Thursday, 9 May 2024
ก๊อตจิรายุ

หากเราหลงในศรัทธาที่จอมปลอม เราจะโลภ คาดหวังบางสิ่งบางอย่าง และถ้าไม่ได้อย่างที่หวัง จะไม่นับถือศรัทธา นี่เป็นการศรัทธาแบบธุรกิจ

หากเราหลงในศรัทธาที่จอมปลอม เราจะโลภ คาดหวังบางสิ่งบางอย่าง และถ้าไม่ได้อย่างที่หวัง จะไม่นับถือศรัทธา นี่เป็นการศรัทธาแบบธุรกิจ ซึ่งวันนี้มนุษย์เริ่มแยกไม่ออก ระหว่างศรัทธาที่แท้จริง กับ ศรัทธาแบบธุรกิจ

‘ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล’ นักแสดง นักเขียน และนักคิดมากฝีมือ กล่าวในรายการ ‘เกลา นิสัยอันตราย’ เมื่อวันที่ (28 พ.ค. 2022)

เป็นอีกหนึ่งมุมมองที่น่าคิดตามจาก ‘ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล’ นักแสดง นักเขียน และนักคิดมากฝีมือ ที่ได้มาแชร์แนวคิดในการเรียนรู้ชีวิตด้วยตนเอง ผ่านช่อง KlaoShow ทางยูทูบชาแนล โดยส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ได้พูดถึง ‘การแยกแยะในศรัทธา’ ที่ดูเหมือนคนยุคนี้จะเริ่มแยกไม่ออกระหว่าง ‘ศรัทธาแบบนักธุรกิจ’ และ ‘ศรัทธาที่แท้จริง’ เสียแล้ว...

ก๊อต เล่าว่า ศรัทธาอย่างเดียวไม่ทำให้คนมีสติปัญญา เพราะศรัทธาแยกได้ 2 แบบ คือ ‘ศรัทธาแบบนักธุรกิจ’ กับ ‘ศรัทธาที่แท้จริง’

“สมมติ ‘แพนด้า’ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วผมอ้างว่าศรัทธาในตัวแพนด้ามาก ผมไหว้แพนด้า หวังให้แพนด้าช่วยให้ถูกรางวัลที่ 1 และเมื่อไรที่ถูก ผมก็จะมาเต้นแก้บนรอบตัวแพนด้า แต่ถ้าไม่ถูก ผมก็จะไม่ไหว้แพนด้านี่เรียก ‘ศรัทธาแบบนักธุรกิจ’ หรือ คุณต้องให้ผมก่อน ผมถึงจะรับถือคุณ แต่ถ้าไม่ให้อะไร ผมจะไหว้ทำไม

‘โบว์ เบญจวรรณ’ เปิดใจทั้งน้ำตา รับเลิก ‘ก๊อต จิรายุ’ ยืนยัน ไม่ได้เป็นฝ่ายหมดรัก ไม่รู้จุดพลิกมันคือตรงไหน

(12 พ.ค. 66) เป็นที่จับตาสำหรับความรักของ ‘ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล’ พระเอกชื่อดัง และ ‘โบว์ เบญจวรรณ’ ที่คบหากันมานานกว่า 10 ปี หลังจากฝั่งชายได้ออกมาโพสต์ว่า “Good bye social media … see u soon” ขณะที่ฝ่ายหญิงก็ได้ลบภาพคู่ออกจากในอินสตาแกรม

ล่าสุด โบว์ เบญจวรรณ ได้มาออกรายการแฉ เปิดใจครั้งแรก แบบสดๆร้อนๆ กับเรื่องราวความรักครั้งนี้

นักแสดงสาว เปิดใจว่า โบว์ไม่เคยไม่มั่นใจในความรักของโบว์ เราอาจจะไม่เข้าใจกัน เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ จริงๆ ที่มีการเมนชั่นถึง ตั้งแต่ต้นปี ยันวันครบรอบ 8 กุมภาพันธ์ ทุกอย่างก็ยังโอเค ไม่มีสัญญาณอะไร วาเลนไทน์ก็ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ไม่ได้รู้สึกมีสัญญาณอะไร หรืออาจจะมองข้ามไป

“พอกลับจากต่างประเทศก็เริ่มไม่เหมือนเดิม เขารู้สึกว่าอยากขอเวลาไปอยู่กับตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีโมเมนต์พวกนี้ อาจจะเหนื่อย ล้า จากงานที่กระทบเรา ก็ขอเวลาไปอยู่แบบนั้น ผ่านมา เดือนกว่า 2 เดือนกว่า พอได้คุยกัน ก็มีความไม่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ”

“เราไม่อันฟอล ไม่ได้ลบรูป ตอนนั้นโบว์ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยซ่อนไว้ เพราะเวลามีคนคอมเมนต์ รูปนั้นมันจะเด้ง โบว์สับสนอยู่ว่าจะไปยังไงนะ เขาบอกจะไปจัดการ อาทิตย์ที่แล้วก็บอกเขาว่า โบว์จะมาทำงานอาจจะต้องพูดถึง ขอคุย ก็ได้คุยก่อนเข้ารายการ”

