Saturday, 18 May 2024
ทีมเศรษฐกิจ

'ชาติพัฒนากล้า' เตรียมเปิดนโยบายปลายปีนี้ ชู!! 'แก้ปัญหาปากท้อง-สร้างโอกาสศก.ระยะยาว'

'ชาติพัฒนากล้า' รวมทีมร่างนโยบาย สู้ศึกเลือกตั้ง 'กรณ์' ย้ำแนวทางแก้ปัญหาความเดือดร้อน - สร้างโอกาสระยะยาว เตรียมเปิดนโยบายภายในปลายปีนี้ มั่นใจทีมเศรษฐกิจ รวมตัวท็อปไม่แพ้พรรคอื่น

พรรคชาติพัฒนากล้า โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค, นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค และคณะผู้บริหารพรรคพร้อมทีมนโยบาย ประชุมเตรียมความพร้อมนโยบายพรรคที่จะสื่อสารออกต่อสาธารณะ เตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

นายกรณ์ กล่าวว่า หลังจากที่มีการปรับทัพพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว เรามีความตั้งใจช่วยบ้านเมือง ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย สร้างโอกาส สร้างรายได้เพิ่มให้กับประเทศชาติและประชาชน จึงเอาแนวความคิดทางนโนบายของทั้งสองพรรคเดิม ที่เคยมีขับเคลื่อนนโยบายไว้ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน เพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจนของพรรคต่อไป โดยได้สรุปแนวทางคือ 1.) ประเด็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้ไขโดยเร็ว เช่น ราคาน้ำมันแพง ค่าไฟแพง ปัญหาหนี้สิน และ 2.) การสร้างโอกาสระยะยาวให้กับประชาชน บนหลักการวิเคราะห์แนวโน้มโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ต้องผลักดันจุดแข็งของประเทศ เสริมสร้างให้ดีกว่าเดิม เพื่อเป็นโอกาสสร้างรายได้ โดยไม่เกินปลายปีนี้ เราจะเริ่มเปิดแนวความคิดของชาติพัฒนากล้า ให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้ 

"เรามีแนวความคิดดีๆ หลายเรื่อง ซึ่งต้องอาศัย ความกล้าเป็นตัวแทนของประชาชน ในการต่อสู้กับโครงสร้างหรือระบบที่เป็นตัวถ่วงโอกาสของประชาชน ต้องอาศัยพลังทางการเมือง ซึ่งเป็นสาเหตุที่เรามาจับมือกัน เพื่อมีพลังที่มากขึ้น ในการที่ปลดล็อกโครงสร้างที่ล้าหลังมานาน และปลดแอกประชาชน เพิ่มโอกาสในการหารายได้ในอนาคต" นายกรณ์ กล่าว

‘นิพิฏฐ์’ โว พปชร. มีทีมเศรษฐกิจที่ดีที่สุด พร้อมแก้ปัญหาปากท้อง รอ ปชช.เลือกเข้าทำงาน

(31 ม.ค. 66) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ ทีมเศรษฐกิจที่ดีที่สุด มีรายละเอียดดังนี้

ตอนอยู่ ‘พรรคสร้างอนาคตตไทย’ ผมเคยพูดว่า พรรคสร้างอนาคตไทย มีทีมเศรษฐกิจที่ดีที่สุด และตอนนั้นพรรคสร้างอนาคตไทย ได้เริ่มผลิตนโยบายออกมา เช่น ‘ปุ๋ยคนละครึ่ง’ และ นโยบายอื่น ๆ ที่รอการประกาศออกมา ซึ่งน่าสนใจอย่างยิ่ง

ตอนผมย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ อยากนำนโยบายบางเรื่องที่รอประกาศมาใช้ที่พรรคพลังประชารัฐ แต่หากทำอย่างนั้น เท่ากับเราเอาเปรียบพรรคสร้างอนาคตไทย ที่เขาอุตส่าห์คิดนโยบายขึ้นมา ผ่านการวิเคราะห์มาเป็นปี ๆ ผมจึงไม่เสนอนโยบายเหล่านั้นต่อพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อ ดร.อุตตม สาวนายน และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และทีมเศรษฐกิจของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จากพรรคสร้างอนาคตไทยย้ายมาพรรคพลังประชารัฐ ผนวกกับคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ที่ย้ายมาก่อนแล้ว ผมจึงดีใจ และพูดได้เต็มปากว่า พรรคพลังประชารัฐ มีทีมเศรษฐกิจที่ดีที่สุดกว่าทุกพรรคแล้ว

