Wednesday, 15 May 2024
จังหวัดเลย

จังหวัดเลย - ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 28 เปิดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี  2565 พร้อมปล่อยขบวนยานพาหนะรถบรรทุกน้ำเพื่อบรรเทาทุกข์ ภาวะขาดแคลน น้ำอุปโภค – บริโภค ในพื้นที่จังหวัดเลย

ณ ศาลาจรัส-ราศี กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 8  ค่ายศรีสองรัก อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย พลตรี สุระ  สินโสภา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 28/ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 28 เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” พร้อมปล่อยขบวนยานพาหนะรถบรรทุกน้ำเพื่อไปให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบความเดือดร้อนจากภาวะขาดแคลนน้ำอุปโภค – บริโภค 

โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับหน่วยงานภาคี เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ประจำปี 2565 โดยมีหน่วยในค่ายศรีสองรัก คือ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 8 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ร่วมกับภาคเครือข่ายหน่วยบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 28 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดเลย ให้มีความพร้อมในการเข้าช่วยเหลือประชาชนในทันทีที่เกิดภัยพิบัติ ลดผลกระทบเฉพาะหน้าและบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้มากที่สุด 

ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ ทำให้ปริมาณน้ำ ที่เก็บกักในแหล่งน้ำหลายแห่ง เริ่มมีปริมาณน้ำลดลงในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ ถึงแม้ว่าในพื้นที่จังหวัดเลย จะยังไม่ได้ประกาศเป็นเขตประสบภัยพิบัติจากการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ที่จะได้รับความเดือดร้อนจากสภาวะ ความแห้งแล้งที่อาจเกิดขึ้น กองทัพบก จึงได้ดำเนินโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง”  โดยบูรณาการความร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคเอกชน  ในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ของพี่น้องประชาชน

ในวันนี้กองทัพบกได้กำหนดให้กระทำพิธีเปิดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2565 และพิธีปล่อยขบวนรถ ร่วมกับหน่วยงานภาคี ในระดับภูมิภาค พร้อมกันทั่วประเทศ พลตรี สุระ  สินโสภา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 28/ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 28 กล่าวว่าผมรู้สึกยินดี และเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธาน ในพิธีเปิดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” พร้อมปล่อยขบวนยานพาหนะรถบรรทุกน้ำเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบความเดือดร้อนจากภาวะขาดแคลน น้ำอุปโภค – บริโภค ในพื้นที่จังหวัดเลย

นักเรียน ‘ตื้บครู-คว้าเก้าอี้ฟาด’ เหตุไม่พอใจ จะถูกตัดผม

(1 มิ.ย.65) กลุ่มไลน์ในจังหวัดเลย ได้มีการมีแชร์ข้อความเหตุการณ์เด็กนักเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ได้เกิดไม่พอใจที่ครูจะตัดผม ได้ผลักครูจนล้ม จากนั้นกระทืบซ้ำอีก 3-4 ครั้ง แถมเอาเก้าอี้ฟาดใส่ครู ก่อนจะคว้ากรรไกรจะแทงครู แต่เพื่อนในห้องมาห้ามไว้ทัน เหตุเกิดที่โรงเรียนเทศบาล 5 บ้านหนองผักก้าม ตำบลกุดป่อง อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย

โดยแหล่งข่าวได้เผยบทสัมภาษณ์ ของนายชาญศักดิ์ ราชโยธา ครูสอนวิชาสังคม ผู้ถูกเด็กนักเรียนทำร้าย ระบุว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 เป็นคาบเรียนชั่วโมงสุดท้าย เห็นนายต้น อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นม.2/2 ไว้ผมยาว จึงให้มาตัดผมที่ห้อง โดยจะตัดปลายผมที่ยาวในห้องเรียนต่อหน้าเพื่อนนับสิบคน ขณะที่นักเรียนกำลังนั่งที่เก้าอี้ จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาผลักตนล้ม จากนั้นใช้เท้ากระทืบตนที่หน้าอกและกลางหลัง 3-4 ครั้ง แล้วเอาเก้าอี้พลาสติกฟาดเข้าที่ร่าง หันไปหยิบกรรไกรที่ตกอยู่ที่พื้น ตนเองเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปคว้าตัว และแย่งกรรไกรมาได้
 

