรรม ผมจึงดื่มให้ดูนอกเวลาราชการ ไม่ได้มีเจตนาท้าทายกฎหมาย ทุ่มเทมา 3 ปี ก็อยากจะบอกเพื่อน ๆ ว่าวันนี้เสร็จแล้วนะ ก็โดนเลย”

เมื่อถามต่อว่า ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะเรามีกฎหมายระบุไว้ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า หากมองมุมกฎหมายล้วน ๆ ตนยอมรับว่า มีโอกาสผิด และกฎหมายข้อนี้เกิดมาตั้งแต่ปี 2551 หลังรัฐประหารปี 2549 ตอนช่วงที่ตนยังเด็ก ก่อนหน้านั้น มีโฆษณา ทำให้ติดภาพในการโฆษณา ตนเข้าใจว่า ยุคนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการจำกัดในสื่อหลัก ห้ามอยู่ในโฆษณาทีวี วิทยุโทรทัศน์ โรงหนัง แต่ตั้งแต่ปี 2551 มาก็มีความบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อย ๆ ขนาดบอกส่วนประกอบยังไม่ได้

นายปดิพัทธ์ ย้ำว่า เมื่อกฎหมายเป็นแบบนี้ เจ้าใหญ่ก็เลยใช้วิธีเลี่ยงบาลีไปโฆษณาน้ำแร่ น้ำดื่ม ตนจึงคิดว่า เรื่องนี้เป็นกฎหมายไม่เป็นธรรม เอาเปรียบคนตัวเล็กตัวน้อย ซึ่งมีความพยายามแก้ไขกฎหมายข้อนี้มานานมาก ขอ ครม. ก็มีแต่คำปฏิเสธ ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องอารยะขัดขืน หากมีการเปรียบเทียบปรับก็จะยินดีที่จะไปจ่าย แต่ตอนนี้ยังไม่มีหมายเรียกชี้แจง ซึ่งคาดว่าจะมี

เมื่อถามว่า เป็นการพลาดหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นไก่กับไข่ ถ้ามีประชาชนโดนกฎหมายข้อนี้ก็ถึงจะไม่มีเวลาที่จะต้องแก้ แต่หากมีคนสนใจก็อาจมีการแก้ก็ได้ ก่อนมีสุราคราฟต์เบียร์ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม.พรรคก้าวไกล ก็โดนจับก่อน ทำไมต้องแก้ก่อนแล้วค่อยทำ นอกจากนี้ กฎหมายหลายข้อยังออกมาในช่วงยุค คสช. เช่น การห้ามขายสุราในวันพระใหญ่ การจัดโซนนิง

“ผมก็เลยทำหน้าที่ สส.พิษณุโลก มีอะไรดีในจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม สถานที่ท่องเที่ยว อาหาร ผมไม่ได้ทำแค่เรื่องเบียร์ ผมพาไปเที่ยวด้วย พาไปดูอาหารการกินด้วย” นายปดิพัทธ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ไปร้องหน่วยงานต่าง ๆ ให้ตรวจสอบ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เขาก็ไปทุกเรื่อง ร้องทุกเรื่อง ไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไร ตนเห็นหนังสือแล้ว ต้องรอตั้งคณะกรรมการสอบสวนก่อน ยืนยันว่า พร้อมชี้แจง หากผิดก็ยอมรับ

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากต้องกระเด็นออกจากตำแหน่งรองประธานสภา ตามคำพูดของนายศรีสุวรรณ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่าหากเรามีความกลัว ทำได้แค่ใส่เครื่องแบบเซ็นเอกสาร โดยที่ไม่คิดจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ตนคิดว่า ตำแหน่งแบบนี้ก็ไม่ค่อยคุ้มค่า เพราะฉะนั้น ตนคิดว่า ต้องทำทั้ง 2 อย่าง เวลาที่ทำหน้าที่ในสภาก็เป็นมืออาชีพ ตนไม่หวั่นไหว หากจะขอโทษสักเรื่องคงจะเป็นการขอโทษหลายท่านที่ตนแสดงบทบาทไม่เหมาะสม แต่หากถามว่าพลาดหรือไม่ ยืนยันว่า มันไม่ได้พลาด มองว่า ลักษณะนี้คล้ายกับกฎหมายขับรถเกินอัตราเร็ว ตนไม่ได้บอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่คิดว่าเป็นการเล่นงานทางการเมืองหรือไม่

'สำนักข่าวอิศรา' ขุดต่อ!! หุ้นใหญ่บริษัทสุราแช่ในฉะเชิงเทรา พบชื่ออดีตนายทหารยศพลเอก เป็นผู้ผลิตเบียร์ที่ 'รองอ๋อง' เชียร์

