Tuesday, 30 April 2024
ตรัง

ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 แถลงข่าว! ‘จับผู้ใหญ่บ้าน ฆ่า 2 ศพ’ ในพื้นที่ จ.ตรัง

บ่ายวันนี้ 28 ตุลาคม 2564 ที่ห้องประชุม กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่  จ.สงขลา พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9,พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9,พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผบช.ภ.9 ,พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9,พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง  ,พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.9 ,พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สส.ภ.จ.สงขลา,ได้ร่วมกัยแถลงข่าวการจับกุมตัวนายชำนิ ชำนาญกิจ อายุ 45 ปี (ผู้ใหญ่บ้าน)อายุ 45 ปี หมู่ 2 บ้านเลขที่ 31/1 ต.แก้วแสน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช โดยมีหมายจับของศาลจังหวัดตรัง จ.264/64 ลงวันที่ 27 ต.ค.64 ในชั้นนี้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา 

โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่ปั้มน้ำมัน ปตท.สาขาทุ่งสง ถนนเพชรเกษม ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 27 ต.ค.64 ที่ผ่านมา โดยการนำของ พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9 ,กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 9 และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ

โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2564 เวลาประมาณ 17.03 น. ได้มีคนร้ายใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแมคไฮแลนเดอร์ แบบตอนครึ่ง สีเทาดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน กธ 5263 (ป้ายรถยนต์คันอื่น) ขับประกบแล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนด์เงิน  ทะเบียน ขก -720 สุราษฎร์ธานี เป็นเหตุให้นายวีระยุทธ  ขุนอินทร์ (คนขับ)  และ น.ส.วราภรณ์  เพียรดี ภรรยา(นั่งเบาะหลัง)  เสียชีวิตภายในรถยนต์ และ ด.ช.วสิษฐ์พล  ขุนอินทร์ บุตรชาย(นั่งหน้ารถ)ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดถนนเพชรเกษม 403  สายตรัง - ทุ่งสง  ม.2 ต.ควนเมา อ.รัษฎา จว.ตรัง หลังจากก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถยนต์กระบะหลบหนีไป     

เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ คนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม M16 ก่อเหตุบนถนนหลวง ในเวลากลางวันอย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย อีกทั้งยังมีเด็กซึ่งนั่งมาในรถถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย  และคดีเป็นที่สนใจของประชาชนและผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร.และ ภ.9 โดย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ได้มาประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ร่วมกับ ผบช.ภ.9 ,ผบก.ภ.จว.ตรัง,ผบก.สส.ภ.9  และชุดสืบสวนที่รับผิดชอบในการสืบสวนคดีนี้ ให้สืบสวนคลี่คลายคดีนี้ให้จงได้ 

ซึ่งต่อมา พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.ฯและชุดสืบสวนได้ร่วมกันตรวจสอบกล้องวงจรบริเวณสถานที่เกิดเหตุ และเส้นทางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุคดีนี้ จนกระทั่งทราบว่า คนร้ายใช้รถยนต์กรบะ ยี่ห้ออีซูซู รุ่นดีแมคไฮแลนเดอร์ แบบตอนครึ่ง สีเทาดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน กธ-5263 นครศรีธรรมราช  (สวมป้ายรถยนต์เก๋งคันอื่น) เป็นรถคนร้ายคันที่ใช้ยิงผู้ตาย

และพบว่ามีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนด์เงิน ทะเบียน กบ-1409 ตรัง  เป็นรถที่ขับนำทางรถกระบะมือปืน มาจาก ต.แก้วแสน อ.นาบอน จว.นครศรีฯ  เมื่อ 7 ก.ย.64 เพื่อมาเข้าที่พักรถที่ ม.10 ต.หนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จว.ตรัง และนำทางพารถกระบะมือปืนออกจากที่พัก กลับ อ.นาบอน จว.นครศรีฯ เมื่อ 10 ก.ย.64  ต่อมา 27 ก.ย. 64  ทราบว่า สภ.นาบอน จว.นครศรีฯ รับแจ้งเหตุมีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ แบบตอนครึ่งถูกเผา บนถนนในสวนยางพารา  ม.1 ต.แก้วแสน อ.นาบอนฯ จากการตรวจสอบแล้วเป็นรถคันเดียวกันกับรถยนต์กระบะของคนร้าย ที่ใช้ยิงผู้ตายในคดีนี้ เนื่องจากมีลักษณะเหมือนกัน มีตำหนิของรถตรงกันทุกประการ จึงตรวจยึดมาเป็นของกลางในคดีนี้ และได้สืบสวนเกี่ยวกับเจ้าของรถทราบว่า เจ้าของรถเป็นคนเกาะลันตา จว.กระบี่ ได้นำไปจำนำในพื้นที่ อ.เมืองกระบี่ แล้วรถหลุดจำนำ มีการขายต่อไปอีกรวม 7 ทอด โดยจากการสืบสวนสอบทราบว่าผู้ครอบครองรถมือปืนทอดสุดท้ายคือ นายชำนิฯผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม  ซึ่งทราบว่า จนท.ตร.มาตรวจสอบกล้องวงจรปิดแถวบ้านจึงนำรถไปเผาทำลายหลักฐานดังกล่าว 