ก่อนที่โบว์ เบญจวรรณ จะเงียบไป จนมดดำถามว่า “บทสรุปคือ ทุกอย่างจบแล้ว” โบว์จึงได้พยักหน้า มีน้ำตาซึม และระบุว่า “ใช่” พร้อมบอกว่า “แต่ว่า มันปุปปัป แค่รู้สึกว่า เรารู้สึกว่า 10 ปี มันมีอะไรดีๆด้วยกันมาตั้งเยอะ เราโตมาด้วยกัน มันผ่านอะไรหลายๆอย่าง พอมาถึงตรงนี้ ก็แค่คิดว่า มันไม่มีอะไรที่เราไม่สามารถคุยหรือเคลียร์กันได้ แต่พอเอาจริงๆ มันก็แค่ โบว์ยังมึนๆ อึ้งๆ เพราะมันเฟรชมาก”

ถามต่อว่าได้พูดคุยก่อนที่จะขอเวลาอยู่กับตัวเองไหม โบว์ กล่าวว่า มีการตั้งคำถาม แต่เป็นสิ่งที่โบว์กับเขา ต้องจัดการกันเอง

เขาเพิ่งให้คำตอบวันนี้? “โบว์ว่า เขาอาจจะให้สัญญาณ อาจจะเป็นปีที่แล้ว หรือช่วงก่อนหน้านี้ ช่วงปีใหม่ สิ่งที่โบว์ลงไป ก็คือความรู้สึกนั้นๆ อาจจะมีพูดไม่เข้าหูบ้าง เราอาจจะไม่ได้คิดว่าไปทริกเกอร์อะไร โบว์ก็พยายามบอก ว่ามีอะไรคุยกันได้ไหม แต่แบบ โบว์ไม่รู้”
.
และว่า ‘อยากเคลียร์’ ? โบว์บอกว่า “โบว์ไม่ได้หยุดรักเขา ไม่รู้ว่าจุดพลิกมันคือตรงไหน ไม่เห็นประโยชน์ของการจี้ถาม เขาเองก็อาจจะลำบากใจด้วย” จนทำให้เหล่าพิธีกร ในรายการถึงกับช็อก มดดำได้บอกว่า หมดคำถาม เพราะสคริปต์ไม่มีคำว่าเลิกกันเลย และอยากให้พูดอะไรหากก็อตได้ฟังอยู่
.
“ไม่รู้จะพูดอะไร หนูบอกเขาไปแล้ว ว่าหนูรักเขา หนูบอกแล้วไม่อยากยอมแพ้ หนูรู้สึกว่า 10 ปีที่ผ่านมา หรือการได้อยู่กับเขามาตลอด ไม่ว่าจะดีหรือร้าย โบว์รู้สึกว่าเรามีการเติบโต และพัฒนาด้วยกันมาเรื่อยๆ เราเติบโตทางความคิด สติปัญญา มันมีความทรงจำ ตีภาพมาอยู่เรื่อยๆ และคิดถึงโมเมนต์นั้นๆ เขารู้ว่าโบว์รัก และรู้ด้วยว่าเขาคือคนสำคัญของโบว์นะ” ถามถึงปัญหาที่ผ่านมา โบว์บอกว่าปัญหาจุกจิก มีอยู่บ้าง เช่น พูดไม่เข้าหู ปฏิกิริยาไม่น่ารัก
.
เป็นไปได้ไหม เพราะต่างคนต่างดัง? ดาราสาวก็ว่า “โบว์ว่าไม่เกี่ยว อาจจะอยู่ในจุดที่แต่ละคนหาอะไรที่เอนจอยมากขึ้น ส่วนอยากจะถามอะไร โบว์ถามไปหมดแล้ว บางอย่างได้คำตอบ บางอย่างไม่ได้คำตอบ ขอไม่ลงรายละเอียด”
.
มดดำ กล่าวว่า ไม่มีคำถามว่าเลิกกันเลย แค่บอกว่าจะพูดถึง แต่ระหว่างรอเข้ารายการก็ได้คำตอบ ตอนแต่งหน้าอยู่นี่หละ มันหนักนะ หนักสำหรับคนถามด้วย โบว์ จึงได้เสริมว่า “จริงๆ ก่อนได้คุย โบว์ก็แอบหวังว่าอาจจะมีอะไรคาใจ หรือให้เวลารักษามัน ต่อให้มันยาก โบว์ก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจ เพราะรู้สึกว่าโบว์ให้คุณค่ากับสิ่งที่โบว์มี และทุ่มเทกับมันมาก เพราะรู้สึกว่ามีค่าสำหรับโบว์”
.
“หลังๆ เราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน แต่ละคนมีไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เขาทำงานเยอะ เขาทำเพื่อตัวเอง ครอบครัว เขาทุ่มเท เราเห็นก็รู้สึกว่า คนนี้ไกด์เราได้ วันไหนเราเคว้ง หรือมีคำถามที่ตอบไม่ได้ จึงรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เราอยากไปต่อยาวๆ ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน เป็นคนที่เราสบายใจ เป็นตัวของตัวเอง อยากโตไปด้วยกัน แค่นั้นก็มีค่า โบว์ก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ โบว์เห็นภาพอนาคตของเรา จนวันนี้ยังเห็น ก็ไม่คิด ประเด็น คือ มีโมเมนต์ที่แฮปปี้ด้วยกันเยอะ”

