Tuesday, 7 May 2024
บริจาคเงิน

‘บิล เกตส์’ มหาเศรษฐีใจบุญ ควักเงินบริจาคการกุศลเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ไม่สนใจหลุดจากทำเนียบมหาเศรษฐีโลก

บิล เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง “ไมโครซอฟท์” บริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก ประกาศบริจาคเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 7.3 แสนล้านบาทให้กับมูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ที่เขาและอดีตภรรยาร่วมก่อตั้งขึ้นในปี 2543 เพื่อนำเงินไปใช้ช่วยเหลือผู้คนทั่วโลก

บิล เกตส์ ซึ่งปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐีที่มั่งคั่งอันดับ 4 ของโลก ระบุว่า ตนเองต้องมีความรับผิดชอบคืนกลับให้สังคม โดยให้เกิดประโยชน์มากที่สุดในการลดความทุกข์ทรมานและพัฒนาชีวิตของผู้คน พร้อมกับคาดหวังว่าคนอื่น ๆ ที่มีความมั่งคั่งจะทำเช่นนี้เหมือนกัน

เขาระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า มูลนิธิอาจจะต้องเพิ่มการใช้จ่ายจากปีละ 6 พันล้านดอลลาร์ เป็น 9 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ อาทิ โรคระบาด สงคราม และวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บส์ ระบุว่า ปัจจุบัน ‘บิล เกตส์’ มีความมั่งคั่งสุทธิ 1.18 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการบริจาคเงินดังกล่าวอาจจะทำให้เขาหลุดจากทำเนียบมหาเศรษฐีโลก

โซเชียลฯ แห่ชื่นชม 'เจ้าของพัดลมฮาตาริ' บริจาคเงิน 900 ล้านบาทให้มูลนิธิรามาฯ

โลกโซเชียลฯ แห่ชื่นชม 'จุน วนวิทย์' เจ้าของพัดลมฮาตาริ บริจาคเงิน 900 ล้านบาทแก่มูลนิธิรามาธิบดี หลังผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งโพสต์ภาพเช็คสั่งจ่ายมูลนิธิฯ

วานนี้ (27 ก.ค.) ในโลกโซเชียลฯ มีการแชร์ข้อความจากทวิตเตอร์ @pichai_online โพสต์ภาพเช็คธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) สาขาถนนประชาอุทิศ ชื่อบัญชี นายจุน วนวิทย์ ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาตาริ อิเลคทริค จำกัด สั่งจ่ายมูลนิธิรามาธิบดี จำนวนเงิน 900 ล้านบาท ลงวันที่ 29 ก.ค. 2565 ระบุว่า "การบริจาคที่ยิ่งใหญ่ คุณจุน วนวิทย์ เจ้าของ พัดลม Hatari คนนี้ใจบุญจริงขออนุโมทนาครับ" โดยมีชาวเน็ตแห่แชร์และชื่นชมจำนวนมาก

ด้านเฟซบุ๊ก 'Ramathibodi School of Nursing, Faculty of Medicine Ramathibodi Hospital' ของโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความระบุว่า "บริษัท ฮาตาริ อิเลคทริค จำกัด โดย คุณจุน-คุณสุนทรี วนวิทย์ และครอบครัว บริจาคเงิน 900,000,000 บาท แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี และผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ ภาวิทย์ เพียรวิจิตร รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นตัวแทนร่วมรับมอบ

ยอดบริจาค 'หนึ่งคนว่าย หลายคนให้' ทะลุ 14 ล้าน ด้าน 'โตโน่' เตรียมว่ายน้ำข้ามโขง 22 ต.ค. 65

(21 ต.ค. 65) โครงการ 'หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ ONE MAN AND THE RIVER' ล่าสุดยอดบริจาคอยู่ที่ 14.1 ล้านบาท จากเป้าประมาณ 17 ล้านบาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว ขณะที่ 'โตโน่' เตรียมลงมือว่ายน้ำข้ามโขงพรุ่งนี้ (22 ต.ค. 65) เป็นระยะทางกว่า 15 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ทุกคนสามารถร่วมบริจาค โครงการ One Man And The River ได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 ตุลาคม 2565 ช่องทางรับบริจาค บัญชี ธนาคารกรุงศรี สาขาถนนเพชรบุรีใหม่ 034-0-04773-2 ชื่อบัญชี : มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยฯ เพื่อโครงการเทใจ 

