Thursday, 3 July 2025
TheStatesTimes

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดงานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ รายการ 'เหลาครอบครัว Family Talk'

โครงการสื่อสารกิจกรรมและจัดเวทีกลางสื่อสารให้ความรู้แก่ภาคีเครือข่ายภายใต้โครงการพัฒนาครอบครัวคุณธรรมพลังบวก Positive Parenting ในสังคมไทย ผ่านสื่อออนไลน์ในรายการ 'เหลาครอบครัว Family Talks'
 
โดยวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 - 12.00 น. ณ อาคารพระพรหมบัณฑิต วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (IBSC) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้จัดงานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์เปิดตัวรายการ 'เหลาครอบครัว Family Talk' พร้อมเวทีเสวนา โดยมีพระครูสมุห์วชิรวิชญ์ ฐิตวํโส ดร., ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน, เสวนาเหลาครอบครัว โดย รศ.นพ.สุรยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน), รศ.ดร.พรรณระพี สุทธิวรรณ, ผู้อำนวยการ (ฝ่ายวิชาการ)​ศูนย์จิตวิทยาพัฒนาการและความสัมพันธ์ระหว่างวัย คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นางนุชจารี คล้ายสุวรรณ นายกสมาคมผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.ขันทอง วัฒนะประดิษฐ์ โดยในงานมีเครือข่ายการศึกษา ภาคประชาสังคม ชุมชน มาร่วมเป็นสักขีพยาน
 
รายการ: 'เหลาครอบครัว Family Talks' มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นพื้นที่กลางในการสื่อสารสร้างความรู้และความเข้าใจกับพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ในการสื่อสารกับเด็กและเยาวชนสร้างครอบครัวพลังบวก เป็นพื้นที่กลางให้กับแกนนำ พี่เลี้ยงชุมชนครอบครัวพลังบวก และเครือข่ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และการเสริมพลังใจในการทำงานเพื่อสังคม เป็นพื้นที่การเรียนรู้ของนักวิจิตวิทยารุ่นใหม่และผู้ให้คำปรึกษาเพื่อนครอบครัวมีส่วนร่วมสร้างครอบครัวพลังบวกในสังคมไทย และเป็นพื้นที่ส่งเสริมสนับสนุนการนำหลักคำสอนทางศาสนามาใช้ในการส่งเสริมครอบครัวพลังบวกในสังคมไทย

โดยมีกลุ่มเป้าหมาย พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป แกนนำพี่เลี้ยงชุมชนครอบครัวพลังบวก เครือข่ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมครอบครัวพลังบวก ทั้งหน่วยงานในระดับท้องถิ่น ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เครือข่ายนักวิชาการด้านจิตวิทยา นักจิตวิทยารุ่นใหม่ นักการศาสนา จากมหาวิทยาลัยต่างๆ

จะถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ YouTube และเพจของโครงการ จำนวนตอน​ 14 ตอน โดยออกอากาศรายการทุกเย็นวันพฤหัส เวลา 18.00 -19.30 (พิเศษเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ทุกสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนจะออกอากาศในวันพุธ เริ่มวันที่ เริ่มตอนแรก 24 ก.ค.นี้เป็นต้นไป
 
เนื้อหารายการประกอบด้วย
ช่วงที่ 1 เหลาเรื่องเล่า: เป็นพื้นที่กลางในการสื่อสารสร้างความรู้และความเข้าใจกับพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ในการสื่อสารกับเด็กและเยาวชนสร้างครอบครัวพลังบวก ช่วงนี้เน้นการนำเสนอเนื้อหาหลักจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและครอบครัวในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับการสื่อสาร การเข้าใจพัฒนาการเด็ก การแก้ไขปัญหาในครอบครัว โดยเน้นให้เกิดความรู้และความเข้าใจที่นำไปใช้ได้จริงสำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป
 