นอกจากนี้ชุดตรวจสอบกล้องวงจรปิดยังตรวจสอบพบว่าหลังจากที่รถกระบะมือปืนที่พักรถที่ อ.ห้วยยอด จว.ตรัง แล้ว นำรถออกมาดูลาดเลาในวันที่ 8 ก.ย.64 และวันที่ 9 ก.ย.64 นำออกจากที่พัก อ.ห้วยยอด ไปก่อเหตุยังสถานที่เกิดเหตุ ที่ อ.รัษฎา ซึ่งห่างออกไปเพียง 10 กม. มีการไปวนผ่านบ้านของผู้ตายหลายรอบแล้วไปจอดรถดักรอผู้ตายบริเวณ จุดกลับรถแยกทางเข้า รร.บ้านหนองม่วง ซึ่งอยู่ก่อนถึงบ้านผู้ตายราว 1 กม. โดยผู้ตายเดินทางมาจากทำธุระที่ อ.ทุ่งสง จว.นครศรีฯ กับภรรยาและบุตรชาย แล้วมากลับรถที่บริเวณดังกล่าว ได้ถูกคนร้ายซึ่งดักรออยุ่แล้วประมาณ 33 นาที ได้ขับรถติดตามรถของผู้ตายและประกบยิงรถของผู้ตายทางด้านขวา ด้วยอาวุธปืน M16 จนรถเสียหลักตกข้างทาง ก่อนถึงบ้านของผู้ตายเล็กน้อย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบุตรชายได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถหลบหนีไปทางแยกควนเมา อ.รัษฎา แล้วเลี้ยวซ้ายไปทาง ต.วังหิน อ.บางขัน จว.นครศรี แล้วหลบหนีต่อไปอีก 30 นาที จึงขับรถกลับเข้าที่พักที่ อ.ห้วยยอด  ต่อมาวันที่ 10 ก.ย.64 ก่อนเที่ยงวัน จึงมีรถยนต์เก๋งโตโยต้า รุ่นวีออส มานำรถยนต์กรบะมือปืน พากลับไปยัง อ.นาบอน จว.นครศรีฯ          

 

ตรัง - ‘รมว.พิพัฒน์’ มอบบ้านให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกุล) และคณะลงพื้นที่บ้านโคกทราย หมู่ที่ 4 ตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพื่อเป็นประธานในพิธีมอบบ้านให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลาก ทั้งยังได้มอบทุนการศึกษาจำนวน 40 ทุน ผ้าห่มจำนวน 250 ชุด และ เครื่องครัว เพื่อเป็นการสร้างขวัญ และกำลังใจให้แก่ชาวบ้านผู้ประสบภัย โดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวต้อนรับ

รมว.พิพัฒน์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาบรรทัด เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 ช่วงเวลา 02.30 น. ที่ผ่านมานั้น สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนในตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว จำนวน 254 ครัวเรือน ในพื้นที่หมู่ที่ 1,4,5,6,7 พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหายรวม 74 ไร่ โดยเฉพาะหมู่ที่ 4 บ้านโคกทราย มีผู้เสียชีวิต 1 คน ทรัพย์สิน ได้รับความเสียหายจำนวนมาก

ซึ่งที่ผ่านมามีหน่วยงานต่าง ๆ เช่น จังหวัดตรัง กองทัพภาคที่ 4 ส่วนราชการต่างๆ รวมถึงภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ได้ให้ความช่วยเหลือตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา อาทิ ขนย้ายสิ่งของ ทำความสะอาด ประกอบอาหาร นำเครื่องจักรมาปรับพื้นที่ กิจกรรมจิตอาสา ซ่อมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย โดยมีการก่อสร้างบ้านใหม่ให้ประชาชน จำนวน 5 หลัง และปรับปรุง 7 หลัง โดยก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2564 ใช้ระยะเวลาก่อสร้างจำนวน 20 วัน สร้างความปลื้มปิติแก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง

 

‘เจ้าของร้านหมูกระทะ’ แจง ขออนุญาตขายถูกต้อง ชี้!! ขายมา 19 ปี ปฏิบัติตามระเบียบทุกอย่าง

จบประเด็นดราม่า!! ร้านหมูกระทะหน้าโรงพักขายบนทางเท้า เจ้าของร้านชี้แจงชัด ขายมาแล้วกว่า 19 ปี ได้รับอนุญาตผ่อนปรน จากเทศบาลเมืองกันตังอย่างถูกต้อง และปฏิบัติตามระเบียบทุกอย่าง

