Tuesday, 1 July 2025
TheStatesTimes

‘ศ.ดร.ไชยันต์’ จี้!! ‘พรรคส้ม’ ยื่นซักฟอก สลัด!! ปมอิงแอบลับๆ กับตระกูลชินวัตร

(29 มิ.ย. 68) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กว่า … 

เรียน พรรคประชาชน

สภาจะเปิด 3 ก ค นี้ หากพรรคประชาชนไม่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแพทองธาร  ทั้งๆที่พรรคมีจำนวน สส มากพอที่จะขอเปิด

ก็แปลว่า พวกคุณยังให้ความไว้วางใจแพทองธาร

ในอนาคต หากพวกคุณจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯคนใด ที่ไม่ได้ทำงานแย่อย่างนายกฯ คนนี้  คุณจะมีคำอธิบายอย่างไร ?

การอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจไม่ได้ลงเอยอย่างที่คุณคาดหวัง

นายกฯอาจจะยังได้เสียงเกินครึ่ง

อาจไม่มีการยุบสภา

แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจโดย สส ฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ คือ การทำหน้าที่แทนประชาชนในการซักถาม ติติงสิ่งที่นายกฯได้ทำลงไป

เชื่อว่า ถ้าพรรคประชาชนเลือกทำตามหน้าที่และครรลองของผู้นำฝ่านค้านยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแพ ตามแบบแผนระบบรัฐสภาของตะวันตก

พรรคประชาชนจะได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจว่า ไม่เล่นการเมืองแบบอิงผลประโยชน์ของพรรคเหนือมาตรฐานทางการเมืองสากล

แม้อาจจะไม่มีการยุบสภาโดยเร็วตามที่พรรคต้องการ

แต่เชื่อว่า หากทำตามหน้าที่แล้ว ยุบสภาเมื่อไร พรรคท่านจะได้คะแนนนิยมมากขึ้นโดยไม่มีใครคิดว่า ท่านแอบเป็นพันธมิตรแบบลับๆกับตระกูลชินวัตร!!

‘เพื่อไทย’ ไม่ตกใจ!! ผลโพล ‘นายกฯ’ คะแนนร่วง เผย!! ตจว.เข้าใจคลิปคุย ‘ฮุนเซน’ เป็นเทคนิคการทูต

(29 มิ.ย. 68) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนิด้าโพลเปิดผลสำรวจความเห็นประชาน ที่คะแนนนิยม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หล่นไปอยู่อันดับ 5 และคะแนนนิยมพรรค พท.ตกไปอยู่ที่ 3 ว่า ไม่น่าตกใจ เป็นผลพวงจากคลิปสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่บางกลุ่มยังไม่เข้าใจว่าเป็นเทคนิคทางการทูต แต่ประชาชนต่างจังหวัดส่วนใหญ่ยังเข้าใจการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี

นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ผลโพลที่ออกมาดังกล่าวสะท้อนอารมณ์ประชาชนที่สอบถามความรู้สึกในช่วงขณะนั้น แต่อีก 3 - 4 วันต่อมาอาจเปลี่ยนแปลงได้ หลังจากรัฐบาลได้ชี้แจงทำความเข้าใจ ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลมากขึ้น หลังจากนี้เป็นหน้าที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ต้องทำงานแก้ปัญหาเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้าน มั่นใจว่าคะแนนนิยมนายกรัฐมนตรี และพรรค พท.จะกลับมาดีขึ้นแน่นอน ไม่ใช่ว่าจะเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ ควรให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม สส.เพื่อไทย ยังมั่นใจในคะแนนพรรคว่ายังมั่นคงอยู่

เมื่อถามถึง การชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาล เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า คนขึ้นเวทีมีแต่คนหน้าเดิมๆ เป็นพวกขาประจำ แถมแกนนำบางคนยังยุให้ทำรัฐประหาร มีที่ไหนทำกัน อยากให้ประเทศเกิดรัฐประหาร ใช้วิธีโคตรโบราณ พวกที่ขึ้นเวทีอยากกลับมาเป็น สว.หรือมีตำแหน่งทางการเมือง หากมีการปฏิวัติเกิดขึ้น เชื่อว่าม็อบไม่น่าจะจุดติด แม้แต่ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนยังคิดได้ เราไม่เอาด้วยกับการรัฐประหาร อย่าไปตกใจมากมาย

