Friday, 3 May 2024
WeekendNews

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่กำลังแพร่ระบาด ว่าในปัจจุบันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ได้ง่ายขึ้น นอกจากจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลแล้ว ในทางกลับกันก็มีเหล่ามิจฉาชีพ ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการกระทำความผิด และเกิดขึ้นมากในแอพพลิเคชั่นหาคู่ ซึ่งเหยื่อมักจะเป็นเด็กและเยาวชน ที่อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยรูปแบบของการกระทำความผิดมักจะเป็นการสร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมาให้เป็นบุคคลที่หน้าตาดี ฐานะดี และเข้ามาพูดคุยกับเหยื่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จากนั้นจะล่อลวงโดยบอกว่าจะมอบเงินหรือสิ่งของให้  แลกกับการถ่ายภาพหรือวิดีโอเปลือย หรือในบางรายถึงขั้นล่อลวงไปมีเพศสัมพันธ์และแอบถ่ายไว้ จากนั้นก็จะนำภาพหรือวิดิโอมาข่มขู่ ให้เหยื่อส่งเงินมาให้หรือให้ส่งภาพมาเพิ่ม ไม่เช่นนั้นจะปล่อยลงสื่อสังคมออนไลน์ และเหล่ามิจฉาชีพก็จะนำภาพหรือวิดีโอดังกล่าวไปหาประโยชน์ เช่น การนำไปขายต่อ การสร้างกลุ่มให้คนเข้ามาดูโดยเก็บค่าเข้ากลุ่ม เป็นต้น

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท, ความผิดฐานทำ ผลิต มีไว้ หรือเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กด้วยวิธีใดๆ มีโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 30,000-200,000 บาท, ความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบซึ่งข้อมูลใดๆ ที่มีลักษณะลามก มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14(4) และความผิดฐานขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร  มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เห็นความสำคัญและตระหนักถึงพิษภัยของ การล่วงละเมิดทางเพศบนอินเตอร์เน็ต จึงมีนโยบายให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.), กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์(บก.ปคม.), กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี(กก.ดส.), คณะทำงานปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต(TICAC) ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี  พ.ศ.2558 รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เฝ้าระวัง สืบสวน ปราบปรามผู้กระทำความผิดและขยายผลไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนอย่างจริงจังต่อเนื่อง และต้องมีผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม รวมถึงเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิด เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายและตัดโอกาสในการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงโดย ผู้ปกครองต้องปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้กับบุตรหลาน คอยแนะนำและสังเกตพฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์  อย่างใกล้ชิด อย่าพูดคุยกับคนแปลกหน้าและอย่าให้ข้อมูลส่วนตัว รวมถึงภาพส่วนตัวกับใครในสื่อสังคมออนไลน์ นอกจากนี้หากพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599  ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'ผู้ช่วยฯ รอย' ต่อยอดนโยบาย ผบ.ตร. จัดโครงการ นัดหมาย พงส.แจ้งความผ่าน ออนใลน์ ล่วงหน้า 11 สถานีนำร่อง เริ่มใช้แล้ววันนี้

'ผู้ช่วยฯ​ รอย'​ ต่อยอด นโยบาย ผบ.ตร. จัดโครงการ นัดหมาย พงส.แจ้งความผ่าน ออนใลน์ ล่วงหน้า  11 สถานีนำร่อง เริ่มใช้แล้ววันนี้ 

เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.,และ รักษาราชการแทน ผบช.ภ.2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการแพร่ระบาดของโรค โควิด 19  เพื่อต้องช่วยหยุดการแพร่กระจายโรคติดต่อร้ายแรง และลดความแออัดบนโรงพักในการใช้บริการที่สถานีตำรวจในพื้นที่ บช.ภ.2 รวมถึง จากแนวนโยบายและเจตนารมณ์ ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข 
ผบ.ตร.ที่ต้องการบริการให้ประชาชนให้ได้รับความสะดวก ในการแจ้งความ จึงได้จัดทำโครงการ นัดหมาย พนักงานสอบสวนล่วงหน้า ทาง Online ในบางคดีความผิด ขึ้น เช่น คดียักยอกทรัพย์ ,คดีฉ้อโกง,คดีหมิ่นประมาท, คดี พ.ร.บ.เช็คฯ ซึ่งไม่ได้เป็นคดีเร่งด่วน #เมื่อนัดหมายวันเวลาแล้วค่อยมาพบ พนักงานสอบสวน เพื่อความสะดวกของประชาชน

