Friday, 17 May 2024
นายกเศรษฐา

‘นายกฯ เศรษฐา’ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมหารือ ‘รมต.เพื่อไทย’ นัดแรก กำชับ!! อะไรทำได้ก่อนต้องรีบทำ ทุ่มเทให้สมกับที่ ปชช.ไว้ใจ

(4 ก.ย. 66) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการของพรรคเพื่อไทยอีก 16 คน ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงมหาดไทย, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนโยบายการทำงาน

นายเศรษฐา กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย. 66) จะมีการเข้าถวายสัตย์ฯ ก่อนหน้านี้ตนเองเคยพูดไม่ถูกว่าเราเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย แต่ตอนนี้อยากให้เห็นว่าเป็นรัฐบาลของประชาชน และพรรคร่วม 11 พรรค ซึ่งต้องให้เกียรติพรรคร่วมด้วย จึงฝากเอาไว้ด้วย

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ช่วงที่มีการเลือกนายกรัฐมนตรีและมีการแต่ตั้งคณะรัฐมนตรี ทางนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้พูดไว้หลายหนว่าเรามาด้วยต้นทุนที่สูง ตนอยากจะขอเปลี่ยน เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่ต้นทุนที่สูง แต่พรรคเพื่อไทยเราเทหมดหนน้าตัก การทำงานครั้งนี้ ตนเชื่อว่าเราเองก็มีท่านผู้มีเกียรติในที่นี้ที่ได้รับเกียรติจากพี่น้องประชาชน เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนเข้ามาดูแลบ้านเมือง เราเองก็มีหลายท่านที่อยากจะเข้ามาตรงนี้ แต่ท่านได้ถูกคัดสรรมา

“การที่เราเทหมดหน้าตักนี้ เรื่องของการที่เราจะต้องทุ่มเทการทำงานของเราเพื่อพี่น้องประชน ผมเชื่อว่าทุกท่านตระหนักดีว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ณ ช่วงเวลานี้ เรื่องการทำงาน เรื่องของระยะเวลา เรื่องของขีดจำกัดของงบประมาณก็เป็นเรื่องสำคัญ ผมไม่อยากให้เรื่องขีดจำกัดของงบประมาณก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ผมไม่อยากให้เรื่องขีดจำกัดของงบประมาณหรือว่าการที่เราได้เข้ามาบริหารช้าไป จึงจะได้ใช้งบประมาณจริงๆในต้นปีหน้า แต่ไม่ได้หมายความว่างบประมาณเป็นขีดจำกัดในการที่จะไม่ให้เราทำงาน ผมเชื่อว่ามี ‘Quick Win’ (นโยบายเร่งด่วน) หลายๆอย่างเราสามารถทำได้ เพื่อดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน หรือแม้กระทั้งการยกระดับของพี่น้องประชาชนก็สามารถทำได้  เรื่องอะไรที่เราทำได้ก่อนก็ทำ” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า เข้าใจว่าแต่ละกระทรวง ทบวง กรม มีแผนงานที่มากมาย บางอย่างขึ้นอยู่กับงบประมาณ บางอย่างขึ้นอยู่กับขั้นตอนทางกฎหมาย แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่จะต้องมีขีดจำกัดทางด้านเวลา หรือทางกฎหมาย ถ้าเกิดว่าอะไรทำได้ อะไรที่เป็นควิกวิน เพื่อให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าเราได้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ตนอยากให้นำออกมาทำก่อน เวลาที่เราออกไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชน อย่าอธิบายว่าอะไรที่เราทำไม่ได้ เราถูกเลือกเข้ามาเพื่อให้ทำให้ได้ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

“รัฐบาลของประชาชนเราต้องลดช่องว่างระหว่างฝ่ายบริหารกับพี่น้องประชาชนให้ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นเรื่องที่อยากให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงผู้บริหารได้ ตรงนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่เป็นมิติใหม่ ในการทำงานของรัฐบาลนี้ ซึ่งถ้าได้มีโอกาสพูดคุยกับพรรคร่วมอีกก็จะเน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง” นายเศรษฐา กล่าว

ครม.ไฟเขียว เปลี่ยนระบบจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ออกเดือนละ 2 รอบ ลดพฤติกรรมกู้หนี้ยืมสิน

(13 ก.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า “เรื่องที่ 7 เป็นเรื่องที่เราไม่เคยพูดคุยกัน ผมไม่ได้มีการแย้มถึงเรื่องนี้เลย แต่ผมตระหนักดีว่าเรื่องกระแสเงินสดของทุกคนในกระเป๋าเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงดำริให้เปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบเป็นเดือนละ 2 รอบ”

“โดยรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกทีหนึ่ง และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งต้องมีการแก้ไขระบบอะไรหลายๆ อย่าง จึงทำเลยไม่ได้ ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อยได้เยอะพอสมควร ถ้ามีการจ่ายเงิน 2 รอบจะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ไม่ต้องคอยให้ถึงสิ้นเดือนก็จะมีเงินแบ่งจ่ายออกมา” นายเศรษฐา กล่าวทิ้งท้าย

‘เศรษฐา’ ลั่น!! ยาบ้าต้องหมดในรัฐบาลนี้ ตั้งเป้าลดลงใน 1 ปี ยกเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมผนึกกำลังถกแผนปราบปรามเร่งด่วน

