Saturday, 27 April 2024
ทะเลาะวิวาท

ตร. สั่งกำชับ!! ตำรวจทั่วประเทศเตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหา รับมือนักเรียน - นักศึกษา ‘ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ยกพวกตีกัน’!!!

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวผ่านสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ กรณีที่มีกลุ่มนักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาท ยกพวกตีกัน จนสร้างความวุ่นวายและเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน โดยมีปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมลอกเลียนแบบตามภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง นั้น

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ปป.) ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาฯ อีกทั้งมีความห่วงใย ต่อเด็กและเยาวชน ที่อาจเกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบในการก่อเหตุทะเลาะวิวาท จึงมอบหมายให้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองจเรตำรวจแห่งชาติ (ช่วยงาน (ปป.)) เป็นหัวหน้ารับผิดชอบควบคุมกำกับดูแล การป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาท ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ กำหนดให้มีการประชุมการป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน นักศึกษา ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ผ่านระบบวิดีโอทางไกล (VDO Conference) ในวันอังคารที่ 14 ธ.ค. 64 เวลา 10.00 น ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 ตร. โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่าย เข้าร่วมประชุมฯซึ่งการประชุมฯ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1) ให้ทุก บก./ภ.จว. ที่มีสถานการณ์ปัญหา นักเรียน นักศึกษา ก่อเหตุทะเลาะวิวาท วิเคราะห์พื้นที่ปฏิบัติการ (IPB) โดยให้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่ที่มักจะเป็นจุดเสี่ยง จุดล่อแหลม รวมถึงการสำรวจกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบและการแสวงหาความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ

2) สำหรับ บก./ภ.จว. ที่มีการรับแจ้งเหตุเกิดขึ้นแล้วและมีผู้บาดเจ็บ หรือมีผู้เสียชีวิต รวมทั้งการรับแจ้งเหตุว่าจะมีการรวมตัวกันก่อเหตุและสามารถเข้าไประงับหรือป้องกันเหตุได้ก่อน ให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานระดับพื้นที่ขึ้น เพื่อทบทวนบทเรียนหลังจากที่มีการปฏิบัติ (AAR) เพื่อหาจุดแข็ง จุดอ่อน หรือปัญหาอุปสรรค เพื่อทำการแก้ไข ทั้งนี้มุ่งหวังให้มีรูปแบบการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน (SOP) และมีการออกแผนปฏิบัติการและทำการซักซ้อมแผนเป็นประจำ สำหรับกรณีนักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทแล้วมีผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาล ให้มีแผนเผชิญเหตุและทำการซักซ้อม เพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาทต่อเนื่องที่โรงพยาบาลด้วย

3) นำข้อมูลที่ได้จากการรับแจ้งเหตุทางศูนย์วิทยุ 191 มาเป็นข้อมูลในการประชุมงานสายตรวจ เพื่อประกอบการวิเคราะห์และจัดทำแผนการตรวจ ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาในพื้นที่ หากห้วงเวลาหรือ สถานที่ที่ได้จากการวิเคราะห์ว่ามีแนวโน้มการรวมตัวก่อเหตุ ให้มีมาตรการที่ชัดเจนและสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างแท้จริง

4) การบูรณาการความร่วมกัน ระหว่าง งานป้องกันปราบปราม งานสืบสวน และพนักงานสอบสวน ในระดับ สน./สภ. เมื่อรับแจ้งเหตุว่าจะมีเหตุดังกล่าว จะต้องประสานงานทั้งสายตรวจประเภทต่าง ๆ และทีมสืบสวน เพื่อเข้าไปป้องกันเหตุ หรือคลี่คลายสถานการณ์ หากเป็นเหตุที่จะต้องดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน ฝ่ายสืบสวนจะต้องเร่งพิสูจน์ทราบกลุ่มบุคคล ที่ก่อเหตุ เพื่อดำเนินการด้วยความรวดเร็ว

5) มาตรการประสานงานกับสถาบันการศึกษา นั้น กำชับให้ระดับ ผกก.หัวหน้าสถานี เป็นผู้ประสานงานกับ ผอ.สถาบันการศึกษาที่มีความเสี่ยง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งกันและกันโดยตรง

6) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ในฐานะผู้รับผิดชอบกำกับดูแลการป้องกันและแก้ปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลลาะวิวาท ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานกับเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อสร้างความร่วมมือ และหาแนวทางในการป้องกันเหตุนักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทต่อไป

 

ผบ.ตร. วาง 5 มาตรการ เข้มความปลอดภัยลอยกระทง เฝ้าระวังเหตุทะเลาะวิวาท คดีทางเพศ แก็งมิจฉาชีพตะเวนลักทรัพย์ การเล่นดอกไม้เพลิง วอนประชาชนลอยกระทงแบบสร้างสรรค์ สืบสานประเพณีไทย

วันนี้ (7 พ.ย. 65) เวลา 16.30 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร., นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.น. ร่วมกันตรวจความพร้อมและมาตรการรักษาความปลอดภัย     การจัดงานลอยกระทง บริเวณสะพานพระราม 8 และในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 

ผบ.ตร.ได้กล่าวถึงความพร้อมในการดูแลความเรียบร้อยในช่วงเทศกาลลอยกระทง ว่า “ได้สั่งการให้ทุกหน่วย ทุกพื้นที่ ที่มีการจัดงานประเพณีลอยกระทง เพิ่มความเข้มดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยว โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจน้ำ กว่า 20,000 นาย ดูแลรักษาความปลอดภัยงานลอยกระทง โดยมีมาตรการสำคัญดังนี้
1) มาตรการป้องกัน ให้สายตรวจเพิ่มความเข้มการออกตรวจตรา ปรากฎกาย สถานที่จัดงาน สถานบริการ สวนสาธารณะ หรือสถานที่ที่ประชาชนนักท่องท่องเที่ยวจะรวมตัวจำนวนมาก เพื่อป้องกันเหตุคดีทะวิวาท คดีชีวิต ร่างกาย เพศและทรัพย์สิน ในส่วนของตำรวจน้ำ ให้จัดเรือพร้อมเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราตามบริเวณลำน้ำ เพื่อป้องกันและช่วยเหลือผู้ประสบเหตุทางน้ำ รวมถึงประชาสัมพันธ์ไม่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวลงไปบริเวณท่าเทียบเรือ หรือโป๊ะ เกินจำนวนที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ 
2) มาตรการจราจรจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรในการเดินทางเข้าออกพื้นที่จัดงาน และทำแผนที่เส้นทางหลัก ทางเลี่ยงให้ประชาชนทราบก่อนการจัดงาน 
3) มาตรการปราบปรามให้กวดขันจับกุมผู้เล่นดอกไม้เพลิง พลุ และประทัด ในลักษณะก่อความเดือดร้อนรำคาญ น่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและร่างกายประชาชน กรณีเป็นผู้กระทำผิดเป็นเด็ก ให้นำ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 เพื่อให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบ รวมทั้งร่วมกับฝ่ายปกครองกวดขันควบคุมผู้ผลิตจำหน่ายดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด หากพบว่าลักลอบทำผิดกฎหมายให้จับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
4) มาตรการรักษาความปลอดภัย ให้มีการหาข่าวป้องกันข้อมูลของกลุ่มมิจฉาชีพที่จะเข้ามาฉกฉวยโอกาสก่อเหตุ แก็งต้มตุ๋นมิจฉาชีพ อาชญากรรมความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ คดีอนาจาร รวมทั้งออกแผนตรวจในการดูแลความเรียบร้อยของพื้นที่จัดงาน ในส่วนของสถานที่จัดขนาดใหญ่ให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.สน.) เพื่อควบคุมดูแลภาพรวมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 
5) มาตรการประชาสัมพันธ์ ให้ทุกหน่วยทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน  ผู้ประกอบการ สถานบริการในการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะการเล่นพลุ ดอกไม้เพลิง การปล่อยโคมลอย บนท้องฟ้าฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่27/2559  รวมทั้งการขอความร่วมมือให้ช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งเหตุต่าง ๆ ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับลงควบคุมดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการอำนวยความสะดวกและดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนในช่วงเทศกาลลอยกระทง 

