Sunday, 5 May 2024
นครสวรรค์

หลวงพ่อพัฒน์ (ปุญญกาโม) บริจาคเงินจำนวน 8,000,000 บาท เพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ และ รถพยาบาลVIP จำนวน 1 คัน มอบให้โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์

วันนี้ 12.30 น.  หลวงพ่อพัฒน์ (ปุญญกาโม) และดร.เสมอ งิ้วงาม (ป๋อง สุพรรณ) บริจาคเงินจำนวน 8,000,000 บาท(แปดล้านบาทถ้วน) เพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ และรถพยาบาลVIP จำนวน 1 คัน มอบให้โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ โดยมีนายแพทย์โชติ ภาวศุทธิกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์รับมอบ ในพิธีมหาพุทธามังคลาภิเษกวัตถุมงคลหลวงพ่อพัฒน์ (ปุญฺญกาโม) รุ่น พยัคฆ์แสนล้านและรุ่น ราชาพยัคฆ์ ณ วัดธารทหาร (ห้วยด้วน) อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์

ท่านที่ประสงค์จะทำบุญในโอกาสพิเศษต่างๆ ติดต่อได้ที่ ประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลฯ 056-001555 และ 089-8584102 หรือโอนเงินธนาคารกรุงไทย เลขที่ 633-0-41531-5 ส่งหลักฐานที่ inbox เพจ Facebook โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์


ภาพ/ข่าว  ตอริก (ปัตตานี)

นครสวรรค์ - ความคืบหน้า สร้างโรงพยาบาลหนองบัว ชาวบ้านสงสัย เงินบริจาค 48 ล้านบาท ได้แค่เสาเข็มผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมเงินบริจาคการทำบุญในครั้งนี้ มีข้อสงสัยถึงความล่าช้าในการก่อสร้างโรงพยาบาล

วันที่ 11 เม.ย.64 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่  โรงพยาบาลหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ติดตามความคืบหน้าการสร้างโรงพยาบาลหนองบัว หลังจากที่ หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม พร้อม ดร. เสมอ งิ้วงาม (ป๋อง สุพรรณ) และทีมงานป๋อง สุพรรณ การันตี นำเงินบริจาคกว่า 48 ล้านบาท มอบให้ทางโรงพยาบาลหนองบัวตั้งแต่ วันที่ 16 ต.ค.63 จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงเดือน เม.ย.64 แต่ทำได้แค่เพียงลงเสาเข็มเท่านั้น ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมเงินบริจาคการทำบุญในครั้งนี้ มีข้อสงสัยถึงความล่าช้าในการก่อสร้างโรงพยาบาลในครั้งนี้  หลังจากที่ได้มีการมอบเงินร่วมทำบุญจำนวน 48 ล้านบาทให้กับทางโรงพยาบาลหนองบัว จังหวัด นครสวรรค์ เพื่อจัดสร้างอาคารพยาบาลตามความตั้งใจของหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม

โดยแบ่งเป็น2อาคาร ในการก่อสร้างแบ่งเป็นพื่นที่ด้านหน้าและด้านหลังของโรงพยาบาลหนองบัว ในส่วนของด้านหน้าก่อสร้าง อาคารอุบติเหตุ ฉุกเฉิน (อาคาร ค.ส.ล. อาคาร 1ชั้น) เพื่อรองรับ อุบัติเหตุฉุกเฉินและเหตุเร่งด่วนต่าง ๆ และในส่วนของด้านหลังสร้างอาคารผู้ป่วยในมีเตียง รองรับทั้งหมด 60 เตียง(อาคาร ค.ส.ล. 2 ชั้น)  โดยมีผู้รับเหมารับผิดชอบการก่อสร้าง 2 รายด้วยกัน คือ 1.บริษัท ณัฐกานต์ โปรเจค1996 จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างอาคาร อุบติเหตุ ฉุกเฉิน วันที่เริ่มทำสัญญา คือวันที่ 8 ก.พ.64. และสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 5 ธ.ค.64 ราคาก่อสร้าง 9,000,000 บาท (เก้าล้านถ้วนบาท)  และในพื้นที่ด้านหลังก่อสร้างอาคารรองรับผู้ป่วยใน 60 เตียง เริ่มทำสัญญาวันที่ 8 ก.พ.64 และสิ้นสุดในวันที่ 3 ก.พ. 65  ราคาก่อสร้าง 19,720,000 บาท(สิบเก้าล้านเจ็ดแสนสองหมื่นบาทถ้วน) โดยมี หจก.นำแสงพาณิชณ์ก่อสร้าง เป็นผู้รับผิดชอบ

