Friday, 3 May 2024
ฉ้อโกง

 สืบนครบาลตามจับเซียนพระกำมะลอ หลอกเช่าพระทิพย์ มีหมายจับติดตัว 3 หมาย

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมากในปัจจุบัน 'ชุดลาดตระเวนออนไลน์' สืบสวนนครบาล IDMB ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนผู้เดือดจำนวนมาก ว่าถูกกลุ่มแก็งค์ที่อ้างตนว่าเป็นเซียนพระ หลอกผู้เสียหายเช่าพระเครื่องบูชาและวัตถุมงคล สูญเงินเป็นจำนวนมาก 

เมื่อวันที่ (7 พ.ย. 65) เวลาประมาณ 05.20 น. พล.ต.ท.ธิติ  แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบ.ช.น. สั่งการ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบสวนนครบาล IDMB โดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ และ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ กับพวกได้เข้าทำการจับกุมตัว นายชัยวิวัฒน์ ธนินจีรภัทร์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 500/36 หมู่ 1 ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันต์

ผู้ต้องหาเป็นบุคคลตามหมายจับจำนวน 3 คดี 
1. หมายจับศาลแขวงนครราชสีมา ที่ จ218/2564 ลงวันที่ 3 ก.ย. 65 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐานฉ้อโกง 
2. หมายจับศาลแขวงพิษณุโลก ที่ จ.123/2564 ลงวันที่ 21 ก.ค. 64 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐานฉ้อโกง
3. หมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิ ที่ 124/2564 ลงวันที่ 14 ก.ย. 64 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐานฉ้อโกง

โดยแต่ละคดีล้วนแล้วแต่มีพฤติการณ์ในทำนองเดียวกันทั้งสิ้น โดยกล่าวหาว่า ฉ้อโกง ได้บริเวณริมถนนหน้าบ้านเลขที่ 168/39 หมู่บ้านไอลีฟทาวน์ ซ.ประชาอุทิศ 90 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

กล่าวคือ ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนผู้เดือดร้อนจำนวนมาก ว่าถูกกลุ่มแก็งค์ที่อ้างตนว่าเป็นเซียนพระ หลอกผู้เสียหายเช่าพระเครื่องบูชาและวัตถุมงคล สูญเงินเป็นจำนวนมาก พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ นำโดย พ.ต.ต.ทศรัสมิ์ กิติธารา สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมกำลังสืบสวนติดตาม แกะรอยพฤติการณ์ของกลุ่มแก๊งค์ดังกล่าว จนสามารถระบุตัวคนร้ายชื่อว่า นายชัยวิวัฒน์ ธนินจีรภัทร์ อายุ 33 ปี อยู่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันต์ จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มแก๊งนี้มีพฤติการณ์ออกตระเวน อ้างตนเป็นเซียนพระ สร้างภาพลักษณ์ตัวเองให้ดูน่าเชื่อถือในโลกออนไลน์ ด้วยการโพสต์ขายพระที่ได้รับความนิยมในหมู่เซียนพระ ซึ่งเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ สนใจ ติดต่อซื้อขาย  และตกลงโอนเงินให้ แต่คนร้ายมิได้ส่งมอบสินค้าให้ตามที่ตกลงกันไว้ หากผู้เสียหายรู้ตัว จะทำการปิดเฟสบุ๊คหลบหนี โดยผู้ต้องหาก่อเหตุแล้วในหลายพื้นที่เป็นระยะเวลาปีเศษ

อีกทั้ง จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาเป็นบุคคลตามหมายจับจำนวน 3 คดี 1. หมายจับศาลแขวงนครราชสีมา ที่ จ 218/2564 ลงวันที่ 3 ก.ย.65 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐานฉ้อโกง หมายจับศาลแขวงพิษณุโลก ที่ จ.123/2564 ลงวันที่ 21 ก.ค. 64 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐานฉ้อโกง หมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิ ที่ 124/2564 ลงวันที่ 14 ก.ย. 64 ซึ่งต้องหากระทำผิดฐานฉ้อโกง โดยแต่ละคดีล้วนแล้วแต่มีพฤติการณ์ในทำนองเดียวกันทั้งสิ้น 

สตม. รวบผู้ต้องหาชาวเกาหลี OVERSTAY มี INTERPOL Red Notice คดีร่วมกับพวกฉ้อโกง ความเสียหายรวมกว่า 1,600 ล้านบาท

กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายเยจุน (นามสมมติ) อายุ 51 ปี สัญชาติเกาหลี โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณลานจอดรถของคอนโดมิเนียมย่าน ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี

พฤติการณ์จับกุม กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับหนังสือจากกงสุลฝ่ายตำรวจประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย ประสานงานขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการผลักดันนายเยจุน (นามสมมติ) ผู้ต้องหาตามหมายจับสาธารณรัฐเกาหลีในคดีฉ้อโกง และเป็นบุคคลเป็นที่ต้องการตัวของทางการสาธารณรัฐเกาหลี ตามประกาศตำรวจสากลสีแดง (INTERPOL Red Notice) ที่ A-6937/8-2022 ลงวันที่ 19 ส.ค.2565 โดยมีพฤติการณ์ในการกระทำผิด กล่าวคือ นายเยจุน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินของกลุ่มบริษัทหนึ่งในสาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างเดือน พ.ย. 2561 ถึงเดือน เม.ย. 2563 ได้ร่วมกับพวก สมรู้ร่วมคิดในการยักยอกทรัพย์สิน จำนวนเงินรวม 491 พันล้านวอน จากบริษัท 5 แห่ง เช่น Kales Hoidings Inc. Chankhanee Invest Inc. 

สืบนครบาลรวบหมวย ดาวคะนองผู้ต้องหาบัญชีม้าคอลเซ็นเตอร์คดีติดตัวกว่า 5 คดี เสียหายกว่าล้านบาท

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง 
ผบ.ตร./ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  PCT ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์พบคนร้ายเปิดบัญชีธนาคารและขายบัญชีธนาคารต่อให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะนำบัญชีม้าที่หาซื้อมาได้มาใช้ในรูปแบบเป็นบริษัทสินเชื่อหลอกให้กู้ยืมเงิน โดยจะอ้างกับผู้เสียหายว่า ต้องทำการโอนค่าธรรมเนียม ค่าค้ำประกัน  และค่าดำเนินการอื่นๆ เข้ามาก่อน ซึ่งอาศัยความเดือนร้อนของประชาชนเป็นช่องว่างในการหลอกลวง และยังมีการหลอกลวงในรูปแบบลงทุนออนไลน์ โดยเสนอให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นการจูงใจให้ผู้จะมาลงทุน มูลค่าความเสียหาย 1 ล้านบาท

เมื่อวันที่  13  มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 15.15  น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.
นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช  ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT ชุดปฏิบัติการ 5 ,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.วิโรฒ  จนุบุษย์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.  ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.นิธิ  ปิยะพันธุ์  สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.ธนิตศักดิ์  สัจจะวีระชัย รอง สว.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.ปณวัฒน์  จอกสุวรรณ์ รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. 

ทำการจับกุมตัว น.ส.แก้วใจ หรือหมวย  อายุ 48 ปี อยู่ที่ 348/3 หมู่ 3 ซอยสุขสวัสดิ์ 2 แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 2919/2565  ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2565 
โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”  นำส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้านไม่มีเลขที่ ในซอยสุขสวัสดิ์ 1 แยก 10 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์คือ ผู้ต้องหาได้เปิดบัญชีธนาคารและขายบัญชีธนาคารต่อให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 
โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะนำบัญชีม้าที่หาซื้อมาได้มาใช้ในรูปแบบ เป็นบริษัทสินเชื่อหลอกให้กู้ยืมเงิน โดยจะอ้างกับผู้เสียหายว่า ต้องทำการโอนค่าธรรมเนียม ค่าค้ำประกัน  และค่าดำเนินการอื่นๆ เข้ามาก่อน ซึ่งอาศัยความเดือนร้อนของประชาชนเป็นช่องว่างในการหลอกลวง และยังมีการหลอกลวงในรูปแบบลงทุนออนไลน์ โดยเสนอให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นการจูงใจให้ผู้จะมาลงทุนอยากที่จะเข้ามาลงทุนที่ไม่ได้ทำการศึกษาในการลงทุนมาก่อน จากนั้น เมื่อผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาแล้ว ก็จะปิดบัญชีหนี สร้างความเสียหายให้กับประชาชนมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 1 ล้านบาท ทั้งนี้ ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

‘ตร.ไซเบอร์’ แจ้งความคืบหน้าคดีหลอกลงทุน ‘Turtle Farm’ ยอดความเสียหายรวม 2 พันล้าน เตือน ปปช.อย่าหลงเชื่อ

(24 มี.ค. 66) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอเรียนชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ บริษัท ไมน์นิ่งมายน์ เอ็กซ์ จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัดสถานีหลักสี่ โดยนางสาวฐานวัฒน์ กับพวก รวม 9 ราย ที่ได้ร่วมกันหลอกลวงชักชวนผู้เสียหายหลายรายให้ร่วมลงทุนเพาะเห็ด ปลูกพืชกระท่อม เลี้ยงผึ้ง หรือการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อประชาชนจากภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุน โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงในเวลาอันรวดเร็ว โดยได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนและปราบปรามการกระทำความผิด บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

เพื่อเป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในด้านงานป้องกันปราบปราม ได้กำชับไปยัง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดทำการสืบสวนสอบสวน ขยายผลหาความเชื่อมโยงในคดี ปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