เมื่อถามว่า หลังปรับ ครม.ยังมั่นใจหรือไม่ว่ารัฐบาลจะยังมีเสถียรภาพ จะไม่ถูกพรรคร่วมรัฐบาลกดดันการทำงานในช่วงที่มีเสียงปริ่มน้ำ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ทุกพรรคต้องขยันทำงานมากขึ้น เอาสภาฯ เป็นตัวตั้ง การประชุมสภาฯ ในวันพุธ - พฤหัส ควรอยู่ที่สภาฯ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องนับองค์ประชุม ไม่ควรไปอยู่ตามสนามบิน หรืออยู่ในพื้นที่ตัวเอง เพราะสภาฯ คือที่ทำงานของ สส.หากพรรคร่วมรัฐบาลใช้วิธีกดดันรัฐบาล จนต้องยุบสภาหรือรัฐบาลเจ๊ง โดยที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ยังไม่ผ่านวาระ 3 ยิ่งเป็นการทำร้ายประเทศ มั่นใจว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังมีเสถียรภาพ ไม่ขัดแย้งถึงขั้นนายกฯ ต้องยุบสภาหรือลาออก

ที่น่าผิดหวังพอๆ กับพรรคเพื่อไทย ก็คือ พรรคประชาชน มัวแต่นั่งประดิษฐ์วาทกรรม โน่นนี่นั่น ใช้คำใหญ่โต

(29 มิ.ย. 68) เฟซบุ๊กของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการและผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ โพสต์ข้อความกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวหาว่าการชุมนุมของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยเปิดทางให้กับการทำรัฐประหาร และปลุกปั่นกระแสชาตินิยมที่เกินเลยขอบเขต ว่า "ที่น่าผิดหวังพอๆ กับพรรคเพื่อไทย ก็คือพรรคประชาชน มัวแต่นั่งประดิษฐ์วาทกรรมโน่นนี่นั่น ใช้คำใหญ่โต ด่าฮุนเซนเป็นบิดาแห่งสแกมเมอร์ ใช่ การเมืองต้องมีสีสัน แต่มึงต้องมีสาระด้วย ตั้งแต่เกิดวิกฤตการเมืองล่าสุด พรรคส้มได้ตั้งโต๊ะแถลงหรือยัง ได้ออกแถลงการณ์ประนามกัมพูชาหรือยัง ได้ส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือที่สถานทูตเขมรหรือยัง ได้ reach out ไปถึงอาเซียนขอความช่วยเหลือในการคลี่คลายปัญหาไหม หรือแม้แต่ยกหูโทรศัพท์คุยกับทูตเขมรหรือเปล่า (ถ้าเค้าไม่คุยกับมึงก็อีกเรื่องนึง)

นอกจากนี้ มีการตั้งโต๊ะแถลงให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไหม รับผิดชอบอย่างไร หาทางออกให้สังคมอย่างไร รวมถึงการหารือร่วมกับฝ่ายค้าน ตัวแทนภาคประชาสังคม NGOs เรื่องนี้อย่างไร ส่ง สส ให้ไปดู/สังเกตการณ์ชายแดนกัมพูชาไหม หรือสาระแนแต่จับแรงงานต่างด้าวทางภาคเหนือเท่านั้น

แล้วการชุมนุมเมื่อวาน ท่าทีพรรคส้มคืออะไร มีการประนามการเรียกร้องรัฐประหารทันทีไหม หรือแค่รอดูทิศทางลม อีกเรื่อง ในวิกฤตนี้ พรรคส้มได้ให้การศึกษาสังคมแค่ไหน มี สส คนไหนพูดรู้เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่นอกเหนือจาก official statement ของรัฐบาลไหม มีใครรู้จริงเรื่องข้อพิพาทล่าสุดไหม หรือข้อมูลเชิงลึกเรื่องผลประโยชน์ฮุนเซนในธุรกิจชายแดนหรือเปล่า

...ที่เขียนมาซะยาว อาจจะดูเยอะ แต่ถ้าพรรคประชาชนไม่ทำ/ทำไม่ได้ เราจะมีหวังให้อีพรรคนี้เข้าไปเป็นรัฐบาลในอนาคตได้อย่างไร เพราะเข้าไป ก็คงเข้าไปนั่งประดิษฐ์คำพูด รอทิศทางลม หรือจนในปัญญาตัวเองที่แก้ไขสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้"

‘วัน แชมเปียนชิพ’ ย้ายศูนย์กลางการผลิตสู่กรุงเทพฯ หลังสร้างมูลค่าทางศก.ในไทยกว่า 1.6 หมื่นล้านบาทต่อปี

