Saturday, 4 May 2024
ซื้อเสียง

'เทพไท' เสนอ วิธีแก้เผ็ดพวกซื้อเสียง ร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ให้นับคะแนนรวมจุดเดียว

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์คลิปใน Facebook ส่วนตัวว่า หลังจากรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมได้มีผลบังคับใช้แล้วจำเป็นจะต้องมีการยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญขึ้นมาอย่างน้อย 2 ฉบับคือ พ.ร.ป.เกี่ยวกับพรรคการเมือง และ พ.ร.ป.เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งมีการยกร่างขึ้นมาจากหลายส่วน ทั้ง กกต.พรรคการเมืองต่างๆ ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ได้นำเสนอต่อสังคมให้ได้รับรู้ และแสดงความคิดเห็นกัน

ส่วนตัวขอเสนอความเห็นเกี่ยวกับการนับคะแนนการเลือกตั้ง ลงใน พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส.ด้วย เพราะการเสนอให้มีการนับคะแนนรวมกันที่จุดว่าที่ว่าการอำเภอในเขตเลือกตั้ง กำหนดให้อำเภอละ1แห่ง ถ้าเขตเลือกตั้งใดมี2อำเภอ ก็ใช้จุดนับคะแนน2แห่ง ถ้ามี 3 อำเภอ ก็ใช้จุดนับคะแนน 3 แห่ง เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่ใช้ผู้นำท้องถิ่นเป็นหัวคะแนน เดินซื้อเสียงจากชาวบ้าน ถ้าหากยังมีการนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งประจำหมู่บ้าน ก็สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการซื้อเสียงของผู้สมัครได้

ทำให้บรรดาหัวคะแนน และประชาชนผู้ใช้สิทธิ์ที่ขายเสียง ก็ไม่กล้าที่จะหักหลัง ไม่เลือกคนซื้อเสียง กลัวจะเป็นอันตราย จากลุ่มอิทธิพลของคนซื้อเสียง แต่ถ้าเป็นการนับคะแนนรวมกันที่อำเภอ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า หน่วยเลือกตั้งใดเลือกผู้สมัครคนใดมากน้อยแค่ไหน ก็จะทำให้ผู้สมัครที่ต้องการซื้อเสียงก็ไม่กล้าลงทุนซื้อเสียงอีก เพราะไม่มีหลักประกันว่า จะซื้อเสียงได้เข้าเป้าตามความต้องการ และประชาชนที่ถูกซื้อเสียง ก็สามารถที่จะรับเงินแล้วไม่เลือกก็ได้ มาตรการนี้จะเป็นการดัดหลังนักการเมืองซื้อเสียง ให้หมดสิ้นไปจากระบบการเมืองไทย 

ส่วนการกลัวว่าการนับคะแนนรวมที่อำเภอ จะมีการเปลี่ยนหีบเลือกตั้ง ระหว่างขนส่งหีบนั้น สามารถแก้ปัญหาได้โดยให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร สามารถใช้สิทธิ์ส่งผู้สังเกตการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง ติดตามลำเลียงหีบบัตรไปส่งที่จุดนับคะแนนประจำอำเภอได้ และการป้องกันการเปลี่ยนหีบคะแนนเลือกตั้ง สามารถทำได้ง่ายกว่าการซื้อเสียง ที่กำลังระบาดอย่างหนักไปทั่วประเทศในขณะนี้ 

'สมคิด' จี้ 'กกต.' จัดการเลือกตั้งให้โปร่งใส-ยุติธรรม ลั่น!! 'พท.' แลนด์สไลด์แน่นอน เหตุ ปชช.ตอบรับนโยบาย