นายกฯ ประกาศขจัดวงจรยาเสพติดเป็น ‘วาระแห่งชาติ’ ผนึกกำลังถกแผนเร่งด่วน พร้อมเป็นประธานเผาทำลายยาเสพติดของกลางกว่า 25 ตัน ลั่น!! ยาบ้าต้องหมดในรัฐบาลนี้ ตั้งเป้า 1 ปี ต้องลดลง ชี้!! ผู้ค้าต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด คนเหล่านี้เป็นอาชญากร ไม่กลัวคุก จี้เร่งยึดทรัพย์ ก่อนถ่ายโอน ตัดวงจรค้าซ้ำ

(17 ก.ย. 66) ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายพรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม, นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และหัวหน้าหน่วยราชการจากกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมประชุม

โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการประชุมว่า เป็นที่ทราบกันดีว่านอกจากปัญหาเรื่องปากท้อง ปัญหายาเสพติดแพร่กระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้าทั่วประเทศไทย ช่วงที่พรรคร่วมรัฐบาลได้ลงพื้นที่หาเสียง เป็นที่ประจักษ์ดีว่านอกจากปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติดถือเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งตนคิดว่าทุกพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ที่ออกไปหาเสียงก็เห็นด้วยว่าเป็นเรื่องใหญ่เช่นเดียวกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลให้คำมั่นว่าจะเป็นวาระแห่งชาติ โดยมีตนในฐานะนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะ และเป็นประธาน ในการทำให้ปัญหาเหล่านี้ในระยะอันใกล้ลดน้อยลง และหมดไปในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย ที่ต้องรักษา และดูแลส่งคืนคนเหล่านี้กลับคืนอ้อมกอดของพ่อแม่ ให้มีอาชีพที่เหมาะสม รวมถึงการป้องกันที่ต้นน้ำด้วยว่าไม่ให้เขาไปเสพ เราจะมีมาตรการทำกันอย่างไร

ส่วนระยะสุดท้าย เมื่อมีการยึดยาเสพติดของกลางมาแล้ว จะต้องมีการกระชับเวลาในการทำลายให้สั้นลง รวมถึงเรื่องของระยะเวลาการยึดทรัพย์ เพราะหากใช้เวลานานจะทำให้ผู้ผลิตมีต้นทุนที่แข็งแกร่งสามารถกลับมาผลิตยาเสพติดได้อีก ตลอดจนจะต้องมีมาตรการในการป้องกัน การลักลอบนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในประเทศ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถึงอย่างไรก็ต้องมีจุดเริ่มต้น และขอให้วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการขจัดปัญหาออกจากสังคมไทย

จากนั้น ที่บริษัท อัคคีปราการ จำกัด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ได้เป็นประธาน ในพิธีเผาทำลายยาเสพติดของกลาง โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) หัวหน้าส่วนราชการ จากการประชุมขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมในพิธี พร้อมด้วยนายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม ประชาชน จากหมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดิน เข้าร่วมกว่า 200 ราย ร่วมเป็นสักขีพยานในการเผาทำลายยาเสพติดครั้งนี้ โดยเป็นการทำลายของกลางยาเสพติดของกลางจากคดียาเสพติดจำนวน 100 คดี เป็น ยาบ้า 12,522 กก. ไอซ์ 11,656 กก. เฮโรอีน 418 กก. ฝิ่น 179 กก. คีตามีน 704 กก. และสารเสพติดอื่นๆ น้ำหนักรวม 25,517 กก.

ซึ่งทำลายโดยการเผาไหม้ด้วยระบบเตาเผาอุณหภูมิสูง 2 ชุด เผาไหม้ที่ 800 - 1,200 องศาเซลเซียส ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง พร้อมระบบควบคุมมลพิษอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถทำลายได้หมดสิ้น และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และประชาชน

โดย นายกฯ ระบุ ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเรื้อรัง ทุกครั้งที่ตกลงคุณพี่ใจรับข้อร้องเรียนจากประชาชนตลอด ทำให้สถาบันครอบครัวอ่อนแอ รัฐบาลมีนโยบาย ทั้งปราบปรามและบำบัด  ผู้ที่ติดยาเสพติดไม่ใช่คนร้าย แต่เป็นผู้ป่วย ฉะนั้นต้องช่วยรักษา พากลับมาเป็นพลเมือง และลูกที่ดีของครอบครัวอีกครั้ง และจะต้องให้ชุมชนมีส่วนร่วม ขอให้หน่วยงานทำงานใกล้ชิดกับประชาชน

“ผู้ค้าต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด คนเหล่านี้เป็นอาชญากร ที่ไม่ควรติดคุกติดตะราง แต่พวกเขากลัวที่สุดคือการถูกยึดทรัพย์ที่ได้มา ขอให้หน่วยงาน เร่งดำเนินการยึดทรัพย์ให้เร็วที่สุด อย่าให้เกิดการโอนถ่ายได้ง่าย ในฐานะนายกรัฐมนตรี ตนขอเป็นประธาน ในการผนึกกำลังทุกหน่วยงาน และประชาชน แก้ไขปัญหา และจะติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยจะปฏิบัติงานอย่างมีนิติธรรมนิติรัฐ ให้ประชาชนอยากทำงานร่วมกับรัฐฯ และรู้สึกปลอดภัยที่จะแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่