วัน แชมเปียนชิพ™ (ONE) องค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศย้ายศูนย์กลางการผลิตจากสิงคโปร์มายังกรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรวมศูนย์การผลิต และสนับสนุนการดำเนินงานด้านคอนเทนต์ที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินงานของ ONE เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดรายการ ONE ลุมพินี ณ สนามมวยเวทีลุมพินีทุกสัปดาห์ ซึ่งมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึง 195 ประเทศ ในช่วงไพรม์ไทม์ของเอเชีย ด้วยขนาดและความสม่ำเสมอของอีเวนต์นี้ การรวมฐานการผลิตทั้งหมดไว้ที่ประเทศไทยจึงถือเป็นก้าวสำคัญและมีความเหมาะสมในเชิงปฏิบัติการ

นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการนำเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้กับระบบการผลิตคอนเทนต์ระดับโลกในทุกแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพ พร้อมกับทำให้การดำเนินงานมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

นายชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธานและซีอีโอของ ONE กล่าวว่า “ตลอดสองปีครึ่งที่ผ่านมา ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตคอนเทนต์ระดับโลกของเรา เมื่อเราขยายการดำเนินงาน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถรวมศูนย์การผลิตและพัฒนาการประสานงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มความสามารถด้านการผลิตอีเวนต์และคอนเทนต์ของเราต่อไป”

ผลการศึกษาล่าสุดจาก Nielsen รายงานว่า ONE มีส่วนสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อประเทศไทยกว่า 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.6 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งตอกย้ำถึงคุณค่ามหาศาลในภาพรวมของอีเวนต์ ที่มีต่อภาคกีฬาและการท่องเที่ยวของประเทศ

ทั้งนี้ สิงคโปร์จะยังคงเป็นสำนักงานใหญ่ของ ONE ตามเดิม ในฐานะที่ตั้งของฝ่ายบริหารระดับสูง, ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ และฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ ในขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีสถานะทางนิติบุคคลในหมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งเป็นสถานที่ที่บริษัทย้ายที่จดทะเบียนไปเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนด้านเงินทุนระยะยาว และการจัดโครงสร้างองค์กรโดยรวม

“นี่เป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนาในฐานะองค์กรสื่อกีฬาชั้นนำระดับโลก เรายังคงยึดถือในความมุ่งมั่นที่มีต่อสิงคโปร์ ไปพร้อม ๆ กับการจัดสรรทรัพยากรไปยังสถานที่ที่มีความเหมาะสมกับการดำเนินงานมากที่สุด”

ONE ยังคงมุ่งเน้นการสร้างแพลตฟอร์มสื่อกีฬาระดับโลก โดยมีกรุงเทพฯ ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตหลักสำหรับการส่งมอบคอนเทนต์สู่ผู้ชมทั่วโลกนับจากนี้

จีนปลด ‘พลเรือเอกเมี่ยว ฮัว’ พ้นคณะทหารสูงสุด ปมละเมิดวินัยร้ายแรง เอี่ยวคอร์รัปชันกองทัพ

(30 มิ.ย. 68) รัฐสภาสูงสุดของจีนมีมติปลด “พลเรือเอกเมี่ยว ฮัว” (Miao Hua) เจ้าหน้าที่ทหารอาวุโสวัย 69 ปี ออกจากตำแหน่งในคณะกรรมาธิการทหารกลาง ซึ่งเป็นองค์กรบัญชาการสูงสุดของกองทัพปลดปล่อยประชาชน (PLA) หลังมีรายงานว่าเขาถูกสอบสวนเรื่อง “การละเมิดวินัยอย่างร้ายแรง” ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายอุดมการณ์ทางการเมืองของ PLA

การปลดพลเรือเอกเมี่ยว ฮัว ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการเดินหน้ากวาดล้างคอร์รัปชันภายในกองทัพ โดยตลอดช่วงที่ผ่านมา มีทั้งนายพลระดับสูงและผู้บริหารในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศหลายรายถูกสอบสวนและถอดถอน ซึ่งเมี่ยวฮัวเองเคยร่วมงานกับสี จิ้นผิง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในมณฑลฝูเจี้ยน และเป็นบุคคลที่สี จิ้นผิงผลักดันให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งระดับสูงในกองทัพ