ช่วงที่ 2 พลังบวกส่งต่อ: เป็นพื้นที่กลางให้กับแกนนำ พี่เลี้ยงชุมชนครอบครัวพลังบวก และเครือข่ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และการเสริมพลังใจในการทำงานเพื่อสังคมช่วงนี้จะเป็นเวทีสำหรับแขกรับเชิญพิเศษ เช่น แกนนำชุมชน พี่เลี้ยงครอบครัวพลังบวก หรือตัวแทนจากหน่วยงานเครือข่าย ให้มาแบ่งปันประสบการณ์จริง ความสำเร็จ ความท้าทาย และแนวทางปฏิบัติที่ช่วยให้เกิดครอบครัวพลังบวกในชุมชน รวมถึงการเสริมพลังใจให้แก่ผู้ทำงานเพื่อสังคม
 
ช่วงที่ 3 Family Coach ตอบโจทย์:
ช่วงนี้จะเน้นบทบาทของ Family Coach ในการ ให้คำปรึกษา และ พัฒนาทักษะ โดยผู้ชมสามารถถามตอบแลกเปลี่ยนกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเจาะลึกเทคนิคการโค้ช/หลักจิตวิทยาบางอย่างที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง และสร้างพื้นที่เรียนรู้และพัฒนาทักษะสำหรับ นักจิตวิทยารุ่นใหม่ ผู้ให้คำปรึกษาเพื่อนครอบครัวในการมีส่วนร่วมสร้างครอบครัวพลังบวกในสังคมไทย
 
ช่วงที่ 4 สร้างฐานแห่งรักด้วยธรรม (ทำ):
เป็นพื้นที่ส่งเสริมสนับสนุนการนำหลักคำสอนทางศาสนามาใช้ในการส่งเสริมครอบครัวพลังบวกในสังคมไทยช่วงนี้จะนำเสนอการประยุกต์ใช้หลักคำสอนหรือคุณธรรมจากศาสนาต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้ในการสร้างความสุข ความเข้าใจ และสันติสุขในครอบครัว

สามารถติดตามรับชมสดผ่านช่องทางยูทูป เฟสบุคส์ ติ๊กต๊อก พิมพ์คำว่า
เหลาครอบครัว Family Talk

ขีปนาวุธอิหร่านถล่มศูนย์วิทย์ฯ อิสราเอลยับ แฉเบื้องลึก!! เป็นสถาบันวิจัยหนุนไซออนิสต์ตั้งแต่ปี 1948

(3 ก.ค. 68) สื่ออิหร่านรายงานว่า ขีปนาวุธของอิหร่านที่ยิงเข้าใส่อิสราเอลเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้พุ่งเป้าตรงไปยังสถาบันวิทยาศาสตร์ไวซ์มันน์ (Weizmann Institute of Science) ในเมืองเรโฮโวท ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยสำคัญที่เชื่อมโยงกับกองทัพอิสราเอล และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงทั่วทั้งพื้นที่

สถานีโทรทัศน์ช่อง 13 ของอิสราเอลรายงานว่า อลอน เชน (Alon Chen) ประธานสถาบันฯ ยืนยันว่า ขีปนาวุธของอิหร่านโจมตีด้วยความแม่นยำสูง ซึ่งขัดแย้งกับคำแถลงก่อนหน้าของรัฐบาลอิสราเอลที่อ้างว่าได้รับความเสียหายเล็กน้อย โดยคาดว่าความเสียหายทั้งหมดมีมูลค่าระหว่าง 300-570 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ความเสียหายนี้รวมถึง ห้องแล็บเคมีที่เพิ่งสร้างเสร็จถูกทำลายก่อนเปิดใช้งาน, เพลิงไหม้ในอาคารวิทยาศาสตร์ชีวภาพ, ข้อมูลวิจัยสำคัญสูญหาย และแล็บหัวใจถูกทำลายทั้งหมดหลังดำเนินงานมานานกว่า 22 ปี นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อโครงการวิจัยกว่า 45 กลุ่ม และโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ร่วมอีกจำนวนมาก