ถามว่า ได้คุยกับเขาวันนี้ว่าอะไร? โบว์บอกว่า “วันนี้โบว์ก็บอกว่าโบว์จะมาทำงาน อาจจะมีการถามเรื่องนี้ ให้โบว์ตอบว่าอะไร เขาบอกว่าอยากพูดอะไร พูดได้เลย เขาไม่ได้พูดคำนั้น แต่บางทีไม่ต้องพูดคำนั้นก็ได้ เพราะสัญญาณมันชัด เขารู้อยู่แล้ว ว่าโบว์จะพูดประมาณไหน บางทีไปไหนมาไหน ก็ยังถามอยู่ว่า ก็อตหละ เราก็พูดไม่ถูก พอวันนึงไม่มีแล้ว มันก็…(พูดไม่ออก)”

สำหรับ 2 ครอบครัว เป็นอย่างไร? โบว์บอกว่า “แม่โบว์รู้ แม่เขาก็รู้ แม่โบว์ดีขึ้น แต่อึ้งแอบงอนโบว์ ว่าเอ้าทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ เพราะเขาก็ถามตลอด เราก็บอกว่าไม่ต้องห่วง จะตัดสินใจกัน แต่พอมาวันนี้ แม่โบว์ 70 กว่าแล้ว เขาก็คิดว่าอย่างน้อยคือมีคนดูแล คนที่ห่วงที่สุดในการพูดเรื่องนี้คือแม่ เพราะไม่รู้สภาพจิตใจยังไง”

“ก่อนหน้านี้ โกรธกันหลักเดือนมี แต่พอบอกว่า ขอกลับไปจัดการตัวเอง ไม่พร้อมปะทะ ก็คุยกัน แล้วกลับมาปกติ ครั้งนี้ก็คิดว่าแบบนั้น แต่คำตอบสาหัสอยู่”

‘โบว์ เบญจวรรณ’ เปิดใจถึงอดีตแฟนหนุ่ม ‘ก๊อต จิรายุ’ เผย กำลังพยายามมูฟออน แม้ยังรักอยู่ แต่เป็นเพื่อนกันดีกว่า

(15 ก.ค. 66) เปิดใจ ‘โบว์ เบญจวรรณ’ หลังเจอมรสุมรักพังแบบไม่ทันตั้งตัวกับพระเอกชื่อดัง ไม่รู้ว่าตอนนี้ สาวโบว์ มูฟออนได้หรือยัง? พร้อมเผยเหตุผลทำไมตัดสินใจไปฝากไข่ หรือว่ามีหนุ่มใหม่มาดามใจเรียบร้อยแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง One 31 ที่มี ‘หนิง ปณิตา’ และ ‘ชมพู่ ก่อนบ่าย’ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

วันนี้เป็นยังไงบ้าง?
โบว์ : วันนี้โอเคนะ แฮปปี้ จริง ๆ แล้วโบว์พยายามที่จะแฮปปี้ในทุก ๆ วัน มันมีหลายอย่างที่โบว์สามารถมีความสุขกับมันได้ พยายามจะไม่ไปจมปลักกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินไป

เหมือนเรามีเรื่องถาโถมเข้ามาในเวลาเดียวกันเลย?
โบว์ : มีอยู่แล้ว โบว์ว่ามันมีคำถามเยอะแหละในตัวเอง เพราะว่ามันมีการตั้งคำถามกับตัวเอง มีการตั้งคำถามกับสถานการณ์ แล้วมันมีความสงสัยเกิดขึ้น สับสน มันหลากหลายอารมณ์มาก ๆ ณ ตอนนั้นที่เราเองต้องจัดการ แล้วมันมาแบบเร็ว 1 ทั้งหมด โบว์ว่ามันเป็นเรื่องปกติของทุกคนแหละ ที่เราเจอสถานการณ์อะไรที่มันช็อกหน่อย ๆ มันจะยังไม่รู้ว่ามันจะต้องทำยังไงให้ตัวเองเข้าใจ และออกจากสถานการณ์นั้น ๆ ได้ ของโบว์ อันดับแรก โบว์ต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว และโบว์ต้องมีการจัดการกับมันให้ได้และให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันใช้เวลาอยู่แล้ว แต่ว่าระยะเวลาของแต่ละคนมันต่างกันกับการที่เราจะจัดการกับความรู้สึก แล้ววิธีการมันก็ต่างกัน มีหลายคนเข้ามาแนะนำ โบว์เข้าใจทุกคนอยากให้โบว์ขึ้น แต่บางทีด้วยวิธีการจัดการของคนอื่นอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์สำหรับโบว์ ณ จุดจุด นี้

สมัยก่อนอาจจะใช่ แต่ ณ ตอนนี้วิธีแบบเดิม มันอาจไม่ได้ทำให้เราดีขึ้น เร็วขึ้น เพราะฉะนั้นวิธีที่โบว์คนพบกับตัวเอง แน่นอนโบว์เป็นคนทำสมาธิอยู่แล้ว เอาตรงนี้มาใช้แบบเต็มที่ แล้วแต่ละวันมีการจดบันทึกอยู่แล้วว่าอยากขอบคุณอะไร โบว์เลยเปลี่ยนไดอารี่นั้นเป็นการจดถึงอารมณ์ตัวเอง แต่ละวันที่เรารู้สึก เพราะโบว์ไม่ยากไปโทรหาเพื่อนว่าวันนี้เป็นอารมณ์ แบบนี้ ไม่รู้ว่าเองเจออะไรๆ อยู่บ้าง โบว์เล่าพัฒนาของอารมณ์ตัวเอง ช่วงแรก ๆ อึ้งกับความรู้สึกที่มันแปลกเราจะรับมือกับมันยังไง ผ่านไปก็แบบวันนี้ดีขึ้น มันไม่ใช่ทุกเช้าที่ตื่นมาแล้วเราจะนอยด์ แล้วไม่ใช่ทุกเช้าที่ตื่นมาแล้วเราจะแฮปปี้ แต่ละวันมันจะไม่เหมือนกัน ทุกชั่วโมงมันเปลี่ยนแปลงหมดเลย บางทีเราตื่นมาโอเค แต่มานอยด์ตอนเย็นแทน