ผบ.ตร.กล่าวเพิ่มเติมว่า  “ได้กำชับให้ข้าราชการตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน และ นักท่องเที่ยว ด้วยความสุภาพและเหมาะสม ตามหลักยุทธวิธี ในช่วงเทศกาลลอยกระทง

เกิดเหตุ ‘วัยรุ่น’ ทะเลาะวิวาท ถูกยิงกลางคอนเสิร์ตอาร์ซีเอ พบบาดเจ็บหลายราย ‘ตร.’ เข้ารวบมือปืน เตรียมดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 66 เวลา 01.00 น. ตำรวจ สน.มักกะสัน รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทใช้อาวุธปืนยิงมีผู้บาดเจ็บหลายราย บริเวณลานกลางสถานบันเทิงอาร์ซีเอ ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กทม. จึงประสานกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุอยู่ใกล้ทางเข้าสถาบันเทิงอาร์ซีเอ ฝั่งถนนพระราม 9 ซึ่งใช้เป็นพื้นที่จัดคอนเสิร์ตเทศกาลสงกรานต์ พบสิ่งของถังน้ำ ขวดสุรากระจายเกลื่อนพื้น และยังพบปลอกกระสุนปืนไม่ทราบขนาด ตกอยู่จำนวนกว่า 10 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงกั้นพื้นที่และไม่ให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปบริเวณจุดเกิดเหตุ

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถูกกระสุนปืนจำนวน 4 ราย ประกอบด้วยนายโอบนิธิ พึ่งเคหา อายุ 26 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงเทพ, น.ส.จิราพร พูลสุข อายุ 26 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปิยะเวท, นายณัฐนนท์ นนทสุด อายุ 25 ปี และนายฐิติพล ศุภประเสริฐ อายุ 28 ปี ถูกนำตัวส่ง รพ.เพชรเวช นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการวิ่งหนีตายหลบกระสุนปืนอีก 4 ราย

วิจารณ์สนั่น!! ‘สส.กทม.ก้าวไกล’ ต่อยคู่กรณีกลางร้านอาหาร ก่อนมีคลิปเผยความจริงอีกแง่ จุดเริ่มต้นของเหตุทะเลาะวิวาท

(12 ส.ค. 66) ดร.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ​รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์​กล่าว​ถึง​กรณี​มีคลิปการก่อเหตุ​ทำร้ายร่างกาย​ประชาชน​ของ สส.กทม.เขต 3 ยานนาวา-บางคอแหลม คือ นายจรยุทธ์​ จตุรพรประสิทธิ์​ และอาจมีอดีต สส.คนดัง อย่างนายปิยะบุตร​ แสงกนกกุล ร่วมในที่เกิดเหตุ​โดยไม่ห้ามปรามด้วยหรือไม่ เป็น​การแสดงให้เห็น​ถึงความด้อย​คุณ​ภาพในการคัดสรรคนมาเป็น​ สส.ของพรรคก้าวไกลที่ผลิตซ้ำเรื่อง​เลวร้าย​ผิดกฎหมาย​ผิดจริยธรรม​อย่างต่อเนื่อง​ไม่ว่างเว้นความกร่าง ก้าวร้าว​ ที่ทำให้สังคมเอือมระอา ทั้งที่กระทำโดยผู้มีตำแหน่ง​ทางการเมือง​และเครือข่ายกลุ่มการเมือง ที่เป็นแขนขาในการเคลื่อนไหว​ ใช้ความรุนแรง​ในต่างกรรมต่างวาระ ยิ่งสะท้อนภาพความตกต่ำของการเมืองไทยที่เน้นการสร้างภาพโดยใช้การตลาดนำการเมือง หลอกลวงเชิงนโยบาย​ ประดิษฐ์​วาทกรรมสวยหรูให้ความหวังประชาชน​ว่า เป็น​คนรุ่นใหม่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง​ให้ประเทศไทย​ไม่เหมือนเดิม แต่เนื้อในเน่าเฟะ

เพิ่มเติมคือ คนเหล่านี้​เต็มไปด้วยการดูถูกดูแคลน​ด้อยค่าผู้อื่นอย่างไร้หลักการเคารพในสิทธิ​เสรีภาพ​ของคนเห็นต่างและเมื่อกระทำความผิดและกลับนิ่งเฉยไม่มีการแสดง​ความรับผิดชอบ​ใดๆต่อสาธารณชน​เสมือน​หนึ่ง​ประชาชน​เป็นของตาย ไม่ต้องเห็นหัวไม่มีความหมายใดๆ ทั้งกรณีการใช้เด็กเยาวชนเป็น​เครื่องมือ​ทางการเมือง สส.ทำร้ายร่างกายผู้หญิง การปล่อยให้มีคนกระทำผิดติดคุกมาสมัคร สส.