แม้สถาบันฯ จะมีภาพลักษณ์เป็นองค์กรวิจัยพลเรือน แต่มีรายงานว่า Weizmann Institute มีความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมอาวุธ เช่น บริษัทเทคโนโลยีด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศระดับนานาชาติ (Elbit Systems) รวมถึงมีบทบาทในงานพัฒนา AI, โดรน และระบบสอดแนมทางทหาร โดยมีประวัติการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธไซออนิสต์ตั้งแต่สงครามในปี 1948

ดิโอโก้ โชต้า นักฟุตบอลดังลิเวอร์พูล ประสบอุบัติทางรถยนต์เสียชีวิต ที่สเปน

(3 ก.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก รายงานไปในทางเดียวกันว่า ดิโอโก้ โชต้า (Diogo Jota) นักฟุตบอลของสโมสรลิเวอร์พูล ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต พร้อมกับน้องชายชื่ออังเดร 

สื่อท้องถิ่นประเทศสเปน zamora24horas รายงานว่า เกิดอุบัติเหตุรุนแรงบนถนนสาย A-52 ใกล้เมืองซาโมรา ประเทศสเปน เมื่อเวลาประมาณ 00.40 น. ของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้ชายหนุ่มสองรายวัย 26 และ 28 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยหนึ่งในนั้นคือ ดิโอโก้ โชต้า ดาวเตะลิเวอร์พูล

จากรายงานของศูนย์ฉุกเฉิน 112 ระบุว่า รถยนต์ที่ทั้งสองโดยสารเกิดเสียหลักออกนอกเส้นทาง ก่อนเกิดไฟลุกไหม้ลามไปยังพืชพรรณข้างทาง ทีมดับเพลิงจากเมือง Rionegro del Puente พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินและกู้ภัยรีบเข้าช่วยเหลือแต่ไม่สามารถช่วยชีวิตผู้โดยสารไว้ได้

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ และได้ร่วมกับหน่วยแพทย์และเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการในพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยทีมแพทย์ยืนยันว่าทั้งสองเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

หน่วยงานท้องถิ่น ได้แก่ สภาจังหวัดซาโมรา และกรมดับเพลิงจังหวัด ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เข้าช่วยเหลือ พร้อมส่งกำลังใจถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลดครั้งนี้

‘กรณ์’ ชี้ ดีลสหรัฐฯ – เวียดนาม ไม่เป็นผลดีกับไทย ส่อเสียเปรียบด้านการแข่งขันแม้เก็บภาษีเท่ากันหรือใกล้เคียง

‘กรณ์ จาติกวณิช’ ไทยส่อเสียเปรียบด้านการแข่งขัน หากสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าไทย 20% เท่ากันหรือใกล้เคียงเวียดนาม 

(3 ก.ค. 68) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij' ระบุว่า ทรัมป์ตกลงดีลกับเวียดนาม มีผลอย่างไรกับไทย? 

เมื่อคืนมีการประกาศข้อตกลงระหว่างอเมริกาและเวียดนาม กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าเวียดนาม 20% ภาษีนำเข้าสินค้าประเทศอื่นที่ผ่านเวียดนาม 40%

ส่วนภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกา 0% และเปิดตลาดทุกประเภทสินค้า (ตามข่าว)
ถ้าของเราเป็นแบบนี้ จะมีสามคำถามสำคัญ

1. หากอัตราภาษีสูงแต่สูงเท่ากัน ในแง่การแข่งขันกับประเทศอื่น ถือว่าไม่ได้เปรียบ/เสียเปรียบหรือไม่?
2. ราคาสินค้าที่อเมริกาจะสูงขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าจากเราน้อยลงหรือไม่?
3. โดยสรุปจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยแค่ไหนอย่างไร?

