Tuesday, 1 July 2025
TheStatesTimes

เชียงใหม่-ท่าอากาศยานเชียงใหม่เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้ม สร้างความเชื่อมั่นผู้โดยสาร หลังเหตุลอบวางระเบิดที่จังหวัดภูเก็ต

(27 มิ.ย. 68) นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุการณ์ตรวจพบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยภายในพื้นที่ท่าอากาศยานภูเก็ต เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งพบวัตถุคล้ายระเบิดซุกซ่อนอยู่ภายใน ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้ดำเนินการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทันที เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทุกคน โดยมีการปรับแผนเพิ่มความถี่ในการตรวจตราพื้นที่จากเดิมวันละ 5 รอบ เป็น วันละ 7 รอบ และเพิ่มการตรวจสอบสิ่งของต้องสงสัยหรือของหลงลืมในอาคารผู้โดยสาร และพื้นที่สาธารณะจากเดิม วันละ 10 รอบ เป็น วันละ 14 รอบ นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ บุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ที่ผ่านเข้า–ออกเขตควบคุมและเขตหวงห้ามของท่าอากาศยานอย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น 

ขณะเดียวกัน ได้มีการประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้เป็นเวลานานภายในพื้นที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ขอความร่วมมือนำหลักฐานแสดงตน ได้แก่ สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ และบัตรประจำตัวประชาชน ติดต่อฝ่ายรักษาความปลอดภัยในวันและเวลาราชการ เพื่อรับรถกลับคืน ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ และป้องกันเหตุที่อาจกระทบต่อความปลอดภัย

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ขอขอบคุณผู้โดยสารและประชาชนทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ และขอยืนยันเจตนารมณ์ในการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกการเดินทางเป็นไปด้วยความ มั่นใจ ปลอดภัยในทุกสถานการณ์

ทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 ฝึกยิงอาวุธประจำกายด้วยกระสุนจริง เพื่อสร้างพื้นฐานการเป็นนักรบ ของกองทัพเรือ🇹🇭 

(27 มิ.ย. 68) น.อ. ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธประจำกาย ด้วยกระสุนจริงของทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ครูฝึก เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และทหารใหม่ฯ ณ สนามยิงปืน ศูนย์ฝึกทหารใหม่กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การฝึกยิงอาวุธประจำกาย มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างประสบการณ์ ความภาคภูมิใจและมีความพร้อมด้านจิตใจ ให้แก่ทหารใหม่ที่จะปฎิบัติหน้าที่ให้กับหน่วยต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยกำลังรบ ของกองทัพเรือต่อไป

ทั้งนี้การฝึกดำเนินการภายใต้การปฏิบัติในการยิงอาวุธอย่างเคร่งครัดเป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือที่กำหนดให้เป็นปีแห่งความปลอดภัย

‘ทหารพราน 21’ ตรวจยึด!! ‘กัญชาแห้ง’ ในพื้นที่ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ

ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2108 เจ้าพนักงาน ปปส. พร้อม กพ. ชป.5 และ ชป.6 (หน่วยงานหลัก) ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าพบเห็นวัตถุลักษณะคล้ายกัญชาบรรจุอยู่ในกระสอบเป็นจำนวนมาก บ.ท่าสีไค ม.1 ต.ดงบัง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ หน่วยได้บูรณาการประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เพื่อทำการเข้าตรวจสอบ จำนวน 2 จุด, จุดที่ 1 สวนทุเรียนทางทิศเหนือ บ.ท่าสีไค ต.ดงบังฯ พบกัญชาแห้งกระสอบป่าน จำนวน 85 กระสอบ และจุดที่ 2 บริเวณสวนมะพร้าวทางทิศใต้ บ.ท่าสีไคฯ ต.ดงบังฯ พบกัญชาแห้ง จำนวน 510 ถุง และลำต้นกัญชาแห้ง จำนวน 25 มัด วางในลักษณะทับกันอยู่ที่บริเวณสวนมะพร้าวในที่เกิดเหตุ จนท.จึงได้ทำบันทึกการตรวจยึด และนำส่ง สภ.เหล่าหลวงฯ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เปิดตำนาน 25 ปี Hyundai SANTA FE เตรียมเผยโฉม 5th Gen ‘Born in BOXY’