อย่างเช้านี้เป็นยังไง?
โบว์ : ดีค่ะ เขียนไปเลยวันนี้เป็นวันที่ดี วันนี้ตื่นมาขอบคุณทุกสิ่ง ทุกอย่างที่โบว์มี แล้วอารมณ์วันนี้โบว์รู้สึกว่าคงที่ขึ้นเรื่อย ๆ

แสดงว่าตลอดเวลา 2 เดือนที่เป็นโสด 100%จะเขียนไดอารี่ตลอดเวลา?
โบว์ : เขียนตลอด เขียนเพิ่มขึ้น

เหมือนเป็นการที่เราอยู่กับตัวเองแล้วให้เวลาดูตัวเอง?
โบว์ : ใช่ เหมือนเป็นที่ปรึกษาให้ตัวเองไปเลย เพราะโบว์ไม่อยากไประบายกับทุกคนเรื่อย ๆ เพราะเขาก็มีปัญหาของเขา แล้วเราก็ไม่ต้องไปยัดเยียดอะไรให้ใครด้วย

ทำให้คนรอบข้างเป็นห่วง ทำไมถึงไม่พูด ถึงไม่เล่า?
โบว์ : โบว์คิดว่าโบว์น่าจะจัดการกับตัวเองได้ดีที่สุด แต่กำลังใจจากคนรอบตัวสำคัญ เพราะว่าวันที่โบว์ตัดสินใจได้ว่าโอเค พวกยูเข้ามาเลย แล้วมันทำให้เห็นเลยนะ ว่ามันก็เป็นอีกอารมณ์หนึ่งที่มีเพื่อนอยู่รอบตัว

ยังมีอะไรมาสะกิดใจเรา แล้วยังมีน้ำตาอยู่?
โบว์ : ด้วยมันเป็นระยะเวลาที่นาน สิ่งที่เล่นตลกกับเราบ่อย ๆ คือความทรงจำ ภาพต่าง ๆ ที่เราเคยมีความสุข

เวลาไปที่เดิมๆ ซ้ำๆ?
โบว์ : มีบ้างแต่มันก็ไม่ถึงกับน้ำตาซึมหรอก แต่เราแบบ เออ… ที่นี่ก็ใช่ เราเคยมากับเขาหรือสถานที่นี้ กิจกรรมนี้ด้วย ความที่เราอยู่เราอยู่ด้วยกันมานาน มันก็มีกิจกรรม มีเพื่อนคล้าย ๆ กัน

วันนี้มูฟออนได้กี่เปอร์เซ็นต์?
โบว์ : ไม่รู้วัดยังไง มันต้องใช้เวลา โบว์ไม่อยากบอกว่าโอเค จบแล้ว แล้ววันหนึ่งมีอะไรมาสะกิดแล้วมันก็ดาวน์กว่าเดิม โบว์ค่อย ๆ ตกผลึกไปดีกว่าว่าตอนนี้เป็นยังไง วันไหนดีก็บอกว่าดี

การที่เราอยู่กับตัวเองทุกวัน ที่ผ่านมาโบว์ก็หาคำตอบด้วยว่ามันเพราะอะไรถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น นี่ผ่านมา 2 เดือนแล้ว โบว์ได้เจอคำตอบนั้นหรือยัง?
โบว์ : เอาตรง ๆ ตั้งแต่ตอนนั้นที่ออกมาพูดไม่ได้มีการค้นหาเพิ่มเติมแล้ว โบว์คิดว่ามันไม่ได้ส่งผลดีกับตัวโบว์เหมือนการที่โบว์วิ่งวนอยู่ในวงกลม ถามตัวเองว่าทำไม มันไม่ได้ดีกับตัวเอง โบเลยเบนเข็มไปหาอะไรที่ทำให้เราออกมาจากตรงนี้ได้ดีและเร็วขึ้นดีกว่า มีแว๊บ ๆ ไหมมันมีแหละ แต่ไม่มีประโยชน์ที่ให้ตัวเองไปอยู่ในจุดนั้นอะไรที่เป็นความสุขของเราวันนี้ก็โฟกัสไปตรงนั้น อะไรที่ไม่ใช่ก็ต้องยอมปล่อย

มันมีสัญญาณมาบอกเราไหมว่ามันจะถึงวันนี้ ?
โบว์ : ในมุมโบว์ไม่มี เพราะว่ามันมีการพูดถึงอนาคตด้วย มีการวางแพลนบ้าง เหมือน ณ ตอนนู้นเราเลือกกันแล้วแต่แค่มาวันนี้มันไม่ใช่ โบว์ก็ต้องยอมรับว่ามันเท่านี้ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เรามอบความรักให้คนนี้มากกว่า แต่ก่อนเราอาจมีแบ่งปันให้ แต่ตอนนี้ก็กลับมาที่ตัวเองเยอะขึ้นเท่านั้นเอง โบว์ว่ามันเป็นอะไรที่ทุกคนทำแล้วมันดี

