Friday, 3 May 2024
น้ำมันโลก

อึ้ง!! การค้าน้ำมัน 'รัสเซีย-อินเดีย' พุ่ง!! เติบโตมหาศาล 25 เท่าหรือ 2500%

World Maker เผย รัสเซีย-อินเดียค้าน้ำมันพุ่ง 25x !!! ล่าสุดเติบโตถึง 25 เท่าหรือ 2500% โดยการส่งมอบ 3 เดือนที่ผ่านมาคิดเป็นมากกว่า 10 เท่าของการส่งมอบตลอดปีที่แล้ว !!! เรียกได้ว่าเติบโตกันอย่าง 'มหาศาล' เลยทีเดียว ! และที่สำคัญคือราคา Discount จากตลาดโลกอย่างน้อย 30% !! งานนี้โกยกันยับทั้งคนซื้อทั้งคนขาย !

⚠️ล่าสุดดูเหมือนว่าการค้าระหว่างรัสเซีย-อินเดียโดยเฉพาะทางด้านน้ำมัน กำลังเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล โดยตัวเลขการส่งมอบพุ่งขึ้นถึง 25 เท่าหรือ 2500% ขณะที่การส่งมอบในเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียวสูงถึง 24 ล้านบาร์เรล !! เทียบกับปีที่แล้วเพียง 960,000 บาร์เรลเท่านั้น !

📌โดยรวมแล้วอินเดียรับน้ำมันดิบจากรัสเซียไปกว่า 34 ล้านบาร์เรลนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่ามูลค่าการนำเข้าทั้งหมดตลอดปี 2021 ถึง 10 เท่าหรือ 1000% ! ท่านผู้อ่านลองคิดดูเอาเองว่าตัวเลขนำเข้าเพียง 3 เดือนสูงกว่าตัวเลขตลอดปีที่แล้วถึง 10 เท่ามันมากแค่ไหน !!

ส่วนตัวเลข 24 ล้านบาร์เรลในเดือนนี้นั้น เพิ่มขึ้นจาก 7.2 ล้านบาร์เรลในเดือนเมษายน และขยายจาก 3 ล้านบาร์เรลในเดือนมีนาคม และที่ยิ่งไปกว่านั้น คาดว่าในเดือนมิถุนายนนี้จะมีการส่งมอบสูงถึง 28 ล้านบาร์เรล !! (เพิ่มขึ้นอีก 4 ล้านบาร์เรลจากเดือนนี้)

การคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกที่พึ่งประกาศคว่ำบาตรน้ำมันทางเรือ (คิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของการส่งมอบทั้งหมด) ต่อรัสเซีย ทำให้รัสเซียต้องเร่งปรับเปลี่ยน Supply Chain ไปยังตลาดอื่น ๆ แทน โดยเฉพาะในเอเชียและตลาดเกิดใหม่ ซึ่งสร้างโอกาสให้โรงกลั่นของอินเดียสามารถยกระดับการซื้อน้ำมันจากรัสเซียได้ในราคาพิเศษอย่างมาก ! รวมถึงประเทศจีนที่กำลังเร่งซื้อพลังงานจากรัสเซียอย่างมหาศาล

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 31 ต.ค. - 4 พ.ย. 65 จับตาปัจจัย 'บวก-ลบ' ชี้แนวโน้ม 7-11 พ.ย. 65

>> ราคาน้ำมันย้อนหลัง 15 วัน
ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent สัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 95 - 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 4 พ.ย. 65 ICE Brent ปิดตลาดสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน และ NYMEX WTI สูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน จากตลาดคาดว่ารัฐบาลจีนอาจพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID และเริ่มเปิดประเทศในเดือน มี.ค. 66 เป็นต้นไป อนึ่ง วันที่ 4 พ.ย. 65 จีนพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 3,837 ราย ลดลงจากวันก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 4,045 ราย สูงสุดในรอบ 6 เดือน

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า โดยดัชนีดอลลาร์ (DXY Index) ซึ่งเทียบกับตะกร้าเงินสกุลหลักของโลกปิดตลาดวันที่ 4 พ.ย. 65 ลดลง 1.81% จุด อยู่ที่ 110.88 จุด จากนักลงทุนคาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) จะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) วันที่ 14 - 15 ธ.ค. 65 จากที่คาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.75% ในเดือน ธ.ค. 65 จะปรับขึ้นเพียง 0.5% จากระดับปัจจุบันที่ 3.75 - 4.0% หลังตัวเลขการจ้างงานอ่อนแอ โดยอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ (Unemployment Rate) ในเดือน ต.ค 65 เพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 3.7%

>> ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก

Reuters รายงานกลุ่ม OPEC ผลิตน้ำมันดิบในเดือน ต.ค. 65 ลดลง 2 หมื่นบาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ 29.71 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือน มิ.ย. 65

Energy Information Administration รายงานสหรัฐฯ ผลิตน้ำมันดิบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ต.ค. 65 ลดลง 1 แสนบาร์เรลต่อวัน จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 11.90 ล้านบาร์เรลต่อวัน 

ICE รายงานสถานะการลงทุนสัญญาน้ำมันดิบ Brent ในตลาดนิวยอร์กและตลาดลอนดอน สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 พ.ย. 65 กลุ่มผู้จัดการกองทุนปรับสถานะถือครองสุทธิ (Net Long Position) เพิ่มขึ้น 20,174 สัญญา จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 239,416 สัญญา

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 7 – 11 พ.ย. 65 จับตาปัจจัย ‘บวก - ลบ’ ชี้ แนวโน้ม 14 – 18 พ.ย. 65

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 7 – 11 พ.ย. 65 จับตาปัจจัย ‘บวก - ลบ’ ชี้ แนวโน้ม 14 – 18 พ.ย. 65

>> ราคาน้ำมันย้อนหลัง 15 วัน

ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ล่าสุดลดลง เนื่องจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบในสหรัฐฯ และปริมาณการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามช่วงปลายสัปดาห์ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 อาทิ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (National Health Commission: NHC) ประกาศลดเวลากักตัวลง 2 วัน สำหรับผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย เหลือ 5 วัน ที่ศูนย์กักกัน (จากเดิม 7 วัน) กักตัวที่บ้านต่ออีก 3 วัน คงเดิม และไม่ระบุผู้ใกล้ชิดระดับรองอีกต่อไป, สำหรับผู้เดินทางที่ใกล้ชิดผู้ป่วย ลดการกักตัว เหลือ 8 วัน (จากเดิม 10 วัน), ลดการทดสอบ COVID-19 ภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง เหลือครั้งเดียว (จากเดิม 2 ครั้ง) และยกเลิกบทลงโทษสายการบินที่มีผู้โดยสารติดเชื้อ, ปรับการจัดประเภทพื้นที่เสี่ยง เป็น 'สูง' และ 'ต่ำ' (จากเดิม 'สูง' 'ปานกลาง' และ 'ต่ำ') และหากไม่พบผู้ป่วยใหม่ในพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นเวลา 5 วัน จะปรับเป็นพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ เป็นต้น

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าต่อเนื่อง โดยดัชนีดอลลาร์ (DXY Index) ซึ่งเทียบกับตะกร้าเงินสกุลหลักของโลก วันที่ 10 พ.ย. 65 ลดลงกว่า 2% อยู่ที่ 108.10 จุด และวันที่ 11 พ.ย. 65 ลดลง 1.6% อยู่ที่ 106.42 จุด เป็นการลดลงสองวันติดต่อกันมากที่สุดตั้งแต่ มี.ค. 52

รมว.กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ นาง Janet Yellen กล่าวถึงมาตรการจำกัดราคาน้ำมัน (Price Cap) ว่าอินเดียจะซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย ที่ราคาเท่าไร่ก็ได้ หากจะไม่ใช้เรือ ประกันภัย และการบริการทางการเงิน จากชาติพันธมิตรตะวันตก ซึ่งราคาน้ำมันดิบ Urals ของรัสเซียไม่ควรอยู่ที่ระดับเกิน 63-64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 23 - 27 ม.ค. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 30 ม.ค - 3 ก.พ.66

ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น ท่ามกลางคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกฟื้นตัว จากจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ นำเข้าน้ำมันดิบในเดือน พ.ย.65 รวมเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 21.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเฉพาะจีนหลังผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 และเปิดประเทศ โดยองค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) คาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของจีนในปี 66 จะขยายตัวอยู่ที่ +4.8% จากปีก่อนหน้า