รัฐบาลนี้เอาจริง ผมตั้งเป้าที่ชัดเจนให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัญหาจะต้องลดลงให้ได้ภายใน 1 ปี ในรัฐบาลนี้จะต้องทำยาบ้าหมดไปให้ได้ ตนจะนำมาทำลายให้หมด เหมือนที่ทุกคนจะได้เห็นในวันนี้” นายกฯ กล่าวทิ้งท้าย

‘นายกฯ’ สรุปผลสำเร็จ UNGA บริษัทยักษ์ด้าน ‘เทคฯ-การเงิน’ สนลงทุนไทย  ฉุนสื่อ!! ไม่เคยบอกตั้ง ‘ทักษิณ’ ที่ปรึกษา ปัด!! ดิจิทัลวอลเล็ตครอบจังหวัด

(24 ก.ย. 66) ที่ห้องรับรองพิเศษ VIP ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 78 (UNGA 78) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ว่า การเดินทางครั้งนี้มีภารกิจเยอะ ต้องขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยทำให้ภารกิจ 4 วัน ผ่านไปได้ โดยมีการพบปะผู้นำหลายประเทศ ได้กล่าวสุนทรพจน์ 5 ครั้ง พบกับองค์กรต่างๆ 2 องค์กร ได้พบกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ทั้งเทสลา, ไมโครซอฟต์, กูเกิล, ซิตี้แบงก์, เจ.พี.มอร์แกน, Global ZAC, เอสเต ลอเดอร์ บริษัทเหล่านี้สนใจมาลงทุน บางแห่งมาลงทุนแล้วในรูปแบบต่างๆ ที่ประเทศไทย

หน้าที่ของตนคือ ไปประกาศให้คนรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมและยินดีที่จะให้บริษัทเหล่านี้มาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น นอกจากนั้นได้พบกับตลาดหลักทรัพย์ของนิวยอร์ก ที่มองเห็นลู่ทางจะให้บริษัทของไทยไปจดทะเบียนที่ตลาดนิวยอร์ก เพราะไม่เคยมีบริษัทใดไปจดทะเบียน และหวังว่าในปีนี้จะได้เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของนิวยอร์กสัก 1 บริษัท

นายเศรษฐา กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังได้พบปะกับประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลก ควบคุมฟุตบอลทั้งหมด ได้พูดคุยกันถึงการเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่อาเซียนในปี 2032 หรืออีก 9 ปี เป็นแผนที่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก้าวแรกคือ เราอยากได้รับการสนับสนุนจากฟีฟ่าให้ช่วยดูฟุตบอลรากหญ้า จากเดิมที่เคยให้การสนับสนุนปีละ 2.5 แสนเหรียญต่อปี ตอนนี้เป็นปีละประมาณ 2 ล้านเหรียญ ถือว่าเป็นจำนวนที่มาก ทำให้คาดหวังว่าจะสามารถพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยให้ไปถึงจุดที่ควรจะเป็น

นายกฯ กล่าวว่า ขณะที่เรื่องของยูเอ็น ในภาวะที่มีการแข่งขันและภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความแตกแยกค่อนข้างมาก เป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องพิจารณา ธีมของยูเอ็นในปีนี้คือให้มาดูเรื่องการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน 17 ข้อ โดยกว่า 190 ประเทศที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่เห็นว่าควรมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมไปถึงเรื่องของภาวะโลกร้อน ซึ่งตนได้ประกาศไปว่าไม่ใช่โลกร้อน แต่เป็นโลกเดือดที่เราต้องให้ความสำคัญ ตลอดจนเรื่องของสิทธิมนุษยชนที่ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากหากมีสงครามระหว่างประเทศมากจะทำให้มีผู้เดือดร้อน มีผู้อพยพลี้ภัย ต้องดูและให้ความเป็นธรรม ที่สำคัญ จุดยืนที่ตนไปประกาศในเวทีนี้คือ ไปประกาศจุดยืนว่าเราเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งยึดมั่น ช่วยผลักดันให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ และการดำเนินการเศรษฐกิจพอเพียง

นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นเรายังได้นำเสนอนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคอัปเกรด ทำให้ประชาชนมีสิทธิเลือกใช้บริการสาธารณสุขของรัฐได้อย่างสมเกียรติ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องดูแลและป้องกันในอนาคต

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่างประเทศที่จะมาลงทุนยังมีความกังวลกับสถานการณ์ในประเทศ หรืออุปสรรคใดหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ความกังวลเรื่องนี้ลดหายไปเยอะ และคิดว่าคงไม่มีเรื่องนี้แล้ว แต่จะมีเรื่องกฎหมายบางข้อ และการอำนวยความสะดวกในการธุรกิจ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในการประชุมทั้งบีโอไอและกระทรวงการต่างประเทศต่างไปช่วยกันขยายความว่าเราพร้อมสำหรับการลงทุน พร้อมที่จะรับฟังความเห็น อะไรทำได้จะทำก่อน อะไรที่ต้องแก้ไขกฎกติกา จะมาดูความเหมาะสมอีกครั้ง

เมื่อถามว่า ธุรกิจอะไรที่ต่างชาติให้ความสนใจมากลงทุนมากที่สุด นายเศรษฐา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท เช่น เทสล่า ที่จะมาดูเรื่องของการเปิดโรงงานผลิตรถยนต์อีวี ขณะที่ไมโครซอฟต์ กูเกิ้ล มาดูเรื่องการทำดาต้า เซนเตอร์ ที่จะมีการลงทุนสูงมาก ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อรายสำหรับการลงทุนขั้นต้น