ในความเห็นผม 

1. อัตราภาษีที่เท่ากัน ทำให้มีผลต่อการแข่งขันระหว่างประเทศต่างๆที่แข่งกันส่งสินค้าเข้าอเมริกาน้อยลง แต่ไม่ 100% ประเทศที่ราคาสินค้าแพงกว่าเป็นทุนเดิม หรือส่วนกำไรของผู้ผลิตน้อยกว่า จะเสียเปรียบมากกว่า ยกตัวอย่าง หาก margin บริษัทเวียดนาม 10% แต่ของไทย 5% เขาสามารถลดราคา 5% แล้วยังมีกำไร ในขณะที่เราทำไม่ได้ นอกจากนั้น แนวโน้มความเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยนจะมีผลด้วย ยกตัวอย่าง ช่วง 3 ปีกว่าที่ผ่านมา เงินบาทเราเทียบกับสกุลเงินเวียดนามนั้นแข็งค่าขึ้น 20%+ เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์

2. สองเดือนที่ผ่านมา เรายังไม่เห็นผลจาก tariff ต่อราคาสินค้าในอเมริกา สาเหตุเพราะผู้นำเข้าได้มีการตุนสินค้าไว้เยอะก่อนเพิ่มภาษี และเพราะอัตราภาษีชั่วคราวตํ่าพอที่ผู้ส่งออกแบกรับได้โดยยังไม่ส่งต่อ แต่จากนี้ไปผลของภาษีต่อราคาสินค้าจะมากขึ้น ซึ่งจะกระทบกำลังซื้อผู้บริโภคอเมริกันแน่นอน

3. ผมเคยประเมินแต่แรกว่าหากอเมริกานำเข้าสินค้าจากเราลดลง 10% จะทำให้ GDP ลดลงประมาณ 1% และจะมีผลต่อรายได้ของผู้ส่งออกเราที่ margin ลดลง เป็นตัวฉุดเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนั้นผลข้างเคียงที่เราเห็นแล้วคือการระบายสินค้าจากจีนมาที่ตลาดเรา นอกจากเพิ่มการนำเข้าให้ไทย (ฉุด GDP ลง) จะทำให้ผู้ประกอบการไทยเดือดร้อนอีกด้วย สุดท้ายคือผลกับการลงทุนประเภท FDI จะลดลง คือการลงทุนแนว re-shoring หรือ friend-shoring จะน้อยลง เพราะทรัมป์สกัดกั้นด้วยภาษี transhipment ที่สูงมาก

โดยรวม ๆ ข่าวจากเวียดนาม (ที่ยอมทรัมป์แล้วทุกอย่าง)ไม่สู้ดีกับไทย เวียดนามเขารู้ตัวมาก่อน มีการประกาศแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจมากมาย เช่นลดขนาดภาคราชการ ลดจำนวนกระทรวงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ หันมาเน้นเศรษฐกิจที่อิงกับการพึ่งพากลไกตลาดเสรีมากขึ้น และยกระดับการศึกษาต่อเนื่อง 
ส่วนของเรา…

สุดช็อก!! ผลทดสอบคอนกรีต ‘ตึก สตง.’ ‘ตกเกณฑ์ทั้งระบบ’ ผนังอาคารใช้วัสดุผิดสเปก

(3 ก.ค. 68) ผลทดสอบคอนกรีตอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 ล่าสุดถูกเปิดเผยโดย นายชูเลิศ จิตเจือจุน อุปนายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ ระบุว่า “ผลทดสอบตกเกณฑ์ทั้งหมด” โดยเฉพาะส่วนผนังคอนกรีตที่ไม่ผ่านการทดสอบความแข็งแรงตามมาตรฐานกำหนด

จากข้อมูลของสภาวิศวกร เมื่อวันที่ 2 ก.ค. พบว่า อาคารที่ถล่มนั้น ทดสอบกำลังอัดคอนกรีตสเปค 500 ksc. และ 350 ksc. ผลปรากฏว่า ผนังของอาคารไม่ผ่านเกณฑ์เกือบทั้งหมด โดยตัวอย่างในกลุ่มสเปค 500 ksc. ต่ำกว่ามาตรฐานถึง 37.8% และในกลุ่ม 350 ksc. ต่ำเกณฑ์ถึง 60% ส่วนอาคารที่ยังไม่ถล่มก็ยังมีผนังไม่ผ่านเกณฑ์เช่นกันในอัตรา 36.8%