สัปดาห์นี้คาดว่าราคา ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 85 - 90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ด้านปัจจัยเคลื่อนย้ายเงินทุนคาดว่าจะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นหลังการประชุมนโยบายการเงิน Federal Open Market Committee (FOMC) ของสหรัฐฯ วันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. 66 โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งละ 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.0% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. 66 และวันที่ 15 - 16 มี.ค. 66 และจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวจนถึงปลายปี 66

จับตามาตรการกำหนดเพดานราคา (Price Cap) น้ำมันสำเร็จรูปรัสเซียซึ่งขนส่งทางทะเล วันที่ 5 ก.พ. 66 โดยกลุ่มชาติมหาอำนาจ G7 (แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ) และสหภาพยุโรป (EU) เห็นพ้องกำหนดเพดานราคา Diesel ที่ 100-110 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (ปัจจุบันราคา Diesel รัสเซียอยู่ที่ 115-120 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ต่ำกว่าราคาตลาดยุโรปซึ่งอยู่ที่ประมาณ 125 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) ซึ่งมาตรการดังกล่าวอาจส่งผลต่ออุปสงค์น้ำมันดิบ

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 27 - 31 มี.ค.66  จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 3 - 7 เม.ย.66

ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น จากนักลงทุนคลายความวิตกต่อวิกฤติภาคธนาคาร ประกอบกับท่อขนส่งน้ำมันดิบ Kirkuk - Ceyhan (0.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน) ที่สูบถ่ายน้ำมันดิบจากเขตปกครองพิเศษเคอร์ดิสถานทางตอนเหนือของอิรักสู่ตุรกีปริมาณ 4 - 4.5 แสนบาร์เรลต่อวัน ต้องระงับการสูบถ่ายชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 66 หลังอิรักชนะอนุญาโตตุลาการข้อพิพาทการส่งออกน้ำมันเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 66 

อย่างไรก็ดี วันที่ 2 เม.ย. 66 รัฐบาลอิรักและรัฐบาลท้องถิ่นเคอร์ดิสถาน (Kurdistan Regional Government: KRG) บรรลุข้อตกลงกลับมาส่งออกน้ำมันดิบแล้ว และคาดว่าจะเริ่มส่งออกน้ำมันได้ในวันที่ 3 เม.ย. 66

สัปดาห์นี้ ทางเทคนิคคาดว่าราคา ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 80 – 88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากอุปทานน้ำมันมีแนวโน้มตึงตัว หลังประเทศสมาชิก OPEC+ จำนวน 7 ประเทศ ประกาศลดการผลิตน้ำมันดิบโดยสมัครใจ ปริมาณรวม 1.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน พ.ค. - ธ.ค. 66 เพิ่มเติมจากโควตาเดิมของ OPEC+ ซึ่งลดการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน พ.ย. 65 - ธ.ค. 66 ประกอบกับรัสเซียประกาศลดการผลิตน้ำมันดิบ 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน มี.ค. - ธ.ค. 66 ซึ่งจะสนับสนุนราคาน้ำมัน โดย Goldman Sachs ปรับประมาณการณ์ราคาน้ำมันดิบ Brent ในปี 66 และ 67 เพิ่มขึ้น 5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากคาดการณ์เดิม มาอยู่ที่ 95 และ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 25 - 29 ก.ย. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ ชี้แนวโน้ม 2 - 6 ต.ค. 66

ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์สิ้นสุด 29 ก.ย. 66 เพิ่มขึ้น จากความกังวลด้านอุปทาน หลัง EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ ที่คลัง Cushing ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันดิบ NYMEX WTI สัปดาห์สิ้นสุด 22 ก.ย. 66 ลดลง 0.94 MMB WoW อยู่ที่ 22 MMB ต่ำสุดตั้งแต่ ก.ค. 65 และใกล้ระดับต่ำสุดที่สามารถดำเนินการ (Minimum Operating Level) ที่ 20 MMB ขณะที่ตลาดน้ำมันโลกยังคงมีแนวโน้มตึงตัวจากมาตรการควบคุมอุปทานของกลุ่ม OPEC+

รัฐบาลสหรัฐฯ รอดจากสภาวะหยุดดำเนินงาน (Government Shutdown) หลังวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายชั่วคราวสำหรับงบประมาณปี 2023 (1 ต.ค. 2566 - 30 ก.ย. 2567) ด้วยคะแนน 88 ต่อ 9 เสียง และสภาผู้แทนราษฎรผ่านด้วยคะแนน 335 ต่อ 91 เสียง สามารถให้ประธานาธิบดี นาย Joe Biden ลงนามเป็นกฎหมาย ก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 1 ต.ค. 66 (เวลาท้องถิ่น) อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวยังไม่จบ เพราะกฎหมายนี้ใช้สำหรับงบประมาณชั่วคราวจนถึงวันที่ 17 พ.ย. 66 เท่านั้น