และล่าสุดการเมากร่างทำร้ายประชาชน​บาดเจ็บ​อีก โดยหากเชื่อมโยง​พฤติกรรม​ต่างๆ ตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลนี้ย่อมเห็น​ได้ชัดว่า ไม่ได้​มีคุณงามความดีใดๆ ต่อสังคม สร้างความแตกแยกและวุ่นวาย​อย่างต่อเนื่อง มุ่งบ่อนเซาะทำลายวัฒนธรรม​ประเพณี​อันดีงามของสังคม​ไทย​ทั้งความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเคารพ​ความกตัญญู​ต่อบุพการี​ผู้มีพระคุณ​ และการรับผิด​ชอบทางการเมือง​เห็นได้จากกรณีแกนนำพรรคบางคนออกมาปฏิเสธ​ไม่รู้จักไม่เกี่ยว​ข้องกับกลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหว​ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไปช่วยเหลือ​สนับสนุน​อยู่​ตลอด

จึงอยากขอเตือนประชาชน​และเยาวชน​ไทยให้ระวังอย่าหลงเชื่อ​ เสพติดและเลียนแบบพฤติ​กรรมความรุนแรง​จากพรรคการเมืองดังกล่าว​เพราะถึงเวลาถูกดำเนินคดี​พวกเขาจะตัดหางปล่อยพวกคุณติดคุกตามลำพังอย่างแน่นอน​ โดยตนจะนำเรื่องดังกล่าว​ไปร้องสอบจริยธรรม​ต่อ ป.ป.ช.ต่อไป

อย่างไรก็ตามจากคลิปที่เป็นประเด็นดังกล่าว ยังมีข้อเท็จจริงอีกด้าน โดยได้มีช่องติ๊กต็อก ชื่อ ‘sparkupdate’ ออกมาบอกเล่าถึงสาเหตุและจุดเริ่มต้นของการทะเลาะวิวาทในครั้งนี้ โดยระบุว่า…

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 66 เวลาประมาณตี 2 มีเหตุรับแจ้งว่าการทำร้ายร่างกายกัน ภายในร้านอาหารย่านเอกมัย 12 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เมื่อตํารวจไปถึงที่เกิดเหตุ ก็พบคู่กรณี 2 ฝ่ายยืนเคลียร์กันอยู่บริเวณหน้าร้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ หรือ ‘ต้นกล้า’ สส.ของพรรคก้าวไกล พร้อมกับคู่กรณี โดยทางตํารวจได้เข้าไปพูดคุยทําความเข้าใจ และทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการขอโทษกัน โดยไม่ได้ติดใจเอาความ หลังจากนั้นก็ได้แยกย้ายกันไป ไม่ได้เกิดการแจ้งความกันเกิดขึ้นแต่อย่างใด

โดยสาเหตุของเรื่องราวการทะเลาะวิวาททั้งหมด เกิดจากการที่ชายคู่กรณี ได้ใช้เข่ามาโดนที่หลัง และได้เข้ามาบีบที่ต้นคอทางด้านหลังของผู้หญิงที่เป็นเพื่อนของ สส.ต้นกล้า โดยคู่กรณีได้ใช้เข่ามาโดนที่หลังของผู้หญิงอย่างแรง จนทำให้ผู้หญิงคนดังกล่าวทรุดไปที่โต๊ะ ซึ่ง สส.ต้นกล้า ก็พยายามพูดดีๆ และได้ทำการว่ากล่าวตักเตือนไป แต่จากนั้น สส.ต้นกล้าได้ถูกคู่กรณีตบเข้าที่ใบหน้า หลังจากนั้นจึงเกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้น โดยที่สาเหตุคือ สส.ต้นกล้าได้ออกมาปกป้องเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน จนเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันขึ้น หลังจากนั้น ก็ได้มีการพูดคุย ปรับความเข้าใจกันจนลงตัว