ด้าน พล.ต.ต.สุรจิต ชินวรรน์ รอง ผบช.ภ.2 กล่าวว่า โครงการดังกล่าว ชื่อโครงการนัดหมาย พนักงานสอบสวนล่วงหน้า ผ่านระบบออนไลน์”เพื่อความสะดวกรวดเร็วกับพี่น้องประชาชน  นั้น เป็นวิสัยทัศน์แล้วก็นโยบายของ รรท.ผบช.ภ.2 โดยตำรวจภูธรภาค 2 ได้ใช้สถานีตำรวจ สภ.เมือง ทุก ภ.จว.และ เทศบาลเมืองพัทยา รวมเป็น 11 สภ.

ประกอบด้วย สภ.เมืองชลบุรี​สภ.พัทยา,​สภ.บางละมุง,​ สภ.แสนสุข สภ.เมืองปราจีนบุรี,​ สภ.เมืองระยอง,​ สภ.เมืองนครนายก,​ สภ.เมืองจันทบุรี,​ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา,​ สภ.เมืองตราด,​ สภ.เมืองสระแก้ว ในเวลา 10.00 น.ถึง 19.00.น. ในวันเวลาราชการใน 4 ข้อหาหลัก ก็คือคดียักยอก คดีฉ้อโกง คดีหมิ่นประมาทและคดี พ.ร.บ.เช็คฯ ต้องขอขอบคุณ ผบ.ตร.ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญเร่งรัดโครงการต่างๆเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมสามารถบริการพี่น้องประชาชนให้พึงพอใจสูงสุด 

สำหรับขั้นตอนนั้น ให้โหลดแอปพลิเคชัน หรือ สแกนคิวอาร์โค้ด ตามที่แจ้งให้ทราบ แล้วลงทะเบียน โดยกรอกข้อความรายละเอียด แล้วนัดหมาย กับพนักงานสอบสวน และมีการผ่านการตอบนัดหมาย จะมีการยืนยันระหัส โอทีพี​ (OTP) ถือว่าแล้วเสร็จการนัดหมาย สะดวก ปลอดภัย ลดความหนาแน่น โดยโครงการดังกล่าวนี้สามารถ ใช้บริการได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้ง 11 สถานี ซึ่งฝากว่าหากพบปัญหาหรือมีข้อเสนอแนะ ตำรวจภูธรภาค 2 น้อมรับและยินดีนำไปปรับปรุงระบบให้รองรับการบริการประชาชนให้ดีขึ้นต่อไป พร้อมทั้ง บช.ภ.2 ยังได้จัดทำคลิป แนะนำให้พี่น้องประชาชาชน เพื่อรณรงค์การใช้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าวนี้ด้วย

'ผบช.สตม.' นำทัพลงพื้นที่ตรวจเข้มชายแดน 3 จังหวัดชายแดนใต้ วางแผนสกัดคนหลบหนีเข้าเมือง ห่วงโควิดระบาด

4 กรกฎาคม 2564 ที่ จ.นราธิวาส พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.), พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ศุภชาติ เวชพร ผกก.ตม.จว.นราธิวาส, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.​ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ลงพื้นที่ตรวจแนวชายแดนใน อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ซึ่งมีช่องทางส่วนใหญ่เป็นช่องทางธรรมชาติที่คนต่างด้าวและชาวไทยใช้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จากชายแดนประเทศมาเลเซีย

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้เป็นไปตามข้อสั่งการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เน้นย้ำกำชับให้กวดขันเกี่ยวกับการหลบหนีเข้าเมือง โดยก่อนหน้านี้บริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นช่องทางที่คนไทยที่ทำงานในประเทศมาเลเซียลักลอบหนีกลับเข้าประเทศ โดยไม่ผ่านช่องทางปกติ เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะเพื่อนบ้านเรามีสถิติติดเชื้อค่อนข้างสูง