คาดการณ์ราคา ICE Brent สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 90 - 98 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จับตาสหภาพแรงงานปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติแห่งไนจีเรีย (Nigeria Union of Petroleum and Natural Gas Workers: NUPENG) ประกาศนัดหยุดงานทั่วประเทศเพื่อประท้วงรัฐบาล ร่วมกับสหภาพแรงงานใหญ่อีก 2 แห่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. 66 และติดตามการประชุมกลุ่ม OPEC+ (Joint Ministerial Monitoring Committee: JMMC) วันที่ 4 ต.ค. 66

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 16 - 20 ต.ค. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 23 - 27 ต.ค. 66

อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาทางอากาศอย่างต่อเนื่อง และเตรียมบุกด้วยกำลังภาคพื้นดินเพื่อกวาดล้างกลุ่ม ฮามาสออกจากพื้นที่ ขณะที่กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธสนับสนุนโดยอิหร่านมีที่ตั้งในเลบานอนเปิดฉากโจมตีทางตอนเหนือของอิสราเอล ขณะที่สหรัฐฯ นำเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำ ลอยลำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อสนับสนุนอิสราเอล อย่างไรก็ดีกาตาร์และนานาชาติเจรจาต่อรองกับกลุ่มฮามาสทำให้ตัวประกัน 4 ราย ได้รับการปล่อยตัว

กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ประกาศผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันต่อเวเนซุเอลาระยะเวลา 6 เดือน (มีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 18 เม.ย. 67) จากรัฐบาลของประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นาย Nicolas Maduro ลงนามในข้อตกลงกับพรรคฝ่ายค้าน จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2567 ทั้งนี้เวเนซุเอลาผลิตน้ำมันดิบในเดือน ก.ย. 66 อยู่ที่ 760,00 บาร์เรลต่อวัน 

Joint Organizations Data Initiative (JODI) รายงานซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมันดิบในเดือน ส.ค. 66 ลดลงจากเดือน 1.1% อยู่ที่ 8.92 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำสุดในรอบ 26 เดือน และส่งออกลดลงจากเดือน 7.1% อยู่ที่ 5.58 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำสุดในรอบ 28 เดือน ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียอาสาลดการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติม 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ค. - ธ.ค. 66

CEO ของ Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย นาย Amin Nasser กล่าวว่าขณะนี้ซาอุดีอาระเบียมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบส่วนเหลือ (Spare Capacity) อยู่ที่ 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในครึ่งหลังของปี 2566 จะอยู่ที่ 103 ล้านบาร์เรลต่อวัน 

กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศซื้อน้ำมันดิบปริมาณ 6 ล้านบาร์เรล ส่งมอบเดือน ธ.ค. 66 - ม.ค. 67 เพื่อเก็บในคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) และมีแผนเพิ่มปริมาณสำรองต่อเนื่องถึงเดือน พ.ค. 67 ที่ราคาเป้าหมายไม่เกิน 79 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 23 - 27 ต.ค. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 30 ต.ค. - 3 พ.ย. 66

สงครามฉนวนกาซากระทบราคาน้ำมันดิบผันผวนต่อเนื่อง นักลงทุนกังวลต่อความตึงเครียดจากสงครามในตะวันออกกลาง ซึ่งล่าสุดอิสราเอลโจมตีทางอากาศโดยทิ้งระเบิดอย่างหนัก และโจมตีภาคพื้นดินโดยเคลื่อนรถถังเข้าสู่ฉนวนกาซา อย่างไรก็ตาม อดีตผู้อำนวยการ Aman หน่วยข่าวกรองของกองทัพอิสราเอล นาย Amos Yadlin ชี้ว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นการกระชับพื้นที่ และยังไม่เต็มอัตราศึก (Full Scale) บ่งชี้สงครามยังจำกัดวงและไม่เต็มรูปแบบ

บริษัท Equinor ของนอร์เวย์รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในไตรมาส 3/66 เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 1.04 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากแหล่งผลิต Johan Sverdrup ระยะที่ 2 ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ ธ.ค. 65 ทำให้กำลังการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้น