เรียกได้ว่ากำลังเป็นเรื่องราวที่มีการถกเถียงกันอย่างสนั่นบนโลกโซเซียล หลังจากที่โลกออนไลน์ได้มีการโพสต์ภาพร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง ได้เกิดขายและให้ลูกค้านั่งกินกันบนทางเท้าติดกับรั้วหน้าโรงพักมากว่า 20 ปี อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ภายหลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตหลายคนพากันวิพากษ์วิจารณ์เสียงแตกสนั่น ออกเป็นสองฝั่งโดยบางกลุ่มมองว่า “เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านเมืองตรัง เพราะร้านริมฟุตปาธเยอะมากและสะดวกสบายของกินอร่อย คนตรังอยู่กันได้มานานแต่ทำไมคนอื่นเข้ามาเดือนร้อนแทนกันด้วย” 

นอกจากนี้ชาวเน็ตบางกลุ่มหลายคนมองว่า “เป็นการทำผิดจนเคยตัว พอบังคับใช้กฎหมายก็หาว่ารังแกคนหาเช้ากินค่ำ ทั้งที่เป็นเรื่องของระเบียบวินัย ความสะอาด ซึ่งวอนขอให้เทศบาลลงมาตรวจสอบโดยเร็วว่านี่เป็นพื้นที่ผ่อนปรนตามกฎหมาย หรือเป็นการละเลยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”

จากประเด็นร้อนแรงดังกล่าว เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ 25 พ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบว่าร้านดังกล่าวชื่อร้าน ‘หมูกระทะข้างโรงพัก’ ตั้งอยู่บนฟุตปาธติดกับรั้วข้าง สภ.กันตัง ริมถนนเทศบำรุง (ภายในเขตเทศบาลเมืองกันตัง) เปิดขายเวลา 17.00-21.00 น. โดยพนักงานของร้านจำนวน 5 ชีวิต ต่างตระเตรียมขนย้ายข้าวของจากบ้านพักตำรวจภายใน สภ.กันตัง ออกมาจัดวางบนฟุตปาธ เพื่อเปิดรอรับลูกค้า และยังพบว่าบริเวณบนฟุตปาธหน้า สภ.กันตัง และด้านข้างยังคงมีร้านแผงลอยอื่นๆ ตั้งขายอยู่ประมาณ 4-5 ร้าน อีกด้วย

ผู้สื่อข่าวได้พบกับ น.ส.ภุชดาภรณ์ เตชะเดช หรือเกิ้ล อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน พร้อมด้วยเพื่อนๆ พ่อค้าแม่ขายที่ค้าขายกันอยู่บนฟุตปาธได้นำใบเสร็จที่ร้านต่างๆ รวมทั้งร้านหมูกระทะดังกล่าวจ่ายเป็นค่าที่และค่าบำรุงให้กับเทศบาลเมืองกันตัง ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ได้รับอนุญาตผ่อนปรน รวมทั้งนำใบทะเบียนพาณิชย์มาชี้แจงให้ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบด้วยเช่นกัน

น.ส.ภุชดาภรณ์ หรือเกิ้ล กล่าวว่า ได้เห็นเรื่องราวของร้านที่มีการนำไปโพสต์กันในโลกโซเซียลแล้ว โดยร้านเปิดตรงนี้มากว่า 19 ปีแล้ว เมื่อก่อนพ่อคือ ร.ต.ต.นพพร เตชะเดช หรือหมวดพร อายุ 56 ปี รอง สวป.สภ.กันตัง และแม่ซึ่งได้เสียชีวิตไปเป็นคนขาย โดยตนมารับช่วงต่อเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่ต้นทางเราได้ขออนุญาตจากเทศบาลเมืองกันตังถูกต้อง ไม่ได้ตั้งร้านถาวร เป็นการผ่อนปรน อยู่ในระเบียบ เงื่อนไข และเวลาที่กำหนด และมีเจ้าหน้าที่เทศบาลและเทศกิจมาตรวจสอบ กวดขัน และดูแลอยู่ตลอด ทั้งการขายตามช่วงเวลาที่กำหนด หลังร้านปิดก็เก็บอุปกรณ์และของทุกอย่างกลับ ทำความสะอาดพื้นที่ ซึ่งเราปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัดทุกอย่าง และมีการเก็บค่าที่และค่าบำรุงวันละ 20 บาท ซึ่งราคานี้เก็บมาตั้งแต่แม่ที่เสียชีวิตลงไปขายอยู่ หรือ 19 ปีที่ผ่านมาแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ร้านก็มีตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ทั้งมาคู่ และมากันยกครอบครัว

‘เกาะกระดาน’ สุดฮอต!! ช่วงสงกรานต์ที่พักเต็มทุกห้อง หลังถูกจัดให้เป็น ‘ชายหาดที่สวยที่สุดในโลก’

(9 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายพริษฐ์ นราสฤษฏ์กุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง ภายหลังจากที่เว็บไซต์ World Beach Guide ซึ่งเป็นเว็บค้นหาและเก็บข้อมูลชายหาดต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อให้ผู้อ่านได้รู้จักกับชายหาดที่สวยงามจากมุมต่าง ๆ ของโลก ได้จัดอันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 (Top 100 beaches on Earth 2023) โดยได้จัดให้ชายหาดที่เกาะกระดาน จังหวัดตรัง เป็นชายหาดที่สวยงามอันดับ 1 ของโลก ปี 2023 จากการเผยแพร่ภาพของชายหาดเกาะกระดานที่สวยงามนั้น ทำให้ชายหาดที่เกาะกระดานได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ทางอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมได้ขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ในการรักษาความสะอาดทั้งบนบกและในทะเล พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่คอยแนะนำให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาะกระดาน เพื่อให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตามนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ต้องการให้การท่องเที่ยวเป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