จากการประชุมและตรวจสอบ​ ร่วมกับ พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา ทราบว่าสถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองลดน้อยลงเพราะตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะด้านพรหมแดนเปิดให้คนไทยข้ามแดนได้สามวันต่อสัปดาห์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา คณะของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจชายแดนช่องทางธรรมชาติ อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส และด่านผ่านแดนจุดต่างๆที่เชื่อมกับประเทศมาเลเซีย โดยมีการกำชับให้แต่ละพื้นที่เฝ้าระวังการหลบหนีเข้าแดนโดยผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยกำชับให้ตำรวจ ตม. ปฏิบัติตามนโยบายปฏิบัติราชการ รวม 5 มาตรการ คือ...

1.ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อสกัดกั้นการระบาดในพื้นที่เป้าหมายและสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายกลุ่มเสี่ยง บังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มเสี่ยงต่อการแพร่โรค ต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่

2.การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายให้เพิ่มความเข้มข้นในการสกัดกั้นและปราบปรามจับกุมคนต่างด้าว ขยายผลอย่างต่อเนื่อง

3.กำชับให้เพิ่มความเข้มในการใช้กฎหมาย กรณีคนต่างด้าวสัญชาติจีน ให้ตรวจสอบก่อนและหลังอนุญาตว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่

4.การกักตัวคนต่างด้าวให้ดำเนินการตามมาตรการเมื่อรับตัวผู้ต้องกักต้องมีการคัดกรอง

และ 5.สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดสายพันธ์ใหม่ ให้มีมาตรการมนการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ในส่วนของเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองบช.สตม./โฆษก สตม., พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1/รองโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ทั้งนี้ สตม. ขอเรียนให้ทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่​www.immigration.go.th

'เฉลิมชัย'​ เร่งปั้น 'โลว์คอสต์แอร์คาร์โก้สินค้าเกษตร'​ ผนึก 'ภาครัฐ-เอกชน'​ ช่วยเกษตรกรขยายตลาดส่งออกทั่วโลก

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมเรื่องการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าทางอากาศ​ (Air cargo system) ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำหน้าที่ประธานการประชุมและได้สั่งการให้เร่งดำเนินการพัฒนาระบบการขนส่งทางอากาศ​ (Air Cargo System) สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร​ ซึ่งประกอบด้วยโครงสร้างและระบบ​ 3​ ส่วนสำคัญได้แก่ คาร์โก้เทอร์มินัล (Cargo Terminal), สายการบินคาร์โก้​ (Air Cargo Fleet) และศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร-อาหารแบบครบวงจรในคาร์โก้เทอร์มินัล

โดยร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ดำเนินการที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองและท่าอากาศยานภูมิภาคที่มีความพร้อมเช่นเชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ภูเก็ต เป็นต้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารเป็นการบริหารโอกาสของประเทศไทยภายใต้วิกฤติโควิด19

ทั้งนี้สถาบันอาหารประเมินว่าในปี 2564 การส่งออกสินค้าอาหารของไทยจะมีมูลค่า 1.08-1.10 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2-12.2% เทียบกับปีที่ผ่านแม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์โควิด 19 สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทย

สำหรับศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร-อาหาร ณ คาร์โกเทอร์มินัลซึ่งทำหน้าที่ให้บริการตรวจสอบรับรองสินค้าเกษตรและอาหารทั้งสินค้าพืช ประมง และปศุสัตว์ตามมาตรฐานสากลจะต้องบริการด่วน​ (Express Service) แบบวันสต็อปเซอร์วิสใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายของภาคเอกชนทั้งนำเข้าและส่งออกเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นฮับการผลิตและขนส่งสินค้าเกษตรและอาหารของอาเซียน

นายอลงกรณ์กล่าวว่า ดร.เฉลิมชัยได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าได้หารือเบื้องต้นกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับโครงการแอร์คาร์โก้สินค้าเกษตร และมอบที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรเร่งประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่อไปโดยเร็ว 