นาย พูลเกิด ชารี หรือ เกิด นครสวรรค์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่ทีมงานได้มอบเงินบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลในวันที่ 16 ต.ค. 63 แล้ว ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการติดต่อกับผู้รับเหมาดังกล่าวเพื่อทำการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน และอาคารผู้ป่วยใน แต่การก่อสร้างค่อนข้างจะล่าช้ามาก ๆ และชาวบ้านที่ร่วมการบริจาคเงินทำบุญในครั้งนี้มีความสงสัยเกี่ยวกับความล่าช้าในการก่อสร้างดังกล่าว นาย พูลเกิด ชารี หรือ เกิด นครสวรรค์ กล่าวว่า จากการที่ได้มีการพูดคุยกับผู้รับเหมาก่อสร้างแล้วนั้น ได้ความว่าตอนนี้เป็นการลงเสาเข็มและตรวจเช็คการรับน้ำหนักของเสาเข็มก่อนว่าจะเกิดการทรุดตัวของดินไหม หากไม่มีปัญหาอะไรจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างต่อในวันที่ 28 เม.ย.64

ส่วนในเรื่องของตัวเงินนั้นตนไม่ขอพูดอะไร เพราะได้มอบให้ทางโรงพยาบาลเป็นผู้รับผิดชอบไปแล้ว รอให้ทางโรงพยาบาลชี้แจงเองดีกว่า เนื่องจากตอนที่มอบเงินบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลได้มอบเป็นเงินสดให้ทั้งหมดและมีทีมงานที่มาร่วมเป็นสักขีพยานหลายคนและได้มีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊คด้วย หลังจากมอบเงินให้ทางโรงพยาบาลแล้วตนไม่ทราบว่าทางโรงพยาบาลหนองบัวได้นำเงินเข้าบัญชีหรือมีการจัดการยังไง ตอนนี้แค่รอทางโรงพยาบาลหนองบัวและผู้บริหารออกมาชี้แจงให้ตนและชาวบ้านได้หายสงสัย

ด้าน ดร.เสมอ งิ้วงาม หรือ ป๋อง สุพรรณ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า ตนทราบเรื่องการก่อสร้างล่าช้าแล้วและกล่าวชี้แจงว่าเงินที่ได้มอบให้ทางโรงพยาบาลไป เป็นเงินบัญชีเพื่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน จำนวนเงิน 30,040,900 บาท(สามสิบล้านสี่หมื่นเก้าร้อยบาทถ้วน)  และบัญชีที่สอง เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ จำนวนเงิน 18,236,000 บาท(สิบแปดล้านสองแสนสามหมื่นหกพันบาทถ้วน) และบัญชีที่สาม กองทุนหลวงปู่พัฒน์จำนวนเงิน  389,000 บาท(สามแสนแปดหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) รวมทั้งหมด 48,665,900 บาท(สีสิบแปดล้านหกแสนหกหมื่นห้าพันเก้าร้อยบาทถ้วน) ในนามของทีมงานสะพานบุญป๋องสุพรรณการันตี ได้ดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ในการสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนของหลวงปู่พัฒน์ วัดห้วยด้วยแล้ว และมีชาวหนองบัว และผู้บริจาคได้สอบถามถึงความคืบหน้าในการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน ซึ่งทางคุณป๋อง สุพรรณ เองก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกันว่าจะเสร็จเมื่อไร จึงอยากให้ผู้รับผิดชอบหรือผู้รับเหมาออกมาชี้แจงถึงความล่าช้าในการก่อสร้าง