ทางด้าน รมว. กระทรวงพลังงานของคาซัคสถาน นาย Almasadam Satkaliyev แถลงคาซัคสถานอาจส่งออกน้ำมันดิบไปเยอรมนี ผ่านท่อขนส่ง Druzhba ปริมาณ 2 ล้านตันต่อปี อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้ดำเนินการท่อดังกล่าวยังไม่ได้รับคำขอในการส่งน้ำมันดิบผ่านท่อเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันส่งผ่านท่ออยู่ที่ 1.2 ล้านตันต่อปี

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 3/66 อยู่ที่ +4.9% จากไตรมาสก่อนหน้า ขยายตัวมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี

จับตาธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) วันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. 66 ซึ่งล่าสุดประธาน Fed นาย Jerome Powell ขึ้นกล่าวในงานประชุม Economic Club ณ เมือง New York ในสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่า Fed จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไป ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 5-5.25%

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 20 - 24 พ.ย. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 27 พ.ย. - 1 ธ.ค. 66

ตลาดน้ำมันติดตามการประชุมกลุ่ม OPEC+ วันที่ 30 พ.ย. นี้

-ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในสัปดาห์ล่าสุด 20-24 พ.ย. 66 เพิ่มขึ้นกว่า $0.67-1.35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยนักลงทุนและผู้ค้าที่ลดการถือครองสัญญาน้ำมันดิบในช่วงก่อนหน้า กลับมาเข้าซื้อเพื่อปรับสถานะการลงทุน และทำกำไร (Short Position Covering) ในตลาดล่วงหน้า

ทั้งนี้ ICE รายงานสถานะการลงทุนสัญญาน้ำมันดิบ Brent ในตลาดลอนดอน สัปดาห์สิ้นสุด 21 พ.ย. 66 กลุ่มผู้จัดการกองทุนปรับสถานะถือครองสุทธิ (Net Long Position) ลดลง 15,880 สัญญา จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 155,105 สัญญา ส่วนตลาดนิวยอร์ก CFTC จะเลื่อนมารายงานในวันที่ 28 พ.ย. นี้ เนื่องจากในสัปดาห์ก่อน มีวันหยุด Thanksgiving ในสหรัฐฯ

-ตลาดติดตามการประชุม Joint Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ของกลุ่ม OPEC+ ในวันที่ 30 พ.ย. 66 เลื่อนจากกำหนดการเดิมวันที่ 26 พ.ย. 66 และเปลี่ยนเป็นการประชุมออนไลน์ หลังประเทศสมาชิกในแอฟริกา อาทิ แองโกลา และไนจีเรีย ไม่ต้องการจะลดการผลิตในปี 2567 

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ Reuters คาดว่า OPEC+ จะสามารถบรรลุข้อตกลง และยังคงมาตรการลดการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2567 และซาอุดีอาระเบียจะขยายเวลาอาสาลดการผลิต 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมสิ้นสุด ธ.ค. 66 ไปจนถึงไตรมาส 1/67 หรือกลางปี 67

-สถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่ม Hamas ในฉนวน Gaza ของปาเลสไตน์ ผ่อนคลาย หลัง Hamas ปล่อยตัวประกันตามข้อตกลงหยุดยิง 4 วัน ตั้งแต่ 24 พ.ย. 66 จำนวน 3 รอบ รวม 54 ราย ขณะที่อิสราเอลปล่อยนักโทษชาวปาเลสไตน์รวม 117 ราย 

ทั้งนี้ตามข้อตกลง Hamas จะปล่อยตัวประกัน 50 ราย แลกกับอิสราเอลปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ 150 ราย และให้ส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปใน Gaza ทั้งนี้ Hamas แสดงท่าทีต้องการขยายเวลาหยุดยิงออกไป 2-4 วัน ซึ่งอาจทำให้มีการเจรจาเพิ่มเติม

-บันทึกการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (Federal Open Market Committee: FOMC) เมื่อ 31 ต.ค.- 1 พ.ย. 66 ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า FOMC จะหยุดปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ (วันที่ 12-13 ธ.ค. 66) 

อย่างไรก็ตาม FOMC ยังไม่แสดงท่าทีจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ เช่นกัน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังสูงเหนือระดับเป้าหมาย ที่ 2% จากปีก่อน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top