นายชูเลิศชี้ว่า สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ การหาสาเหตุเชิงวิศวกรรมว่าทำไมคอนกรีตผนังจึงตกเกณฑ์ทั้งหมด ทั้งที่ระบุว่าใช้วัสดุมาตรฐาน การหาคำตอบนี้เป็นวิทยาศาสตร์จะช่วยป้องกันเหตุซ้ำรอย และผลักดันมาตรฐานอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ด้านนายกฯ ‘อิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร ได้แถลงก่อนหน้านี้ว่า การออกแบบและการก่อสร้างอาคารดังกล่าวมีความผิดกฎหมายตั้งแต่ต้น พร้อมสั่งดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้แก่สาธารณชนในอนาคต

Foxconn ถอนวิศวกรจีนออกจากอินเดียกว่า 300 คน สะเทือนแผน Apple ขยายฐานผลิต iPhone

(3 ก.ค. 68) Foxconn ผู้ผลิต iPhone รายใหญ่ของ Apple สั่งวิศวกรและเจ้าหน้าที่ชาวจีนกว่า 300 คน ที่ประจำโรงงานในอินเดียเดินทางกลับประเทศ สร้างอุปสรรคสำคัญต่อเป้าหมายของ Apple ที่ต้องการย้ายฐานการผลิตมายังอินเดีย โดยยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนเกี่ยวกับเหตุผลของการถอนตัวครั้งนี้

แหล่งข่าวระบุว่า การถอนทีมงานชาวจีนจะไม่กระทบต่อคุณภาพสินค้าโดยตรง แต่จะลดประสิทธิภาพการทำงานของสายพานผลิต โดยเฉพาะกระบวนการฝึกอบรมพนักงานท้องถิ่นและการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากจีนมายังอินเดีย ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น

สถานการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเตรียมเพิ่มกำลังผลิต iPhone 17 และสร้างโรงงานแห่งใหม่ในอินเดีย Foxconn ได้แจ้งรัฐบาลอินเดียล่วงหน้าเกี่ยวกับการถอนพนักงาน แต่ไม่ได้เปิดเผยเหตุผล ขณะนี้บริษัทเริ่มปรับเครื่องจักรที่ใช้ซอฟต์แวร์ภาษาจีนให้รองรับพนักงานอินเดีย รวมถึงนำแรงงานจากไต้หวันและเวียดนามมาเสริมกำลัง

ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและอินเดีย ซึ่งแม้จะมีการเจรจาระดับสูงเมื่อไม่นานมานี้ แต่ยังไม่มีเที่ยวบินตรงระหว่างสองประเทศ และอินเดียยังคงจำกัดวีซ่าให้พลเมืองจีน พร้อมแบนแอปพลิเคชันจีนหลายรายการ ขณะเดียวกันจีนยังคงห้ามส่งออกปุ๋ยบางประเภทมายังอินเดีย

ทั้งนี้ Apple มีแผนผลิต iPhone ส่วนใหญ่สำหรับตลาดสหรัฐฯ ในอินเดียภายในปี 2026 ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ แต่การผลิตในสหรัฐฯ ยังมีข้อจำกัดเรื่องค่าแรงสูง และจีนอาจสกัดไม่ให้วิศวกรย้ายฐานไปช่วยผลิตในสหรัฐฯ ได้อีกด้วย ซึ่งยิ่งทำให้ Apple ต้องพึ่งอินเดียมากขึ้นในอนาคต

‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’ โพสต์ซึ้งอาลัยโชต้า เศร้าต้องสูญเสียเพื่อนร่วมทีมชาติไปตลอดกาล

(3 ก.ค. 68) วงการฟุตบอลทั่วโลกต้องพบกับข่าวเศร้า เมื่อมีการยืนยันว่า ดิโอโก้ โชต้า แนวรุกทีมชาติโปรตุเกสและสโมสรลิเวอร์พูล เสียชีวิตกะทันหันจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ประเทศสเปน พร้อมกับน้องชายของเขา เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 กรกฎาคม ที่จังหวัดซาโมรา