(20 ส.ค. 66) กรณี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จ.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล และ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ได้เผยแพร่ภาพคราฟท์เบียร์ยี่ห้อหนึ่งลงในโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก และ Tik Tok แนะนำด้วยความภาคภูมิใจว่า “เอาแล้วๆๆๆๆ พิษณุโลกมีคราฟท์เบียร์ตัวแรกอย่างเป็นทางการแล้วครับ เป็นของดีพิดโลกนอกจากกล้วยตากและหมี่ซั่วครับ” กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม

สำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบว่า ในเพจเฟซบุ๊กที่เกี่ยวข้องในกับเบียร์ยี่ห้อนี้ โพสต์ข้อความเมื่อ 9 สิงหาคม ว่า “ เรารอสิ่งนี้มาโดยตลอด ‘เครื่องดื่มคราฟพิดโลก’ ‘by Phitsanulok Brewing’ เปิดตัวที่แรกที่ร้าน Girl’s don’t cry ผลิตถูกกฎหมายทุกขั้นตอน เสียภาษีเรียบร้อย พร้อมกระจายไปให้ทุกท่านได้ลองผลิตภัณฑ์แบรนด์ท้องถิ่น ที่เราฝ่าฟันกันมากับวงการคราฟเบียร์มาตลอด 7ปี”

จากการตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า PHITSANULOK BREWING ตามที่ระบุข้างต้น คือ PHITSANULOK BREWING หรือ บริษัท พิษณุโลกบรูอิ้ง จำกัด ทะเบียนวันที่ 9 ธ.ค. 2565 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ที่ตั้งเลขที่ 441/58 ซอย13 ถนนบรมไตรโลกนารถ 2 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก นายภูวดล ศิริสินเลิศ เป็นผู้ก่อตั้งและถือหุ้นใหญ่ และเป็นกรรมการร่วมกับนายธนาบูรณ์ ตระกูลฤกษ์ชัย

ล่าสุด สำนักข่าวอิศราตรวจสอบรายละเอียดข้างกระป๋องเบียร์ยี่ห้อนี้มีข้อความระบุภาษาอังกฤษว่า

Produce By (ผลิตโดย-สำนักข่าวอิศรา) Thai Spirit Industry 71/25 Moo 5 Thakham Bangpakong Chachoengsao Thailand 24130

Distributed By (กระจายสินค้า-สำนักข่าวอิศรา) Phitsanulok Brewing co,Ltd. 441 /58 Baromtrilokanart 2 Rd. Nai-mueang Phitsanulok Thailand 65000

จากข้อมูลดังกล่าว สำนักข่าวอิศราตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ชื่อ Thai Spirit Industry คือ THAI SPIRIT INDUSTRY CO.,LTD. หรือ บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด จดทะเบียนวันที่ 1 มีนาคม 2545 ทุนปัจจุบัน 100 ล้านบาท ประกอบการ การผลิตและจำหน่าย สุราแช่ประเภทสุราผลไม้ เบียร์และอื่นๆ ที่ตั้งเลขที่ 71/25 หมู่ 5 ตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา (ที่ตั้งเลขที่เดียวกันกับที่ตั้ง Thai Spirit Industry ตามที่ระบุในข้างกระป๋อง) บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันประชุม 30 เมษายน 2566 พลเอกนายหนึ่งถือหุ้น 100%

เบื้องต้น ในช่วงสายวันที่ 19 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยังบริษัทไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด เพื่อขอสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับกรณีที่กระป๋องเบียร์ที่มีชื่อของบริษัทไปอยู่ในวิดีโอของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา

พนักงานบริษัทที่รับสายกล่าวว่าวันนี้เป็นวันหยุด ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่อยู่ จึงยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ได้มีพนักงานบริษัทอีกคนติดต่อมายังสำนักข่าวอิศรา เพื่อขอยืนยันข้อมูลที่สอบถาม

โดยพนักงานบริษัทกล่าวทิ้งท้ายว่ารับทราบข้อมูลแล้ว ภายในวันจันทร์ (21 ส.ค.66) จะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนิ้ติดต่อมายังสำนักข่าว

ถ้ามีความคืบหน้า สำนักข่าวอิศรา จะรายงานเพิ่มเติมต่อไป

ระดมสมอง!! หาเหตุให้ 'หมออ๋อง' ออกจากก้าวไกลอย่างไร้ข้อกังขา ช่วยรักษาไว้ทั้งสองตำแหน่ง 'ผู้นำฝ่ายค้าน-รองประธานสภาฯ'