“นอกจากนี้ผู้ประกอบการบินได้นำเสนอสถานการณ์ของธุรกิจการบินและแนวทางการพัฒนาสายการบินขนส่งสินค้าทางอากาศในลักษณะโลคอสต์แอร์คาร์โก้โดยมุ่งเป้าหมายตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ตะวันออกกลาง ยุโรปและอเมริกาด้วยอัตราค่าบริการถูกกว่าอัตราค่าขนส่งในปัจจุบันและเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐมนตรีเกษตรฯ​ โดยพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เนื่องจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารต้องการความสะดวกรวดเร็วส่งถึงลูกค้าปลายทางทั่วโลกด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับสากลซึ่งการขนส่งทางอากาศคือคำตอบ”

รวมน้ำใจคนไทย!! 'คนละไม้_คนละมือ'​ ช่วยเหลือคนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส และบุคลากรการแพทย์ 'สู้ภัยโควิด19'

รวมน้ำใจคนไทย!! 'คนละไม้_คนละมือ'​ ช่วยเหลือคนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส และบุคลากรการแพทย์ 'สู้ภัยโควิด19'

นางสาวภัสวรินทร์ กิตติโชคกุลพัทธ์​ นายกสมาคมส่งเสริมและพัฒนาคนพิการไทย 'คุณเมตตา มะตัน'​ (พี่ยะห์)  จิตอาสา นำน้ำสมุนไพรจำนวน 150 ขวด 'คุณยุภาพร เตสระน้อย'​ นำข้าวกล่อง จำนวน 100 กล่อง เพื่อนำไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของ โรงพยาบาลแหลมฉบัง และ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ถึงแม้จะเจอสถานการเลวร้ายแต่เราคนไทยไม่ทิ้งกัน 

ต่อจากนั้นลงพื้นที่ หมู่ 8 อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นำรถเข็น Wheelchair ขนาดใหญ่พร้อมด้วยข้าวสารอาหารแห้ง ไปมอบให้คนพิการยากไร้ โดยได้ให้การแนะนำเรื่อง สิทธิสวัสดิการของคนพิการในด้านต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนาและต่อยอด ในการดำรงชีวิตได้อย่างเข้มแข็งสืบไป

#เราไม่ทิ้งกัน
#คนละไม้_คนละมือ

เผาแล้ว 35 ศพ เหยื่อโควิด!! เจ้าอาวาสวัดดังแห่งบางพลี​ ประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศล เผย จะยอมเผาจนเตาพัง

วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้จัดพิธีทำบุญทักษิณานุปทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 โดยที่ทางวัดบางพลีใหญ่กลางเมตตารับอนุเคราะห์เผาศพให้ฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย​ รวม 35 ราย

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้)  เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง  ร่วมประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 โดยนายฉะโอด รุ่งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่  เป็นประธานฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย 

โดยมี พ.ต.อ.รักศักดิ์  เมฆจินดา  ผกก.สภ.คลองด่าน ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง อดีตกำนันตำบลบางพลีใหญ่ ข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี เจ้าหน้าที่ อสม. และทางครอบครัวผู้เสียชีวิตที่เดินทางนำอัฐิของผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิดเข้าร่วมทำพิธีในครั้งนี้