‘บิ๊กป้อม’ เปิดตัว ‘ธีระชัย-ม.ล.กรกสิวัฒน์’ เสริมทัพ ศก. มั่นใจ!! แก้ปัญหาปากท้อง ปชช. ให้อยู่ดี-มีกินได้แน่นอน

(15 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. เดินทางเข้าที่ทำการพรรค มีขบวนรถของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เดินทางมาด้วย โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวทักนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค ว่า “ทำไม ไม่ไปกินข้าวผม ลืมรึ ที่ไปกินกับภูมิใจไทย” ซึ่งนายสันติ ได้แต่ยิ้มรับ โดยไม่ตอบ

จากนั้นเวลา 15.30 น. พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง ร่วมแถลงเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค ได้แก่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคพปชร.มีความยินดีที่ได้ทีมเศรษฐกิจทั้ง 2 ท่าน ที่มีความสามารถทั้งด้านเศรษฐกิจ และพลังงาน ที่พร้อมทำงานเพื่อพรรค และนำประโยชน์มาสู่ประชาชนเป็นสำคัญ ต้องขอบคุณที่มาร่วมทำงาน พรรคพลังประชารัฐยินดีต้อนรับทั้ง 2 ท่านเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งตอนนี้ทุกคนคงเห็นแล้วว่า เรามีทีมเศรษฐกิจเพียงพอแล้ว เราพร้อมแก้ปัญหาให้บ้านเมือง ให้ประชาชนให้สามารถอยู่ดีกินได้  และยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ ฝากสื่อมวลชนช่วยบอกเพื่อนฝูงว่าพรรคเรามีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน

ด้านนายสันติ กล่าวว่า ทั้ง 2 คน เป็นบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่างที่ทราบกันอยู่แล้ว นายธีรชัย เป็นอดีตรมว. คลัง และมล.กรกสิวัฒน์ มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน และหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งทั้ง 2 ท่านมีอุดมการณ์ที่จะเข้ามาช่วยพรรคผลิตนโยบาย และแนวคิดเศรษฐกิจเพื่อประชาชน เพื่อให้พรรคเป็นที่หวังของประชาชนในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ให้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เมื่อหัวหน้าพรรคพปชร. ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทุกนโยบายเราจะทำทันที และเห็นผลทันที 

ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า ขอบคุณพล.อ.ประวิตร ที่เชิญให้ตนเข้ามาร่วมทำงานกับพรรคพปชร.และสาเหตุที่ตัดสินใจตอบรับ เพราะเห็นว่าบ้านเมืองกำลังจะเผชิญปัญหาใหญ่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ซึ่งจะเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดมาชายฝั่งประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกส่วนหนึ่งจากปัญหาที่สะสมกันมาหลายปี เช่น ปัญหาเศรษฐกิจการเงินโลก รวมถึง การบริหารประเทศต้องเพิ่มนโยบายที่เน้นทำให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในตัวเอง และต้องเพิ่มได้นโยบายที่ขจัดความขัดแย้ง และการเปิดรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริง ต้องคิดออกไปนอกกรอบเดิม ๆ รวมทั้งต้องป้องกันไม่ให้นายทุนเข้ามาใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ส่วนตน ทำให้ภาพลักษณ์ด้านธรรมาภิบาลของประเทศตกต่ำ ฟื้นไม่ขึ้น และสังคมขาดความเป็นธรรม
 
"ผมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า พรรคที่จะแก้ปัญหาได้ ก็คือพรรคพปชร. เพราะจะมีโอกาสทำงานเพื่อประชาชน สร้างสมดุลระหว่างนายทุนกับประชาชน และเป็นนโยบายที่ทำได้จริง ไม่สุดกู่ รวมถึงนโยบายขจัดความขัดแย้งทางการเมืองให้ได้ ก็สอดคล้องกับแนวคิดของผม ดังนั้นผมจึงเข้ามาในพรรคพปชร. เพื่อจะนำเสนอนโยบายที่เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชน ที่จะทำได้จริง ที่จะสร้างสมดุลประชาชนกับนายทุน ที่จะปราศจากผลประโยชน์ครอบครัวเจ้าของ และเป็นนโยบายที่จะมองกว้างไกล เพื่อจะให้เป็นทางเลือกแก่ประชาชน" อดีตรมว.คลัง กล่าว

ด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน ที่ได้กรุณาเชื้อเชิญให้ตนเข้ามาร่วมงานกับพรรค ตนทราบว่าพรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจไม่ใช่แค่การลดราคาพลังงานแบบฉาบฉวย แต่จะเป็นการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบอย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อตนได้พูดคุยกับพลเอกประวิตร พบว่า ท่านมีความใจกว้างที่จะรับฟังความเห็นที่ตนนำเสนอ และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเต็มที่ 

"ผมมั่นใจว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล นโยบายที่พรรคจะทำให้ประชาชน จะมีผลเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะยึดหลักการที่ว่า พลังงานของประชาชน เพื่อประชาชน ตามที่พรรคมีเจตจำนง " ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว 

'ธนกร’ เผย งานเปิดตัวทีม ศก.รทสช. มีบิ๊กเนมร่วมทัพ พร้อมดันคนรุ่นใหม่-ผู้เชี่ยวชาญ ผนึกกำลังนำพรรคเดินหน้า

(22 มี.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงการเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค รทสช. ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ว่า สำหรับงานที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23 มี.ค.นี้ มีบิ๊กเนมเข้าร่วมทีมเศรษฐกิจแน่นอน แต่ตนไม่ทราบว่าเป็นใครบ้าง ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในด้านเศรษฐกิจมีทีมคณะที่ปรึกษากว่า 20 คน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ ฉะนั้น จะมี 2 ส่วน บางคนเมื่อเข้าสู่วงการการเมือง อาจจะไม่อยากอยู่เบื้องหน้า จึงอยู่ช่วยบริหารอยู่เบื้องหลัง และอีกส่วนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจที่ต้องการมาช่วย พล.อ.ประยุทธ์ ฉะนั้น พรุ่งนี้อาจจะมีการเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค ที่มาจากหลายฝ่ายทั้งคนรุ่นใหม่ ผู้มีประสบการณ์ ผสมผสานกัน

บรรยากาศภายในพรรคที่มีผู้สนใจลงสมัคร ส.ส. ขณะนี้เป็นไปด้วยความคึกคักในทุกพื้นที่ โดยมีผู้สมัครจากทั่วประเทศทยอยเดินทางมาสมัครที่พรรค ตอนนี้กระแสความนิยมใน พล.อ.ประยุทธ์ที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้มีการขึ้นป้ายหาเสียง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ส่วนภาคอีสานและภาคเหนือ ถือว่ากำลังไปได้ดี

“จุรินทร์” เปิดทีมเศรษฐกิจ เดินหน้ายุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” ขับเคลื่อน เศรษฐกิจ  การเมือง สังคม

26 มี.ค. 2566 วันนี้ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมทีมเศรษฐกิจบางส่วน เพื่อหารือถึงนโยบายเพิ่มเติมในเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสเป็นแกนตั้งรัฐบาล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ดร.พิสิฐ  ลี้อาธรรม ม.ร.ว.ศศิพฤนท์  จันทรทัต นายเกียรติ สิทธีอมร ดร.สามารถ  ราชพลสิทธิ์ คุณวทันยา บุนนาค ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ดร.สรรเสริญ สมะลาภา และนายอลงกรณ์  พลบุตร เป็นต้น 

โดยนายจุรินทร์ ได้กล่าวถึงภาพรวมของการกำหนดทิศทางขับเคลื่อนประเทศว่า พรรคจะเดินหน้ายุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” เป็นกรอบใหญ่ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศ สำหรับด้านเศรษฐกิจนั้น ประชาธิปัตย์จะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจมหภาค และเศรษฐกิจทันสมัย ซึ่งจะมีเศรษฐกิจอนาคตรวมอยู่ด้วย 