นอกจากพลเรือเอกรายนี้แล้วยังมีรายงานว่า “หลี่ ฮั่นจวิน” (Li Hanjun) รองผู้บัญชาการกองทัพเรือ ก็ถูกปลดจากสถานะผู้แทนรัฐสภา ขณะที่อีกหนึ่งนายพลระดับสูง “เหอ เว่ยตง” (He Weidong) ซึ่งเป็นอันดับสองในคณะกรรมาธิการทหารกลาง หายตัวไปจากสาธารณะตั้งแต่เดือนมีนาคม และยังไม่มีความชัดเจนว่าเขาเกี่ยวข้องกับการสอบสวนใด ๆ หรือไม่ แม้โฆษกกลาโหมจีนจะอ้างว่า “ไม่ทราบ” เรื่องข่าวการควบคุมตัว

ทั้งนี้ จีนเคยปลดรัฐมนตรีกลาโหมมาแล้วสองคนจากกรณีคอร์รัปชัน หนึ่งในนั้นคือ “หลี่ ซางฝู” (Li Shangfu) ที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ ส่วนรัฐมนตรีกลาโหมคนปัจจุบัน “ตง จวิ้น” (Dong Jun) ยังปรากฏตัวในงานต่าง ๆ และเพิ่งเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้เมื่อไม่นานมานี้ ท่ามกลางกระแสจับตาเกี่ยวกับความโปร่งใสในกองทัพจีนที่ยังคงเป็นปริศนา

นายกฯ เชิญ ‘ประธานาธิบดี มาครง’ เยือนไทย ย้ำชัดพร้อมหารือกัมพูชาแก้ปมชายแดนด้วยสันติวิธี

นายกฯ เผยเชิญ ‘มาครง’ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เยือนไทย ย้ำพร้อมหารือกัมพูชา แก้ปมชายแดนสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคีของสองประเทศ 

(30 มิ.ย. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก 'Ing Shinawatra' ระบุว่า “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้หารือทางโทรศัพท์กับท่านเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงการสานต่อ และกระชับความร่วมมือทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีอวกาศ กลาโหม และพลังงานสะอาด เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ของไทย-ฝรั่งเศสไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ที่ต่างยึดมั่นในคุณค่าร่วมกันในการส่งเสริมการค้าเสรีระหว่างประเทศ และระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนกติการะหว่างประเทศ” 

“ดิฉันได้เน้นย้ำบทบาทเชิงรุกของไทย ในการส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน รวมถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยที่จะหารือกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อหาทางออกของปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งประธานาธิบดีมาครงแสดงความเข้าใจในท่าทีดังกล่าวของไทย และพร้อมให้การสนับสนุน” 

“ดิฉันยังได้ขอบคุณฝรั่งเศสที่สนับสนุนไทยในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป และการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาวแก่ทั้งสองฝ่าย และดิฉันได้ใช้โอกาสนี้เชิญประธานาธิบดีมาครงเยือนไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาที่สองฝ่ายเห็นว่าเหมาะสม โดยประธานาธิบดีมาครงก็ได้เชิญดิฉันเยือนฝรั่งเศสเช่นกันค่ะ”

เยอรมนีจี้ Apple–Google แบน DeepSeek หวั่นข้อมูลผู้ใช้ถูกส่งกลับจีน!! ชี้ละเมิดกฎหมายคุ้มครอง

(30 มิ.ย. 68) เยอรมนีออกคำเตือนถึง Apple และ Google ให้พิจารณาแบนแอป AI จากจีนชื่อ DeepSeek หลังพบว่ามีการส่งข้อมูลผู้ใช้ในเยอรมนีกลับไปยังจีนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อกำหนดด้านการปกป้องข้อมูลของสหภาพยุโรป (GDPR) โดยสำนักงานคุ้มครองข้อมูลของกรุงเบอร์ลินระบุว่า DeepSeek ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลของผู้ใช้ชาวเยอรมันจะปลอดภัยเมื่อถูกส่งไปยังจีน

DeepSeek ได้รับความสนใจมากขึ้นหลังเปิดตัวโมเดล AI ราคาประหยัดที่อ้างว่าพัฒนาได้ด้วยต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง และปล่อยแอปแชตบอตที่มีผู้ดาวน์โหลดหลายล้านครั้งทั่วโลก อย่างไรก็ตาม แอปนี้มีการส่งข้อมูลผู้ใช้งานกลับไปยังจีน ซึ่งทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจีนอาจเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ในยุโรปได้ เรื่องนี้ขัดต่อกฎหมาย GDPR ของสหภาพยุโรป ซึ่งกำหนดให้ต้องมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลอย่างเข้มงวดก่อนจะส่งข้อมูลออกนอกยุโรป