เมื่อประมาณเดือน พ.ย. 64 - ก.ค. 65 ผู้ต้องหากับพวกได้สร้างโรงเพาะเห็ดขึ้นมาหลายโรง ในพื้นที่ จ.สกลนคร ประกาศโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมลงทุนเพาะเห็ด ปลูกต้นกระท่อม และเลี้ยงผึ้ง โดยอ้างว่าผู้ที่เข้าร่วมลงทุนจะได้ผลตอบแทนเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง โดยมีเงื่อนระยะเวลาในการลงทุน เช่น โครงการฝากเลี้ยงเห็ดเยื่อไผ่ ใช้เงินลงทุน 264,360 บาท ในเดือนที่ 3 จะได้รับเงินปันผล 108,640 บาท/เดือน หรือโครงการฝากเลี้ยงกระท่อม ใช้เงินลงทุน 275,000 บาท ในเดือนที่ 8 จะได้รับกำไร 150,000 บาท/เดือน โดยมีการสร้างความน่าเชื่อถือ โดยการทำสัญญาระหว่างผู้ร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา มีการใช้บุคคลสำคัญ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมโฆษณาชักชวน มีการสร้างภาพว่าฟาร์มดังกล่าวได้รับรางวัล ทำให้ผู้เสียหายรายหลายหลงเชื่อ และนำเงินมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก

ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้มีการดำเนินการตามที่ชักชวนแต่อย่างใด กระทั่งเมื่อถึงกำหนดผู้ต้องหากับพวกอ้างเหตุขัดข้องต่าง ๆ ไม่สามารถจ่ายเงินผลตอบแทนได้ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหายและมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย

คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวน บก.สอท.3 ได้ดำเนินการสอบสวนสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด ได้ขออนุมัติศาลขอออกหมายจับผู้ต้องหากับพวก รวม 9 ราย ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกง และนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ปัจจุบันสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี 2 ราย และที่ผ่านมาสามารถทำการตรวจยึดทรัพย์สิน และอายัดเงินในบัญชีที่เกี่ยวข้องได้เป็นจำนวนมาก

ต่อมาเมื่อ 3 ต.ค. 65 พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 1 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ โดยมีผู้เสียหาย 119 ราย ความเสียหาย 60 ล้านบาท และเมื่อ 22 ธ.ค.65 ได้สรุปสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 2 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ มีผู้เสียหาย 1,001 ราย ความเสียหายกว่า 703 ล้านบาท ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสรุปสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 3 ปัจจุบันมีผู้เสียหายอีกกว่า 1,000 ราย ความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จสามารถส่งสำนวนการสอบสวนได้ภายในเดือน เม.ย. 66 เพื่อให้พนักงานอัยการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

หนุ่มวิศวกร ถูกสาวหลอกให้รักนาน 3 ปี  หมดเงินไปกว่า 3 ล้าน แถมยังเป็นหนี้อีก 2 ล้าน 

ผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อช่วงตุลาคม ปี 63 ไปเจอหญิงสาวรายหนึ่งที่สถานบันเทิง โดยฝ่ายหญิงอ้างว่า ถูกชะตาจึงคุยกันเรื่อยมา และบอกว่ายังไม่มีใคร ต่อมาฝ่ายหญิงอ้างว่า แม่ป่วยเป็นมะเร็ง มีความจำเป็นต้องหาเงินรักษา ตนจึงโอนเงินไปช่วย ประมาณ 50,000-100,000 บาท โดยฝ่ายหญิงบอกว่า ให้ถือเป็นค่าสินสอด เพราะคบกัน ซึ่งในระหว่างที่คุยกัน ฝ่ายชายขอเจอครอบครัวแต่ฝ่ายหญิงก็บ่ายเบี่ยงตลอด อ้างว่าไม่สะดวก

จนเดือนเมษายน ปี 64 ฝ่ายหญิงอ้างว่าต้องใช้เงินเพื่อผ่าตัดแม่ ซึ่งขณะนั่นฝ่ายชายบอกว่าเงินเก็บที่มีหมดแล้ว อาจจะไม่สามารถโอนให้ได้ ฝ่ายหญิงจึงเริ่มขอห่าง ซึ่งฝ่ายชายพยายามติดต่อฝ่ายหญิง จนเดือนพฤษภาคม 2564 ฝ่ายหญิงบอกว่าเธอป่วยเป็นมะเร็ง และขาดการติดต่อไป กระทั่ง ตุลาคม 64 มีบุคคลอ้างว่าเป็นแม่ของฝ่ายหญิง ติดต่อมาหาฝ่ายชายผ่านทางไลน์และบอกว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว

แต่ผ่านไปสักพัก ก็มีผู้หญิงอ้างว่าเป็นพี่สาวฝาแฝดของฝ่ายหญิง ติดต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม 65 หญิงที่อ้างเป็นพี่สาวบอกว่าน้องสาวยังไม่ตาย แต่ถูกจับอยู่ที่มาเลเซีย จำเป็นต้องใช้เงินประกันตัว จำนวน 130,000 บาท เมื่อได้ประกันตัวกลับมาก็อ้างว่ากักตัวตามมาตรการป้องกันโควิด -19 จึงไม่สามารถให้เจอตัวได้ และมีการขอให้โอนเงินเรื่อยมา 
จึงทำให้ฝ่ายชายเกิดข้อสงสัยว่ารักกันจริงหรือมาหลอกกัน และเมื่อไปค้นหาข้อมูลในอินสตาแกรมและโซเชียลก็พบว่า ฝ่ายหญิงใช้ชีวิตกิน เที่ยวหรู และเจอว่าฝ่ายหญิงมีครอบครัวแล้ว เพิ่งซื้อบ้านหลังใหม่ ในพื้นที่เขตสายไหม เปิดร้านขายอาหาร และซื้อรถคันใหม่ ฝ่ายชายพยายามติดต่อไปจนถึงตอนนี้แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงต้องเข้าร้องทางเพจสายไหมต้องรอดให้ช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้หญิงรายนี้ไปกระทำพฤติกรรมเช่นนี้กับบุคคลอื่นอีก

ทั้งนี้ หนุ่มวิศวกร รายนี้บอกว่า ตั้งแต่ติดต่อกันมา เคยเจอฝ่ายหญิงแค่ 3 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งได้เจอที่สถานบันเทิง ไม่เคยเจอครอบครัวของฝ่ายหญิง และสูญเงินกว่า 3 ล้านบาทแถมยังต้องเป็นหนี้จากการกู้เงินอีก 2 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือฝ่ายหญิง ซึ่งทุกวันนี้ตนต้องจ่ายหนี้บัตรเครดิต เดือนละกว่า 1 แสนบาท 

ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุ ลักษณะนี้ถือเป็นการฉ้อโกง เพราะฝ่ายหญิงตั้งใจหลอก โดยมีการสร้างเรื่องต่างๆ มาหลอกให้ฝ่ายชายเชื่อและโอนเงินช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากนี้จะดำเนินคดี โดยผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความแล้วเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ สภ.บางปะกง จ. ฉะเชิงเทรา

กลุ่มผู้เสียหาย ร้องตร.ไซเบอร์ เอาผิด เท้าแชร์แม่หนิง หลอกเล่นแชร์ออนไลน์ ผ่อนสินค้าแบรนด์เนม สุดท้ายถูกเชิด

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2566 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม. กลุ่มผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อแชร์ “แม่หนิง”เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ ตำรวจ บก.สอท. เพื่อให้ดำเนินคดีกับเท้าแชร์ในความผิดฐาน “ฉ้อโกง ประชาชน” หลังเล่นแชร์ออนไลน์ ลงทุนออนไลน์ (สินค้าผ่อน) แล้วสูญเงินไปไม่ต่ำกว่าคนละ 5 แสน ถึง 1 ล้านบาท

หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนรู้จักกับเท้าแชร์ที่ชื่อแม่หนิงผ่านทางเฟซบุ๊ก และเคยเล่นแชร์ด้วยมานานกว่า 7 ปี โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยถูกหลอกจึงเชื่อใจมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตนเล่นแชร์ทองหนัก 2 บาท ซึ่งผ่อนจนครบทั้งหมด 17 งวด งวดละ 2,950 บาท แต่กลับไม่ได้รับทองตามวันที่กำหนด

จึงรู้สึกเอะใจ เลยทักไปถามลูกแชร์คนอื่นที่เล่นแชร์ทองไปก่อนหน้านี้ จนทราบว่าลูกแชร์คนดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับทองเช่นกัน ถึงรู้ตัวว่าถูกหลอก นอกจากนี้ยังทราบภายหลังว่ามีผู้เสียหายบางรายตั้งแต่ปี 64 ยังได้ของไม่ครบ ก่อนจะรวบรวมจำนวนผู้เสียหายเพื่อมาแจ้งความข้อหาฉ้อโกงประชาชน เบื้องต้นมีผู้เสียหายที่รวบรวมได้ประมาณ 12 คนทั่วประเทศ