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้)  เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า ในวันนี้ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมด้วยคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางได้เห็นถึงความสำคัญของครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ทางวัดบางพลีใหญ่กลางจึงได้ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 โดยทางวัดได้รับฌาปณกิจศพเหยื่อโควิดมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน 64 ซึ่งขณะนี้ทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้เผาศพด้วยโรคโควิด-19 ไปแล้วรวม 35 ราย  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ยังกล่าวต่ออีกว่า บางวันเผา 2 ราย บางวันเผา 3 ราย ตัวเลขสูงสุดที่ทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้รับฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิดสูงสุดอยู่ที่ 11 รายต่อวัน กระทั่งมาระยะหลังทางวัดได้รับการประสานขอความอนุเคราะห์ให้เผาศพผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แบบว่าเผาศพกันรายวัน จนทางวัดต้องแยกเตาเผาศพไว้ 1 เตา เพื่อไว้เผาศพผู้เสียชีวิตแบบเสียชีวิตโดยธรรมชาติ ในส่วนญาติหรือครอบครัวผู้เสียชีวิตที่มาติดต่อขอให้ทางวัดช่วยเผาศพให้นั้น ทางวัดบางพลีใหญ่กลางไม่เคยเรียกร้องค่าใช้จ่ายใดๆ ทางวัดจะดูแลรับผิดชอบให้ทั้งหมดแต่หากญาติโยม หรือครอบครัวผู้เสียชีวิตจะร่วมทำบุญก็แล้วแต่ความศรัทธาหรือหากจะไม่ร่วมทำบุญทางวัดก็ไม่เรียกร้อง  เพราะถือว่าวัดคือที่พึ่งของประชาชนมีความทุกข์วัดก็รับอนุเคราะห์ ญาติโยมทุกคนใครมีความเดือดร้อนทางวัดช่วยเหลือได้ก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ โดยที่ผ่านมามีประชาชนได้นำน้ำมันมาบริจาคให้กับทางวัด เพื่อไว้ใช้เผาศพผู้ป่วยโควิด

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้เตาเผาศพที่ใช้เผาศพโควิดอาจมีการเสื่อมสภาพได้เพราะต้องใช้ความร้อนสูงมากและเผาอยู่ตลอดแทบทุกวันก็อาจมีการเสื่อมสภาพได้เป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ทางวัดจะอนุเคราะห์เผาศพโควิดจนกว่าเตาเผานั้นจะพังจนไม่สามารถเผาได้  ขณะนี้วัดบางพลีใหญ่กลางมีคิวจองเผาศพโควิด-19 อยู่อีกหลายรายทางวัดก็มีความยินดีรับอนุเคราะห์ทุกราย แต่ทางวัดบางพลีใหญ่กลางจะไม่รับฌาปนกิจศพเฉพาะวันศุกร์เท่านั้น    

ที่มา: คิว-ข่าวสมุทรปราการ​ รายงาน

'อิมพิเรียลเวิลด์สำโรง' มอบน้ำดื่มส่งต่อสะพานบุญ (นายกคนพิการ) เพื่อเป็นกำลังให้พี่น้องประชาชน คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส 

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง (สมุทรปราการ)’นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล’ นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน  ‘นายโกสินธ์ จินาอ่อน’ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์  ‘นายณัฐวุฒิ เหมือนเพชร’ ผู้อำนวยการข่าวจังหวัดสมุทรปราการ (หนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์) เข้าพบ ‘นายสุรพงษ์ ปิ่นสุวรรณ’ เป็นตัวแทน ‘นายสงคราม  กิจเลิศไพโรจน์’ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ  ‘นายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์’ เลขานุการคณะกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ ‘มูลนิธิกิจเลิศไพโรจน์’ ส่งมอบน้ำดื่ม จำนวน 1,200 ขวด ให้กับ ‘นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล’ นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย พร้อมคณะฯ นำไปใช้ในการดำเนินงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชน คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส ผู้ประสบภัยพิบัติ และ สถานบริการฯให้การช่วยเหลือประชาชนที่กำลังต่อสู้กับสภานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid_19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในประเทศไทยและทั่วโลก ณ ขณะนี้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ และแสดงความห่วงใยให้กับพี่น้องประชาชน คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่กำลังดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้รอดปลอดภัยจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้ด้วยดี


โครงการครัวคนรักปทุม ลำลูกกา ทำข้าวกล่องมอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

(11​ ก.ค.64​ ปทุมธานี)​ ที่บริษัท เค เอส เอส อินเตอร์เทด กรุ๊ป จำกัด ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยคณะทำงานของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก​ อบจ.ปทุมธานี จัดโครงการครัวคนรักปทุม ลำลูกกา เพื่อทำข้าวกล่องนำไปมอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยมี ดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง คณะทำงานและที่ปรึกษา​พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่างนายก อบจ.ปทุมธานี พร้อมด้วย สมาชิกคณะทำงานคอยให้การต้อนรับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี

จากนั้นดร.เกียรติศักดิ ส่องแสงได้กล่าวความเป็นมาของโครงการครัวคนรักปทุม ลำลูกกาให้กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานีทราบ ต่อจากนั้นก็ได้นำข้าวกล่องมอบให้กับคณะทำงาน เพื่อนำไปมอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้าน

ดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ให้รายละเอียดกับผู้สื่อข่าวว่าการจัดโครงการครัวคนรักปทุม ลำลูกกาในครั้งนี้ เป็นโครงการที่ ประกอบอาหารปรุงสด ทำเป็นอาหารข้าวกล่อง เพื่อที่จะนำไปมอบให้กับประชาชนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคระบาดโควิด-19 ที่รอการรับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

"สำหรับโครงการนี้เราต้องการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อจากผู้ที่ติดเชื้ออยู่แล้วออกมาหาอาหารทานกันเองนอกบ้าน เราจึงต้องหาอาหารเครื่องดื่มและของใช้ที่จำเป็นไปส่งมอบให้กับเขาเหล่านี้

"วันนี้ก็ได้รับโอกาสจากพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานีและท่านรองนายก ที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็ขอความร่วมมือจากประชาชนเมื่อท่านเป็นผู้ติดเชื้อเป็นผู้ป่วยก็ขอให้ท่านได้เปิดเผยว่าท่านรอการรักษา ทางคณะทำงานของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนหายจากการเจ็บป่วยโดยเร็ว แล้วเราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน"

ที่มา: ภาพ/ข่าว วะจะนะชัย วาจาพารวย/รายงาน

"นุช-นนท์" ทำดีต่อเนื่อง!!​ เจ้าของ ร้านทุเรียน "ตลาดสี่มุมเมือง" มอบอาหาร 100 กล่อง ให้ "สถาบันราชประชาสมาสัย" (พระประแดง) และประชาชนในพื้นที่ในเทศบาลเมืองคูคตอีก 50 กล่อง

ณ สถาบันราชประชาสมาสัย ตำบลบางหญ้าแพรกอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ "ดร.นิยม ไกรปุย"รองผู้อำนวยการสถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบอาหารจำนวน 100 กล่อง

โดย "น.ส.ชาลินี ลอยนุ้ย" เจ้าของร้านทุเรียน "นุช-นนท์" ตลาดสี่มุมเมือง ประสานงานสะพานบุญ ให้ "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน พร้อมด้วย "นายโกสินธ์ จินาอ่อน" บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์ ที่ปรึกษา​ "สมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม" นำอาหารจำนวน 100 กล่อง เพื่อมอบให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน รวมถึงคนพิการ ครอบครัวคนพิการ ที่ได้รับเชื้อไวรัส Covid-19 ที่รักษาตัวอยู่ใน "สถาบันราชประชาสมาสัย"

ทั้งนี้​ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน รวมถึงผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาเชื้อโควิด-19 ได้รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และร่างกาย เป็นการตอบแทนน้ำใจ ความเสียสละแรงกาย แรงใจ เวลาอันมีค่ามาดูแลรักษาพี่น้องประชาชนคนไทย คนพิการ ให้รอดปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด_19 ไปด้วยกัน

ในการนี้ "ดร.นิยม ไกรปุย" รองผู้อำนวยการสถาบันราชประชาสมาสัย ได้กล่าวขอบคุณในน้ำใจไมตรีจิต ที่มอบให้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก และพร้อมจะทำหน้าที่ในการดูแลรักษาสุขภาพของพี่น้องประชาชนคนไทย ให้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังกล่าวประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทย เจ้าของสถานประกอบการ ร้านค้า และภาคเอกชน ที่มีจิตเป็นกุศลอยากจะร่วมด้วยช่วยกัน คนละไม้คนละมือ สร้างสรรค์สังคมไทยให้ปลอดภัย ร่วมกันแบ่งปันความสุข รอยยิ้ม กำลังใจ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน

เพราะการปฏิบัติงานนั้น ในช่วงสถานการณ์เชื้อไวรัส Covid-19 กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทยทั้งชาติ จึงอยากจะประชาสัมพันธ์ เชิญชวน ท่านที่พอมี กำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ ร่วมกันสนับสนุน เครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ถังออกซิเจน และอื่นๆ ที่มีความจำเป็นในการช่วยเหลือชีวิตพี่น้องประชาชนที่กำลังรักษาตัวจากเชื้อไวรัสโควิค-19 ได้ทุกโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามในทุกๆพื้นที่หรือติดต่อมายัง "สถาบันราชประชาสมาสัย" ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

ทั้งนี้นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงานได้มอบอาหารข้าวกล่องให้​ นายวะจะนะชัย วาจาพารวย ผู้สื่อข่าวจังหวัดปทุมธานี จำนวน 50 กล่อง เพื่อนำไปมอบให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในพื้นที่เทศบาลเมืองคูคตต่อไปและเมื่อวันที่ 10 และ วันที่ 17 กรกฎาคม 2564  ที่ผ่านมา น.ส.ชาลินี ลอยนุ้ย เจ้าของร้านทุเรียน "นุช_นนท์" ตลาดสี่มุมเมือง ได้มอบข้าวกล่องให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในหลายๆ พื้นที่ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าอาหารให้กับประชาชนได้บ้างซึ่งตนได้ทำก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือประชาชนคนไทยด้วยกัน

#คนละมือ_คนละมือ

​​

'เฉลิมชัย' สั่ง 'เกษตรฯ'​ เร่งช่วยประชาชนฝ่าวิกฤตโควิด-19

'เฉลิมชัย'​ สั่ง 'เกษตรฯ'​ เร่งช่วยประชาชนฝ่าวิกฤตโควิด-19

บอร์ดเกษตรกรรมยั่งยืนรับลูกเห็นชอบโครงการธนาคารสีเขียว (Green Bank) มอบ  'อลงกรณ์'​ นำทีมขับเคลื่อนทันทีตั้งเป้าขยายผลใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อทั่วประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ครั้งที่ 2/2564 ล่าสุดวันนี้ (18 ก.ค) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการธนาคารสีเขียว​ (Green Bank) เพื่อส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจโดยมีเป้าหมาย​ 6​ ประการได้แก่ การเพิ่มสินเชื่อช่องทางใหม่โดยใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ,การเพิ่มทรัพย์สิน รายได้ อาชีพและธุรกิจใหม่ๆ​ ให้กับประชาชน, การลดปัญหาหนี้นอกระบบ, การเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งในเมืองและนอกเมืองเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ชุมชนและเมือง แก้ปัญหา​ PM2.5, การแก้ปัญหาโลกร้อน​ (Global Warming) และเพิ่มคาร์บอนเครดิตของประเทศและการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ​ (SDG) และยุทธศาสตร์ชาติรวมทั้งแผนปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม การเกษตรและเศรษฐกิจ โดยแต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ​ เป็นประธานและมอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อนขยายผลต่อยอดโครงการนี้โดยผนึกความร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (BEDO) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ภาคการวิจัย เช่นสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สวก. ภาควิชาการเช่นสถาบันการศึกษาทุกแห่ง ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(AIC) ภาคเอกชนเช่นหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร  สภาเอสเอ็มอี ภาคเกษตรกรเช่นสภาเกษตรกรแห่งชาติ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย สมาคมเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร เกษตรกร ภาคท้องถิ่นเช่นอบจ. เทศบาล อบต. กทม. เมืองพัทยา รวมทั้งภาคีเครือข่ายมูลนิธิ องค์กรเอกชนตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบรายงานผลการดำเนินการที่ผ่านมาของโครงกาสินเชื่อไม้ยืนต้นจากข้อมูลของกองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์รายงาน ณ วันที่​ 5 ก.ค. 2564​ ว่า​ตั้งแต่ปี2562ถึงปัจจุบัน มีผู้ขอนำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 87​ สัญญา จำนวน 119,498 ต้น วงเงิน​ 134,375,912.00 บาทโดยแบ่งเป็น กลุ่มให้สินเชื่อรายย่อย​ (พิโกไฟแนนซ์ ปล่อยสินเชื่อวงเงิน5หมื่นถึง​ 1​ แสนบาท) 80 สัญญา คิดเป็น 92%ของสัญญารวมวงเงินค้ำประกัน​ 4​ ล้านบาท กลุ่มสถาบันการเงิน​ (ธนาคารกรุงไทยและธกส.) 7​ สัญญา คิดเป็น 8% ของสัญญา รวมวงเงินค้ำประกัน 130ล้านบาท