‘อุ๊งอิ๊ง’ ขนทัพ ‘เพื่อไทย’ ปราศรัยใหญ่ จ.เลย ลั่น!! มุ่งทำเพื่อ ปชช. ไม่มุ่ง ‘พาพ่อกลับบ้าน’

(27 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ท่าอากาศยานเลย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมปราศรัยใหญ่ ในงาน #แลนด์สไลด์เพื่อไทยเท่านั้น โดยทันทีที่เดินทางมาถึงมี แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย ส.ส.จังหวัดเลย อาทิ นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ และประชาชนร่วมรอรับและมอบดอกกุหลาบ เพื่อให้กำลังใจ พร้อมส่งเสียงตะโกน “เพื่อไทย สู้ๆ” “อุ๊งอิ๊ง สู้ๆ” พร้อมชูป้ายความยินดีต้อนรับ จนเสียงดังสนั่น ณ สนามบินเลย โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นการลงพื้นที่หาเสียงในนามพรรคเพื่อไทยครั้งแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้จะลงพื้นที่ในนามครอบครัวเพื่อไทย โดยจุดแรกที่ลงพื้นที่ปราศรัยคือที่สนามกีฬากลางจังหวัด อ.เมือง จ.เลย

จากนั้นคณะพรรคเพื่อไทยได้หารือกับตัวแทนภาคเอกชนจังหวัดเลยที่ร้านอาหารล้านช้าง ก่อนเดินทางไปยังเวทีปราศรัยจุดแรก โดย น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ว่า การลงพื้นที่หาเสียงครั้งนี้ถือเป็นการเดินสายหาเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคเพื่อไทย หลังจากนี้พรรคจะเดินหน้าหาเสียงทั่วประเทศ เพื่อพบประชาชนให้ได้มากที่สุด ในส่วนของตนที่ยังสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินได้ ก็จะพยายามลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุด เมื่อใกล้คลอดจะปรับเป็นนั่งรถไปแทน โดยพยายามไปให้ได้มากที่สุดโดยปรึกษาคุณหมอตลอด จะไม่ทำอะไรให้มากเกินไป

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้นแต่มีการพูดถึงการจับมือทางการเมืองหลังเลือกตั้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อนำ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับบ้าน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่เคยคุยกันเลย เราจะเดินสายอุ้มท้องหาเสียงต่อไปเพื่อเป้าหมายเลนส์สไลด์นี่คือสิ่งที่นี่คือเป้าหมายที่พรรคเพื่อไทยตั้งใจทำ

เมื่อถามย้ำว่า นายทักษิณ ระบุว่าจะกลับบ้านเมื่อใดให้ น.ส.แพรทองธาร จะเป็นผู้ประกาศ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า “ยังไม่ได้บอกจะกลับเมื่อไหร่อย่างไร ที่บอกให้อิ๊งค์เป็นคนบอกก็ตามนั้น ส่วนจะกลับมาแบบไหนนั้น คุณพ่อออกไปหลายปีแล้ว คงมีวิธีและวิธีการว่าจะมาอย่างไรอิ๊งค์ก็เคารพการตัดสินใจและท่านก็พูดเองว่าจะไม่เอาพรรคการเมืองมาเกี่ยวข้อง ดังนั้น การที่มาอยู่ตรงนี้ พรรคเพื่อไทยอยู่ตรงนี้ เราจะมุ่งหน้าหาเสียงทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องพานายทักษิณกลับบ้าน ขอให้แยกเรื่องกัน”

เมื่อถามอีกว่า การจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตัดไปได้เลยใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนไม่เคยคุย และข่าวที่ออกมาจะกระทบกับกระแสพรรคหรือไม่นั้น ตนคิดว่าประชาชนติดตามข่าวน่าจะมีวิจารณญาณว่าเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ตนไม่ได้คุยจริงๆ ยังไม่มีดีล ไม่ได้คุย ก็ไม่รู้จะตอบประชาชนอย่างไร

เมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาโจมตีนายทักษิณหนักมาก พรรคจะดำเนินการอย่างไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีแนวทางตอบโต้กับนายจตุพร หรือใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบาย เราเชื่อว่าการทุ่มเททำงานหนักเพื่อนำประชาธิปไตยกลับคืนมา เปลี่ยนแปลงรัฐบาลเอานโยบายเพื่อไทยแก้ปัญหาประชาชนคือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง ต้องทำให้สำเร็จให้ได้

สำหรับนายจตุพร แม้เหตุการณ์ตอนนี้ก็ไม่เคยรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ แต่ถ้าสื่อสารถึงกันได้บ้าง อยากบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันน่าจะเพียงพอหรือได้ข้อยุติสำหรับการแสดงท่าทีแล้วหรือไม่ ขอให้พวกเราพี่ ๆ น้อง ๆ ได้ทำงานในสนามเลือกตั้ง เราไม่ทะเลาะกับนายจตุพร หากไม่สบายใจก็ไม่เป็นไร หากนายจตุพรจะหันมาที่ตน ตนยังพร้อมทำงานในฐานะผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยต่อไป โดยไม่แสดงความเป็นปฏิปักษ์

“อยากให้มองมาที่พรรคเพื่อไทย เป็นพี่ เพื่อน น้อง ที่เคยยืนเคียงข้างกัน วันนี้เราทำงานหนักเพื่อนำบ้านเมืองให้รอดจากวิกฤต ดังนั้น ขอให้เราได้มีสมาธิทำหน้าที่ เราต่างเคยยืนเคียงข้างนายทักษิณ ในสนามเลือกตั้ง เคียงข้างผู้นำของพรรคการเมืองนี้ตลอด วันนี้ผมยืนข้าง น.ส.แพทองธาร พี่ก็ทราบว่าน้องอิ๊งค์มีหัวใจเป็นคนเสื้อแดง เติบโตมากับการเห็นภาพการถูกกระทำของคนเสื้อแดง หลั่งน้ำตาให้กับการสูญเสีย กับความเจ็บปวดของคนเสื้อแดง อยากให้พี่นึกถึงภาพวันแบบนั้น ให้น้องอิ๊งค์ได้ทำหน้าที่อย่างที่ควรจะทำ อย่างที่ประชาชนตั้งความหวังอย่างที่ประเทศไทยกำลังรอโอกาส และเชื่อว่าพี่น้องเสื้อแดงหากจะไปสนับสนุนพรรคอื่นในฝ่ายประชาธิปไตย คงเป็นด้วยเหตุผลอื่น ไม่น่าจะเป็นเพราะประเด็นที่นายจตุพรเปิดออกมา และยังเชื่อว่าพี่น้องเสื้อแดงส่วนใหญ่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่

ส่วนคนเสื้อแดงที่ไม่สมหวังกับการจัดตัวผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ผมสอบถามกับคณะกรรมการสรรหาอยากให้มีการอธิบายแบบตรงไปตรงมา แต่ที่เปิดตัวไปมีคนเสื้อแดงจำนวนมากที่ได้โอกาส ยืนยันเราไม่เคยคิดทอดทิ้งทำลายน้ำใจกัน หวังเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งพี่น้องเสื้อแดงจะทบทวนวิธีคิดและจับมือร่วมกันเหมือนเดิม และเหมือนที่ น.ส.แพทองธาร บอก เป้าหมายแลนด์สไลด์ไม่ใช่เพื่อพานายกฯ ทักษิณ เป็นคนละประเด็นกัน ท่านก็พูดจะกลับหรือไม่อยู่ที่หัวใจท่าน ไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมือง ดังนั้น แลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย เพื่อเอาประยุทธ์ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม) ประวิตรกลับบ้าน (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ) เอารัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการกลับบ้าน” นายณัฐวุฒิ กล่าว

‘สุทิน’ ลั่น!! เลือก ‘เพื่อไทย’ ได้วิธีแก้ปัญหาแบบใหม่ ชู สูตรเพื่อไทย ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส’