ความสูญเสียครั้งนี้สร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังแถวหน้าของโลกและเป็นเพื่อนร่วมทีมชาติโชต้า ที่ออกมาโพสต์ข้อความไว้อาลัยผ่านโซเชียลมีเดียด้วยความเศร้าใจ หลังจากที่พวกเขาเพิ่งร่วมกันคว้าแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2025 ให้กับโปรตุเกสเมื่อไม่นานมานี้

“ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลย เราเพิ่งอยู่ด้วยกันในแคมป์ทีมชาติแท้ๆ นายเพิ่งแต่งงานไปเอง ผมขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว ภรรยา และลูกๆ ของนาย และขอส่งพลังให้พวกเขาก้าวเดินต่อไปในโลกใบนี้”

ทั้งนี้ เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัย ปิดท้ายด้วยข้อความสุดซึ้งว่า “ขอให้พักผ่อนอย่างสงบนะ ดิโอโก้และอังเดร พวกเราทุกคนจะคิดถึงพวกนาย” 

Forbes จัดอันดับทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 68

Forbes จัดอันดับทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 68 ‘เฉลิม อยู่วิทยา’ รักษาแชมป์ผู้มั่งคั่งที่สุดในไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ขณะที่ ‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ ขยับขึ้นเป็นอันดับ 3 เป็นครั้งแรก หลังกลุ่ม GULF ควบรวม INTUCH

(3 ก.ค. 68) นิตยสาร Forbes เผยการจัดอันดับทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2568 พบว่า เศรษฐกิจของไทยเติบโตช้ากว่าที่คาดไว้ ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าและความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะช่วยชดเชยการร่วงลง 14% ของดัชนีตลาดหุ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่การเพิ่มขึ้นอย่างมากของความมั่งคั่งของสามอันดับแรก ช่วยผลักดันให้มูลค่าทรัพย์สินรวมเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 11 เป็น 170,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

โดยรวมแล้ว มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ที่อยู่ในลิสต์เพิ่มขึ้น โดยผู้ที่มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากที่สุดในแง่ตัวเงินคือครอบครัวกระทิงแดง (Red Bull) ที่นำโดย นายเฉลิม อยู่วิทยา ซึ่งครองอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่สอง ทรัพย์สินของพวกเขาพุ่งขึ้นแตะสถิติใหม่ที่ 4.45 หมื่นล้านเหรียญ เนื่องจากรายได้ประจำปีของยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 1.12 หมื่นล้านยูโร (1.29 หมื่นล้านเหรียญ) ในปี 2024 จากยอดขายเกือบ 1.3 หมื่นล้านกระป๋องทั่วโลก

พี่น้องเจียรวนนท์ แห่งกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังคงรักษาอันดับเศรษฐีอันดับสองของประเทศไว้ได้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 23% เป็น 3.57 หมื่นล้านเหรียญ กลุ่มนี้เดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลต่อเนื่อง ล่าสุดจับมือกับ BlackRock ลงทุน 1 พันล้านเหรียญ เพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ และบริษัทย่อยด้านฟินเทค Ascend Money ก็เพิ่งได้รับอนุมัติให้จัดตั้ง Virtual Bank

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี มหาเศรษฐีด้านพลังงานและโทรคมนาคม ขยับขึ้นสองอันดับ มาครองอันดับสามเป็นครั้งแรกด้วยทรัพย์สิน 1.2 หมื่นล้านเหรียญ หลังจากควบรวมกิจการระหว่าง Gulf Energy Development กับ Intouch Holdings และนำบริษัทที่ควบรวมแล้วเข้าจดทะเบียนในชื่อ Gulf Development เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ด้าน นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าพ่อน้ำเมา มูลค่าทรัพย์สินแทบไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 1.05 หมื่นล้านเหรียญ ส่งผลให้ตกมาอยู่อันดับสี่ โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เขาได้โอนหุ้นบางส่วนให้ลูกทั้งห้าคน แต่ในฐานะผู้ก่อตั้งกลุ่ม ทรัพย์สินยังคงถูกนับรวมในชื่อของเขา