นายพริษฐ์ นราสฤษฏ์กุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม กล่าวว่า สำหรับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้มีนักท่องเที่ยวจองห้องพักบนเกาะกระดานตามรีสอร์ทเต็มจนหมด เนื่องจากต้องการชื่นชมความงดงามของหาดทรายขาวละเอียด ปะการังใต้ท้องทะเลตรัง ฝูงปลานานาชนิดที่เกาะกระดาน ในส่วนของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมนั้นได้เตรียมเจ้าหน้าที่เอาไว้คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดตรังว่ามีความปลอดภัยอย่างแน่นอน

ด้าน นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการ จังหวัดตรัง กล่าวว่า ชายหาดเกาะกระดาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม โดยเกาะกระดาน ถือเป็นสถานที่ที่มีเกาะที่สวยงามที่สุดและส่วนใหญ่ยังคงสภาพสมบูรณ์ ทั้งนี้ จุดเด่นของเกาะกระดาน เป็นเกาะที่มีความกว้างมาก มีชายหาดที่มีทรายขาวละเอียด ชายหาดกว้างใหญ่สวยงามน่าเล่นน้ำ น้ำทะเลใสจนมองเห็น แนวปะการัง น้ำตื้น ตลอดจนฝูงปลาหลากหลายพันธุ์

หลายพรรคมีหวั่น!! เหตุ ‘ลุงตู่’ เริ่มดึงกระแส แม้นายหัวผู้ไม่เคยแพ้ ก็ยังแอบปาดเหงื่อ

หาเสียงกันมาแล้ว 20 กว่าวัน และก็เหลือเวลาอีกเพียง 20 กว่าวัน จะถึงวันพิพากษาของประชาชนในการลงคะแนนเลือกตั้งว่าจะกาให้ใครเป็นผู้แทนของเขาไปทำหน้าที่ในสภา

กล่าวถึง 4 เขตเลือกตั้งของจังหวัดตรัง ที่อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเมืองหลวงของประชาธิปัตย์ ซึ่งมี ‘นายหัวชวน’ ชวน หลีกภัย เป็นเสาหลักอยู่ และไม่เคยแพ้การเลือกตั้งมาก่อนนับตั้งแต่ปี 2512 เป็นต้นมานั้น ก็น่าติดตาม เพราะเมื่อช่วงการเลือกตั้งปี 2562 ประชาธิปัตย์ ก็เคยได้เพลี่ยงพล้ำให้กับพรรคพลังประชารัฐไป 1 ที่นั่งกับ ‘นิพันธ์ ศิริธร’ ซึ่งได้รับเลือกตั้งในเขต 1 ตรัง อย่างพลิกสายตาคอการเมือง

ยิ่งในสถานการณ์ความไม่ลงตัวของประชาธิปัตย์หนนี้ ตรังก็อาจจะถูกท้าทายยิ่งจากคู่แข่ง ภายหลังประชาธิปัตย์แยกเป็น 3 ก๊วน ได้แก่ ‘ชวน- สาทิตย์-สมชาย’ ขณะที่ฟาก ‘รทสช.’ ของลุงตู่ ก็น่าดูชม เพราะเดินไปทิศทางใดก็มีกระแส ส่วนภูมิใจไทยก็จ้องจะปักธงอยู่เหมือนกัน

ว่าแล้วมาทวนในส่วนของ ‘ชวน’ กันหน่อย โดยความหมายก็ไม่พ้น นายหัวชวน หลีกภัย อดีต ส.ส.12 สมัย ซึ่งไม่เคยสอบตก เป็นทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานรัฐสภา อดีตรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง แต่คราวนี้เชื่อว่านายหัวชวนคงกระอักกระอ่วนใจกับคนใกล้ชิดที่ต้องพลัดพรากจากกันไปอยู่ พรรครวมไทยสร้างชาติอย่าง ‘สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล’ เขต 4 ตรัง จนถึงขั้นชวนประกาศว่าเขตนี้ ไม่ช่วยคนแต่ช่วยพรรคกันเลยทีเดียว

ด้าน ‘สาทิตย์’ หรือ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.หลายสมัย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ถือเป็นศิษย์รักของนายหัวชวน อีกทั้งยังเป็นคนตัวเล็กใจกล้า ที่เป็นมือขวาเคียงข้าง ‘ลุงกำนัน’ ในยุค กปปส.ด้วย ลำบากใจแท้!!