ปัจจุบันหน่วยงานกำกับข้อมูลของเยอรมนีได้แจ้ง Apple และ Google ถึงข้อกล่าวหาดังกล่าวแล้ว และคาดหวังว่าทั้งสองบริษัทจะรีบดำเนินการตรวจสอบว่าแอปพลิเคชั่น DeepSeek ควรถูกถอดออกจาก App Store และ Play Store หรือไม่ หากทั้งสองบริษัทดำเนินการตามคำแนะนำ ก็เท่ากับเป็นการแบน DeepSeek ทั่วทั้งสหภาพยุโรป

ทั้งนี้ DeepSeek เคยเผชิญปัญหาลักษณะเดียวกันมาแล้วในยุโรป โดยอิตาลีเคยสั่งระงับแอปดังกล่าวในประเทศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และไอร์แลนด์ก็เคยขอข้อมูลด้านการประมวลผลข้อมูลจากบริษัทในช่วงต้นปีที่ผ่านมา หากแนวโน้มการตรวจสอบยังดำเนินต่อไป อาจส่งผลให้ DeepSeek สูญเสียตลาดสำคัญในยุโรปและสหราชอาณาจักรในไม่ช้า

ผู้เชี่ยวชาญจีนเบรก ‘ฮุน เซน’ ย้ำอาวุธเขมรยิงไม่ถึงกรุงเทพฯ ชี้กัมพูชายังเป็นรอง!! ไทยเหนือกว่าหลายเท่า

(30 มิ.ย. 68) สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชากลับมาเป็นที่จับตาหลังฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาระบุว่า อาวุธที่ประเทศตนมีอยู่สามารถยิงถึงกรุงเทพฯได้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จีนเตือนว่าเป็นไปไม่ได้ทางเทคนิค โดยชี้ว่าระบบอาวุธจีนที่กัมพูชามีไม่สามารถยิงไกลถึงกรุงเทพฯ และกัมพูชาก็ไม่มีเครื่องบินรบที่ติดอาวุธพิสัยไกลเช่นกัน

ซ่ง จงผิง (Song Zhongping) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทหารของจีน กล่าวว่า อาวุธที่จีนขายให้ต่างประเทศนั้นออกแบบมาเพื่อการป้องกัน ไม่ใช่การรุกราน และเมื่อส่งมอบแล้ว ก็เป็นสิทธิของประเทศผู้ซื้อในการใช้งาน แต่จีนไม่อยากเห็นสองประเทศที่เป็นมิตรกับตนอย่างไทยและกัมพูชาต้องเปิดฉากสู้รบกัน โดยเฉพาะเมื่อข้อพิพาทชายแดนมีที่มาจากปัญหาที่ตกค้างมาตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสยังเป็นเจ้าอาณานิคม

จีนยังย้ำว่าศักยภาพทางทหารของไทยเหนือกว่ากัมพูชาหลายเท่า ทั้งงบประมาณที่สูงกว่าราว 10 เท่า และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยกว่า โดยไทยนำเข้าอาวุธจากจีนถึง 44% ขณะที่กัมพูชาพึ่งพาจีนเกือบทั้งหมด จีนจึงเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดกลั้น และเน้นเจรจาผ่านกลไกทวิภาคีและภูมิภาค

นอกจากนี้ จีนระบุอีกว่าไม่ใช่แค่จีนเท่านั้นที่ควรเข้ามาช่วย อาเซียนเองก็ควรมีบทบาทในการลดความตึงเครียด เพราะหากความขัดแย้งลุกลามเป็นความรุนแรง จะกระทบต่อเสถียรภาพของทั้งภูมิภาคโดยตรง

‘อ.ไชยันต์’ ขอบคุณ ‘ทักษิณ-พรรคร่วม’ ฟื้นคืน ‘การเมืองเน่าๆเก่าๆ’ ให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น

เมื่อวันที่ (30 มิ.ย.68) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ระบุว่า "ขอบคุณทักษิณและพรรคร่วม ที่ช่วยกันทำให้การเมืองเน่าๆเก่าๆกลับมา ให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น"

สมาคมคนพิการภาคตะวันออก ผนึกกำลัง ขับเคลื่อน “โครงการฝึกงานมาตรา 35” ส่งเสริมอาชีพคนพิการอย่างยั่งยืน