เมื่อถามว่า อุปสรรคด้านกฎหมายต่อการลงทุน เรื่องใดสำคัญที่สุด นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีเรื่องใดเป็นพิเศษ แต่เราไม่ได้ไปค้าขายระหว่างประเทศมานาน ทำให้บางบริษัทมีความกังวลเวลาที่มาลงทุน จะมีกฎที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว แต่ของเราอาจยังไม่มีการดูแลตรงนี้ ซึ่งต้องนำไปพิจารณาดูแลรายละเอียดให้เกิดความเหมาะสม

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการไปพูดคุยกับบริษัทรายใหญ่ได้ประเมินมูลค่าการลงทุนในประเทศไทยประมาณเท่าไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ประเมินได้ลำบาก เพราะภาคอุตสาหกรรม เช่น เทสลา, ไมโครซอฟต์, กูเกิล การลงทุนขั้นต้นประมาณ 5 พันล้านเหรียญ แต่บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการเงิน อาจจะทำให้เกิดการลงทุนที่สูงมากหากมาตั้งสำนักงานที่ประเทศไทย มีโอกาสที่บริษัทเหล่านั้นอาจเผยแพร่ความน่าอยู่และตัวเลขเศรษฐกิจ ความเจริญของประเทศไทย และนำบริษัทอื่นมาลงไทุนในไทย และในการประชุมเอเปกที่จะเกิดขึ้น อาจจะเชิญบริษัทขนาดกลางเพื่อเปิดโอกาสได้ไปเสนอตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนข้ามชาติที่เราไปลงทุนในประเทศเขา หรือเขามาลงทุนในประเทศเรา เป็นการเปิดช่องทาง สร้างงาน สร้างรายได้ ให้ประชาชน

เมื่อถามถึงเสียงสะท้อนให้เพิ่มรัศมีการใช้เงินดิจิทัล วอตเล็ต 1 หมื่นบาท เป็นระดับจังหวัด? นายเศรษฐา กล่าวว่า ถือเป็นข้อเป็นห่วงใยที่ต้องนำมาพิจารณา หากกำหนดให้ใช้ในจังหวัด บางทีการใช้จ่ายก็จะกระจุกตัวอยู่ในอำเภอเมือง แต่เราอยากจะให้อำเภอที่กันดารได้มีโอกาสแจ้งเกิดบ้าง ตรงนี้คณะกรรมการกำลังพิจารณากันอยู่ ในรายละเอียดไม่ต้องเป็นห่วง

เมื่อถามว่าเวลานี้ ไม่มีข้อกังวลเรื่องเม็ดเงินจริงที่จะใช้ในนโยบายนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่ครับ ไม่เคยมีความกังวล”

เมื่อถามถึงความชัดเจนกรณีที่มีการตีความการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศ ในการตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษา? นายกฯ กล่าวว่า ทุกท่านต้องแกะเทปดู ตนไม่ได้บอกว่าจะตั้ง แต่บอกว่าถ้ามีเรื่องอะไรถ้าจะปรึกษาก็ปรึกษาได้ เหมือนกับตนปรึกษากับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่อาจจะเกษียณไปแล้ว หรืออดีตนายกรัฐมนตรี ตนเองได้ไปกราบนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ และนายสมชายวงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ มาแล้ว

"ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งแรก เพิ่งเข้าสู่วงการการเมือง ใครมีความรู้ความสามารถที่ดี ก็พร้อมที่จะปรึกษา พูดแค่นั้น ผมก็พูดแค่นั้น บลูมเบิร์กก็แปลแค่นั้นใช่ไหม อย่าตีความไปกว้างกว่านั้นเลย เพราะเรื่องนี้จะก่อให้เกิดประเด็นโดยไม่ใช่เหตุ" นายเศรษฐา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่มีการตีความกันไปแบบนั้น นายกฯ กล่าวเสียงเข้ม ว่า “คุณตีความ คุณอย่าตีความ คุณฟังที่ผมพูดสิ”

‘โฆษกรัฐบาล’ อัด ‘ก้าวไกล’ หลังจี้ ‘เศรษฐา’ ตอบกระทู้กรณีปัญหาตำรวจ พร้อมถาม “รู้ทั้งรู้ว่านายกฯ ติดภารกิจเยือนกัมพูชา จะทำไปเพื่ออะไร?”

(28 ก.ย. 66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความคิดเห็นกรณี นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตำหนิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าหนีตอบกระทู้ถามสด กรณีปัญหาเกี่ยวกับตำรวจ แต่กลับไปราชการที่กัมพูชา ว่า…

“รู้ทั้งรู้ ว่านายกรัฐมนตรีติดภารกิจเยือนกัมพูชา แต่ก็ยังหาเรื่องตั้งกระทู้ถามสดในสภาฯ ทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร? ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์อะไรครับ?”