(28 มิ.ย. 68) ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) พร้อมสร้างแรงสั่นสะเทือนตลาด SUV ครั้งใหญ่ในไทย เตรียมเผยโฉม 5th Generation Hyundai SANTA FE พลิกภาพจำเดิม ๆ ด้วยดีไซน์ใหม่หมดจด ตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน สะท้อนแนวคิดดีไซน์ใหม่ 'Born in BOXY' ที่กล้าแตกต่าง และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องดีไซน์อย่างลงตัว

SANTA FE คือหนึ่งใน SUV แถวหน้าของ Hyundai ที่ครองใจผู้ใช้ทั่วโลกมานานกว่า 25 ปี โดดเด่นทั้งดีไซน์ การใช้งานแบบอเนกประสงค์ ความทนทาน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย โดยในปี 2025 นี้ ฮุนไดเตรียมเปิดตัว SANTA FE 5th Generation รถยนต์ SUV ที่จัดเต็มทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ สมรรถนะการขับขี่เหนือชั้น พร้อมฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ชีวิตขั้นสุดในทุกด้าน

เจาะลึกวิวัฒนาการ SANTA FE สุดยอด SUV ที่ปรับเปลี่ยนดีไซน์ตามยุคสมัย
Gen 1 (2001–2006): จุดเริ่มต้นแห่งความเชื่อมั่น Hyundai SANTA FE รุ่นแรก เปิดตัวในนิวซีแลนด์ช่วงปลายปี 2000 ตัวรถโดดเด่นด้วยดีไซน์โค้งมน พร้อมความแข็งแกร่ง และมีขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน หลังจากได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยมจากลูกค้าทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ จึงเพิ่มกำลังการผลิตในปี 2001 ต่อมาในปี 2003 มีการปรับเครื่องยนต์ให้ทรงพลังขึ้น พร้อมเสริมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ซึ่งถือเป็นการสร้างรากฐานความเชื่อมั่นที่ทำให้ SANTA FE ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของรถ SUV ในยุคนั้น

Gen 2 (2007–2012): ก้าวสู่ความพรีเมียม
SANTA FE Gen 2 เปิดตัวครั้งแรกในงาน North American International Motor Show ปี 2006 พร้อมการปรับปรุงใหม่ทั้งดีไซน์ และสมรรถนะที่คล่องตัวและเหมาะกับทุกสภาพอากาศ ยกเครื่องรูปลักษณ์ภายนอกใหม่หมดโดยปรับดีไซน์สู่ความสุขุม เรียบหรู พร้อมเพิ่มเบาะแถวสาม รองรับผู้โดยสารสูงสุดถึง 7 คน โดยยกระดับความไฮเอนด์ด้วยห้องโดยสารด้วยลายไม้ เบาะหนัง และวัสดุสัมผัสแบบ soft-touch ตอบสนองรสนิยมคนเมือง และนำนวัตกรรมระบบนำทางมาใช้ในรุ่นนี้เป็นครั้งแรก 

Gen 3 (2012–2018): ยกระดับทุกด้าน สู่ SUV ยุคใหม่
การมาถึงของ Gen 3 ถือเป็นก้าวกระโดดสำคัญ ด้วยการยกระดับทั้งคุณภาพ ความสบาย สมรรถนะ และเทคโนโลยี โดยใช้แนวทางการออกแบบ “Storm Edge” ที่เน้นเส้นสายเฉียบคมและรูปลักษณ์ที่หรูหราแต่แข็งแกร่ง แพลตฟอร์มใหม่ของเจเนอเรชันนี้แสดงตัวตนของความเป็น “รถครอบครัวครบเครื่อง” อย่างชัดเจนนำเสนอทั้งรุ่น 5 ที่นั่ง (Sport) และ 7 ที่นั่ง (LWB) เพื่อให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

Gen 4 (2019–2023): ผสานความหรู ความแกร่ง และเทคโนโลยี
Gen 4 เปิดตัวในปี 2018 ต่อยอดความสำเร็จด้วยการอัปเกรดดีไซน์ และนวัตกรรมความปลอดภัยแบบก้าวกระโดด ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้า Cascading Grille อันเป็นเอกลักษณ์ ภายในมอบห้องโดยสารที่กว้างที่สุดในประวัติศาสตร์ของ SANTA FE แนะนำพร้อม Hyundai SmartSense ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ และรางวัลมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจากทั้ง Euro NCAP และ ANCAP ทำให้ SANTA FE เจนเนอเรชั่นนี้เป็นหนึ่งใน SUV ที่ปลอดภัยที่สุดในคลาส เป็นอีกบทพิสูจน์ของพัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่งของฮุนได