เนื่องจากมีพี่น้องชาวนครสวรรค์ได้ส่งภาพการก่อสร้างอาคารดังกล่าวมาให้ดูว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหน อีกทั้งพี่น้องประชาชนยังสงสัยถึงจำนวนเงินที่บริจาคไปอยากให้มีการตรวจสอบได้ จึงอยากให้ทางผู้ที่เกี่ยวข้องหรือทางโรงพยาบาลหนองบัวออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว เพื่อความสบายใจของชาวหนองบัวและผู้ร่วมบริจาคในครั้งนี้

 

นครสวรรค์ – แมลงกระเบื้องปีกแข็ งบุกบ้านเรือนชาวบ้าน ตำบลหนองพิกุล อ.ตากฟ้า

วันที่ 29 เมษายน 2564 อบต.หนองพิกุล ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน หมู่ 1 ต.หนองพิกุล ว่ามีแมลงกระเบื้องปีกแข็ง มาก่อกวนสร้างความรำคาญ และมีจำนวนมากขึ้นตามผนังบ้านและภายในบ้าน จึงแจ้งมายัง อบต.หนองพิกุล ให้เจ้าหน้าที่ช่วยไปกำจัดแมลงกระเบื้องปีกแข็งให้ด้วย ดังนั้น นางสุวรรณา แจ้งมณี นายก อบต.หนองพิกุล มอบหมายให้ นายบุญมั่น มั่นนวล เลขานายกฯ รองปลัดฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.หนองพิกุล และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 เข้าช่วยเหลือชาวบ้านและทำการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงกระเบื้องภายในที่พักอาศัยของชาวบ้าน หมู่ 1 บ้านหนองพิกุล อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์  2 หลัง คือ บ้าน นางเล็กอิ่มแย้ม บ้านเลขที่ 103 หมู่ 1 บ้านหนองพิกุล และบ้าน นางสาวลัดดา พันทะท้าว บ้านเลขที่ 2 หมู่ 1 บ้านหนองพิกุล

เนื่องจากแมลงกระเบื้องจะออกมาในช่วงฤดูฝน จึงได้นำเครื่องพ่นฝอยละออง ฉีดพ่นบริเวณโดยรอบที่อยู่อาศัย ฉีดให้โดนตัวแมลงจะตกมาตาย และสารเคมีที่ฉีดพ่นจะตกค้างอยู่ที่พื้นบริเวณบ้านประมาณ 6 เดือน ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยง  หากบ้านเรือนประชาชนท่านใดมีแมลงกระเบื้องปีกแข็ง เข้ามาที่อยู่อาศัยจำนวนมากไม่สามารถกำจัดด้วยตนเองได้ โปรดแจ้งหรือมายื่นคำร้องขอความช่วยเหลือได้ที่ อบต.หนองพิกุล ได้ในเวลาราชการ ถ้าไม่ติดภารกิจก็จะออกปฏิบัติในทันที ทันต่อเหตุการณ์ในการกำจัดแมงกระเบื้องปีกแข็ง ที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านทันที 


ภาพ/ข่าว สมเกียรติ วงษ์อยู่น้อย ตาคลีรายงาน

“ประวิตร” ลงพท.นครสวรรค์ ดูระบบระบายน้ำ พื้นที่เจ้าพระยาตอนบน พร้อมติดตามความคืบหน้าการพัฒนาบึงบอระเพ็ด และการช่วยเหลือน้ำท่วม

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์  รับฟังการบรรยายสรุปการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำภาพรวม จากส่วนราชการต่างๆ ณ ศาลากลางจังหวัด เพื่อติดตามความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนบน และการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับ จ.นครสวรรค์ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ด้านทรัพยากรนำ้ของประเทศ รวมทั้งเป็นจุดกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยา และแหล่งน้ำธรรมชาติบึงบอระเพ็ด ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาน้ำท่วมและปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคในช่วงฝนทิ้งช่วงในคราวเดียวกัน 