(27 ม.ค. 66) ที่เวทีปราศรัยใหญ่พรรคเพื่อไทย สนามกีฬากลาง จ.เลย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเคยอาศัยอยู่ใน จ.เลย ช่วงหนึ่ง ตอนนี้พัฒนาไปมาก น้ำไหล ไฟสว่าง หนทางดี แต่พบว่าประชาชนเป็นหนี้สินมากกว่าเดิม จากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำแต่ราคาปุ๋ยเคมียังเท่าเดิม จากเดิมในยุครัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ราคารับซื้อยางพาราอยู่ที่กิโลกรัมละ 120 บาท ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท แต่ตอนนี้เหลืออยู่ที่ 30 บาท ส่วนยางก้นถ้วย ราคารับซื้อ ณ วันนี้เหลือกิโลกรัมละ 17 บาท ส่วนราคารับซื้อข้าวในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ตันละ 15,000 - 20,000 บาท ตอนนี้เหลือตันละ 7,000 บาท

ขณะที่การขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในอดีต พ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ขายเสร็จเอาเงินมาไว้ที่บ้าน แต่ขณะนี้รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บีบผู้ขายรายย่อยให้ขายในราคา 80 บาท แต่ยี่ปั๊วหรือนายทุนรายใหญ่ได้กำไรเท่าเดิม นอกจากนี้ ยังมีปัญหาโรคระบาดในสัตว์ ทั้งลัมปีสกิน อหิวาห์สุกร ที่รุมเร้าพี่น้องเกษตรกรที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที

อดีต ส.ส.11 สมัย ซบ ‘รทสช.’ ปักธง 4 เขต ฟาก ‘เพื่อไทย-พปชร.’ เตรียมพร้อมท้าชน

‘เลย’ แข่งเดือด!! อดีต ส.ส. 11 สมัยโผซบ ‘รทสช.’ ลั่นปักธงแน่ ฟาก ‘พท.-พปชร.’ พร้อมท้าชน

(21 ก.พ.66) นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย 11สมัย อดีต รมช.มหาดไทย และอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ตนได้ตั้งพรรคเพื่อประชาชนขึ้น แต่ปัจจุบันโครงสร้างของรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงไป หันมาใช้สูตรหาร 100 ตนมองว่าพรรคเล็กเดินต่อไม่ได้ จึงหันเข้ามาสมัครเข้าสังกัดพรรคพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และจะเป็นแกนนำพรรคปักธงส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทั้ง 4 เขตของ จ.เลย โดยได้ฟอร์มทีมครบแล้วทุกเขต พร้อมมั่นใจว่า จ.เลย มี ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ตนจะลงเขตเลือกตั้งที่ 1 เพื่อจะกลับมาทวงพื้นที่คืน ส่วนพื้นที่เลือกตั้งเขต 2 ได้แก่ ดร.เปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข อดีตวุฒิสมาชิกเลย และอดีต ส.ส.เลย 3 สมัย ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 3 ได้ นายอุดร แสวงผล อดีต พัฒนาการอำเภอ อดีต ผอ.ส่วนสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค5 ซึ่งเป็นหลานเจ้าพ่อกวนด่านซ้ายคนปัจจุบันมาร่วมทัพ ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 4 เป็น น.ส.นภาพร ยาบุษดี

สำหรับการหาเสียงตนจะเน้นนโยบายพรรคเปลี่ยน สปก.4-01 เป็นโฉนด 3 ล้านครอบครัว 30 ล้านไร่ เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมทั้งการแก้ไขปัญหาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมไม่มีเอกสารสิทธิ์ จะเร่งรัดออกเป็นโฉนดชุมชน จำนวน19 ล้านไร่ทั่วประเทศ และยกฐานะทุกหมู่บ้านเป็นนิติบุคคล จัดสรรงบประมาณให้ทุกปีตามขนาดของหมู่บ้านเล็ก 500,000 บาท หมู่บ้านขนาดกลาง 700,000 บาท และหมู่บ้านขนาดใหญ่ 1ล้านบาททั่วประเทศ