ด้านผู้เสียหายแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม หลอกเล่นแชร์ออนไลน์ กลุ่มหลอกขายแชร์และกลุ่มผ่อนสินค้าออนไลน์ เช่น ของแบรนด์เนม, ทอง , ไอโฟน รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 3.3 ล้านบาท เฉลี่ยรายละหลักหมื่นบาทถึงหลักล้านบาท มีผู้เสียหายมียอดถูกโกงมากสุด 1.6 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้เสียหายเคยรวมตัวไปติดต่อแจ้งความที่โรงพักแห่งหนึ่ง ใน จ.สมุทรปราการ เนื่องจากผู้ก่อเหตุพักอยู่ที่ ต.สำโรงเหนือ แต่ตำรวจปฏิเสธรับแจ้งความ ซึ่งกลุ่มผู้เสียหายเชื่อว่าอาจเป็นเพราะสามีของท้าวแชร์แม่หนิงเป็นคนคุมบ่อนและชอบอ้างชื่อหรือแสดงตัวว่าสนิทสนมกับตำรวจตั้งแต่ระดับ ร้อยตำรวจตรีจนถึงพันตำรวจเอก ซึ่งน่าจะใช้อิทธิพลทำให้แจ้งความชั้นโรงพักไม่ได้

อย่างไรก็ตามผู้เสียหายได้พยายามติดต่อเท้าแชร์แม่หนิงแต่ได้คำตอบบ่ายเบี่ยง อ้างว่ากำลังทำบัญชี ทำระบบ และล่าสุดผ่านมา 3 วันไม่สามารถติดต่อได้ แต่หน้าเพจยังเปิดรับลูกแชร์อยู่ตามปกติ นอกจากนี้ยังมีการขู่ผู้เสียหายว่าถ้ารอไม่ได้ก็แจ้งความ หรือไม่ก็ไปเจอกันที่ชั้นศาลเลย และคาดว่าอาจจะทำกันเป็นกระบวนการ ทั้งนี้ตนอยากได้เงินคืนและขอความชัดเจน

ขณะที่พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่ากรณีดังกล่าวมีผู้เสียหายหลายส่วนและเกิดในหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ซึ่งจะต้องตรวจสอบดูว่าลักษณะเป็นแชร์หรือไม่ หรือเป็นการฉ้อโกงประชาชนอย่างไร เบื้องต้น สอท.1 ได้รับเรื่องไว้ และจะให้พนักงานสอบสวน สอบปากคำผู้เสียหาย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำเรื่องเข้าสู่ระบบ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการต่อไป

‘ตร.’ บุกจับ คู่ผัวเมียสอนเทรด ตุ๋นลูกศิษย์ลงทุน-เก็งกำไร อ้างไม่ได้ตั้งใจโกง แต่ตรวจพบมีประวัติเคยฉ้อโกงติดตัว

วันที่ (29 มิ.ย. 66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ หัวหน้าชุด PCT 5, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง, พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าว/ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าว/ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าว/ บก.สส.บช.น. ร่วมกับ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม น.ส.ธรรยชนก อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.300/2565 ลงวันที่ 26 ส.ค. 65 และนายกนก หรือ ‘นายเก้าทัพ’ อายุ 36 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.209/2565 ลงวันที่ 17 มี.ค. 66 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” จับกุมตัวได้ที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 12 ตำบลท่าสาย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากช่วงเดือน ส.ค. 62 กลุ่ม K1FX Trader Club ได้มีการประชาสัมพันธ์ในช่องทางออนไลน์ว่า ได้มีการจัดตั้งบริษัทกองทุนชื่อ ‘Ascension Wealth’ มีระบบการลงทุนที่ปลอดภัย รับผลกำไรที่ยั่งยืน ด้วย Copy Trade Investment โดยมีการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำเดือนละ 5 % ของเงินต้น และมีการประกันเงินทุน 100% พร้อมด้วยกรมธรรม์คุ้มครองการลงทุน ทำให้กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อมั่นว่า บริษัทกองทุนดังกล่าวมีการแบ่งปันผลกำไรได้จริง จึงได้มีการลงทุนรวมเป็นเงินกว่า 24 ล้านบาท

ต่อมาโบรกเกอร์ FTG ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่นายกนก ใช้ได้ปิดตัวลง ผู้เสียหายได้สอบถามขอดูข้อมูลจากนายกนก แต่นายกนกก็ไม่ให้ข้อมูลใดๆ แก่ผู้เสียหาย หลังจากนั้นผู้เสียหายก็ติดต่อกับนายกนกฯยากขึ้น และไม่ได้รับผลตอบแทน ซึ่งต่อมาผู้เสียหายได้พยายามติดต่อกับนายกนก เรื่อยมาเพื่อขอทุนคืน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงเชื่อว่าถูกฉ้อโกงเงิน จึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เพื่อดำเนินคดี

กระทั่งศาลจังหวัดนครปฐมได้พิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งคู่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ สืบนครบาล ร่วมกับชุด PCT5 จึงรีบทำการสืบสวนหาเบาะแส จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายดังกล่าวมาดำเนินคดีได้