พล.อ.ประวิตร จึงได้กำชับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง และ จ.นครสวรรค์ ให้การสนับสนุน สทนช. เร่งขับเคลื่อนแผนบริหารจัดการลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบนในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ให้มีความคืบหน้า โดยเฉพาะโครงการระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนวัดไทรย์ ให้เสร็จสิ้นทันรองรับสถานการณ์น้ำหลากในปีถัดไป  

'ชัยวุฒิ' ลงพื้นที่ตามติดน้ำท่วม จ.นครสวรรค์ เผย การจัดการน้ำ - ช่วยเหลือประชาชน เป็นไปด้วยดี

วันนี้ (12 ตุลาคม 2565) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัย จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีนายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่ รวมถึงส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานในพื้นที่ประสบอุทกภัยร่วมประชุมรับฟังนโยบายผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ด้วย ณ ห้องประชุม ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ 

โดยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวภายหลังรับฟังบรรยายสรุป ว่า จากปริมาณน้ำในพื้นที่แม้จะถึงระดับสูงสุด แต่จากการคาดการณ์ปริมาณฝน ซึ่งไม่มีการตกเพิ่มเติม ในระยะ 2-3 วัน จะส่งผลให้น้ำลดระดับได้ และปริมาณน้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งระบบป้องกันน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทั้งจังหวัดนครสวรรค์เอง และจังหวัดใกล้เคียง ถือว่ามีการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี รวมถึงการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา และสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร ที่ปลูกพืชในบริเวณพื้นที่รับน้ำให้มีความเข้าใจ และกำหนดรอบในการปลูกพืช เพื่อใช้พื้นที่ในการรองรับน้ำ หรือ ชะลอน้ำที่ผ่านทางจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อลดผลกระทบให้กับพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ

หลังจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย ชุมชนบางปราง ทางรถไฟ ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง / วัดจอมคีรีนาคพรต ตำบลนครสวรรค์นอก อำเภอเมือง / อบต.บางเคียน อำเภอชุมแสง / วัดสระเศรษฐี และวัดสำโรง ตำบลน้ำทรง อำเภอพยุหะคีรี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ ติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ 

'บิ๊กป้อม' รุด!! นครสวรรค์ โชว์แผนผลักดัน '4 แควโมเดล' เพิ่มพื้นที่หน่วงน้ำ ฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด หล่อเลี้ยงชีวิตชาวปากน้ำโพ

ชาวปากน้ำโพ ปลื้ม 'พลเอกประวิทย์' ผลักดัน '4 แควโมเดล' เพิ่มพื้นที่หน่วงน้ำ ฟื้นฟู 'บึงบอระเพ็ด ขุมทรัพย์หล่อเลี้ยงคนนครสวรรค์' เทใจหนุนเป็นนายกคนที่30

(20 ม.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมด้วย รมว.ดีอีเอส, รมช.คลัง และคณะได้ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามความก้าวหน้า โครงการเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่หน่วงน้ำในฤดูน้ำหลาก 'สี่แควโมเดล' และบริหารจัดการบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ โดยมี นายชยันต์ ศิริมาศ ผวจ.นครสวรรค์ และประชาชน ร่วมให้การต้อนรับ

โดยเมื่อเวลา 15.30 น. พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมกับจังหวัด, สทนช., กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ดฯ ต.พระนอน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยได้รับรายงานผลการดำเนินงานปี61-65 มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 503,703 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ มากถึง 119,503 ครัวเรือน ใช้งบ 6,286 ล้านบาท และอีก 9 โครงการสำคัญ วงเงิน 31,464 ล้านบาท ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 45,000 ไร่ 8,294 ครัวเรือน

'พิธา' นำทัพ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ ครบ 6 เขต ชู!! เลือกก้าวไกล ‘การเมืองดี-ปากท้องดี-มีอนาคต’