“ระบบการให้สินเชื่อโดยใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันที่ผ่านมายังดำเนินการได้ไม่มากนัก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนจึงมอบนโยบายให้ต่อยอดขยายผล​ (Scale up) โครงการด้วยการเร่งส่งเสริมเกษตรกรและประชาชนปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจบนที่ดินตนเองซึ่งเป็นการเพิ่มทรัพย์สินสร้างหลักประกันให้กับครอบครัวและความมั่นคงในอนาคตรวมทั้งสามารถใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อโดยเกษตรกร ประชาชนและผู้ประกอบการจะได้รับวงเงินสินเชื่อรายย่อย​ 50,000-100,000 บาทต่อรายและวงเงินสินเชื่อรายใหญ่จากสถาบันการเงินเช่นธนาคารเป็นต้น” นายอลงกรณ์​ กล่าว

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง (Sustainable Urban Agriculture Development Project : SUAD Project)โดยมีการแต่งตั้งโครงสร้างและระบบในการทำงานดังนี้.. 

1) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ระดับเขต แบ่งตามพื้นที่รับผิดชอบตามการแบ่งเขตตรวจราชการของกระทรวงฯ โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำเขตตรวจราชการ เป็นประธานอนุกรรมการ 

2) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองทั้ง 77 จังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน มีเกษตรและสหกรณ์จังหวัด เป็นเลขานุการ 

3) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เป็นประธาน มีผู้อำนวยการสำนักสวนสาธารณะ กรุงเทพมหานคร เป็นเลขานุการ

4) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่เมืองพัทยา โดยมอบหมายให้เมืองพัทยาพิจารณาสรรหาบุคคลที่เหมาะร่วมเป็นอนุกรรมการ

5) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่วัด (Green Temple) มีนายโฆสิต สุวินิจจิต เป็นประธาน 

6) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่วิทยาลัย (Green College) โดยมีนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย เป็นประธาน 

7) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่โรงเรียน (Green School) มีนายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา เป็นประธาน 

8) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่มหาวิทยาลัย (Green Campus) มี รศ.ดร.อาณัฐชัย รัตตกุล เป็นประธาน 

9) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่การเคหะแห่งชาติ มีผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เป็นประธาน

10) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองระดับชุมชนและท้องถิ่น (Green Community) มีนายกษิดิ์เดชธนทัต เสกขุนทด เป็นประธานคณะทำงาน 

11) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในพื้นที่อาคารชุด (Green Condo) โดยมีนางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดเป็นประธาน

รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าในการจัดตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)และมีมติให้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการต่อไป

สำหรับการจัดตั้งและขับเคลื่อนสภาเกษตรอินทรีย์ พี จี เอส แห่งประเทศไทยจะมีการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแนวทางและแผนการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ ในวันที่ 18 สิงหาคม

ที่ประชุมยังรับทราบผลการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล โดยผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการโครงการไปแล้วร้อยละ 46 ของโครงการ โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 30,000 คน และดำเนินการจ้างผู้ปฏิบัติงานจากเกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชนที่ว่างงานจากผลกระทบของ COVID-19 แล้วจำนวน 9,157 ราย 

ในการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ครั้งที่ 2/2564 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในการประชุมพร้อมด้วยนายประยูร อินสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวเบญจพร ชาครานนท์ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน นายสถาพร ใจอารีย์ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน นายวิชัย ไตรสุรัตน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงฯ นายปริญญา พรศิริชัยวัฒนา ประธานชมรมเกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย นายธีระ วงษ์เจริญ ประธานเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ นายศรีสะเกษ สมาน ตัวแทนสภาเกษตรกรแห่งประเทศ นายกันตพงษ์ แก้วกมล ประธานเครือข่ายเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer Thailand) และกรรมการภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมผ่านระบบประชุมทางไกลออนไลน์ (zoom)


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top