สำหรับเศรษฐกิจฐานราก จะได้มุ่งเน้นทั้งเรื่องการให้ความสำคัญกับการเกษตร อุตสาหกรรม รวมถึงการท่องเที่ยว สำหรับเป็นพื้นฐานเรื่อง “สร้างเงิน” ให้ประเทศ โดยจะมีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับพืชเศรษฐกิจ ปศุสัตว์ ประมง SMEs หมู่บ้าน/ชุมชน และผู้ใช้แรงงาน เป็นต้น

ส่วนเศรษฐกิจมหภาค จะมุ่งเน้นเรื่องการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เป็นเป้าหมายหลัก 

ส่วนเศรษฐกิจทันสมัย รวมถึงเศรษฐกิจอนาคตนั้น จะได้เน้นเรื่องการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีด้านเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ควบคู่กันไป อาทิ Silver Economy ที่จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุเข้ามามีบทบาทสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซอฟต์พาวเวอร์ Renew Economy, Social Economy, Digital Economy เป็นต้น 

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีความเห็นตรงกันว่า ในภาพรวมเราจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ถ้าเรามีโอกาสได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ 

นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงนโยบายสำหรับกรุงเทพมหานครว่า พรรคได้มีการแถลงนโยบายไปแล้ว และยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ที่ประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญ และนโยบายกรุงเทพฯ จะมี 2 ส่วน ส่วนที่ 1 นโยบายรวมของพรรค ส่วนที่ 2 นโยบายเฉพาะในส่วนทีมกรุงเทพมหานคร 

โดยนโยบายรวมที่เกี่ยวพันกับคนกรุงเทพมหานคร เช่น การจัดตั้งธนาคารชุมชน 2,800 กว่าชุมชนทั่วกรุงเทพมหานคร ชุมชนละ 2 ล้านบาท รวมถึงการจัดให้มีอินเทอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุดทั่วประเทศ โดย 1 แสนจุด จะเป็นของกรุงเทพฯ เพื่อให้อินเทอร์เน็ตมีส่วนในการขับเคลื่อน หรือใช้ประโยชน์ในการ “สร้างเงิน” ให้กับทั้งชาวกรุงเทพฯ และกลุ่ม SMEs ต่างๆ ในชุมชนของกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงการใช้ประโยชน์สำหรับการเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีนโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรี สาขาที่ตลาดต้องการ ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี ใช้บัตรประชาชนใบเดียว ชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000 บาท ทุกชุมชน/หมู่บ้าน SMEs ต้องมีแต้มต่ออย่างน้อย 3 แสนล้านบาท ปลดล็อค กบข. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้สามารถซื้อบ้านได้ สามารถลดหนี้ได้ในทันที และสามารถนำเงินที่จะต้องไปใช้หนี้นั้นไปสร้างเงินให้กับข้าราชการ และผู้ใช้แรงงานได้ รวมถึงนโยบายอื่นๆ เช่น นมโรงเรียนฟรี 365 วัน ด้วย 

‘อดีตอาจารย์เศรษฐศาสตร์ มธ.’ ซูฮก!! ทีม ศก. รทสช. รวมกุนซือประสบการณ์สูง พร้อมแก้ปัญหาหนักระดับโลก

(18 ส.ค.66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ว่า…

ถึงเวลาสลายขั้วเสียที
ข่าวดีมากๆ ครับ
ปัญหาเศรษฐกิจต่อจากนี้จะหนักมากและเป็นปัญหาระดับโลก

รทสช. มีกุนซือเศรษฐกิจเก่งหลายคน
เพราะ บริหารเศรษฐกิจเป็น ดูผลงานสมัยรัฐบาลลุงตู่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้

โควตา รมต. ดูเหมือนจะได้ 4 คน… ขอให้ รทสช.ได้ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจสักกระทรวง คงจะดีไม่น้อย

ประเทศชาติต้องมาก่อน!!

- อย่าชักศึกเข้าบ้าน
- ไม่แก้ ม.112 ที่มุ่งลดสถานะของสถาบันฯ
- ร่วมมือกันช่วยแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ


 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top