‘พิธา’ ชูเลือกก้าวไกล ‘การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต’ ปราศรัยนำทัพ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ครบ 6 เขต ยกเป็นจังหวัดศักยภาพสามศูนย์กลาง คมนาคม-เกษตร-วัฒนธรรม แต่มีการเมืองรวมศูนย์-ไม่เป็นประชาธิปไตยฉุดรั้ง ลั่นทางรอดเดียวของประเทศ ต้องเอาทหารออกจากการเมือง เปลี่ยนงบกองทัพเป็นสวัสดิการ กระจายอำนาจ ทลายทุนผูกขาด

เมื่อ 20 ม.ค.66 ที่ลานมังกร อุทยานสวรรค์นครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเวทีพบปะประชาชนชาวนครสวรรค์ เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. นครสวรรค์ ทั้ง 6 เขต พร้อมปราศรัยประกาศความพร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และนโยบายสำคัญของพรรคก้าวไกล

พิธา ระบุว่า นครสวรรค์เป็นจังหวัดมีศักยภาพที่จะเป็นสามศูนย์กลางสำคัญของภูมิภาคได้ ทั้งในด้านคมนาคม วัฒนธรรม และเกษตรกรรม แต่ขณะเดียวกัน ก็มีสิ่งที่เป็นอุปสรรคเดียวกันกับที่ทำให้จังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาไปตามศักยภาพของตัวเองได้

ในเรื่องของการเกษตร เราจะเห็นได้ว่านครสวรรค์เป็นจังหวัดที่ปลูกข้าว อ้อย และมัน เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย มีศักยภาพเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy และพืชพลังงานได้ ซึ่งพรรครัฐบาลก็พยายามบอกแบบเดียวกันมาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงคำหลอกลวงเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากการจัดสรรงบประมาณในปี 2566 ที่ผ่านมา กระทรวงอุดมศึกษาฯ ที่ประกาศยุทธศาสตร์ให้นครสวรรค์เป็นเมือง BCG Economy กลับไม่ได้จัดสรรงบประมาณด้าน BCG Economy ลงมาเลยในปีนี้ เช่นเดียวกับกระทรวงอุตสาหกรรมที่ไม่มีการจัดสรรงบประมาณลงมาให้เลย ส่วนกระทรวงพลังงานก็มีงบประมาณลงมาเพียง 120,000 บาท เพื่อซื้อเครื่องถ่ายเอกสาร 1 เครื่องเท่านั้น

ในด้านการคมนาคม ถึงแม้จะมีงบประมาณลงมาถึง 1 หมื่นล้านบาทจากกระทรวงคมนาคม แต่ก็เป็นงบประมาณสร้างถนนถึง 40% โดยที่ไม่มีงบประมาณเพื่อสร้างการเชื่อมโยงทางคมนาคมในต่างรูปแบบเข้าด้วยกันเลย ผลก็คือนครสวรรค์จึงยังไปไม่ถึงจุดที่จะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมได้ และกลายเป็นเพียงจังหวัดทางผ่านเท่านั้น

พิธากล่าวต่อไป ว่าปัญหาที่ทำให้นครสวรรค์พัฒนาไปมากกว่านี้ไม่ได้ ก็เพราะรัฐราชการรวมศูนย์ ที่ปล่อยให้การจัดสรรงบประมาณถูกกำหนดโดยส่วนกลางอย่างไม่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของพื้นที่ รวมทั้งการเข้าแทรกแซงการเมืองโดยทหารที่ไร้วิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจของโลกสมัยใหม่ และการดำรงอยู่ของกลุ่มทุนผูกขาดที่แย่งส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจจากทุกคนในสังคมไปกองอยู่ที่ตัวเอง

นี่คือเหตุผลที่พรรคก้าวไกล เน้นย้ำชูคำขวัญเรื่อง “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” เพราะการพลิกฟื้นประเทศรวมถึงนครสวรรค์ให้กลับมามีอนาคตอีกครั้ง ต้องเริ่มที่การเลือกตั้งครั้งนี้ เอาคนรุ่นใหม่ไปปิดสวิตช์ 3 ป. เอาทหารออกจากการเมืองไทย เปลี่ยนงบประมาณกองทัพเป็นสวัสดิการประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน เงินอุดหนุนเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน หวยเอสเอ็มอีที่ให้คนซื้อสินค้าเอสเอ็มอีและได้เลข 6 หลักในใบเสร็จใช้แทนล็อตเตอรี่ได้เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก ฯลฯ และการปลดล็อกท้องถิ่นให้ประชาชนเลือกผู้ว่าของตัวเองไดั แต่ทั้งหมดต้องเริ่มต้นด้วยการแก้ปัญหาการเมือง