แต่จะมีคนอีกกลุ่มมองว่าโบว์ไม่ยอมมูฟออน เลยจะมีโมเมนต์ของความแอบเศร้าอยู่บ้าง?
โบว์ : โบว์นับถือทุกคนเลยนะที่เขามูฟออนได้เร็ว ถ้าคุณทำได้ ทำได้ดี ดีใจกับคุณ มันเป็นสิ่งที่อเมซิ่งมาก แล้วโบว์ชื่นชมมากนะ แต่ว่ามันอาจไม่ใช่โพรเซสของโบว์ เพราะว่าของโบว์มัน 10 ปี ความทรงจำมันค่อนข้างเยอะ มันดีมาตลอด เพราะความที่มันดี มันแฮปปี้นี่แหละ มันเลยทำให้เรา เอ๊ะ… มันไม่ดีตรงไหน มันไม่ใช่เราไม่ทะเลาะกันนะ มันมีการทะเลาะกัน

ได้มองไหม วันนี้มันอาจจะเป็นเรื่องของสิ่งที่เหนือธรรมชาติ เรื่องของเวรกรรม หรือพันธสัญญาบางอย่างที่มันไม่ใช่?
โบว์ : โบว์ว่าเป็นไปได้หมด แค่โบว์ไม่ได้ไปแสวงหาจุดกำเนิดมันมาจากอะไร ยังไง พยายามอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด แล้วจัดการกับตัวเอง เรียบเยงทุกอย่างใหม่มันก็โอเค ตอนนี้เราได้หันมาทำในสิ่งที่เราอยากทำ เราต้องการทำแล้วโฟกัสไปที่ตัวเองได้เต็มที่

เหตุการณ์ครั้งนี้โบว์ไม่ค่อยคุยกับคนรอบข้าง แต่เวลาเราเจอเพื่อน เราดีขึ้นแล้ว เราก็จะอัปเดตไปคร่าวๆ กำลังใจที่สำคัญของโบว์ที่ทำให้เราสามารถเดินหน้าไปแต่ละวันให้มันมีขึ้นอยู่ที่ ใคร?
โบว์ : ทั้งแฟมิลี่และเพื่อนเลย เพราะมันเป็นพลังงานที่โบว์รับแล้วโบว์รู้สึกเติมเต็มโบว์มาก ๆ โดยเฉพาะจากแม่ บอกตรงๆ ตั้งแต่เกิดเรื่องโบว์ห่วงเขามากที่สุด เพราะว่าคุณแม่อายุเยอะแล้ว 70 กว่าแล้ว โบว์ไม่อยากให้เขาห่วง หรือถ้าวันนึงเขาไม่อยู่แล้วลูกจะยังไง มีใครอยู่ด้วยหรือเปล่า โบว์ก็เป็นห่วงเขาตรงนั้น แต่ว่าพอเกิดเรื่องจริง ๆ ทำให้เห็นว่าเขาเข้มแข็งกว่าที่เราคิดเยอะมาก ๆ เขาไม่จี้ถามโบว์เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ถามอย่างเดียวเลยว่าหนูเป็นยังไง กินข้าวยังวันนี้ดีขึ้นไหม

หลังจากเหตุการณ์นี้ครอบครัวรักกันมากขึ้นด้วย?
โบว์ : ใช่ เหรียญมันมี 2 ด้น บางทีเรามัวแต่มองด้านนึงที่มันเศร้า หรือแบบทุกข์ กลายเป็นว่าเราไม่ได้มองอีกด้านนึงพอเราเห็นอีกด้านนึงคุณแม่โบว์เหมือนผ่าตัด 3 ปีที่แล้ว เขากินข้าวไม่ค่อยได้ ดูแลตัวเองไม่ค่อยต่อเนื่อง ฟิลแบบเบื่อไม่อยากทำอะไรแล้ว จะมีความหงุดหงิด แล้วเขาก็มีการพาลกับบุคคลรอบตัวนิดนึง ซึ่งพี่ชายอยู่พัทยากับคุณแม่ เขาจะเป็นคนที่รับผลกระทบอยู่เรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ก็จะมีพี่โทรมาบ่น แม่โทรมาบ่น หลังจากเกิดเหตุการณ์กลายเป็นว่าสายที่โบว์ได้รับ ยิ้มแย้ม แม่กินข้าวแล้วนะ หนูกินยัง วันนี้พี่เขาพาไปนู้น ไปนี่นะ มันดีนี่ มันเป็นอะไรที่แบบสิ่งนี้โบว์อยากฟังมาตลอดว่าเขาแฮปปี้ เสียงเขาดี ไม่มีเสียงป่วยเลย ก่อนหน้านี้จะมีเสียงปวดนู้นนี่นั่น แต่ตอนนี้เสียงเขาสดใสมากมันทำให้โบว์รู้สึก นี่แหละคือความรักของโบว์ นี่คือกำลังใจของโบว์

ถ้าคุณแม่ดูอยู่อยากให้ความมั่นใจอะไรกับท่านบ้าง?
โบว์ : แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนู: หนูเข้มแข็งตามรอยแม่แน่นอน แม่เข้มแข็งยังไงหนูก็เข้มแข็งอย่างนั้น ความรักที่แม่มีให้หนู หนูรับรู้ได้สมอ แม่ไม่ต้องน้อยใจเลย แม่คือไอดอลของหนู หนูรักแม่ แล้วจะเข้มแข็งเพื่อแม่นี่แหละ