สาวเล่าชีวิตเคยจน พิการขาตั้งแต่เกิด ได้โรงพยาบาลศิริราชรักษาให้ฟรี แม่ทำงานก่อสร้างบริจาคเงินไป 20 บาท ผ่านไป 37 ปี เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น กลับมาบริจาคเงินปีละแสน 9 ปีแล้ว 

นับเป็นเรื่องราวดีๆที่หลายคนเห็นแล้วยิ้มได้ เมื่อสาวรายหนึ่งใช้ติ๊กต็อกชื่อว่า bb7529  เธอเล่าผ่านคลิปว่า "37 ปีก่อน เราพิการแต่กำเนิด ตอนนั้นบ้านจน แม่ทำงานก่อสร้าง แม่บอกว่าพามารักษาขาที่ศิริราช โรงพยาบาลไม่เรียกเงิน แล้วแต่เราจะให้ แม่เลยบริจาคไป 20 บาทวันนั้น วันนี้เรามีแล้วเราเลยมาบริจาคเงินที่ศิริราชบ้าง "  และเธอยังระบุแคปชั่นว่า " พิการขาแต่กำเนิด แต่มีบุญที่ศิริราชรักษาหาย แม่ไม่มีเงินตอนนั้นบริจาคเงินไป 20 บาท เคยอธิษฐานไว้ว่าถ้าเรามีกินมีใช้เราจะมาบริจาคศิริราชทุกปี ตอนนี้มีแล้วนะ คืนให้ปีละแสน จะ 9 ปีแล้ว ขอบคุณศิริราชที่ให้ชีวิตใหม่"

‘โตโน่’ นำบุญฝากพี่น้องไทย-ลาว หลังลาสิกขา พร้อมเผย เตรียมสร้างศูนย์สวนหัวใจฯ ที่รพ.นครพนม

‘โตโน่ ภาคิน’ ส่งต่อกุศลการบวชของตนให้กับทุกคน บอกเป็น 7 วันที่รู้สึกปลื้มปีติ ทำให้ได้ขัดสนิมในใจออกบ้าง ในส่วนของการจัดสรรงบประมาณเครื่องมือแพทย์ จากที่ตั้งใจระดมเงินเพื่อเตียงไอซียูเด็ก แต่ตอนนี้เงินของทุกคนได้สร้าง Cath Lab ศูนย์สวนหัวใจและหลอดเลือดให้กับโรงพยาบาลนครพนม และมอบอุปกรณ์การแพทย์ 20 รายการให้กับ โรงพยาบาลแขวงคำม่วง สปป. ลาว

(17 ม.ค. 66) สึกออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ ‘โตโน่ พาคิน คำวิลัยศักดิ์’ ที่ได้บวชเป็นเวลา 7 วัน เพื่อศึกษาธรรมะ และตอบแทนน้ำใจของชาวไทยและชาวลาวที่ได้บริจาคเงินช่วยเหลือในโครงการ One Man & The River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ กันอย่างมากมาย

หลังจากสึกแล้ว โตโน่ ภาคิน ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน โดยช่องยูทูป อาจารย์อั๋นพาเลาะ สัมภาษณ์ความรู้สึกโตโน่หลังบวช รวมถึงเรื่องของเงินบริจาคในโครงการว่า…

“ประโยชน์จากการบวชในครั้งนี้ดีใจกับการได้ปฏิบัติหน้าที่กับการเป็นพระสงฆ์อย่างเต็มที่ใน 7 วันนี้ ก็ขอให้สิ่งดี ๆ ที่พวกเราช่วยกันทำมาส่งกลับไปหาทุกคนให้มีแต่ความสุข รอยยิ้ม สุขภาพแข็งแรง มีแต่ความรัก ความสามัคคีต่อกันครับ คนไทยทุก ๆ จังหวัด รวมถึงคนลาวด้วย 7 วันที่ผ่านมาผมสบายใจมากครับ รู้สึกดีมาก ๆ ตอนแรกคิดว่าเวลา 7 วันมันน้อย แต่พอมันเป็น 7 วันที่เราตั้งใจมาก ๆ มันก็ทำให้เราได้อะไรรับคำสอนเยอะ รู้สึกปลื้มปีติ”

“สิ่งที่ผมได้จากการบวชครั้งนี้คงเป็นเรื่องของความคิด รู้สึกหัวใจเราปลื้มปีติ ที่ผ่านมาเราเติมแต่ทางโลก แต่ไม่เคยเติมทางธรรมเลย เราหลาย ๆ คนรวมถึงตัวผม ที่ผมรู้สึกได้เลยว่าเราอาจจะไกลห่างออกจากศาสนา พอได้กลับมาใกล้ศาสนาบ้าง ทำให้เราได้ขัดสนิมในใจเราบ้างที่มันมีอยู่เต็มไปหมด มันก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันปลอดโปร่งขึ้นในหลาย ๆ อย่างที่คิด ที่จะทำต่อไป ผมก็ขอให้สิ่งดี ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกคนเช่นกันครับ”