อย่างไรก็ตามขณะนี้ นายชัย ได้ติดตามภารกิจนายกฯ อยู่ประเทศกัมพูชา

‘นายกฯ’ ปาฐกถา ‘Next Chapter’ ปลุกคนไทยพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง แนะทุกฝ่ายหันหน้าเจรจาลดความขัดแย้ง ย้ำ การกระทำสำคัญกว่าคำพูด

(29 ก.ย. 66) ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมงานเสวนา “ถอดรหัสลงทุน ก้าวข้ามวิกฤต” ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ โดยมี น.ส.ปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายปราปต์ บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายเทคโนโลยีและดิจิทัลมีเดีย, นางสาวดิษณีย์ นาคเจริญ บรรณาธิการประชาชาติธุรกิจ, นายพัฒนพันธุ์ วงษ์พันธุ์ กรรมการบริษัท และที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการ, นายวรศักดิ์ ประยูรศุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท งานดี จำกัด, นายสุริวงค์ เอื้อปฏิภาน รองกรรมการผู้จัดการ ระบบสื่อออนไลน์และบรรณาธิการข่าวสด, นายจำลอง ดอกปิก บรรณาธิการมติชน และนายสมปรารถนา คล้ายวิเชียร ผู้อำนวยการ Digital Media พร้อมคณะผู้บริหารเครือมติชน และผู้บริหารกองบรรณาธิการประชาชาติธุรกิจ รวมทั้งวิทยากร นักธุรกิจที่เข้าร่วมงานเสวนา ให้การต้อนรับ

จากนั้น คณะผู้บริหารเครือมติชนเชิญนายเศรษฐา นายกฯ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมวิทยากร และผู้บริหารภาคธุรกิจร่วมรับประทานอาหารเช้า พร้อมพูดคุยหารือร่วมกัน

ต่อมา ที่ห้องแกรนด์ฮอลล์ ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก (เพลินจิต) นายเศรษฐากล่าวปาฐกถาพิเศษ “Next Chapter ประเทศไทย” ตอนหนึ่งว่า เป็นคนที่ชัดเจนมาโดยตลอด ถ้าคนที่รู้จักตนจะรู้ว่าเป็นคนที่พูดน้อยและให้ได้ใจความ เมื่อมายืนอยู่ตรงนี้ตนก็เป็นส่วนหนึ่งของการที่อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่เราเองต้องมีการปรับปรุงตัวเพื่อให้ลดความขัดแย้งลงไปจากการพูดจา ที่พูดอาจจะพูดเป็นเหมือนเป็นคอนเซปต์ หลายท่านอาจจะไม่เข้าใจ ก็จะขอยกตัวอย่างโดยที่ไม่ได้ต้องการจะไปว่า หรือตอบโต้กับใครทั้งสิ้น ในเรื่องของการที่เราใช้คำว่าปฏิรูป สังคายนา ล้างบาง ขอยกตัวอย่างเป็นคำพูดอย่างนี้แล้วกัน

นายเศรษฐากล่าวว่า คิดว่าทุกๆ คนก็มีความภาคภูมิใจและความหวังดีต่อองค์กรของตัวเอง เข้าใจว่าทุกองค์กรมีคนดี คนไม่ดี แต่การที่เราใช้คำพูดที่รุนแรง วิธีการที่ก่อให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวกที่ชัดเจนมันเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาหรือเปล่า หรือการแก้ปัญหามันอยู่ที่การกระทำ ไม่ได้อยู่ที่การพูด ซึ่งตนเชื่อว่าอยู่ที่ส่วนหลัง มันอยู่ที่การกระทำและวิธีการในการทำ

“การเอาสถาบันต่างๆ มาพูดในที่สว่าง มีคำพูดที่รุนแรง ผมเชื่อว่าไม่เป็นการแก้ไขปัญหา การแก้ไขปัญหาคือการที่พูดคุยกันในภาษาที่ทุกคนยอมรับได้ แต่ไปเน้นหนักเรื่องการกระทำ เรื่องกระบวนการในการแก้ไขปัญหาที่จะทำให้สังคมดีขึ้น ผมเชื่อว่าผมไม่ต้องพูดเยอะในเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนตระหนักดีอยู่แล้ว” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวต่อว่า การกระทำตัวของทุกๆ คนในสังคมมีส่วนช่วยทำให้สังคมลดความเหลื่อมล้ำ คนที่มีเยอะเรื่องของการใช้โซเชียลมีเดียในการอวด ในการแสดงตนว่าเหนือชั้น หลายๆ เรื่องพวกนี้ถ้าเกิดลดลงไปได้บ้างคนที่อยู่ชายขอบของสังคมเขาก็จะมีความสบายใจขึ้น

“ผมเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้อาจจะรวมถึงตัวผมเองก็อาจจะเป็นส่วนที่ต้องรับผิดชอบไปเหมือนกัน แต่มันไม่สายเกินไปหรอกครับ เราลองมาช่วยเยียวยาสังคมให้มันดีขึ้นจากการกระทำของพวกเราเองทุกคน” นายเศรษฐา กล่าว พร้อมทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงก็ยากจะอยู่รอด สำหรับแนวทางการบริหารที่รวดเร็ว Speed To Market ให้ความสำคัญกับเป้าหมาย ซึ่งก็คือชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน น่าจะทำให้การปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Next Chapter ประเทศไทย มองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับประเทศได้อย่างชัดเจน

‘นายกฯ’ ลั่น!! ปัญหา ‘บิ๊กโจ๊ก-บิ๊กต่อ’ แค่ลิ้นกับฟัน ย้ำ เห็นต่างได้แต่งานอย่าเสีย เตือนอย่ามีข่าวลบ

‘เศรษฐา’ เผยสไตล์ทำงานแบบมิติใหม่ เน้นคุยวงเล็กต้องพร้อมทุกเมื่อ ไม่ต้องซีเรียส หวังให้กระตือรือร้น ลั่นปัญหา ‘โจ๊ก-ต่อ’ แค่ลิ้นกับฟัน เห็นต่างได้แต่งานอย่าเสีย เตือนอย่ามีข่าวลบ จ่อตั้งอดีตตำรวจช่วยงานปราบยาเสพติด