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังคงต้องรอความจริงจากปากผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่อไป ส่วนประชาชนจะตัดสินใจเช่นไร ก็ขอให้อยู่บนหลักฐานที่รอบด้านด้วย

‘ส.ก.วิพุธ’ จี้!! กทม. ตรวจเข้มร้านที่ สส.ก้าวไกลมีเรื่องวิวาท พบเปิดเกินเวลา-ส่งเสียงรบกวน ชาวบ้านเคยร้องเรียนแต่ไร้ผล

(13 ส.ค. 66) นายวิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก.เขตบางรัก กล่าวถึงกรณีเหตุทะเลาะวิวาทระหว่าง สส.พรรคก้าวไกล กับประชาชนรายหนึ่ง ในสถานบันเทิงซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตบางรัก ว่า เหตุทะเลาะวิวาทในสถานบันเทิงดังกล่าว ตามที่ปรากฏในคลิปเกิดขึ้นในช่วงเวลา 02.30 น. ซึ่งเป็นการเปิดเกินเวลา และไม่ใช่ครั้งแรกที่พบว่ามีการเปิดเกินเวลา เหตุการทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นทุกครั้ง ส่งผลให้ประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณนั้นไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

นายวิพุธกล่าวว่า ประชาชนเคยร้องเรียนร้านนี้มาที่สภากรุงเทพมหานครแล้ว ในเรื่องของการเกินเวลา และส่งเสียงรบกวนทำให้ผู้คนแถวนั้นได้รับผลกระทบ ไม่สามารถพักผ่อนและใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยประชาชนได้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้แต่อย่างใด

ล่าสุดได้ร้องเรียนมาที่ตน ในฐานะรองประธานคณะกรรมการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อย ของสภากรุงเทพมหานคร จึงขอให้กรุงเทพมหานครและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกับร้านอาหารที่เปิดเกินเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในอนาคต

'ศศิกานต์' ฉายผลลัพธ์อีกด้าน หากไฟเขียวสถานบันเทิงเปิดถึงตี 4 หนีไม่พ้น 'อุบัติเหตุ-พิการ' ตามฤทธิ์ความเมาที่เพิ่มขึ้นตามเวลาปิด

(17 ต.ค. 66) ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ อดีตผู้สมัคร สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับกรณี ผู้ว่าฯ ขานรับนโยบายนำร่องเปิดผับถึงตี 4 และคาดว่าในกรุงเทพฯ จะเริ่มทดลอง ธ.ค.นี้ ไว้ว่า...

ขอแชร์ข้อมูลเล็ก ๆ จากประสบการณ์ที่น่าสนใจ จาก #คุณหมอใกล้ตัว นะคะ

- ปกติหลังตี 2 ใกล้ ๆ ตี 3 จะมีเคสอุบัติเหตุเข้ามาเยอะ โดยเฉพาะช่วงหลังโควิด เคสจะเยอะขึ้นผิดตา (เทียบกับช่วงโควิด)

- เคสอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่เกิดจากรถมอเตอร์ไซค์ รถชนคน รถชนรถ รถชนเสาไฟ ชนรั้วกั้นทาง ฯลฯ

- เคสบาดเจ็บส่วนใหญ่เกิดจากการทะเลาะวิวาท ต่อยกัน เตะกัน ยิงกัน เกิดบาดแผลต่าง ๆ แล้วแต่อาวุธที่ใช้ ทั้งศีรษะ ช่องอก ช่องท้อง   

- เคสบาดเจ็บ - คนไข้ไม่ตาย แต่วุ่นวายทั้งโรงพยาบาล…บางครั้ง หนักหน่อย คู่กรณีก็ตามมาทะเลาะกันต่อที่โรงพยาบาล ลำบากเจ้าหน้าที่ และตำรวจอีก อย่าหาทำกันนะคะ…เพราะนอกจากความเสียหายที่เกิดกับโรงพยาบาลและคนไข้คนอื่นแล้ว (คนกำลังจะตาย แต่หมอพยาบาลต้องมาวุ่นวายกับคนตีกัน) มันเป็นการผิดมารยาทสากล และเป็นคดีอาญา