ปิดท้ายกับ ‘สมชาย’ หมายถึง สมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีต ส.ส.หลายสมัย ที่จำต้องผลัดบ่าให้ ‘สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ’ ลูกสาวลงสมัครแทน ด้วยเหตุผลทางการเมืองที่ว่า ‘สมชาย’ กับ ‘สาทิตย์’ อยู่พรรคเดียวกัน ร้องเพลงเดียวกัน แค่ร้องคนละคีย์กันอยู่ นั่นก็เพราะสมชายกับวงศ์หนองเตย ระหองระแหงกันมาตั้งแต่ศึกเลือกตั้งนายกฯ อบจ.แล้ว แถมคราวนี้ สมชาย หันไปสนับสนุน ‘ทวี สุระบาล’ จากพรรคพลังประชารัฐแทน 

ฉะนั้นในการเลือกตั้งทั่วไป ปี 2566 ที่จะถึงนี้ จังหวัดตรัง ซึ่งมี 4 เขต เหมือนเขตเลือกตั้งในปี 2550 จะมีพรรคใหญ่ที่น่าจับตามองในสายตาประชาชนชาวภาคใต้ 4 พรรคใหญ่เท่านั้น ได้แก่...

พรรคภูมิใจไทย โดยนายพิพัฒน์ และ ดร.นาที รัชกิจประการ ซึ่งคาดหวังชนะ 19 เขตเลือกตั้งทั่วภาคใต้ โดยมี จ.ตรัง เป็นอีกหนึ่งหมุดที่พรรคภูมิใจไทย หมายมั่นปั้นมือปักธง และได้ส่งผู้สมัครครบ 4 เขต ได้แก่ เขต 1 นพ.รักษ์  บุญเจริญ / เขต 2 นางโชติกา รักเมือง / เขต 3 เรือเอกพัฒน์พงษ์ คงผลาญ และเขต 4 นายดิษฐ์ธนิน ภาคย์อิชณน์  

พรรคพลังประชารัฐ โดยนายทวี สุระบาล เป็นพี่ใหญ่ ได้ส่ง เขต 1 นายกิตติพงษ์ ผลประยูร / เขต 2 นายทวี สุระบาล / เขต 3 พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ใจสมุทร / เขต 4.พล.ต.ต.บรรลือ ชูเวทย์ ซึ่งปัจจุบัน จ.ตรัง เขต 1 มีนายนิพันธ์ ศิริธร เป็น ส.ส.พลังประชารัฐ อยู่แล้ว จึงต้องการรักษาเก้าอี้ ส.ส.เขต 1นี้ไว้ให้ได้ แม้นิพันธ์จะไม่ได้ลง ส.ส.เขตแล้วก็ตาม

พรรคประชาธิปัตย์ ส่งครบ 4เขต ได้แก่เขต 1 นพ.ตุลกานต์ มักคุ้น / เขต 2 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย / เขต 3 น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ และเขต 4 นายกาญจน์ ตั้งปอง  

พรรครวมไทยสร้างชาติ มีตัวเด่นอยู่ที่เขต 3 ‘อำนวย นวลทอง’ อดีตนักศึกษากิจกรรมตัวยง ที่สนใจการเมืองมาตั้งแต่สมัยเรียน และมุ่งมั่นเข้าสู่วิถีการเมือง อดีตสมาชิกสภาเขตพญาไท อดีตประธานสภาเขตพญาไท 2 สมัย คนใกล้ชิด ดร.พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม. และ เขต 4 สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ที่ถูกคัดออก เพราะถูกคนในพรรคประชาธิปัตย์มองข้าม แต่นายชวนยังเห็นคุณค่า โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น ก็เตรียมลงพื้นที่ตรังเรียกแขกในวันเสาร์ที่ 29 เมษายนนี้ด้วย 

กล่าวโดยสรุปสำหรับสนามเมืองตรัง เขต 1 จะเป็นการแข่งกันมันส์หยด เมื่อ พลังประชารัฐ ส่ง กิตติพงษ์ ผลประยูร ลงพื้นที่ก่อนผู้สมัครคนอื่นมีความได้เปรียบในการจัดตั้งคะแนนเสียง ส่วนเจ้าถิ่นประชาธิปัตย์ ส่ง นพ.ตุลกานต์ มักคุ้น ลูกรักประชาธิปัตย์สาย ‘ชวน หลีกภัย’ ลงสมัครใช้ฐานคะแนนเสียงเดิมเพื่อหวังชัยชนะกลับคืนมา
พรรคภูมิใจไทย นพ.รักษ์ บุญเจริญ เปิดตัวหลังคนอื่น แต่กระแสตอบรับดีมาก มีกระแสพรรคฯ ‘พูดแล้วทำ’ มาหนุน ทั้งประวัติส่วนตัวขาวสะอาด เป็นหมอชาวบ้านติดดิน จึงได้คนวงการสาธารณสุขหนุนนำ  

ยิ่งไปกว่านั้นเขต 1 จะเป็นสนามเลือกตั้งที่มีการแข่งขันดุเด็ดเผ็ดมันส์แน่ เพราะผู้สมัครทั้ง 3 คนไม่เคยเป็น ส.ส.มาก่อน มี นพ.รักษ์ คนเดียวที่เล่นการเมืองท้องถิ่น อดีตรองนายกเทศบาลนครตรัง ส่วนนายกิตติพงษ์ อดีตข้าราชการกรมที่ดิน ส่วนหมอตุลกานต์ มักคุ้น หมอโรงพยาบาลตรัง เขตนี่อย่ากระพริบเชียว