(22 ก.พ. 66) นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบล ราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า จากที่พรรคพท.ลงพื้นที่ในนามครอบครัวเพื่อไทยในหลายพื้นที่ พบว่า ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก ตั้งเป้าว่า หลังจากหมดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญ พรรค พท.จะเปิดเวทีทั้งในนามพรรคและในนามครอบครัวเพื่อไทยทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคต่อประชาชน มั่นใจว่าประชาชนจะตอบรับผู้สมัครของพรรคทั่วประเทศอย่างแน่นอน จากการที่ ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลงพื้นที่ต่อเนื่อง เพื่อนำนโยบายดี ๆ ของพรรคไปชี้แจงกับประชาชน พบว่าสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

เชื่อว่าจะสามารถสร้างแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดินได้อย่างแน่นอน มั่นใจว่า ผู้สมัครของพรรคจะได้รับชัยชนะมากกว่า 250 เขต เลือกตั้งทั่วประเทศ เพราะพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศตอบรับนโยบายของพรรค และมั่นใจว่าเป็นนโยบายที่สามารถจับต้องได้ นำมาปฏิบัติได้จริง ต่างจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ไม่มีนโยบายไหนที่ช่วยพี่น้องเกษตรกรอย่างจริงใจได้เลย ระบบเศรษฐกิจทุกระดับเสียหายหมด ยกเว้นระดับนายทุนใกล้ชิดรัฐบาลที่รวยขึ้น

‘ชูวิทย์’ แฉหมดเปลือก เปิดตัวเลข ‘ซื้อเสียง’ สะท้านทุกภูมิภาค เผย ใช้ อสม.เป็น ‘ตัวกลาง’ ชี้!! รอบนี้หนักสุดในประวัติศาสตร์

(24 เม.ย. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ หัวข้อ ‘เลือกตั้งประเทศไทย 2566’ โดยมีเนื้อหาดังนี้…

“การเลือกตั้งครั้งนี้ มีการจ่ายเงินซื้อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์”

โดยใช้ อสม. (อาสาสมัครหมู่บ้าน) เป็น ‘ตัวกลาง’ ในการประสานงานกับชาวบ้าน ทั้งจดชื่อ แนะนำ แจ้งวิธีการจ่าย จำนวนเงิน ชวนให้ไปฟังปราศรัย พบปะผู้สมัคร ไปจนถึงการลงคะแนนในวันเลือกตั้ง

สรุปการจ่ายได้ดังนี้

1.) มัดจำด้วยวิธีการทยอยจ่าย เช่น 300 - 500 บาทต่อคน และอีกส่วนก่อนวันเลือกตั้ง

2.) จ่ายเพื่อให้มาร่วมฟังนโยบายแบบวงย่อย ได้คนละ 100 - 300 บาท

3.) จ่ายเพื่อให้ไปฟังปราศรัยใหญ่ 300 - 500 บาท เป็นการเกณฑ์คนมาฟังเพื่อแสดงให้ดูกำลังของพรรค และ ส.ส.

4.) การเช็คจำนวนคนที่ลงคะแนน เนื่องจากในแต่ละหน่วยเลือกตั้งมีจำนวนคนไม่มาก เงินที่จ่ายให้ชาวบ้านจึงเบี้ยวยาก

5.) การให้ไม่ได้หมายความว่าจะได้แน่นอน เพราะคู่แข่งขันอาจให้มากกว่า เช่น ตั้งเป้าให้ 1,000 ต่อหัว แต่ไปเจอคู่แข่งให้ 1,500 หรือเกทับกลับไป 2,000 ก็มี

ชาวบ้านจึงรับเงินฟรีแต่ไม่กา ไปกาให้อีกฝั่ง อย่างนี้ไม่ผิด ไปว่าชาวบ้านไม่ได้

ราคาดังกล่าวเป็นราคาในภาคอีสาน เหนือ ส่วนภาคกลางที่มีการต่อสู้หนัก ราคาไหลไปสูงกว่านั้น ไฮไลต์อยู่ที่ภาคใต้ ราคาเฉลี่ย 2,000 ต่อหัวอย่างต่ำ โดยที่จ่ายสูงสุด คือ จังหวัดภูเก็ตราคาอยู่ที่ หัวละ 3,000 บาท ในขณะนี้