(3 ต.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเชิญ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มาหารือภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องการพบปะกับข้าราชการระดับสูง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงินการคลัง ฝ่ายความมั่นคง จากนี้ต่อไปจะเป็นการทำงานในลักษณะแบบนี้ ไม่จำเป็นจะต้องไปประชุมใหญ่ที่มีองคาพยพขนาดใหญ่ ในลักษณะการประชุมหลาย 10 คน แต่อย่างการมาประชุมวันนี้ก็ประชุม 3-4 คน หรือ 6 คนเต็มที่ จากนั้นเป็นเรื่องการสั่งการและรับฟังความคิดเห็น จากเหตุการณ์ปัจจุบันอย่างเรื่องการให้วีซ่าฟรีของชาวจีนว่าจากการดำเนินการที่ผ่านมามีปัญหาอะไรบ้าง มีการบริหารจัดการกันอย่างไร และมีข้อเรียกร้องกันอย่างไร เพราะบางข้อเรียกร้องก็เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นเรื่องของการใช้ภาษีต่างๆ ซึ่งเราก็ได้รับฟังและจะมีการหารือในกลุ่มอื่นต่อไป

นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการพบปะกันธรรมดา ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ในการทำงาน ไม่มีอะไรผิดปกติ เรื่องแบบนี้เราทำกันมาอยู่แล้วและภาคส่วนอื่นก็ทำเช่นนี้ เพราะถ้าไม่มีการพูดคุยส่วนตัวคิดว่าน่าเป็นห่วงมากกว่า การประชุมต่อไปนี้ไม่ต้องเป็นทางการมาก ไม่ต้องมีการเตรียมงาน แต่จะเป็นการกระตุ้นให้กับทุกคนและตัวตนเองว่าข้อมูลต้องพร้อม ต้องเตรียมตัวให้ดีตลอดเวลา ไม่ต้องไปเตรียมตัว 2-3 วัน บอกเช้ามาบ่ายก็ได้ จึงอยากให้ผู้ร่วมงานทุกคนและหน่วยงานมีความกระตือรือร้น แต่ไม่ต้องซีเรียสมากที่จะมาพูดคุยกัน ถ้าหากไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ก็กลับไปหาข้อมูลกันมาได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการพบกันครั้งนี้ ได้มีการเคลียร์ปัญหาในวงการตำรวจหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นายเศรษฐากล่าวว่า คิดว่าตั้งแต่ช่วงที่มีการแต่งตั้งออกไป ทั้ง ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร.สุรเชษฐ์ ก็มีภาพข่าวออกไปแล้วว่ามีการพูดคุยกันในเชิงบวก

“คนเราอยู่ด้วยกันก็มีลิ้นกับฟันเป็นธรรมดา แต่ผมเชื่อว่าความตั้งใจจริงของทั้งสองท่าน และอาจจะยังมีอีกหลายๆคู่ที่อาจเป็นคู่กรณีกัน ซึ่งผมไม่ทราบ แต่เรามีนโยบายชัดเจนว่าเรามีภารกิจใหญ่ คือความมั่นคงของประเทศ การดูแลทุกข์สุขของประชาชน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เรื่องส่วนตัวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องทำงานให้ได้ ต้องไม่มีข่าวเชิงลบ ต้องบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้พี่น้องประชาชนได้ตลอดเวลา” นายเศรษฐา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีความขัดแย้งกันเองจริงๆ และยังมีอีกหลายคู่ที่มีความขัดแย้งกันใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นธรรมดาในทุกวงการ แม้แต่วงการสื่อมวลชน อยู่ที่นี่ก็อาจจะมีการทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา บางคนไม่พูดคุยกันก็มี ถือเป็นธรรมดา

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีพร้อมจะห้ามศึกใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ ผมคิดว่าเราไม่ต้องห้าม เรามีการพูดคุยกันอย่างเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่จำเป็นที่ว่าการพูดคุยแล้วจะต้องมีการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่จำเป็น เราผิดใจกันได้ แล้วก็กลับมาสมานใจกันได้ใหม่ สังคมอยู่ด้วยกันมาจากหลายที่หลายทาง จะให้เห็นตรงกันทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องมีการพูดคุยกันในภาษาที่น่าฟัง ไม่ใช่ไปด้อยค่าซึ่งกันและกัน ต้องไม่มีการดูถูกดูแคลนกัน ที่ผ่านมาสังคมแตกแยกกันเยอะแล้ว ก็ขอให้มีมิติใหม่ ในการพูดคุยกันดีกว่า” นายเศรษฐา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพลบที่ออกไปประชาชนมีความคาดหวังอยากให้มีการปฏิรูปตำรวจ นายกรัฐมนตรีมองอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าทุกองค์การทุกสถาบัน โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง หรือการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน การดูแลทุกข์สุขของประชาชน การพัฒนาความสัมพันธ์ มีการแก้ไขในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เชื่อว่าทุกคนตระหนักดี และรู้ว่าอะไรไม่ดีก็ต้องมีการแก้ไข