สำหรับตระกูล จิราธิวัฒน์ ซึ่งอยู่ในธุรกิจค้าปลีก มูลค่าทรัพย์สินลดลง 13% เหลือ 8.6 พันล้านเหรียญ ท่ามกลางบรรยากาศการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซบเซา โดยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว กลุ่มได้พันธมิตรใหม่ คือ กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุดีอาระเบีย (PIF) ที่เข้าซื้อหุ้น 40% ในร้านค้าปลีกหรู Selfridges จาก Signa Holdings ของออสเตรีย (ซึ่งกลุ่ม Central ยังคงถือหุ้น 60%)

ในปีนี้มีมหาเศรษฐีทั้งหมด 19 ราย ที่มูลค่าทรัพย์สินลดลง โดย ประยุทธ มหากิจศิริ เจ้าพ่อกาแฟ มูลค่าทรัพย์สินลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากบริษัทร่วมทุนระหว่าง PM Group กับเนสท์เล่ สิ้นสุดลง

นอกจากนี้มหาเศรษฐี 2 ท่าน ที่เสียชีวิตหลังการจัดอันดับครั้งก่อน ได้แก่ นายวานิช ไชยวรรณ ประธานกิตติมศักดิ์ของไทยประกันชีวิต และ นายพงษ์ศักดิ์ วิทยากร ผู้ร่วมก่อตั้งโรงพยาบาล Bangkok Dusit Medical Services ซึ่งต่อมาได้ขยายธุรกิจดูแลสุขภาพภายใต้ Principal Capital โดยทรัพย์สินของทั้งสองตระกูลถูกจัดอันดับภายใต้ชื่อครอบครัว ไชยวรรณ และ วิทยากร

แม้เกณฑ์มูลค่าทรัพย์สินขั้นต่ำเพื่อเข้าลิสต์จะลดลงเหลือ 420 ล้านเหรียญ จาก 550 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว แต่ก็มีเศรษฐี 4 รายที่หลุดจากการจัดอันดับ โดยผู้ที่หายไปอย่างน่าจับตาคือ นายสมโภชน์ อาหุนัย เจ้าพลังงานหมุนเวียน หลังจากบริษัท Energy Absolute เผชิญปัญหาทางการเงิน

สำหรับ 10 อันดับแรก มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2568 มีดังต่อไปนี้
1. นายเฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว ทรัพย์สิน 4.45 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 1.44 ล้านล้านบาท
2. นายพี่น้องเจียรวนนท์ ทรัพย์สิน 3.57 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 1.16 ล้านล้านบาท
3. นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ทรัพย์สิน 1.2 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 3.90 แสนล้านบาท
4. นายเจริญ สิริวัฒนภักดี และครอบครัว ทรัพย์สิน 1.05 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 3.41 แสนล้านบาท
5. ครอบครัวจิราธิวัฒน์ ทรัพย์สิน 8.6 พันล้านเหรียญ หรือ 2.79 แสนล้านบาท
6. ครอบครัวไชยวรรณ ทรัพย์สิน 4.2 พันล้านเหรียญ หรือ 1.36 แสนล้านบาท
7. นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว ทรัพย์สิน 3.5 พันล้านเหรียญ หรือ 1.14 แสนล้านบาท
8. นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ทรัพย์สิน 3.4 พันล้านเหรียญ หรือ 1.10 แสนล้านบาท
9. เสถียร เสถียรธรรมะ ทรัพย์สิน 2.6 พันล้านเหรียญ หรือ 8.44 หมื่นล้านบาท

10. นายพรเทพ พรประภา และครอบครัว ทรัพย์สิน 2.2 พันล้านเหรียญ หรือ 7.14 หมื่นล้านบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top