ในส่วนของการจัดสรรงบประมาณเครื่องมือแพทย์ เตรียมการสร้าง Cath Lab สร้างศูนย์สวนหัวใจและหลอดเลือดให้กับโรงพยาบาลนครพนม และมอบอุปกรณ์การแพทย์ 20 รายการให้กับ โรงพยาบาลแขวนงคำม่วง สปป. ลาว เจ้าตัวเผยว่า

“ก็เป็นเรื่องของโรงพยาบาลนครพนมและท่าแขกแล้วครับ ตอนนี้ทางคุณหมอและพยายามกำลังเลือกสเปกเครื่องกันอยู่ แต่ละบริษัทเขาก็จะยื่นว่าเขามีอะไรที่เหมาะสมที่สุด คนเลือกจะเป็นคุณหมอ ไม่ใช่ผม คุณหมอจากทั้งสองที่จะเป็นคนเลือกหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคนไทยและคนลาว”

“เราเตรียมการสร้าง Cath Lab สร้างศูนย์สวนหัวใจและหลอดเลือดให้กับโรงพยาบาลนครพนม น่าจะใช้เวลาพอสมควร อย่างน้อยประมาณ 6 เดือน และใช้เงินเยอะมากด้วย น่าจะประมาณ 50 กว่าล้าน ในอนาคตที่ท่านผู้อำนวยการบอกผมว่า นครพนมจะสามารถสร้างนักเรียนแพทย์ขึ้นได้ด้วย และแผนกนี้จะสามารถพัฒนาไปรักษาโรคหลอดเลือดในสมองได้อีก”

ครอบครัวนาวีเฮ้าส์ บริจาคเงิน 8 แสนบาทเตียงไฟฟ้าพร้อมที่นอนลม และสุขภัณฑ์ แก่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติฯ อุทิศส่วนบุญกุศลให้ คุณแม่สาลี ใคร่ครวญเพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ให้หอผู้ป่วยวิกฤตหัวใจและหลอดเลือด

วันนี้ (28 ก.พ.66) ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือเอก ธนะกาญจน์ ใคร่ครวญ อดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พร้อมด้วยคุณปัญชริน ใคร่ครวญ ภรรยา และ ครอบครัว 'ใคร่ครวญ' นำคณะเข้าบริจาคเงิน จำนวน 800,000 บาท เตียงไฟฟ้าพร้อมที่นอนลม เก้าอี้สุขภัณฑ์ 2 ตัว เพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลให้ กับคุณแม่สาลี ใคร่ครวญ ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยมี พลเรือตรี กิตตินันท์ งามศิลป์ ผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เป็นผู้รับมอบ พร้อมกล่าวขอบคุณ พลเรือเอก ธนะกาญจน์ ใคร่ครวญ คุณปัญชริน ใคร่ครวญ เจ้าของโครงการหมู่บ้านนาวีเฮ้าส์ ที่ได้มอบเงินและสิ่งให้โรงพยาบาลฯ ในครั้งพร้อมกับจะได้นำเงินและสิ่งของที่ได้รับบริจาคในครั้งนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อกำลังพลและครอบครัวของกองทัพเรือ รวมถึงพี่น้องประชาชนที่เจ็บป่วย และเข้ามารับการรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ แห่งนี้ 

‘ลิซ่า’ บริจาคเงินช่วยเหลือ ‘เด็กยากไร้ในกัมพูชา’ พร้อมเขียนจม.ส่งพลังบวกให้เด็กๆ บอก!! “อย่ายอมแพ้”

(14 พ.ย.66) เฟซบุ๊ก PSE - Pour un Sourire d’Enfant - Cambodia องค์กรช่วยเหลือเด็กยากไร้ในประเทศกัมพูชา ได้โพสต์รูปภาพ ‘มาร์โค บรูสชไวเลอร์’ เชฟดังระดับโลก คุณพ่อของ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ ซูเปอร์สตาร์ สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง BLACKPINK ขณะสอนเจ้าหน้าที่ทำอาหารกลางวันให้เด็กๆ

โดยทางเพจระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเราได้มีโอกาสต้อนรับทีม Smile Children’s Switzerland จากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี เชฟมาร์โค บรูสชไวเลอร์ ที่มาเยี่ยมเยียนที่ศูนย์ของเราเป็นการส่วนตัว ซึ่งได้ลงมือสอน และทำอาหารมื้อกลางวันที่แสนพิเศษให้กับเด็กนักเรียนในศูนย์ และจากสถาบันการท่องเที่ยวฯ ตลอดจนออกไปเยี่ยมชุมชนของเราด้วย

พวกเรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับการสนับสนุนในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ต้อนรับพวกคุณอีกครั้งในโอกาสต่อไป

ทั้งนี้ เพจยังได้เผยอีกว่า ‘ลิซ่า’ ยังได้แบ่งปันความรักให้กับเด็กๆ ในองค์กร โดยบริจาคเงินส่วนตัวให้กับองค์กร และยังได้แชร์ข้อความให้กับนักเรียน และแฟนๆ ของเธอในกัมพูชาด้วย ว่า

“สวัสดีค่ะ ลิซ่า จากแบล็กพิงค์นะคะ…

ฉันดีใจมากๆ ที่ได้เจอกับเพื่อนๆ ของฉัน และแฟนๆ ในกัมพูชา โดยเฉพาะกับเด็กๆ และเยาวชนในศูนย์ PSE ในพนมเปญ

ไม่ว่าเป้าหมายหรือความฝันในอนาคตของคุณคืออะไร จงยึดมั่นและอย่ายอมแพ้ ไม่ว่าระหว่างทางมันจะมีอุปสรรคหรือปัญหาเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นของชีวิต ฉันเองก็มีช่วงเวลาที่ล้มลุกคลุกคลานระหว่างที่ฝึกฝนอยู่หลายปี แต่ฉันก็ผ่านมันมาได้ด้วยความเข้มแข็งและคิดบวก

ฉันขอให้พวกคุณทุกคนโชคดีและเข้มแข็งนะคะ

กอด ลิซ่า”

องค์กรยังทิ้งท้ายด้วยว่า หวังว่าพวกเราจะได้ต้อนรับลิซ่าในสักวันหนึ่ง

ขณะที่ ‘เชฟมาร์โค บรูสชไวเลอร์’ ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า “คณะครูและนักเรียน ใน PSE ต่างมุ่งมั่นตั้งใจในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อย่างมาก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีของผม ในฐานะเชฟที่ได้มาแบ่งปันประสบการณ์ทำอาหารกลางวัน ผมเชื่อว่า PSE จะประสบความสำเร็จในเป้าหมายของพวกเขาที่จะนำพาเด็กๆ เหล่านี้ไปสู่อนาคตที่ดีต่อไป”

‘นายกฯ’ ส่งต่อ ‘เงินเดือน-เบี้ยประชุม’ แก่มูลนิธิต่อเนื่อง หวังช่วยต่อยอดทุกโอกาสที่เป็นไปได้ของสังคมไทย

(19 ม.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่งต่อเงินเดือน และเบี้ยประชุมที่ได้รับจากการดำรงตำแหน่งให้กับมูลนิธิต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับรัฐบาลได้จัดสรรเงินเกือบ 1.4 ล้านล้านบาท เพื่อการพัฒนา และเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การส่งต่อเงินเดือน และเบี้ยประชุมเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทันที เนื่องจากเป็นการให้ของแต่ละบุคคล ไม่ต้องผ่าน พ.ร.บ. ต่าง ๆ ตามกลไกของรัฐสภาที่ต้องใช้เวลานาน โดยมูลนิธิที่นายกรัฐมนตรีส่งต่อตั้งแต่เริ่มในเดือนตุลาคม 2566 เป็นประจำทุกเดือนต่อเนื่องนั้น

- ครั้งที่ 1 เดือนตุลาคม 2566 มูลนิธิเด็ก (FOUNDATION FOR CHILDREN) เพื่อช่วยเหลือ ตั้งแต่ปัจจัยพื้นฐาน การดำเนินชีวิตและสวัสดิการต่าง ๆ 

- ครั้งที่ 2 เดือนพฤศจิกายน 2566 ได้มอบให้กับ 4 มูลนิธิ มูลนิธิละ 50,000 บาท ได้แก่ (1) มูลนิธิอิสรชน องค์กรพัฒนาเอกชนที่พัฒนาทักษะชีวิตแก่คนด้อยโอกาสและผู้ยากไร้ (2) มูลนิธิคนพิการไทย เพื่อส่งเสริมกิจกรรมพร้อมสร้างอาชีพที่เป็นประโยชน์ต่อผู้พิการ (3) มูลนิธิบ้านพระพร องค์กรช่วยเหลือลูกของผู้ต้องขัง ผู้พ้นโทษ และเยาวชนเด็ก ให้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และ (4) มูลนิธิสายธารสุขใจ เพื่อช่วยเหลือคนชราที่ถูกทอดทิ้ง 