และนี่คือเหตุผลที่พรรคก้าวไกลประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด ว่าจะไม่จับมือกับพรรคทหารจำแลงอย่าง พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นอันขาด การเอาทหารออกจากการเมือง กระจายอำนาจ และทลายทุนผูกขาด คือทางรอดเดียวของประเทศไทยเท่านั้น

“เราจะปล่อยให้ความมั่งคั่งกระจุกไม่กระจายแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เราจะปล่อยให้ส่วนกลางมาตัดสินใจแทนคนนครสวรรค์ ให้ทหารที่ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจมาบริหารประเทศต่อไปไม่ได้ นี่คือปัญหาการเมืองที่ถ้าแก้ได้เมื่อไร เราจะสามารถแก้ปัญหาปากท้องได้ทันที เศรษฐกิจไทยต่อไปต้องโตพร้อมกับการลดความเหลื่อมล้ำ ถ้าอยากให้ประเทศไทยเอาทหารออกจากการเมือง ให้มีการกระจายอำนาจ ให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กในประเทศไทยลืมตาอ้าปากได้ ถ้าอยากให้ประเทศไทยบริหารด้วยมืออาชีพ ต้องเลือกพรรคก้าวไกลเท่านั้น” พิธากล่าว

จากนั้น พิธาได้แนะนำตัวผู้สมัครทั้ง 6 คน 6 เขต ของจังหวัดนครสวรรค์ในนามของพรรคก้าวไกล ซึ่งประกอบไปด้วย...

เขต 1 กฤษฐ์หิรัญ เลิศอุฤทธิ์ภักดี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประธานสมาพันธ์ SME ไทยภาคเหนือตอนล่าง และอดีตรองประธานคณะกรรมการจัดงานตรุษจีนปากน้ำโพ 100 ปี

เขต 2 ธนา เฉยปัญญา สถาปนิกนักเขียนแบบและผู้ประกอบการ

เขต 3 นิรุด เรืองงาม เกษตรกร

เขต 4 นริศร์ชา ชัยสุกัญญาสันต์ อดีตผู้บริหารบริษัทประกันภัย และผู้ประกอบกิจการร้านอาหาร

เขต 5 อิศราพร ดวงอุปะ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์

เขต 6 ธรัตนชัย เฉลยคาม อดีตนายตำรวจเกษียณอายุราชการ

'บิ๊กตู่' เตรียมลงพื้นที่ 'จ.นครสวรรค์ - จ.พิจิตร' ตรวจความคืบหน้าหลายโครงการ - รับฟังปัญหา ปชช.

(29 ม.ค.66) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดพิจิตร ในวันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2566 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการ และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล โดยมีกำหนดการ ดังนี้

โดยช่วงเช้านายกรัฐมนตรีมีกำหนดตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำเพื่อความยั่งยืนและเพื่อการเกษตรสมัยใหม่ ณ สันฝายเก่าบึงบอระเพ็ด ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองนครสวรรค์ 

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปติดตามการขับเคลื่อนระบบการบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้าในระดับพื้นที่ ณ วัดดงแม่ศรีเมือง ตำบลตาสัง อำเภอบรรพตพิสัย และตรวจติดตามการพัฒนาความมั่นคงด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ณ โรงพยาบาลบรรพตพิสัย ตำบลเจริญผล อำเภอบรรพตพิสัย  

‘อนุทิน’ ยกทัพ ‘ภท.’ ลุยถิ่นนครสวรรค์ ชูนโยบาย ‘พูดแล้วทำ’ ย้ำ!! ถ้าได้ส.ส. มากพอ พร้อมเป็น ‘แกนนำตั้งรัฐบาล’