เขต 2 คู่นี้คือมวยคู่เอกของรายการในนัดนี้ เมื่อนายทวี สุระบาล ผู้ช่วยรัฐมนตรีและอดีต ส.ส.หลายสมัยหวนคืนสังเวียนขอทวงแชมป์จาก ส.ส.สาทิตย์ วงศ์หนองเตย พรรคประชาธิปัตย์ ทวี ทำการบ้านลงพื้นที่มาหลายปี ไปทุกงาน เสียงตอบรับกระแสนิยม มาฝั่งทวีได้ยินทุกหมู่บ้านคราวนี้ อีกทั้งนักการเมืองท้องถิ่นก็หนุนช่วยทวี ที่สำคัญสมชายก็เป็นอีกหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยทวีออกหน้าออกตาตั้งแต่ก่อนสมัครแล้ว

ส่วนดาวสภา คนตัวเล็กฝีปากกล้า ‘สาทิตย์ วงศ์หนองเตย’ กลับมาลงพื้นที่เดินพบปะชาวบ้าน ‘เคาะประตู’ สไตล์ประชาธิปัตย์ เขตนี้เริ่มต้นทวี เป็นรองสาทิตย์ แต่ไม่มากนัก เวลาผ่านไปหายใจรดต้นคอสาทิตย์แล้ว

‘ลุงตู่’ พบ ‘ตั๊น จิตภัสร์’ กลางสนามบิน ขณะลงพื้นที่หาเสียง จ.ตรัง พร้อมอวยพรให้อาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุโดดร่มหายดีโดยเร็ว

(29 เม.ย. 66) น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร หรือ ‘ตั๊น’ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ผู้สมัคร ส.ส แบบบัญชีรายชื่อ ได้ลงพื้นที่หาเสียงให้กับนายกาญจน์ ตั้งปอง ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต 4 เบอร์ 2 พร้อมด้วย น.ส สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ อดีต ส.ส.ตรัง ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต 3 เบอร์ 2 ณ ตลาดสดย่านตาขาว อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง โดยมีพี่น้องประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ในตลาดให้การต้อนรับ มอบดอกไม้ และถ่ายภาพเป็นจำนวนมากก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสนามบินตรังว่า ระหว่างที่ น.ส จิตภัสร์ เดินทางกลับ กทม. ได้พบกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และแคนดิเดตนายกฯพรรค รทสช.ที่ได้เดินทางมายังจังหวัดตรังเพื่อช่วยสมาชิกพรรคหาเสียง จึงได้ทักทายกันบริเวณประตูทางออก โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้อวยพร น.ส จิตภัสร์ว่า ขอให้โชคดี หายป่วยจากอาการบาดเจ็บจากการโดดร่ม และขอให้ช่วยกันทำการเมืองสร้างสรรค์ ทั้งนี้ มีประชาชนทั่วไปให้ความสนใจทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ น.ส จิตภัสร์ ร่วมขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกด้วย


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/727562

‘บิ๊กป้อม’ ลุยหาเสียง จ.ตรัง พร้อมเซลฟีกับ ปชช.เป็นที่ระลึก ลั่น!! หาก ‘พปชร.’ ได้เป็น รบ.จะทำให้ทุกคนหัวเราะดังกว่านี้

‘บิ๊กป้อม’ เซลฟีบอกรักชาวตรัง เก็บภาพเป็นที่ระลึก โปรยยาหอม แก้ราคาน้ำมันปาล์ม 7 ปี จากนี้ไปราคาจะมีความเสถียรภาพ

(6 พ.ค. 66) ที่จังหวัดตรัง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ภาคใต้ ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (ศาลากลางจังหวัดตรัง) นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง และ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทีมเศรษฐกิจพรรค พปชร. พร้อมด้วยผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายนิพันธ์ ศิริธร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายกิตติพงศ์ ผลประยูร เขต 1 เบอร์ 3, นายทวี สุระบาล เขต 2 เบอร์ 6, พ.ต.ท.นัทธพงศ์ ใจสมุทร เขต 3 เบอร์ 1 และ พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ เขต 4 เบอร์ 4

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยว่า ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมจะรับใช้ชาวจ.ตรังทุกคน เราเลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของประชาชน จึงขอให้เลือกผู้สมัครของพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต และเลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 บัตรสีเขียว วันนี้ตนอยากให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง และความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครทั้ง 4 คนที่ยืนอยู่ตรงนี้