(27 มิ.ย. 68) ณ ศูนย์การเรียนรู้เย็บผ้า จังหวัดบุรีรัมย์ ดร.ณรงค์ ไปวันเสาร์ นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก ได้เป็นประธานในพิธีเปิด “โครงการฝึกงานตามมาตรา 35 หลักสูตรช่างตัดเย็บเสื้อผ้าระดับต้น 600 ชั่วโมง” โดยมีผู้บริหารจากบริษัท บิซิเนส เซอร์วิสเซส อัลไลแอนซ์ จำกัด บริษัทในเครือ ปตท. นำโดย นายจตุรงค์ วงษ์อุดมสิน เข้าร่วมในพิธี พร้อมด้วย นายอุทัย จิตสัตย์ นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกายจังหวัดบุรีรัมย์ ประธานชมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา หน่วยงานราชการในพื้นที่ และกลุ่มผู้พิการที่เข้าร่วมโครงการให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

โครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรคนพิการในพื้นที่ ชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา ตลอดจนหน่วยงานท้องถิ่น ที่ร่วมกันดำเนินงานตามแนวทางของสมาคมคนพิการภาคตะวันออก โดยมีบริษัท บิซิเนส เซอร์วิสเซส อัลไลแอนซ์ จำกัด (ในเครือ ปตท.) เป็นผู้สนับสนุนหลัก ทั้งด้านงบประมาณและการผลักดันให้เกิดโครงการนี้อย่างเป็นรูปธรรม

ดร.ณรงค์ ได้กล่าวว่า โครงการฝึกงานมาตรา 35 ดังกล่าว เป็นหนึ่งในโครงการนำร่องของสมาคมฯ ที่ดำเนินการร่วมกับองค์กรคนพิการใน 6 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ นครราชสีมา อ่างทอง หนองบัวลำภู ขอนแก่น และสกลนคร โดยได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนหลายแห่ง อาทิ บริษัท ปิโตรเลียมไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด (สถานีบริการน้ำมัน PT), บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) และบริษัท บิซิเนส เซอร์วิสเซส อัลไลแอนซ์ จำกัด
ปัจจุบัน แม้คนพิการจำนวนมากจะได้รับโอกาสในการทำงานตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ พ.ศ. 2550 (และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2556) โดยเฉพาะในมาตรา 33 แต่ยังมีคนพิการอีกเป็นจำนวนมากที่ยังว่างงาน ขาดโอกาสทางการศึกษา หรือไม่สามารถเดินทางไปทำงานนอกบ้านได้ ด้วยภาระหรือข้อจำกัดทางร่างกาย โครงการฝึกงานตามมาตรา 35 จึงเป็นทางเลือกสำคัญที่จะช่วยให้คนพิการเหล่านี้ได้เข้าถึงทักษะอาชีพ มีรายได้ และสามารถดูแลตนเองและครอบครัวได้อย่างมั่นคง

หลักสูตรช่างตัดเย็บเสื้อผ้าระดับต้น 600 ชั่วโมง ที่จัดขึ้นนี้ มีระยะเวลาฝึกอบรม 6 เดือน โดยผู้เข้าร่วมจะได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 330 บาท พร้อมอาหารหลัก 3 มื้อ และอาหารว่าง 2 มื้อตลอดการฝึก เมื่อจบหลักสูตร ผู้ฝึกจะได้รับ “จักรเย็บผ้าอุตสาหกรรมและชุดเครื่องมือ” เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพอิสระต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านซ่อมผ้า ปะ เปลี่ยนซิป หรือเย็บเสื้อผ้าในชุมชนของตนเอง โครงการนี้ไม่เพียงแต่สร้างทักษะอาชีพ แต่ยังสร้างความหวัง ความภูมิใจ และศักดิ์ศรีให้กับกลุ่มคนพิการ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสมาคมคนพิการภาคตะวันออก ร่วมกับองค์กรคนพิการระดับจังหวัด ภาครัฐ และภาคธุรกิจ ที่ร่วมกันส่งเสริมและผลักดันให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง
ในตอนท้าย ดร.ณรงค์ ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานและภาคเอกชนที่ร่วมสนับสนุนโครงการ ทั้งในด้านทุนทรัพย์ อุปกรณ์ ตลอดจนการส่งเสริมตามมาตรา 33, 34 และ 35 ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านคนพิการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเชิญชวนบริษัทหรือหน่วยงานที่สนใจเข้าร่วมสนับสนุนโครงการในลักษณะนี้ ติดต่อได้ที่
สมาคมคนพิการภาคตะวันออก โทร. 08-1669-1111

เว็บไซต์: www.ead.or.th
อีเมล: [email protected]


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top