- ครั้งที่ 3 เดือนธันวาคม 2566 ได้มอบให้กับ 3 มูลนิธิ มูลนิธิละ 50,000 บาท ได้แก่ (1) มูลนิธิบ้านนกขมิ้น สมทบทุนให้โอกาสกับเด็กกำพร้า และเด็กด้อยโอกาส รวมทั้งสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อนำไปต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคต (2) มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือคนหูหนวกให้สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป และ (3) มูลนิธิสุภา วงค์เสนา เพื่อสนับสนุนเรื่องโครงการแก้หนี้ทั้งระบบ ปฏิรูปสิทธิลูกหนี้ และเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยระหว่างลูกหนี้ และเจ้าหนี้

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดสรรงบประมาณเกือบ 1.4 ล้านล้านบาท (ร้อยละ 40.1) ของวงเงินงบประมาณ แบ่งเป็น ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ จำนวน 561,954.2 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนทุกช่วงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ครอบคลุมทั้งด้านการกีฬา การปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม  การพัฒนาคุณภาพการศึกษา การพัฒนาศักยภาพคน และการเสริมสร้างสุขภาวะที่ดี เป็นต้น และด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม จำนวน 834,240.6 ล้านบาท เพื่อให้คนไทยได้รับสวัสดิการพื้นฐานอย่างทั่วถึง เป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในทุกมิติ 

“หัวใจหลักของการทำงานของรัฐบาล ที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ด้วยความห่วงใยประชาชนโดยเฉพาะฐานล่างของปิรามิด ซึ่งการจัดสรรงบประมาณถึงร้อยละ 40.1 เพื่อมุ่งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในประเทศให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ช่วยต่อยอดในทุกโอกาสของความเป็นไปได้ของประเทศไทย และด้วยดำริของนายกรัฐมนตรีส่งต่อ ‘การให้’ ตามแต่กำลังศรัทธาของแต่ละคน จึงได้ส่งมอบเงินเดือนและเบี้ยประชุมให้กับมูลนิธิต่าง ๆ และได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง” นายชัย กล่าว

'โตโน่' ทำได้!! 'หนึ่งคนว่าย หลายคนให้' ส่งมอบศูนย์หัวใจสองฝั่งโขงสำเร็จ

เมื่อวานนี้ (21 ก.พ. 67) ณ โรงพยาบาลนครพนม ได้จัดงานส่งมอบศูนย์หัวใจสองฝั่งโขง ONE MAN AND THE RIVER ห้องปฏิบัติการสวนหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลนครพนม ตามรายการบริจาคว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขง ONE MAN AND THE RIVER ‘หนึ่งคนว่าย หลายคนให้’ โดยมีนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ บุคลากรทางการแพทย์ร่วมงาน

นายนฤพนธ์ ยุทธเกษมสันต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม กล่าวว่า ปัจจุบันมีการเปิดประเทศจะมีผู้เดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนมเพิ่มขึ้น จากทั้งภาคเศรษฐกิจ ภาคการท่องเที่ยว และภาคการแพทย์และสุขภาพ ในด้านสาธารณสุข จังหวัดนครพนมได้ดำเนินการรองรับผู้สูงอายุ มีประชากรสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเดินทางเข้ามารับบริการทางการแพทย์และสุขภาพในจังหวัดนครพนม ปี 2563 เราให้บริการผู้ป่วยนอก 320,210 ครั้ง ผู้ป่วยใน 27,992 ครั้ง คาดว่าการเปิดประเทศจะมีประชากรต่างชาติ เดินทางเข้ามารักษาจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันยังเป็นปัญหาหลักในพื้นที่ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา

ดังนั้น การก่อตั้งศูนย์หัวใจสองฝั่งโขง โรงพยาบาลนครพนม จะช่วยให้ผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันในจังหวัดนครพนม และพื้นที่ข้างเคียงได้อย่างรวดเร็วตามมาตรฐานการรักษา เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและทุพพลภาพ โดยในส่วนของโรงพยาบาลนครพนมนั้นได้ดำเนินการยื่นเรื่องไปที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในเดือนเมษายน และระหว่างที่เรากำลังพัฒนาบุคลากรด้านนี้ให้มากขึ้น เราได้ทีมศูนย์หัวใจเพื่อแผ่นดินจากโรงพยาบาลสกลนครมาช่วยก่อน