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนดูแลและแก้ปัญหาราคาน้ำมันปาล์มมา 7 ปี โดยราคาขยับขึ้นจากบาทกว่า ไปเป็น 7 บาท ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ประมาณ 5-6 บาท ทันทีที่พรรค พปชร.เป็นรัฐบาล ตนจะทำให้เกิดความเสถียรเพื่อให้ชาวจังหวัดตรังอยู่ดีกินดีขึ้น ปัญหาราคายางตกต่ำจะต้องหมดไป ซึ่งขอยืนยันว่า นโยบายแก้ไขปัญหาราคายาง และราคาปาล์ม ของพรรค พปชร.สามารถทำได้จริง และเราพร้อมทำทันที

“เราจะมาช่วยกันเพื่อพัฒนาประเทศ โดยมีเป้าหมายให้ชาวจ.ตรังได้อยู่ดีกินดี ซึ่งตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เราต้องการให้คนไทยทุกคนมีความสุข เราจะทำให้เมืองตรังเป็นเมืองอัจฉริยะ เราจะพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่นี้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป ทุกคนที่นี่ต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน เราจะสร้างงานสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวจ.ตรัง เพื่อให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก ผมขอฝากพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครของพรรคไง้กับชาวตรังทุกคนด้วย” พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในวันที่ 7 พ.ค.นี้ เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า ขอให้ทุก ๆ คนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อย่าลืมกาเบอร์ 37 รวมถึงผู้สมัครทั้ง 4 เขตของพรรคพลังประชารัฐ ขอให้เราเข้าไปทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนในสภา และพรรคประชารัฐพร้อมที่จะดูแลประชาชนให้มีความเจริญรุ่งเรือง ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ดีกินดี และมีความสุขตลอดไป

‘ทวี สุระบาล’ ว่าที่ส.ส. ตรัง ขอบคุณประชาชน ที่เทคะแนนเสียง  ทำให้ครองแชมป์อันดับ1 ของประเทศ ย้ำ พร้อมลุยทำงานแก้ปัญหาปากท้อง

นายทวี สุระบาล ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จ.ตรัง  กล่าวว่า ตนขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดตรังเขต 2 ที่มอบคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น จนสามารถมีคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. 2566 สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ด้วยคะแนนเสียง 63,185 คะแนน เป็นครั้งที่ 2  ที่พี่น้องชาวจ.ตรังให้ความไว้วางใจ จากเมื่อปี 2544 ที่เคยได้รับคะแนนเสียงสูงสุดเป็นครั้งแรก 65,458 คะแนน นับเป็นคนแรกของรัฐสภาไทยที่ได้คะแนนสูงสุด สองครั้ง ซึ่งเป็นการทำงานลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ยังได้ทำหน้าที่พบปะประชาชน อย่างใกล้ชิดไม่เคยทิ้งพื้นที่ 

นายทวี กล่าวต่อว่า พี่น้องประชาชนยังพอใจในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะการเพิ่มเบี้ยสวัสดิการ 700 บาท และ และ เบี้ยยังชีพผู้สูงวัย โดยการเพิ่มเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน หรือเรียกว่า‘เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8’ 

“หลังจากนี้ แม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เตรียมพร้อม และลงพื้นที่ต่อเนื่อง ไม่เคยปฏิเสธการเข้าถึงประชาชนเพื่อช่วยเหลือในทุกเรื่อง โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง ที่ต้องเร่งเสนอต่อ พรรค เพื่อนำไปผลักดันในสภาฯ ต่อไป “

‘หนุ่มใหญ่เมืองตรัง’ หลั่งน้ำตา!! เลี้ยงหมูหวังปลดหนี้ธนาคาร ถูกคนร้ายบุกฆ่าลูกหมูยกเล้า สูญเงินก้อนสุดท้ายไปฟรีๆ    

หนุ่มใหญ่เมืองตรังท้อ นำเงินก้อนสุดท้ายมาเลี้ยงหมู หวังปลดหนี้ธนาคาร กลับถูกคนร้ายบุกเข้าฆ่าลูกหมูวัย 45 วัน และ 1 วัน จำนวน 2 คลอก ตายเกลื่อนคาคอกกว่า 13 ตัว ขโมยไปอีก 2 ตัว ซึ่งในระยะเวลา 2 ครั้ง ห่างกันเพียงแค่ 6 วัน เจ้าตัวเผยไม่เคยขัดแย้งกับใคร หลั่งน้ำตาคาดต้องล้มเลิกกิจการ คาดเป็นฝีมือทาสยานรก หรือบุคคลอื่นทำเพื่อกดดันให้หยุดเลี้ยง

(18 ก.ค. 66) ร.ต.อ.นรชัย แก้วหนู รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ภายหลังจากได้รับแจ้งมีคนร้ายบุกใช้อาวุธมีด แทงลูกหมูของเกษตรกรที่เลี้ยงไว้เสียชีวิตคาคอก ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนยางพาราอ่อน จำนวน 7 กว่าไร่ พื้นที่หมู่ 4 บ้านควนดินแดง ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเส้นทางเข้าไปภายในสวน เป็นถนนลูกรังห่างจากถนนใหญ่ และห่างไกลจากบ้านเรือนประชาชน