อีกฝ่ายออกมาให้สัมภาษณ์แล้ว โบว์ได้ดูไหม?
โบว์ : โบว์เห็นเป็นบทสรุป โบว์ไม่ได้ไปดูตัวคลิปเต็ม คิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเข้าไปดู มันมีคนส่งมาแหละ เข้าใจดูเป็นสรุปทั่ว ๆ ไปดีกว่า

พอโบว์ไม่ฟังมันก็มีดรามา ทำไมไม่ฟังล่ะจะได้รู้เหตุผล อยากบอกอะไรกับคนพวกนั้นไหม?
โบว์ : โบว์ว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด โบว์ไม่สามารถไปบังคับหรือไปตีกรอบได้ว่าคุณต้องคิดเท่านี้นะ ต่อให้โบว์พูดความจริงทั้งหมด แต่คนเขามีความคิดอีกแบบ มันก็ต้องปล่อยให้เขาคิดแบบนั้น ต่อให้โบว์ทำดีที่สุด มันก็ยังมีคนที่เขาจะเห็นต่าง ก็ต้องยอมรับ มันไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับเรา

ก็จะมีประโยคนั่งไม่รู้ได้อ่านไหม ‘ก็ยังรักอยู่ แต่เป็นเพื่อนกันน่าจะดีที่สุดแล้ว’ คิดยังไงกับคำนี้บ้าง?
โบว์ : ก็ขอบคุณค่ะ โบว์ไม่รู้ว่าโบว์จะต้องรู้สึกกับคำพูดนี้ยังไง หลังจากวันนั้นมันไม่ได้มีการพูดคุยกัน มันไม่รู้ว่ามันจะเป็นเฟรนด์ชิพกันยังไง

ตั้งแต่เลิกกันมีการติดต่อกันบ้างไหม?
โบว์ : ไม่เลย ไม่ได้คุย ไม่ได้มีการทักหา

โบว์สามารถเป็นเพื่อนกับเขาได้ไหม?
โบว์ : เป็นได้นะ เพราะโบว์ไม่มีความคิดร้ายกับเขานะ ไม่มีความโกรธหรือเกลียดเขาเลย โบว์ไม่รู้ว่าโบว์จะพูดถึงเขาในแง่ร้ายทำไม ในเมื่อในมุมมองโบว์เบาก็คือคนดีคนนึง

ไม่โกรธ ไม่เกลียด แล้วน้อยใจบ้างไหม?
โบว์ : มี บางอย่างที่เคยพูดไว้ มันมีวกกลับไปแหละ: ตอนนั้นเคย แต่ก็กลับมาเหมือนเดิม มันไม่มีประโยชน์ที่โบว์จะไปหาคำตอบ

แล้วถ้าวันนึงมาร่วมงานกันล่ะ?
โบว์ : ดีใจที่ได้เจอ เพราะว่าเราไม่ได้เจอกันเลย คงไม่ใช่แบบไม่เอา ไม่เจอ มันไม่ใช่ฟิลนั้น

เพื่อนมีมาอัปเดตเรื่องเขาบ้างไหม?
โบว์ : ไม่มีเลย

ลึก ๆ จริง ๆ อยากรู้ไหม?
โบว์ : อยากรู้แหละ อยากรู้ว่าสบายดีไหม เป็นไงบ้างชีวิตช่วงนี้ คืออยากรู้แน่ พอมันไม่มีการเคลื่อนไหวก็เป็นไปตามนั้น ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ โบว์ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน หรืออาจจะไม่ได้มีการเจอกันเลย ก็ต้องยอมรับ

ตัดสินใจไปฝากไข่?
โบว์ : เป็นเวลาที่แปลก ๆ เหมือนกัน โบว์ 36 แล้วช่วงนี้เพื่อนโบว์ฝากไข่กันเยอะมาก โบว์ได้มีโอกาสไปช่วยเขาแบบปักยาให้ ทำรีเสิชดูว่ายังไง โบว์ไม่ได้มีแพลนว่าจะมี เพราะว่าพอมันสายนั่งสมาธิ เรารู้สึกว่าเราขอจัดการกับตรงนี้ก่อน แต่พอเห็นเพื่อน ๆ เริ่มทำก็ลองศึกษาดู จริง ๆ โบว์เป็นคนที่เหมือนฮอร์โมนผิดปกติตั้งแต่เด็ก ๆ ต้องทานยา ช่วงก่อนประจำเดือนมา มีมู้ดต่าง ๆ ปวดแบบค่อนข้างเยอะมาก จนโบว์รู้สึกว่าทำยังไงให้มันหายได้ ไปปรึกษาคุณหมอเรื่องนี้ คุณหมอก็บอกว่าต้องมีน้อง มันถึงจะกลับไปปกติ แต่โบว์บอกว่าโบว์ไม่ได้พร้อมที่จะมี หรืออยากมี เพราะฉะนั้นมันมีทางไหนได้บ้าง เขาก็เลยนี่แหละ มันอาจไปกระตุ้นให้รังไข่กลับมาทำงานปกติก็เลยลองดู