น.ส.เอด้า จิรไพศาลกุล กรรมการผู้จัดการเทใจดอทคอม กล่าวว่า เทใจดอทคอมเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ระดมทุนและจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วนให้ครบถ้วนตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเริ่มจากการสำรวจความต้องการใช้งาน ความพร้อมของเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ จากนั้นจึงเปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆ เข้ามานำเสนอต่อคณะกรรมการกลาง โดยกระบวนการดังกล่าวทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน hand social enterprise ช่วยออกแบบกระบวนการเพื่อให้การคัดเลือกโปร่งใสที่สุด และการทำศูนย์หัวใจสองฝั่งโขงยังได้ความอนุเคราะห์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจจากที่ต่าง ๆ เช่น ผศ.นพ.วรการ พรหมพันธุ์ หัวหน้าศูนย์โรคหัวใจ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ผศ.นพ.ไชยสิทธิ์ วงศ์วิภาพร หัวหน้าสาขาวิชาโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นพ.เขตต์ ศรีประทักษ์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานอายุรศาสตร์หัวใจโรงพยาบาลทรวงอก นพ.ธนพัฒน์ เลิศวิทยากำจร นายแพทย์ชำนาญการ อายุรกรรม (หัวใจ) ผศ.พ.ญ.รัตนา คำวิลัยศักดิ์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ นายภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ที่ได้ร่วมกันคัดเลือกเพื่อให้ได้เครื่องที่ดีและเหมาะสมกับโรงพยาบาลที่จะเป็นศูนย์หัวใจสองฝั่งโขง

ด้านนายโตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ กล่าวว่า พวกเราทั้งพี่น้องชาวไทยและพี่น้องชาว สปป.ลาวได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน โดยมูลค่าสิ่งของที่เราจัดซื้อไปทั้งหมดคิดเป็น 92,500,000 บาท วันนี้ถือเป็นวันที่ดีมาก ๆ อีกวันที่เรามาร่วมกันเป็นสักขีพยานในการปิดโครงการ เพื่อส่งมอบ ‘ศูนย์หัวใจสองฝั่งโขง’ (Cath Lab) ที่ใช้เวลากว่า 6 เดือนในการจัดตั้งศูนย์หัวใจแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่การทำห้องสวนหัวใจใหม่ที่มีระบบความปลอดภัยจากอันตรายจากรังสีต่าง ๆ รวมถึงการทำระบบไฟฟ้าสำรองที่สามารถตรวจรักษาผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง แม้ระบบไฟฟ้าจะดับทั้งเมืองนครพนม

นอกจากนี้ยังมีการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์อื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับใช้ในห้องตรวจรักษาแบบครบครัน ได้แก่ เครื่องสวนหัวใจระนาบเดี่ยว, เครื่องอัลตราซาวนด์หัวใจ, เครื่องอัลตราซาวนด์ชนิดดูเส้นเลือดหัวใจ, เครื่องตรวจวัดการแข็งตัวของเลือด, เครื่องปั๊มหัวใจไฟฟ้า, เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ พร้อมระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้เพื่อให้วิเคราะห์การตรวจรักษาได้อย่างแม่นยำ ปัจจุบันเราทราบว่าทั้งสองโรงพยาบาลได้ใช้เครื่องมือแพทย์ที่ได้รับบริจาคจากโครงการหนึ่งคนว่าย หลายคนให้ อย่างคุ้มค่า เช่น โรงพยาบาลนครพนมมีการใช้งานเครื่องต่าง ๆ ทุกวัน ขณะที่โรงพยาบาลแขวงคำม่วนได้ใช้ตรวจรักษาคนลาวไปแล้วกว่า 12,000 คน

"รู้สึกดีใจที่พวกเราได้มีส่วนร่วมทำให้พี่น้องชาวไทยและชาว สปป.ลาว ที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงโรงพยาบาลแห่งนี้ได้เข้าถึงการตรวจรักษาที่ทันสมัย เพื่อให้ทุกท่านได้มีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสุดท้ายนี้ ผมขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านที่มีส่วนในการทำให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงตามเจตนาที่ได้ตั้งใจไว้"