จากการสอบสวน น.ส.ธรรยชนก หรือโดนัท ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า นายกนก หรือเคน หรือนายเก้าทัพ สามีเป็นคนเอาบัญชีธนาคารตนไปรองรับเงินที่ผู้เสียหายลงทุนเทรดเก็งกำไรค่าเงิน (Forex) ส่วนนายกนก หรือเคน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้ข้อมูลว่าเดิมทีตนเองรับราชการ มีความรู้และสนใจเรื่องการลงทุนเทรดเก็งกำไรค่าเงิน (Forex) จึงได้ตัดสินใจลาออกจากราชการเพื่อมาทำธุรกิจเรื่องการลงทุนเทรดเก็งกำไรค่าเงิน (Forex) อย่างเต็มตัว

นายกนก หรือเคน หรือนายเก้าทัพ ให้การอ้างว่า ความจริงแล้วตนไม่ได้มีเจตนาที่จะฉ้อโกงผู้เสียหาย แต่เนื่องจากประสบปัญหานำเงินที่ได้จากผู้เสียหายไปลงทุนนั้นขาดทุนซึ่งตนพยายามที่จะชดใช้คืนผู้เสียหายแต่ละรายอยู่ และไม่ได้หลบหนีไปไหน พร้อมที่จะเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

จากการตรวจสอบประวัติคดีของ น.ส.ธรรยชนก ในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่าปัจจุบัน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 502/2564 ลงวันที่ 17 ส.ค.2564 กระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง’ ท้องที่ สภ.คูคต อีก 1 หมายจับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานแจ้งให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบดำเนินการอายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ตลอดจนการลงทุนต่างๆ มีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อนทำการลงทุน ตลอดจนขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย ควรมีสติวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม กลโกง

หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB’ ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.
 

‘ดีเจแมน’ วืดประกันรอบ 2 หลังแม่ยื่นโฉนด-แคชเชียร์เช็ครวม 4 ลบ. แต่ศาลไม่อนุมัติปล่อยตัวชั่วคราว ชี้!! เป็นคดีร้ายแรง หวั่นหลบหนี

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นางพิมพ์แข กุญชร มารดา และน้าชายของนายพัฒนพล กุญชร หรือ ‘ดีเจแมน’ หนึ่งในจำเลยคนสำคัญคดีฉ้อโกงแชร์ ‘Forex 3D’ หมายเลขดำ อ.989/2566 ยื่นคำร้องและหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างย่านพระโขนง ราคาประเมิน 1.3 ล้านบาทเศษ และแคชเชียร์เช็คมูลค่า 3 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราวนายพัฒนพล ระหว่างพิจารณา

อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์ แล้วเห็นว่า คดีนี้ศาลเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้ว โดยชี้แจงเหตุผลชัดเจน กรณีจึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 พ.ค.66 ภายหลังที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 ยื่นฟ้อง ดีเจแมน และ ‘ใบเตย – สุธีวัน กุญชร’ ภรรยา นักร้องชื่อดังพร้อมพวก เป็นจำเลยต่อศาลอาญาแล้ว มารดาดีเจแมนได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นเงินสด 1 แสนบาท ขอประกันตัว และเสนอขอติด EM ส่วนใบเตย มีน้องชายของใบเตย ยื่นเงินสด 5 ล้านบาท และขอติด EM ขอปล่อยชั่วคราวเช่นกัน

ทั้งนี้ ศาลอาญาพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าจำเลยถูกฟ้องว่าร่วมกับพวกกระทำความผิดหลายกรรม ลักษณะการกระทำเป็นขบวนการอันมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ส่งผลเสียเป็นวงกว้าง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ให้ยกคำร้อง ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวดีเจแมนไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนใบเตย สุธีวัน ถูกควบคุมตัวที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

สำหรับคดีฉ้อโกงแชร์ ศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายวันที่ 11 ก.ย.นี้ โดยมี ‘นายแดริล ยังฮุน ไช’ ชาวสิงคโปร์ สามี ‘ซาร่า คาซิงกินี’ ภรรยา นางแบบชื่อดังร่วมเป็นจำเลยด้วย

‘อดีตพระอาจารย์คม-พวก’ ปฏิเสธยักยอกเงินทำบุญวัด 182 ล้าน ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เตรียมนัดตรวจหลักฐาน 7 พ.ย.นี้

(15 ส.ค. 66) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบกลาง ตลิ่งชัน ศาลนัดสอบคำให้การในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 125/2566 ที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ยื่นฟ้องนายวุฒิมาหรือ ‘พระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ’ กับพวกรวม 9 คน ในความผิด (แต่ละรายพฤติการณ์ข้อหาต่างกัน) ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษา ทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอา ทรัพย์นั้นไปเสีย หรือรับของโจร

วันนี้โจทก์ จำเลยทั้ง 9 คน ทนายจำเลยมาศาล

ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยทั้ง 9 คนฟัง แล้วจำเลยทั้งหมดยืนยันให้การปฏิเสธ

เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการตรวจพยานหลักฐานและการพิจารณาคดี ศาลเห็นสมควร มอบหมายให้เจ้าพนักงานคดีดำเนินการตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริต และประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2560 ข้อ 11 ให้เจ้าพนักงานคดีได้ดำเนินการตรวจสอบและรวบรวม พยานหลักฐาน และให้คู่ความมาศาล เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวร่วมกับเจ้าพนักงานคดี ให้นัดตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานโดยเจ้าพนักงานคดีรวม 1 นัด ในวันที่ 25 ก.ย.2566 เวลา 09.00 น. ตามที่คู่ความมีวันว่างตรงกัน

โดยให้เจ้าพนักงานคดีช่วยควบคุมและแนะนำให้คู่ความ ดำเนินคดีนี้ให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายและคำสั่งศาล หากพบว่ามีข้อบกพร่องหรือขัดข้องเกี่ยวกับ กระบวนพิจารณาหรือการได้มาซึ่งพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างอิง ให้รายงานต่อศาลพร้อมด้วย แนวทางแก้ไขโดยเร็ว

เพื่อให้ศาลพิจารณาสั่งการตามที่เห็นสมควรให้คู่ความดำเนินการดังต่อไปนี้ ก่อนวันนัดตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานดังกล่าวไม่น้อยกว่า 7 วัน

1.) ยื่นคำแถลงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานในการไต่สวนต่อศาล รวมทั้ง ความเกี่ยวข้องกับประเด็นและความจำเป็นที่ต้องสืบพยานหลักฐานเช่นว่านั้น เพื่อพิสูจน์สนับสนุน ข้อเท็จจริงใดที่ยกขึ้นอ้างในแนวทางการไต่สวนนั้น พร้อมสำเนาแก่คู่ความอีกฝ่าย

2.) ยื่นบัญชีระบุพยาน พร้อมคำแถลงวิธีการได้มาซึ่งพยาน และสำเนาแก่คู่ความอีกฝ่าย

3.) ส่งพยานเอกสารหรือพยานวัตถุที่ประสงค์อ้างอิงและยังอยู่ในความครอบครอง ของตนต่อศาลเพื่อให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตรวจสอบ กรณีพยานเอกสารให้ส่งพร้อมสำเนาในจำนวน ที่เพียงพอต่อคู่ความฝ่ายอื่น

4.) จัดทำสารบัญรายการพยานเอกสารหรือพยานวัตถุ

5.) กรณีคู่ความประสงค์อ้างอิงพยานเอกสารหรือพยานวัตถุที่อยู่ในความครอบครอง ของบุคคลภายนอกให้คู่ความตรวจสอบเอกสารที่มีอยู่ในสำนวนก่อน หากไม่มี ให้ขอศาลมีคำสั่งเรียก พยานหลักฐานนั้นจากผู้ครอบครอง

6.) ยื่นคำแถลงเสนอแนวทางไต่สวนพยานบุคคลที่จะนำเข้าสืบพยานว่ามีจำนวน เท่าใด แต่ละปากเบิกความเพื่อพิสูจน์เกี่ยวกับข้อเท็จจริงใดโดยย่อ

กรณีที่คู่ความไม่มาในวันนัดตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานโดยเจ้าพนักงาน คดีหรือไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลดังกล่าว ถือว่าคู่ความมีความพร้อมในการดำเนินกระบวนพิจารณา และไม่มีข้อขัดข้องใด ๆ ศาลจะพิจารณาตรวจพยานหลักฐานไปตามรูปคดีที่ปรากฏในสำนวนและ ตามรายงานของเจ้าพนักงานคดีต่อไป

เมื่อเจ้าพนักงานคดีและคู่ความร่วมกันดำเนินการตรวจสอบและ รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นในกำหนดนัดดำเนินการดังกล่าวแล้ว ให้คู่ความดำเนินการดังต่อไปนี้

1.) ตรวจสอบพยานหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่งและจัดทำคำแถลงยื่นต่อศาลว่ายอมรับ หรือโต้แย้งพยานหลักฐานดังกล่าว หากโต้แย้งให้แสดงเหตุแห่งการโต้แย้งโดยชัดแจ้ง มิฉะนั้นถือว่า ยอมรับพยานหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง

2.) ยื่นคำแถลงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานในประเด็นที่ยังโต้แย้งกัน ทั้งพยาน วัตถุ พยานเอกสาร พยานบุคคลและหลักฐานอื่นที่คู่ความชี้ช่องประสงค์ให้ศาลกำหนดให้นำเข้าไต่สวน