ชาวบ้านมองการเลือกตั้งคือการเทศกาลจ่าย เงินสะพัด เป็นการคืนกำไรที่โกงกลับมาให้ หรือเป็นการจ่ายเพื่อลงทุนในการเป็น ส.ส.การเมืองไทยจึงเปรียบเสมือนธุรกิจ ที่ต้องใช้เงินจ่ายค่า ‘สัมปทาน’ ในการผ่านเข้าไปสู่ระบบ ส.ส.ตามขั้นตอน

หากพรรคกลายเป็นตัวแปรหลังคะแนนออก การจับคู่เจรจาตำแหน่งเจ้ากระทรวงจะมีกำลังเพิ่มเป็นโบนัสชิ้นใหญ่ พรรคการเมืองกลับคำได้หมด ไม่สนที่ปราศรัยไว้ตอนหาเสียง เพราะต้องเสียสัตย์เพื่อชาติ ต่อรองเอากระทรวงที่มีโครงการมาก มีงบมาก เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม ส่วนพรรคเล็กได้ ส.ส.ไม่มาก ได้กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุดมศึกษาฯ

โดยเฉลี่ย มี ส.ส. ในมือ 7 คนได้รัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง แต่ขึ้นอยู่กับพรรค และการต่อรองเป็นหลัก

อย่างพรรคภูมิใจไทยที่ได้ทั้งกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคมในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์เมื่อปี 2552 เพราะเนวินยอมหัก ‘นายเก่าทักษิณ’ ให้อภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ กระทรวงทำเงินจึงตกอยู่กับพรรคภูมิใจไทยหมด

จนกระทั่งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังอ่อนประสบการณ์เจรจาจัดตั้งรัฐบาล ห่วงแต่จะเป็นนายกฯ และเน้นเอาเฉพาะกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง และเศรษฐกิจ จึงเสียกระทรวงคมนาคมไปให้พรรคภูมิใจไทย กระทรวงสาธารณสุขก็จะเอา เพราะต้องผลักดันนโยบายกัญชาเสรี

'ชูวิทย์' บุกเมืองเพชรต้านกัญชาเสรีไล่บี้ซื้อเสียง ประกาศเชียร์ 'อลงกรณ์' เต็มคาราเบล ขอคนเพชรเลือกพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 7 ทั้ง 3 เขต

วันนี้ เวลา16.30 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เดินทางมา รณรงค์ต่อต้านกัญชาเสรีและการซื้อเสียงในตลาดเทศบาลเมืองเพชรบุรีท่ามกลางประชาชนให้ความสนใจคับคั่งพร้อมกับแจกสติกเกอร์ไม่เอากัญชาเสรี จนมาพบ นายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัคร ส.ส. เบอร์ 7 เขต 1 เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์กำลังปราศรัยบนรถกระจายเสียงบนถนน28เมตร จึงขึ้นรถกล่าวปราศรัยขอให้คนเพชรบุรีร่วมกันต่อต้านกัญชาเสรีเพราะเป็นภัยต่อลูกหลานทุกครอบครัวและขอให้ช่วยกันต่อต้านการซื้อเสียงเพราะเป็นต้นเหตุการณ์ทุจริตคอรัปชั่น โดยนายชูวิทย์กล่าวตอนหนึ่งว่าตนไม่มีเบอร์ไม่ได้ลงเลือกตั้งแต่เลือกสนับสนุนนักการเมืองน้ำดีเฉพาะบางคนบางพรรคเท่านั้น ตนรู้จักนายอลงกรณ์มา20ปีเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์ทำงานเพื่อประชาชนมาตลอด 

‘ก้าวไกล’ ยืนยัน!! ส.ส.อยู่ครบ ไม่มีใครถูกซื้อเสียงโหวต ‘บิ๊กป้อม’ ชี้!! ได้บทเรียนแล้ว หากเป็นงูเห่าสอบตกยกแผง