ทั้งนี้ มีตัวแทนแขวงคำม่วน ดร.สมจิตร อ่ำพิลาวง รองหัวหน้าแผนกสาธารณสุขแขวงคำม่วน ท้าววันทะวี สานุวง รองหัวหน้าแผนกการต่างประเทศ ดร.นางคำหล้า ราชวง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแขวงคำม่วน พร้อมคณะ มาร่วมพิธีด้วย

โรงพยาบาลนครพนมได้รับเครื่องมือแพทย์ 11 รายการ ประกอบด้วย ศูนย์ปฏิบัติการสวนหัวใจ 1 ศูนย์ ที่โครงการได้จัดซื้ออุปกรณ์ครบครัน ประกอบด้วย เครื่องสวนหัวใจระนาบเดี่ยว, เครื่องอัลตราซาวนด์หัวใจ, เครื่องอัลตราซาวนด์ชนิดดูเส้นเลือดหัวใจ, เครื่องตรวจวัดการแข็งตัวของเลือด, เครื่องปั๊มหัวใจไฟฟ้า, เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ, ระบบ IT ต่าง ๆ เพื่อให้การวิเคราะห์แม่นยำ, งบประมาณเพื่อปรับปรุงสถานให้รองรับการใช้งาน, เครื่องช่วยหายใจสำหรับเด็กชนิดความถี่สูงพร้อมชนิดควบคุมแรงดันและชนิดไม่สอดใส่ท่อ 1 เครื่อง สำหรับ PICU (ห้องไอซียูเด็ก)

เครื่องเฝ้าติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญาณชีพ Monitor NIBP 1 เครื่อง สำหรับ PICU (ห้องไอซียูเด็ก), เครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมปริมาตรและแรงดันพร้อมระบบหย่าเครื่องอัตโนมัติ ขนาดกลาง จำนวน 5 เครื่อง, เครื่องควบคุมการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ 20 เครื่อง เตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้า 3 Motor 12 เตียง 

เตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้าชนิด 4 motor ชนิดที่ชั่งน้ำหนักได้ 2 เตียง เตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้าชนิด 4 motor จำนวน 3 เตียง เตียงสำหรับผู้ป่วยควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรลที่นอนโฟม (Stroke) 12 เตียง เครื่องอัลตราซาวนด์หัวใจ 1 เครื่อง เครื่องวัดความดันโลหิต 5 เครื่อง

โรงพยาบาลแขวงคำม่วนได้เครื่องมือแพทย์ 20 รายการ ดังนี้ เครื่องช่วยหายใจเด็ก ชนิด nCPAP จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องช่วยหายใจสำหรับทารกที่มีภาวะหายใจลำบาก ภาวะหยุดหายใจ หรือหลังจากถอดท่อช่วยหายใจทางหลอดลม เพื่อช่วยให้ทารกหายใจเหนื่อยน้อยลง เครื่องเฝ้าติดตามสัญญาณชีพชนิดข้างเตียงผู้ป่วย Bedside Monitor ที่สามารถติดตามภาวะการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต จำนวน 5 เครื่องเพื่อติดตั้งในห้อง ICU เครื่องกระตุกหัวใจ AED จำนวน 3 เครื่อง เพื่อติดตั้งในห้องฉุกเฉิน รถกู้ชีพ เครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติพร้อมขาตั้ง 12 เครื่อง เพื่อติดตามอาการคนไข้ในแผนกและวอร์ดผู้ป่วยในต่าง ๆ เครื่องวัดความดันชนิดสอดแขนจำนวน 3 เครื่อง เพื่อใช้แผนก OPD, ผู้ป่วยฉุกเฉิน เครื่องดึงคอ/ดึงหลัง (traction) จำนวน 1 เครื่อง

สำหรับแผนกกายภาพบำบัดที่ปัญหาด้านกระดูกคอและสันหลัง เครื่องอัลตราซาวนด์สำหรับกายภาพ จำนวน 2 เครื่อง แผนกกายภาพบำบัดเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านกล้ามเนื้อ หม้อต้มแผ่นประคบร้อน จำนวน 1 เครื่อง (แผนกกายภาพบำบัด) Infant Incubator 2 เครื่อง Radian Warmer 2 เครื่อง Surgical Light (อยู่ระหว่างการขนส่ง) Infusion Pump 5 เครื่อง Syringe Pump 5 เครื่อง ชุดกล้องส่องตรวจและผ่าตัดโพรงจมูกและทอมซิล ENT Diagnostic Set 1 ชุด เครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง 1 เครื่อง ULTRASOUND 4 มิติ แผนกสูติ 1 เครื่อง เครื่องวัดการบีบตัวของมดลูก ครรภ์แฝด 1 ชุด ชุดกล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่พร้อมเครื่องล้างกล้องส่องตรวจ 1 เชต อุปกรณ์ผ่าตัดสมอง (เครื่องเจาะและตัดกะโหลกชนิดความเร็วสูง) Autocave เครื่องนึ่งฆ่าเชื้อขนาด 280 ลิตร