โดยให้คู่ความจัดทำคำแถลงดังกล่าวข้างต้นยื่นต่อศาลก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน ไม่น้อยกว่า 30 วัน เพื่อให้เจ้าพนักงานคดีตรวจสำนวน จัดทำสรุปย่อการกระทำความผิดของจำเลย ทั้ง 9 คน ตามฟ้อง สรุปรายงานการพยานหลักฐานต่าง ๆ ของคู่ความ โดยระบุพยานหลักฐานที่คู่ความ ไม่โต้แย้งกันเพื่อความสะดวกในการที่ศาลจะสอบถามคู่ความ และให้คู่ความรับข้อเท็จจริงหรือ พยานหลักฐานนั้นโดยไม่ต้องสืบพยาน สรุปประเด็นแห่งคดีที่คู่ความโต้แย้งกัน จำนวนพยานบุคคล และความเกี่ยวข้องกับประเด็น ความจำเป็นที่ต้องสืบพยานดังกล่าว และวิธีการได้มาซึ่งพยานหลักฐาน รวมทั้งจัดเรียงลำดับพยานบุคคลที่จะนำเข้าสืบก่อนหลังตามความประสงค์ของคู่ความ รายงานเสนอ ศาลก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 7 พ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.ตามที่คู่ความมีวันว่างตรงกัน และให้เบิกตัวจําเลยที่ 1-4 ที่ 6 และที่ 8 มาในวันนัด

สำหรับรายชื่อจำเลย ประกอบด้วย อดีตพระอาจารย์คม อภิวโร หรือ ‘พระวชิรญาณโกศล’ อดีตประธานฝ่ายสงฆ์วัดป่าธรรมคีรี อายุ 39 ปี, นายวุฒิมา หรือ ‘อดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ’ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี อายุ 38 ปี, น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ อายุ 35 ปี, นายบุญส่ง หรือ ‘อดีตพระมหาบุญส่ง ผ่านภูวงษ์’ อายุ 34 ปี, นายบุณยศักดิ์ ภัทรโกศล, นายบุญเหลือ หรือ ‘พระบุญเหลือ โพธิ์ทอง’ อายุ 37 ปี, นายธนกฤต หรือ ‘อดีตพระธนกฤต ยศสุรินทร์’ อายุ 34 ปี, นายบัณดิษฐ์ หรือ ‘อดีตพระบัณดิษฐ์ ย่อยชา’ อายุ 38 ปี, นายณัฐพัชร์ หรือ ‘อดีตพระณัฐพัชร์’ หรือ ‘เบนซ์ ตั้งใจสนอง’ อายุ 35 ปี

ซึ่งกลุ่มจำเลยได้ร่วมกันเบียดบังเอาเงินของวัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ไปเป็นของตนเอง หรือของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเหตุให้วัดป่าธรรมคีรี ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินจำนวน 182,776,733 บาท

‘ตร.’ รวบ คู่สามีภรรยาชาวจีน หนีหมายจับคดีฉ้อโกงในจีน หลังหลอกเหยื่อระดมทุน เสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท

(29 ส.ค. 66) ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

บก.สส.สตม. รวบชาวจีนสามีภรรยาหลอกระดมทุน หนีหมายจับ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม.พิจารณาดำเนินการกรณี สาธารณรัฐประชาชนจีน มีหนังสือมายังกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้จับกุมตัว ‘นายหวาง’ (นามสมมติ) และ ‘นางชาง’ สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับ สาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อหา ฉ้อโกงลักษณะอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดยผู้ต้องหาได้จัดตั้งบริษัทระดมทุนชื่อว่า ‘Tianjin Wusetu’ หลอกให้ผู้เสียหายร่วมระดมลงทุน และแอบอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าปกติ ซึ่งมีผู้เสียหายในเมืองปักกิ่งและเทียนจินตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก สร้างความเสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท

จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบสารสนเทศ ตม. พบว่านายหวางและนางชาง เดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม. จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร แล้วขึ้นบัญชีเป็นบุคคลเฝ้าระวังไว้ บก.สส.สตม. จึงได้สืบสวนติดตามตัวนายหวางและนางชางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนพบว่านายหวางและนางชาง ได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ส่วนนางชางปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่า เขตวังทองหลาง กทม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ติดตามเฝ้าดูบริเวณที่พักอาศัยจนพบบุคคลลักษณะคล้ายนายหวางบริเวณหน้าโรงแรมที่พัทยา จ.ชลบุรี ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้แจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้นายหวางรับทราบ พร้อมยึดรถยนต์ที่มีชื่อนางชางเป็นเจ้าของรถ จำนวน 1 คัน

ส่วนนางชาง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ขอศาลอาญาอนุมัติหมายค้นบ้านเช่าของนางชาง จนพบนางชางอาศัยอยู่ภายในบ้านกับแฟนใหม่ชาวจีน ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากการตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้แจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้รับทราบ และควบคุมตัวบุคคลทั้งสองรายนำส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top