เห็นว่าตอนแรกทำได้อาทิตย์เดียวถอดใจเลย?
โบว์ : ถอดใจค่ะ สำหรับโบว์ตอนแรก โบว์ได้มา 1 เข็ม ปักไปประมาณ 5 วัน แล้วก็พอไปตรวจอีกทีขนาดไข่มันไม่ได้โตเท่าเกณฑ์ที่ควรจะโตก็เลยเป็น 2 เข็ม เข้าอาทิตย์ที่สอง พอไข่มันเริ่มโตขึ้น พื้นที่ในท้องเรามันเริ่มแน่นขึ้นแล้วอาการแบบท้องอืด แน่นทั้งหมด ไม่สบายตัว รอบเอวขึ้นมา 3 นิ้ว

พอเริ่มเข้ากระบวนการฝากไข่ ทำให้เรารักคุณแม่มากขึ้น?
โบว์ : มาก โบว์ชื่นชมคุณแม่ทั้งหมดมาก ๆ ของโบว์ทำไป 2 อาทิตย์ มีคุยกับผู้จัดการ โบว์ว่าโบว์มีไม่ได้แน่ ๆ เลยแค่ 2 อาทิตย์ยังไม่ไหวเลย แล้วคนที่ขาต้องอุ้ม 9เดือน เก่งจังเลย แล้วนึกถึงคุณแม่ แม่เราอดทนมากเลยเนอะกว่าจะเลี้ยงเราโตมาได้ มันกระบวนการหลายอย่าง เพราะคนที่ตั้งครรภ์จริง ๆ อากรแพ้ท้องมันไม่ได้อยู่แค่ 2-3 วัน บางคนอยู่เป็นเดือน อยู่ทนกันได้ยังไง เก่งมาก

สรุปกระบวนการฝากไข่ของเราสำเร็จไหม?
โบว์ : ได้เยอะด้วย เก็บเรียบร้อยแล้วค่ะ นี่ผ่านมา 2 อาทิตย์ได้แล้วค่ะ

ลึก ๆ อยากมีน้องไหม?
โบว์ : ไม่ได้อยากมี ความคิดโบว์อยากรับเลี้ยง แต่ว่าด้วยงาน ด้วยอะไร มันอาจจะยังไม่ได้ แล้วยังไม่ได้มีคนช่วยดูแล

แล้วตอนนี้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไหม พอเราได้ฝากไข่?
โบว์ : ยังไม่เร็ว ๆ นี้

ความรักที่ผ่านมาทำให้เราเข็ดกับความรักไหม?
โบว์ : ไม่ค่ะ เพราะว่าแต่ละคนมันต่างกัน โบว์ไม่สามารถเอาประสบการณ์นี้ไปส่งให้อีกคน แล้วกลายเป็นระแวงทุกอย่าง โบว์ไม่ทำแบบนั้น ที่ผ่านมาโบว์ก็ไม่ทำแบบนั้น ไม่ได้จบดีมาเสมอ ถ้าโบว์มัวแต่ระแวง เหมือนสร้างกำแพงขึ้นมาตลอด แล้วคิดว่าคุณต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน โบว์ว่าโบว์อยู่คนเดียวไปดีกว่า ถ้าโบว์มีความคิดแบบนั้นที่จะกลัวไปทั้งหมด อยู่คนเดียวอาจจะตอบโจทย์กว่า แต่ไม่ได้มีความคิดแบบนั้น

เราอยู่กับคนคนนึงมา 10 ปี อยู่ดี ๆ อยู่คนเดียว เราไม่ได้ปิดใจตัวเอง ไม่ได้กลัวว่าใครเข้ามาแล้วจะทำให้เสียเวลา ?
โบว์ : ไม่ได้กลัวนะคะ ไม่ได้กลัวการผิดหวัง เพราะโบว์คิดว่าเราพรีเซ็นต์ตัวเองไปอย่างนี้ เราให้ไปอย่างนี้ อยู่ที่ว่าอีกคนจะตอบกลับมาแบบไหนมากกว่า คือมันต้องมีการพูดคุยกัน มันไม่ใช่อยู่ดี ๆ เจอปุ๊บแล้วให้ไปหมดเลย

แสดงว่าความรักของโบว์ในอนาคตก็น่าจะเป็นสิ่งที่สวยงามอยู่?
โบว์ : เสมอค่ะ ความรักไม่ได้ผิดอะไร มันอยู่ที่ตัวเราเองหรือตัวบุคคลนั้นที่มันมีแรงกระแทกใส่กัน หรือว่ามันจูนกันไม่ติด มันเป็นเรื่องของความเข้าใจมากกว่า มันไม่ได้เกี่ยวกับความรัก ความรักดีของมันอยู่แล้ว

มีคนเข้ามาหรือยัง?
โบว์ : ไม่ได้มีใครมาดามใจค่ะ อาจจะมีแบบพูดคุย แต่ไม่ได้เชิงรุกขนาดนั้น เพราะว่าโบว์ชัดเจนในมุมของโบว์ โบว์ต้องการจัดการตัวเองให้เต็มที่ก่อน เพราะโบว์ต้องการที่จะแฟร์กับตัวเอง แฟกับคนที่โบว์คุยด้วย ไม่อยากเพราะเหงา เพราะอยู่คนเดียว รู้สึกเศร้า อยากมี มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะโบว์รู้สึกว่ามันเอาเปรียบเขาเกินไป ถ้าโบว์ทำแบบนั้น ขอเคลียร์ตัวเอง

มีคนเข้ามาจีบบ้างแหละ เรียกแบบนี้ได้ไหม ?
โบว์ : ได้มั้ง ผ่านเพื่อนบ้าง ผ่านคนรู้จัก