โรงเรียนในสหรัฐฯ ให้นักเรียนเลียเท้าแลกรับเงินบริจาค พอถูกวิจารณ์อย่างหนัก ก็รีบออกมาขอโทษผู้ปกครอง

เมื่อไม่นานมานี้ โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในรัฐโอคลาโฮมา สหรัฐฯ ถูกสืบสวน หลังปรากฏคลิปไวรัลเป็นภาพเด็กนักเรียนทำชาเลนจ์ ดูดและเลียเท้ากัน ภายในงานระดมทุนที่ได้รับการอนุมัติจากโรงเรียน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งโหมกระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด

วิดีโอที่ก่อความไม่สบายใจดังกล่าวเป็นภาพเด็กอย่างน้อย 4 คนของโรงเรียนมัธยมเดียร์ ครีก กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นของโรงยิมเนเซียม และจากนั้นก็ทั้งดูดและเลียเนยถั่วลิสง ที่ทาอยู่บนเท้าเปล่าของเพื่อนนักเรียน 

"เขากำลังกลืนมัน" เสียงนักเรียนรายหนึ่งพูดขึ้น ในขณะที่คนอื่น ๆ ในฉากหลังพากันส่งเสียงเชียร์ ในการแข่งขันที่แปลกประหลาดดังกล่าว

ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง มีผู้เข้าชมคลิปนี้บนสื่อสังคมออนไลน์เกือบ 50 ล้านวิว และนำมาซึ่งการเปิดสืบสวนอย่างเป็นทางการของกระทรวงศึกษาธิการรัฐโอคลาโฮมา 

"มันน่าสะอิดสะเอียนมาก เราจำเป็นต้องกำจัดสิ่งสกปรกโสโครกเหล่านี้ออกจากโรงเรียนต่าง ๆ ในโอคลาโฮมา หน่วยงานของเรากำลังทำการสืบสวน" ไรอัน วอลเตอร์ส ผู้รับผิดชอบด้านการบริหารการศึกษาสูงสุดของรัฐโอคลาโฮมากล่าว

คลิปนี้เป็นภาพเหตุการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (29 ก.พ.) ณ ที่ชุมนุม Clash of Classes ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานระดมทุนนานหนึ่งสัปดาห์ของโรงเรียนมัธยมแห่งนี้

นักเรียนสมัครใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ในนั้นรวมถึงทัวร์นาเมนต์การแข่งขันเลียเท้า และรายงานข่าวระบุว่า บางส่วนรู้สึกสนุกกับมัน แต่ครั้งที่วิดีโอเริ่มถูกส่งต่ออย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ บรรดาผู้ปกครองก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาพบเห็น

ในตอนแรกคณะผู้บริหารโรงเรียนกล่าวชื่นชมเด็ก ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมงานระดมทุน Wonderful Week of Fundraising ซึ่งรวบรวมเงินได้ 152,830.38 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พอถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักก็เริ่มคิดได้ ออกมาขอโทษองค์กรนักเรียน และพ่อแม่ผู้ปกครอง

ผู้ปกครองรายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าไม่อยากเชื่อตอนที่ได้ยินคำบอกเล่าเกี่ยวกับกิจกรรมแข่งเลียเท้าในครั้งนี้ "ตอนที่ฉันได้ยินลูกบอกในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ฉันจำเป็นต้องถามย้ำกลับไปอีกรอบ เดี๋ยวก่อน ว่าไงนะ พวกเขาให้เลียเนยถั่วลิสงออกจากเท้าเนี่ยนะ"

"ฉันสนับสนุนทุกการระดมทุนและทุกสิ่ง ๆ ที่เป็นเรื่องสนุก แต่คราวนี้ดูเหมือนว่ามันจะเลยเถิดจนเกินไป" ผู้ปกครองอีกคนกล่าว

เกมการแข่งขันที่แลกกับเงินบริจาคครั้งนี้ยังได้รับความสนใจจาก เทด ครูซ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันเช่นกัน ซึ่งถึงขั้นประณามการแข่งขันบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่าเป็นการทำทารุณเด็ก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top