พลัน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.แต่ไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรค ยังเป็นหัวหน้าพรรคต่อไปได้ 

เพียงแต่เมื่อถูกห้ามปฏิบัติหน้าที่ ก็จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้ตามกฎหมายกำหนด เพราะผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน (ไม่มีตำแหน่งในฝ่ายบริหาร และสภา) 

เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไว้ พิธา จึงต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อเปิดทางให้เลือก สส.คนใหม่มาเป็นหัวหน้าพรรค จะได้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน

แต่ต้องติดต่อกับข้อกำหนดกฎหมาย ผู้นำฝ่ายค้าน จะต้องไม่มีตำแหน่งในสภา เช่น ประธาน หรือรองประธานสภา จะทำอย่างไรกับ หมออ๋อง-ปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่นั่งเป็นรองประธานสภาฯ อยู่ในนามพรรคก้าวไกล

“เราต้องรักษาไว้ทั้งสองตำแหน่ง เพราะเราสูญเสียมามากแล้ว” ความคิดหนึ่งแว่บขึ้นมาในสมองของนักการเมืองระดับอ๋อง

ว่าแล้ว จึงน่าจะใช้มติพรรคขับหมออ๋องออกจากพรรค ไปหาพรรคใหม่สังกัด และยังเป็นรองประธานสภาอยู่ได้ หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ก็เป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ด้วย รักษาไว้ทั้งสองตำแหน่ง

เพียงแต่จะหาเหตุผลอะไรมาอธิบายกับสังคมในการขับหมออ๋องออกจากพรรค ในเมื่อหมออ๋องยังไม่ทำผิดอะไรต่อพรรค ไม่ได้ทำอะไรให้พรรคเสียหาย

มีคนพยายามอธิบายว่า ก็อดีตเคยมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อ สส.กลุ่ม รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต้องการออกจากพรรคพลังประชารัฐ เพื่อตั้งพรรคใหม่ พรรคเศรษฐกิจไทย ก็เสนอให้พรรคมีมติขับพวกเขาออกจากพรรคพลังประชารัฐ และในที่สุดพรรคพลังประชารัฐก็มีมติขับ สส.กลุ่ม รอ.ธรรมนัสออกจากพรรคจริงๆ และไปขับเคลื่อนพรรคเศรษฐกิจไทย

เหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้จึงน่าจะเกิดกับหมออ๋อง-พรรคก้าวไกล เพียงแต่พรรคก้าวไกลต้องหาเหตุหาผลไปอธิบายกับสังคม กับการทำการเมืองแนวสร้างสรรค์ แนวก้าวหน้า แต่การทำแบบที่ว่า เป็นการทำแบบ 'ศรีธนนชัย' เพื่อรักษาไว้ทั้งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และตำแหน่งรองประธานสภา

ใครจะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ให้จับตาดูการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ จะเป็นใคร จะเป็นพริษฐ์ วัชรสินธุ์, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร, รังสิมันต์ โรม, ศิริกัญญา ตันสกุล หรือไม่หรือจะเป็นใคร

แต่สำหรับหมออ๋อง มีข่าวแพลมออกมาแล้วว่า เมื่อถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล ก็จะไปสังกัดพรรคเป็นธรรม หรือไม่ก็พรรคสามัญชน แต่มีความเป็นไปได้กับพรรคเป็นธรรมมากกว่า

ที่มา: นายหัวไทร

‘อัครเดช’ จี้!! ‘ปดิพัทธ์’ รับผิดชอบ ต้นตอ ‘ชาดา-พิเชษฐ์’ โต้เดือด เหตุใช้ดุลพินิจวินิจฉัยให้อภิปรายต่อ จนทำสภาฯ เกิดความวุ่นวาย

(16 ก.พ.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีเหตุโต้แย้งกันระหว่าง นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กับ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ในการประชุมสภาฯ เรื่องการเสนอญัตติด่วนมาตรการการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ ว่า การปะทะกันดังกล่าว ทำให้การประชุมไม่ราบรื่น แต่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมขณะนั้น ใช้ดุลพินิจวินิจฉัยให้อภิปรายต่อ ทั้งที่โดยหลักการแล้ว ประธานควรต้องฟังเจตนารมณ์เจ้าของญัตติ จนทำให้เกิดความวุ่นวายเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสภาฯ และยังทำให้นายชาดา และนายพิเชษฐ์ ต้องออกมาโต้แย้งกันจนทั้งสองฝ่ายโดนสื่อโซเชียลถล่ม ดังนั้น นายปดิพัทธ์ จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top