- ความอันตรายบนท้องถนน จะเกิดขึ้นเมื่อ คนเมาขับรถย้ายร้าน ขับรถกลับบ้าน ...ง่ายๆ คือ #เมาแล้วขับ ในทุกกรณี

#ถ้าผับปิดตี4…

- คนจะเมาเยอะขึ้น และเมานานขึ้น เนื่องจากแอลกอฮอล์สะสมในกระแสเลือดนานขึ้น สติสัมปชัญญะลดลง ซึ่งอาจทำให้อุบัติเหตุจะเยอะขึ้น ความรุนแรงของแต่ละเคสมากขึ้น เคสผ่าตัดอาจจะเยอะขึ้น 

- การใส่หมวกกันน็อกควรใส่แบบเต็มใบจะดีกว่าหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ (ที่พี่วินฯ ชอบให้ใส่) เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมา หมวกกันน็อกหลุดไปก่อน สมองกระจายไม่ต่างกัน

- สมองคนเราคล้าย ๆ กับเต้าหู้ที่อยู่ในกล่องไม้ - นุ่มนิ่ม ๆ ประมาณนั้น และถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเยื่อหุ้มสมอง กะโหลก และหนังศีรษะ ...แค่นั้นเอง

- ถ้ากะโหลกแตก หรือเกิดความคมขึ้นจากรอยร้าว อาจทำให้เยื่อหุ้มสมองฉีกขาด เนื้อสมองหรือเจ้าก้อนเต้าหู้ของเราก็อาจเสียหายได้

- เนื้อสมองที่ฉีกขาดหรือกระจายออกมาแล้ว แปลว่าเสียหายถาวร ไม่สามารถซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้

- แต่บางกรณี การบาดเจ็บที่กะโหลกไม่ร้าวหรือแตกหัก หรือเยื่อหุ้มสมองไม่ฉีกขาด สมองไม่ได้กระจายออกมา แต่ถูกเขย่า ๆ จากแรงกระแทก ทำให้เกิดการบาดเจ็บอยู่ในสมอง (เซลล์สมอง เส้นประสาทสมอง หลอดเลือดสมอง) กรณีนี้ สมองก็บาดเจ็บ หรือขาดเลือดเหมือนกัน

- 'ความตาย' ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดค่ะ ความพิการ บาดเจ็บทุพพลภาพ และนอนติดเตียง ต่างหากที่น่ากลัวค่ะ ...เพราะมันจะกระทบกับทุกคนในบ้านตลอดไปในทันที...

**ที่เล่ามาทั้งหมด ไม่ได้จะมาต่อต้านนโยบาย เปิดผับถึงตี 4 นะคะ แค่อยากจะให้เห็นอีกมุมของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ ...เท่านั้นเองค่ะ

‘สุทิน’ ยัน!! ‘ทหาร’ จะเป็นไม้สองแก้ปัญหาเด็กตีกัน พร้อมช่วยปลูกฝังจิตสำนึก หากเกินกำลังของตำรวจ

(23 พ.ย.66) ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์การแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะวิวาทว่า มีกลไกระดับล่างที่แก้ไขปัญหากันอยู่ ทั้งระดับกระทรวงและตำรวจ แต่ถ้าเกินกำลังเชื่อว่าทางทหารอาจจะใช้กลไกในเรื่องของกำลังสำรอง หรือนักศึกษาวิชาทหาร (รด.) ถือเป็นการปลูกฝังจิตสำนึก ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้ หากเกินกว่ากำลังตำรวจ ทหารก็รับเหตุได้อยู่แล้ว

‘สายปะทะ’ ยอมสงบศึก!! หยุดทะเลาะวิวาทในงานวัด หลังเจอ ‘วัดคฤหบดีสงฆ์’ ยก ‘ที่พักคนเก่ง’ ตั้งหน้าเวที