เมื่อถามว่าได้มีการสั่งการอะไรพิเศษกับ ผบ.ตร. คนใหม่บ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกันวันนี้ได้ขอให้มีการติดตามในเรื่องวีซ่าฟรีคนจีนเข้ามาต้องไม่มีปัญหา เรื่องของการตรวจคนเข้าเมืองต้องอำนวยความสะดวกให้ดี แต่อย่าให้สะดวกเกินไปจนกระทั่งลืมเรื่องของความมั่นคง นอกจากนี้ยังได้สั่งการในเรื่องยาเสพติด ต้องดูให้ดี เพราะปัจจุบันเหมือนจะมีเข้ามาเยอะ ตนลงพื้นที่ไปเพราะมีประชาชนมาพูดคุยและแสดงความเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก ก็ได้กำชับกับ ผบ.ตร.คนใหม่ไป และอีก 2-3 วัน ตนจะมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่จะไปช่วยดูแลตรงนี้ ซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจที่เพิ่งเกษียณอายุราชการไป

‘นายกฯ’ โทรสายตรงคุยทูตจีน รายงานสถานการณ์กราดยิงที่พารากอน เชื่อ ไม่กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ลั่น!! “ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า”

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 66 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ภายหลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุกราดยิงที่สยามพารากอน กว่า 40 นาที โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จำนวน 3 ราย อาการหนัก 1 ราย

ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอาการปลอดภัย โดยนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวด้วยกัน 4 คน เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย อีก 2 คน ยังไม่เจอตัว แต่ไม่เป็นอะไร ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและตำรวจกำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อค้นหาตัวนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน และพามาเจอผู้บาดเจ็บที่เป็นเพื่อนร่วมทริป ซึ่งสภาพร่างกายโอเคแล้ว แต่สภาพจิตใจอยากเจอเพื่อน ซึ่งทาง ททท.ได้ให้ล่ามอยู่ด้วยที่โรงพยาบาลอีก 1 คน เพื่อช่วยเหลือในการติดต่อสื่อสาร และทำให้เกิดความสบายใจขึ้น

“ผมได้โทรศัพท์พูดคุยกับท่านเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อรายงานสถานการณ์ทั้งหมด ซึ่งทูตจีนได้ขอบคุณในความใส่ใจของรัฐบาลไทย และซาบซึ้งใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินี ทรงรับผู้บาดเจ็บทั้งหมด ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ อีกทั้งทางท่านทูตจีนก็ซึ้งใจและขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้ Take Action ทันที ขั้นตอนต่อไป คือการหาตัวนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนให้ได้” นายกรัฐมนตรึ กล่าว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรึ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนนั้น ได้ถูกนำตัวแยกกักไว้ ดูแลตามสิทธิ์ของเยาวชน มีทั้งแพทย์และจิตแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ห่วงว่าจะกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เราจะให้ความระมัดระวังสูงสุด ขณะที่สถานที่เกิดเหตุ ก็ได้ทำงานประสานพูดคุยกับทางตำรวจ ซึ่งทาง ผบ.ตร.รายงานว่าทั้งหมดเป็นไปตามมาตรการ ทั้งการอพยพ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนทั้งหมด หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก ส่วนการสร้างความเชื่อมั่นหลังจากนี้ก็ทำอยู่ตลอด เพราะเราให้ความสำคัญสูงสุด

เมื่อถามว่า ได้มีการกำชับทาง ผบ.ตร. และโรงพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากทุกคนทราบหน้าที่อยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลก็ดูแลคนไข้อย่างเต็มที่ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเองก็อยู่ที่นี่ คณะแพทย์และพยาบาลต่างก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังเจ้าหน้าที่ติดตามค้นหาค้นหานักท่องเที่ยว เพื่อนร่วมทริปของผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ล่าสุดได้มีการพบตัวทั้ง 2 คนแล้ว ซึ่งปลอดภัยดี โดยมีผู้ช่วยกงสุลจีนประจำประเทศไทย เข้ามารายงานสถานการณ์ให้นายกรัฐมนตรีที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยด้วยว่า ทางการมาเลเซียได้ต่อสายพูดคุย สอบถามถึงสถานการณ์ เนื่องจากมีบุคคลในราชวงศ์ของมาเลเซียเดินทางมาที่ประเทศไทย ซึ่งได้ยืนยันว่า สถานการณ์คลี่คลายและปลอดภัยแล้ว

ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า กำหนดการในวันพรุ่งนี้ (4 ต.ค.) เวลา 10.30 น. ในการเป็นประธานในพิธีเปิด ‘SCBX NEXT TECH’ เทคคอมมูนิตี้แห่งโลกอนาคต ณ ชั้น 4  ศูนย์การค้าสยามพารากอน ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ยังคงมีเหมือนเดิม พร้อมกล่าวว่า “ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ในการแก้ปัญหา”

‘นายกฯ’ ถึงกรุงริยาด พร้อมร่วมประชุมสุดยอด ‘ASEAN-GCC’ ครั้งที่ 1 กระชับสัมพันธ์อาเซียน-รัฐอ่าวอาหรับ ก่อนเข้าเฝ้ามกุฎราชกุมารแห่งซาอุฯ

นายกฯเศรษฐา เดินทางถึงกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียแล้ว เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับครั้งที่ 1 ทันที ก่อนเข้าเฝ้าเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนและเข้าร่วมการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation (BRF) ครั้งที่ 3 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเวลา 05.40 น. ของวันที่ 20 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่นกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย (ช้ากว่าประเทศไทย 4 ชม.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับครั้งที่ 1 (ASEAN-GCC Summit) ระหว่างวันที่ 20-21 ตุลาคม 2566