(17 ก.ค. 66) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวการซื้อ ส.ส. พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยรวม 50 คน เพื่อเตรียมโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยที่เสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ขอยืนยันว่า ส.ส. ก้าวไกลอยู่ครบ ไม่มีใครถูกซื้อแน่นอน ครั้งที่แล้วประชาชนลงโทษ ส.ส. งูเห่าทุกคนสอบตกหมด คะแนนต่ำพันก็มี ทุกพรรคเห็นตัวอย่างกันดีอยู่แล้วว่าการทรยศต่อประชาชน ผลออกมาเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรแข่งนั้น ขอพรรคเพื่อไทยอย่ากังวล ประชาชนจะกังวลไปด้วย เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ด้วยเหตุผล 3 ข้อ

ข้อแรก ภายใน ส.ว. เองก็ไม่ได้มีเอกภาพ แม้ส่วนใหญ่จะไม่โหวตให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ แต่ก็ไม่ได้หมายความทุกคนจะโหวตให้ พล.อ.ประวิตร ข้อสอง พรรคฝั่งรัฐบาลเดิมก็ไม่ได้เป็นเอกภาพ ว่าใครจะเป็นนายกฯ ถ้ามีการเสนอแข่ง ยังแย่งชิงกันอยู่ และข้อสาม สำคัญที่สุด แม้ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ แต่ก็บริหารไม่ได้ ดังนั้น ถ้า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในปัจจุบันยังจับมือกันเหนียวแน่น แผนนี้ก็ไม่มีวันสำเร็จ

ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าพรรคก้าวไกลสนใจแต่วาระทางการเมือง ไม่สนใจวาระประชาชน ความเดือดร้อนประชาชนต้องมาก่อนวาระการเมือง มัวลากยาวสู้ใน 2 สมรภูมิตามที่ประกาศเพียงจะทำเรื่องเชิงสัญลักษณ์นั้น ณัฐชากล่าวว่า พรรคก้าวไกลออกโรดแมปมาให้ประชาชนเห็นชัดๆ แล้วว่าเรามีแผนการอย่างไร จะสู้ในสองสมรภูมิ ซึ่งมีกรอบเวลาชัดเจนทั้งสองสมรภูมิ สมรภูมิโหวตนายกฯ ถ้าวันที่ 19 กรกฎาคม คะแนนโหวตนายกฯ รอบ 2 ยังห่างจาก 376 ก็เป็นอันจบ รอสมรภูมิต่อไปคือการยกเลิกมาตรา 272 ซึ่งต้องเข้าสภาฯ ภายใน 15 วันหลังยื่นร่าง คือภายในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ และถ้าผลออกมาคือร่างตก ก็จบเช่นกัน เรายอมถอยให้เพื่อไทยตั้งรัฐบาล พิธาเองก็ประกาศไปแล้วว่าถ้าไปต่อไม่ได้จริง ๆ ก็จะถอย เปิดโอกาสให้ประเทศ เพราะเวลาเรามีจำกัด จะลากไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ เราคงไม่สามารถพูดชัดได้กว่านี้อีกแล้ว

ส่วนการที่บอกว่า มัวแต่สู้เชิงสัญลักษณ์ ทั้งที่รู้ว่าแพ้ เรื่องนี้พรรคก้าวไกลยืนยันว่าเรามีภารกิจต้องรับผิดชอบต่อประชาชนในฐานะพรรคอันดับหนึ่ง ถ้าสู้เหยาะ ๆ แหยะ ๆ ก็เท่ากับบอกประชาชนว่าเรายอมรับกฎที่อยุติธรรมและความผิดปกติในประเทศนี้ เราเป็นพรรคการเมือง เป็นผู้แทนราษฎร ต้องพิทักษ์เสียงของประชาชนอย่างดีที่สุด ไม่ใช่ปล่อยให้เขาเอาไปทิ้งน้ำ ต้องสู้ถึงที่สุดก่อน เพื่อให้สมกับความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top