เมื่อวานนี้ (5 ก.พ.67) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ‘วัดคฤหบดีสงฆ์’ หมู่ 3 ต.ท่าพุทรา อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร หลังจากภายในวัดได้จัดงานประจำปีปิดทองไหว้พระสรีระสังขารของอดีตเจ้าอาวาส ‘หลวงปู่วิบูลวชิรธรรม’ หรือ ‘หลวงพ่อสว่าง อุตตะโร’ พระเกจิดังของ จ.กำแพงเพชร ที่สร้าง ‘เหรียญปลอดภัย’ มีพุทธคุณด้านแคล้วคลาด-ปลอดภัย โดยร่างกายสังขารของหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อยมายาวนานถึง 47 ปี มีศิษย์ยานุศิษย์ที่ศรัทธาทั่วประเทศจำนวนมาก ให้ความเคารพศรัทธากันอย่างแพร่หลาย

สำหรับปีนี้กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-5 ก.พ.67 ตลอดทุกค่ำคืนมีมหรสพลิเกและวงดนตรีเล่นสดจากคณะต่างๆ มาแสดงให้ผู้มาร่วมงานได้ชมฟรี และคืนวันที่ 5 ก.พ. เป็นคืนสุดท้ายของงาน มีการแสดงของวงดนตรีคณะ ‘น้องอั๋นมิวสิค’ ขณะที่ค่ำคืนที่ผ่านมามีการแสดงดนตรีเช่นกัน และมีการทะเลาะวิวาทภายในงานบริเวณหน้าเวที มีผู้ได้รับลูกหลงบาดเจ็บหลายราย

สำหรับในช่วงค่ำคืนวันที่ 5 ก.พ.67 รองเจ้าอาวาสวัดได้นำโลงศพ 2 ใบ มาตั้งไว้หน้าเวทีเพื่อป้องปรามไม่ให้กลุ่มนักเที่ยวทะเลาะวิวาทกัน สร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่นโดยเขียนข้อความว่า “ที่พักคนเก่ง นายสมควร ตายวันนี้” พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัย เข้ามาสอดส่องและป้องปรามการเกิดเหตุอันตรายต่างๆ แก่ผู้มาร่วมงาน

พระบรรเจิด ปญฺญาปโชโต รองเจ้าอาวาสวัดคฤหบดีสงฆ์ ให้ข้อมูลว่า ในแต่ละคืนของการจัดงานจะมีกลุ่มวัยรุ่นที่มาเที่ยวงานเกิดมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน จนทำให้งานเสียหาย และมีผู้บาดเจ็บโดนลูกหลงหลายราย ซึ่งมีการใช้อาวุธปืนไล่ยิงกันนอกวัดอีกด้วย จึงได้นำโลงศพมาตั้งไว้เพื่อเตือนสติกับผู้ที่มาร่วมงาน ขออย่าให้ก่อเหตุ ทำให้ผู้อื่นได้รับผลกระทบหรืองานเสียหาย ทุกครั้งที่มีการจัดงานประจำปีมีวงดนตรีคอนเสิร์ตย้อนยุคมาแสดง ส่วนมากก็มักจะมีเรื่องกันทุกปี

“ที่นำโลงศพมาตั้งไว้ที่หน้าเวที ต้องการจะสื่อสารให้เป็นกุศโลบายว่า นี่แหละคนเก่งเข้าไปนอนในโลงศพกันหมดแล้ว เพื่อป้องกัน และให้เกรงกลัวกันบ้าง มีงานให้สนุกสนานกัน ไม่ใช่มาทะเลาะวิวาทกัน เชื่อว่าคนที่เห็นโลงก็จะมีความเกรงกลัว ไม่กล้ามีเรื่อง เพราะโลงเอาไว้ใส่คนตาย ปีนี้ทำขึ้นเป็นปีแรก จะลองดูว่าได้ผลหรือไม่ หวังอยากให้ทุกคนสนุกสนาน จัดงานให้ชมฟรีตลอด อย่ามีเรื่องให้เดือดร้อนกันเลย” พระบรรเจิด กล่าว

ขณะที่หลังจากจบงานปรากฏว่าในค่ำคืนวันที่ 5 ก.พ.67 ไม่มีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งใดๆ ของกลุ่มวัยรุ่นบริเวณหน้าเวที


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top