โดยเมื่อเดินทางถึง นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ร่วมพิธีการต้อนรับ จากนั้นเดินทางไปยังโรงแรม Ritz Carlton ซึ่งเป็นโรงแรมที่พักก่อนปฏิบัติภารกิจ

จากนั้นเวลา 09.00 น. ที่โรงแรม นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมโดยเมื่อเดินทางถึงบริเวณห้องโถงหน้าห้องประชุม เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ต้อนรับและถ่ายภาพร่วมกัน ก่อนเข้าร่วมประชุม

จากนั้น 11.00 น. นายกรัฐมนตรีร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันโดยเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดลุ อะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำภายหลังการประชุมสุดยอด ASEAN-GCC Summit

จากนั้นเวลา 11.40 น. นายเศรษฐาเข้าเฝ้าเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุล อะซีซ อาล ซะอูด มกุฎ ราชกุมาร และนายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

สำหรับประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับครั้งที่ 1 (ASEAN-GCC Summit) เป็นการประชุมครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์อาเซียน-GCC ที่มีมากกว่า 30 ปี การเข้าร่วมการประชุมของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในระดับสูงของไทยในการกระชับความสัมพันธ์กับ GCC และประเภทสมาชิกต่างๆ ของ GCC โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบียที่ไทยเพิ่งฟื้นฟูความสัมพันธ์นอกจากจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์ศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยกับกลุ่มประเทศ GCC ซึ่งถือได้ว่าเป็นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงและแหล่งทุนขนาดใหญ่ของกลุ่มประเทศ GCC รวม 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะโอกาสในด้านอาหาร พลังงาน และการท่องเที่ยว รวมถึง การพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่การจัดทำ FTA-GCC และอาจเสนอให้พิจารณาจัดตั้ง อาเซียน GCC Business forum เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายและการไปมาหาสู่ของประชาชนในสองภูมิภาค ทั้งในเชิงธุรกิจและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

โดยการประชุมครั้งนี้ เห็นพ้องให้ผู้นำรับรองเอกสารผลลัพธ์จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมสุดยอด อาเซียน GCC ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำทั้งสองฝ่ายในการกระชับความสัมพันธ์อาเซียน GCC ในความร่วมมือสาขาต่างๆ ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรม ในส่วนร่างกรอบความร่วมมืออาเซียน GCC ค.ศ.2024-2028 เป็นเอกสารแผนงานระหว่างอาเซียนกับ GCC ระยะ 5 ปี 2024-2028 โครงการ กิจกรรมและแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาต่างๆ ได้แก่ การเมืองและความมั่นคง การป้องกันและต่อต้านการก่อการร้าย แนวคิดสุดโต่งและแนวคิดสุดโต่งนิยมความรุนแรง การค้าการลงทุน การเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและสารสนเทศ การศึกษา ความเชื่อมโยง ข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน และการลดช่องว่างการพัฒนา

‘ณัฐจิรา’ ชี้ ‘เศรษฐา’ บริหารไม่ถึง 2 เดือน ลดค่าครองชีพ ปชช.ต่อเนื่อง ลั่น!! รัฐฯ มุ่งแก้ปัญหาปากท้อง หนุนคนไทยมีงานทำ-มีกินมีใช้อย่างยั่งยืน

(23 ต.ค. 66) น.ส.ณัฐจิรา อิ่มวิเศษ สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้ารับหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน จนถึงเวลานี้ไม่ถึง 2 เดือน รัฐบาลเดินหน้าลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลดค่าไฟฟ้า ที่เป็นปัญหาหนักอกของคนไทยมานานหลายปี จนถึงเวลานี้ ค่าไฟฟ้าตามบ้านลดลงจนหลายครอบครัวมีความสุขมากขึ้น รวมทั้งลดราคาน้ำมันส่งผลให้ประชาชนประหยัดเงินได้มาก

น.ส.ณัฐจิรา กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้รัฐบาลเดินหน้าเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพให้คนไทย ภายใต้นโยบายเติมเงินในกระเป๋าประชาชนจะช่วยลดต้นทุนการเกษตร สามารถรวมกลุ่มกันสร้างอำนาจต่อรองในตลาด และซื้อสินค้าในราคาที่ลดลงด้วย ในขณะเดียวกันด้วยจำนวนเม็ดเงินตามนโยบายรัฐ ประชาชนสามารถสร้างอาชีพใหม่ได้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านขายอาหาร เปิดร้านขายของชำ สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจะเป็นการต่อยอดเงินจากโครงการรัฐบาล ไปสู่การสร้างอาชีพให้กับประชาชนทั่วไทย

“รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มุ่งในการแก้ปัญหาปากท้องเป็นลำดับแรก หลังจากหลายปีที่ผ่านมาประชาชนต้องทุกข์ตรมกับปัญหาสารพัดที่ต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด ตกงานรายได้ไม่พอรายจ่าย ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ สวนทางกลับราคาปุ๋ย ราคายาปราบศัตรูพืชปรับราคาไม่หยุด ดังนั้นรัฐบาลตั้งใจลดค่าครองชีพ เพิ่มราคาผลผลิตทางการเกษตรเพื่อพลิกฟื้นชีวิตประชาชน ให้มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป” น.ส.ณัฐจิรา กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top