วางสเปคไว้ยังไง?
โบว์ : จริงใจแล้วก็ปากตรงกับใจ ใจเย็นกับโบว์ เป็นคนสนุก เป็นคนหลายมิติได้ เป็นคนดูแลตัวเอง เพราะโบว์เป็นคนที่ดูแลตัวเอง เพราะฉะนั้นไลฟ์สไตล์มันต้องมีความใกล้เคียงกัน

แล้วข้อห้ามล่ะ ถ้ามีแบบนี้เราไม่เอาเลย ?
โบว์ : เมาขาดสติ อันนี้โบว์เคยเจอเหตุการณ์โบว์คุยไม่รู้เรื่อง เรื่องอายุไม่สำคัญ เพราะบางคนมันดูที่ใจมากกว่า

‘ก๊อต จิรายุ’ ชำแหละ!! ‘ชาวเน็ต’ ออกเป็น 4 ประเภท พร้อมบอก “ถ้าแยกได้ จะเป็นการช่วยสังคมคัดสรรคน”

(7 ส.ค. 66) นักแสดงหนุ่มคนดัง ‘ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล’ ได้เขียนข้อความว่า “เวลาได้ยินคำว่า ‘ชาวเน็ต’ ใช่ว่าจะเหมารวมเอาคนทั้งหมดที่เล่นโซเชียลว่าเป็นชาวเน็ต แต่จริง ๆ เราควรแยกประเภทชาวเน็ตเป็น 4 ประเภท ดังนี้

ประเภทที่ 1 ชาวเน็ตที่ไม่เอากระแสใด ๆ เลยที่ไม่ได้เกี่ยวกับเป้าหมายชีวิตของตน ชาวเน็ตกลุ่มนี้จะใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อสานฝันของตัวเองและปัดออกในสิ่งที่ทำให้ชีวิตล่าช้าจากความฝัน คนกลุ่มนี้เข้าใจธรรมชาติของคำว่ากระแสและสื่อ พวกเขาสามารถปัดสื่อไร้สาระออกจากชีวิตได้ทันทีหากเห็นว่าไม่ทำให้ชีวิตเจริญ คนกลุ่มนี้แม้จะอยู่ในโลกออนไลน์แต่เราอาจจะไม่เห็นพวกเขา

ประเภทที่ 2 เป็นชาวเน็ตที่แม้จะได้ยินสิ่งที่เป็นกระแส แต่ก็ไม่เชื่อไว้ก่อน เพราะมีสติปัญญารู้ว่าสื่อมักเล่ามุมเดียวจากที่มุมสื่อประสบมา ชาวเน็ตประเภทนี้จะแยกออกระหว่างสื่อกับเสี้ยม โดยชาวเน็ตกลุ่มนี้มักจะคัดสรรข้อมูลที่เข้าตัวมากกว่าที่จะรับทุกอย่างเข้าชีวิตอย่างไม่คิด

คนกลุ่มนี้แม้จะอยู่ในโลกออนไลน์แต่เราอาจจะเห็นเขาได้น้อย

ประเภทที่ 3 ชาวเน็ตที่เผลอเชื่อกระแสโคมลอยในโลกออนไลน์ แต่สามารถหยุดและตั้งสติได้เพื่อพิจารณาในมุมอื่น ๆ คือเป็นกลุ่มคนที่คล้อยตามกระแสที่มาไวไปไว แต่มีการฉุกคิดเห็นมุมต่าง มองมุมอื่นและพาตัวเองออกจากกระแสที่พิจารณาแล้วเห็นว่าไร้ประโยชน์ต่อตน

คนกลุ่มนี้อาจจะเห็นเขาปรากฏในคอนเทนต์ที่เป็นกระแส

ประเภทที่ 4 เป็นชาวเน็ตที่เชื่อทุกอย่างที่โลกออนไลน์ประเคนให้ โดยไม่สามารถใช้ความคิดวิเคราะห์ได้ เป็นกลุ่มคนที่ปราศจากสติในการวิเคราะห์ เป็นนักเชื่อที่มีนิสัยด่วนสรุป ไม่สามารถคัดกรองข่าวสารใด ๆ ได้ และมักทำตัวเป็น ‘ผู้รู้ดีในสิ่งที่ตนไม่รู้จริง’

ธรรมชาติของชาวเน็ตประเภทนี้ คือ จะส่งเสียงดังเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ และมักเห็นว่าเรื่องของทุกคนเป็นเรื่องของตนเอง คนกลุ่มนี้ไม่ใช้ศักยภาพสมองและอวดการไม่ใช้ศักยภาพอย่างภาคภูมิใจ

คนกลุ่มนี้พบอยู่มากในโลกออนไลน์ที่เป็นกระแส จะว่าไปคนกลุ่มนี้สามารถยกระดับจิตใจของตัวเองขึ้นได้ แต่มันต้องเริ่มจากการตั้งสติและแทนที่การด่วนสรุปด้วยการใช้ความพยายามเข้าใจในชีวิตของผู้อื่นมากขึ้น

สื่อหลายที่มักเหมารวมเอาคนทั้งหมดที่เล่นโซเชียลว่าเป็นชาวเน็ต แท้จริงหากมีการแยกประเภทก็ช่วยสังคมได้เป็นอย่างมากในการคัดสรรคน #คอมเมนต์อย่างผู้เจริญ #ชาวเน็ตประเภท4อาจไม่พอใจสิ่งนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top