พบคอกเลี้ยงหมูยาวประมาณ 20 เมตร ใกล้กันมีบ้านพักหลังเล็กปลูกอยู่ 1 หลัง พบว่าภายในคอกท้ายสุด พบซากหมูถูกแทงนอนจมกองเลือดจำนวน 8 ตัว หลงเหลืออยู่เพียงแม่พันธุ์หมู สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับเจ้าของคือนายชาตรี (สงวนนามสกุล) หรือ ‘เขียด’ อายุ 45 ปี เป็นอย่างมาก

นายชาตรี เจ้าของ เล่าทั้งน้ำตาว่า เริ่มเลี้ยงหมูมาเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา โดยเลี้ยงพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เพื่อตั้งใจว่าจะผสมพันธุ์ให้เกิดลูก เพื่อที่จะได้จำหน่าย แต่กลับไม่เป็นดังใจหวัง หลังจากลูกหมูคลอกแรกเกิดมาจำนวน 11 ตัว ได้ใช้ชีวิตหลังหย่านมแม่อยู่ได้ประมาณ 45 วัน จนถึงวันที่ 12 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายบุกเข้ามาใช้อาวุธมีดแทง ปาดคอ และผ่าท้องตายไปจำนวน 5 ตัว นอนตายเกลื่อนคอก และถูกคนร้ายขโมยไปอีก 1 ตัว ทำให้เหลือลูกหมูคลอกแรกอยู่เพียง 5 ตัว ตนจึงได้ย้ายที่รอดชีวิตไปอยู่คอกอื่น ซึ่งเหตุการณ์ครั้งแรกตนไม่ได้ติดใจและแจ้งความ เพียงแค่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น

จนกระทั่งลูกคลอกที่ 2 ได้เกิดตามมาอีกครั้งทั้งหมด 10 ตัว วันที่ 16 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ตายไปตามธรรมชาติ 1 ตัว เหลือ 9 ตัว จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 ก.ค.66) คนร้ายได้บุกเข้ามาใช้มีดแทงลูกหมูที่มีอายุเพียง 1 วัน ตายไปทั้งหมด 8 ตัวและขโมยกลับไป 1 ตัว ก่อนจะแจ้งตำรวจเพื่อจะดำเนินคดีในครั้งนี้ เหตุการณ์ครั้งล่าสุด ทั้งๆที่ตนเปิดไฟภายในคอกหมูสว่าง และนอนเฝ้าอยู่ภายในสวน แต่ตื่นเช้ามาก็เสียใจที่ถูกฆ่าตาย ซึ่งติดกล้องวงจรปิดไม่ทัน

ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนร้ายเป็นโรคจิต หรือวิปริตหรือไม่ หรือเพราะไม่อยากให้ตนเลี้ยงที่นี่ และตนไม่เคยมีศัตรูหรือความขัดแย้งกับใครมาก่อน แม้สวนที่อยู่ติดกันใกล้กันก็เป็นมิตรที่ดีต่อกัน จึงอยากขอความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยจับกุมคนร้ายให้ได้อย่างเร็วที่สุด ตนเสียใจน้อยใจมาก เพราะตั้งใจทำมาหากิน แต่กลับถูกรังแก

ที่ผ่านมาตนทำอาชีพค้าขาย แต่ปรากฏว่าติดหนี้สินธนาคาร จึงผันตัวนำเงินที่เหลืออยู่ประมาณ 3 แสนบาทมาลงทุนเป็นเกษตรกรเลี้ยงหมู เพื่อหวังจะได้ทยอยจ่ายหนี้ธนาคารและดูแลครอบครัว เพราะมีลูก 3 คนอยู่ในวัยเรียน รู้สึกเสียใจมากที่มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หลังจากนี้คิดว่าก็ต้องล้มเลิกกิจการเลี้ยงหมู เพราะทำต่อไปไม่ได้แล้ว

ขณะที่ นายวิชาญ มากแก้ว หรือ ‘ผู้ช่วยเพิ่ม’ อายุ 41 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.น้ำผุด กล่าวว่า คนร้ายลงมือเหี้ยมมาก เพราะทำกับลูกหมูตัวเล็กๆ ได้ขนาดนี้ ทั้งปาดคอ ผ่าท้อง และน่าจะเป็นพวกโรคจิต เพราะท่าบุคคลปกติคงไม่ทำกัน และฆ่าเพียงลูกหมู แต่ไม่ฆ่าแม่พันธุ์ หลังรับแจ้งจากลูกบ้านก็ได้เข้าสอบถามข้อมูลเบื้องต้น แต่เจ้าของยืนยันว่าไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครมาก่อน ก็อยากให้ทางตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้ ตอนนี้ก็พอจะมีบุคคลต้องสงสัยอยู่บ้าง แต่ยังคงระบุตรงเป้าไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ตรวจสถานที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นการก่อเหตุของบุคคลที่จิตหลอน ติดยาเสพติดในพื้นที่ แต่ก็ยังคงไม่ตัดประเด็นก่อเหตุเพื่อกดดันให้เจ้าของหยุดเลี้ยงและออกจากพื้นที่ เนื่องจากเจ้าของไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครมาก่อน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top