ผกก.ตม.จว.เลย พร้อมชุดสืบสวนปราบปราม จับ 3สเหงียนเวียดนาม และ 2 ลาว เข้ามาวีซ่าท่องเที่ยว แต่แอบทำงานในไทยไม่ได้รับอนุญาต

ไม่มีใบอนุญาตทำงาน แย่งงานคนไทย ไม่เสียภาษีรายได้ทำงานให้ไทย และมาอยู่ราชอาณาจักรไทยเกินกำหนด หลบหนีเข้าเมือง เป็นภัยต่อความมั่นคงของไทย  วันนี้ 9 มี.ค. 2566 เวลา 09.00 น. พ.ต.อ.ชนะพณ สุวรรณศรีนนท์ ผกก.ตม.จว เลย แถลงข่าวการจับกุมต่างชาติ โดยสั่งการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์  สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ  นุชนารถ, พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.4 , พ.ต.อ.กฤษฎากรณ์  กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.มณุวัฒน์  กอสนาน รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ชนะพณ สุวรรณศรีนนท์  ผกก.ตม.จว.เลย บก.ตม.4, , พ.ต.ท.หญิง อารมณ์  ขวัญเนตร  รอง ผกก.ตม.จว.เลย บก.ตม.4 และ ว่าที่ พ.ต.ท.โสภณ  ศิลารัตน์  สว.ตม.จว.เลย บก.ตม.4 มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปราม บูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ได้ร่วมกันจับกุมตัว

       
1. MR.VAN  THONG  DAU อายุ 35 ปี   สัญชาติเวียดนาม 
2. MR.DUC  CANH    PHAM อายุ 39 ปี   สัญชาติเวียดนาม        
3. MR.ANH TUAN     DAU อายุ 28 ปี   สัญชาติเวียดนาม 

สุดยอด!! ‘คุณยายวัย 74’ โชว์สกิลแบกเป้ พิชิต ‘ภูกระดึง’ ชาวเน็ตแห่ชื่นชม-ยกให้เป็นแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยว

(18 ธ.ค.66) เป็นเครื่องยืนยันว่าหากเราดูแลร่างกายตัวเองดี ๆ อายุเยอะก็เป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น เหมือนกับคุณยายท่านนี้ ในวัย 74 แล้ว สามารถท่องโลกกว้าง เดินขึ้นภูกระดึงได้อย่างชิล

โดยผู้ใช้ Tiktok รายหนึ่ง เดินทางไปท่องเที่ยวพิชิตยอดภูกระดึง ได้ถ่ายคลิปบันทึกเหตุการณ์สุดประทับใจเอาไว้ โดยระบุไว้ว่า “ขออนุญาตคุณยายในคลิปครับ อายุเป็นแค่ตัวเลข พิชิตภูกระดึง”

ทว่าในคลิปจะเห็นคุณยายสวมชุดเดินป่าทะมัดทะแมง แบกเป้ และกระเป๋าข้าง สวมหมวกสีขาวปีกกว้าง มีเพียงไม้เล็ก ๆ ช่วยพยุงทรงตัวเท่านั้น ซึ่งเจ้าของคลิปได้ถ่ายวิดีโอนี้ พร้อมให้กำลังใจคุณยายว่า “สู้ ๆ ครับ” ซึ่งคุณยายตอบกลับว่า “จ้า ยายแก่แล้ว ตอนนี้อายุ 74”

หลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ไปไม่นาน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก หลายคนยกให้เป็นแรงบันดาลใจในการออกเดินทางท่องเที่ยว

- “คุณยายไปได้ ป้าก็ต้องไปได้เนาะ”
- “อายุไม่ได้ทำอะไรยายได้ ขึ้นไหวเก่ง ส่วนเรารอกระเช้า ชาตินึ้จะได้เห็นภูกระดึงกับเขาไหมหนอ”
- “เดินสวนกับยาย ยายบอกว่าขึ้นจนจำไม่ได้แล้วว่าขึ้นกี่รอบ ยายเก่งมากก”
- “นี่แหละสิ่งที่ท้าทาย อายุจะเพิ่ม แต่พลังไม่ถอย สู่ยอดเขาผู้พิชิตภูกระดึง”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top