กระหึ่มปากน้ำโพ! ‘อนุทิน’ ยกคณะลงพื้นที่หาเสียง ‘นครสวรรค์’ ลั่นขอปักธงเหมากวาดชัยทั้ง 6 เขตกรุยทางสู่ภาคเหนือ ประกาศมุ่งทำงาน ไม่ขัดแย้งใคร ชูสารพัดนโยบาย ‘พูดแล้วทำ’ ย้ำหากได้ส.ส.มากพอพร้อมเป็น ‘แกนนำตั้งรัฐบาล’
.
(7 เม.ย.66) ที่สนามกีฬากลางจังหวัดนครสวรรค์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมคณะผู้บริหารพรรค อาทิ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหน้าหน้าพรรค, นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรค, นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ ได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียง สู้ศึกเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่จะถึงนี้ ซึ่งมีประชาชนมาฟังการปราศรัยล้นสนามพื้นที่จัดงาน  

นายอนุทิน กล่าวกับประชาชนว่า ต้องขอบคุณชาวนครสวรรค์ ที่ให้โอกาสพรรคภูมิใจไทยได้ทำงานรับใช้ จากการที่พรรคได้ ส.ส.ในพื้นที่นี้ คือ นายมานพ ศรีผึ้ง ซึ่งเข้าไปเป็นตัวเชื่อมประสาน กับส่วนกลาง คอยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่ แต่ครั้งนี้ ด้วยผลงานที่ทำมา คงจะไม่ขอมากไป หากเราหวังว่าจะได้ ส.ส.เพิ่มจาก 1 ท่าน เป็น 6 ท่าน ที่อยู่ด้วยกันข้างๆ คือนายวีระกร คำประกอบ นี่คือผู้แทนหลายสมัย ทำงานดี พี่น้องประชาชน ไว้วางใจ ท่านทุ่มเท ขยัน งานในสภาไม่บกพร่อง งานพื้นที่ ไม่มีคำว่าตกหล่น เป็นตัวอย่างของ ส.ส.คุณภาพ เจอท่านเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ส่วนท่านอยู่พรรคอื่น  ตอนลงพื้นที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ก็ถูกใจกันมาแต่นั้น เพราะคนทำงานด้วยกัน ย่อมต้องการจะร่วมงานกัน  ซึ่งผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย พูดได้เต็มปาก ว่านี่คือคนทำงาน ทุกคน และทำอย่างเข้าใจ รู้จักพื้นที่ด้วย

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทย เราเป็นพรรคพูดแล้วทำ คำนี้ เราไม่ได้พูดเอง เออเอง แต่ได้มาจากประชาชน ตอนลงพื้นที่ หลายครั้งที่มีพี่น้องมาขอบใจ ในสิ่งที่พรรคทำ เช่น นโยบายฟอกไตฟรี, มะเร็งรักษาทุกที่, การให้กัญชาเป็นยา, การปลดเงื่อนไขเรื่องผู้ค้ำประกันออกจากการขอกู้ยืม กยศ., การลดดอกเบี้ย กยศ. เหล่านี้ ช่วยชีวิตประชาชนได้มาก จะเห็นว่าเลือกภูมิใจไทย เราเน้นทำงานไม่สร้างปัญหา อย่าลืมว่า พรรคภูมิใจไทย เราไม่หาเรื่องใคร ไม่สร้างศัตรู ไม่มีขั้ว ไม่มีสี ไม่มีฝ่าย เพราะเราคิดเรื่องทำงาน ให้เกิดประโยชน์กับประชาชน และถ้าคิดจะทำงาน ต้องหาแนวร่วม ร่วมด้วยช่วยกัน งานจึงจะแล้วเสร็จ ถ้ามาขัดขากัน งานไม่เสร็จ ดังนั้น เราเน้นสร้างมิตร ไม่สร้างศัตรู ใครคิดดีกับบ้านเมือง เราทำงานได้หมด ขอย้ำว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล เราจะยกระดับทั้งเรื่อง ชีวิต เศรษฐกิจ และสุขภาพ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top