ในปี 2025 เตรียมพบกับ SANTA FE Generation ที่ 5 โดดเด่นด้วยทรงเหลี่ยม กล้าแตกต่างด้วยแนวคิด 'Born in BOXY'

ฮุนไดพลิกแนวทางดีไซน์ ด้วยคอนเซ็ปต์ 'Born in BOXY' รูปทรงเหลี่ยมที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสานการออกแบบแห่งอนาคต เตรียมตื่นตากับงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ แล้วคุณจะรู้ว่าทำไม Hyundai SANTA FE Gen 5 ของฮุนไดจะมาพลิกโฉมตลาดรถ SUV ในประเทศไทยไปอย่างสิ้นเชิง

‘ก.พลังงานฯ กัมพูชา’ ออกแถลงการณ์ ยัน!! ไม่ได้นำเข้าไฟฟ้าจากไทยแล้ว

(28 มิ.ย. 68) กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชา ออกแถลงการณ์ปฏิเสธรายงานที่ระบุว่า กัมพูชายังคงซื้อไฟฟ้าจากประเทศไทยผ่านจุดเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้า 6 จุด

แถลงการณ์ระบุว่า เพื่อชี้แจงสถานการณ์ กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานขอยืนยันว่า กัมพูชาไม่ได้มีการนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศไทยแต่อย่างใด

ทั้งนี้ กัมพูชาได้ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าจากฝั่งไทยตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.

เอ็มจี เดินหน้าทดสอบซอฟต์แวร์ NEW MG IM6 ติดตั้ง!! ระบบตรวจจับความละเอียด ADAS

(28 มิ.ย. 68) บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทยเดินหน้าทดสอบฟังก์ชันสำคัญอย่างเข้มข้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการอัปเกรดระบบซอฟต์แวร์ครั้งสำคัญของ 'NEW MG IM6' ที่มีกำหนดเปิดตัวภายในเดือนกันยายนนี้ โดยการอัปเกรดดังกล่าวจะเป็นตัวยกระดับฟังก์ชันของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ตอบโจทย์การเป็น “Premium Intelligent e-SUV” อย่างเต็มรูปแบบ

NEW MG IM6 ได้รับการดูแลโดยทีม Product Engineer จาก IM Motors ประเทศจีนและ SAIC MOTOR-CP โดยได้ติดตั้งอุปกรณ์เฉพาะสำหรับทดสอบระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) และระบบบันทึกข้อมูล (Data Recorder) เพื่อดำเนินการทดสอบภายใต้สภาพแวดล้อมจริงในประเทศไทย การทดสอบครั้งนี้ครอบคลุมการปรับปรุงระบบสั่งการอัจฉริยะ หรือ IM OS และฟังก์ชันการเชื่อมต่ออัจฉริยะให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นกว่าช่วงเปิดตัว โดยรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งาน ทั้งด้านการพัฒนาระบบเดิม และความต้องการฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันโดยได้มีการทดสอบเบื้องต้นตามหัวข้อหลัก ดังนี้ 
1. Advanced Driver Assistance System (ADAS) ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะที่ตรวจจับสภาพถนนและป้ายจราจรในประเทศไทย เสริมความเสถียรในการควบคุมรถ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
2. Intelligent Computing Domain ระบบประมวลผลอัจฉริยะที่ครอบคลุมการทำงานของระบบข้อมูลและความบันเทิงภายในรถ (Infotainment & Entertainment System)
3. Overall Engineering Performance Function ฟังก์ชันการทำงานด้านสมรรถนะทางวิศวกรรมโดยรวม

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การอัปเกรดซอฟต์แวร์ของ NEW MG IM6 ในเดือนกันยายนนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ เอ็มจี ในการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ทั่วไปสู่ ‘รถยนต์ที่พัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง’ ผ่านระบบซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยยกระดับสมรรถนะโดยรวม พร้อมเพิ่มความแม่นยำ และการตอบสนองที่รวดเร็ว ตรงกับพฤติกรรมผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น สำหรับการทดสอบระบบในครั้งนี้ เอ็มจีถือเป็นหนึ่งในแบรนด์แรก ๆ และอาจเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่ดำเนินการทดสอบระบบในลักษณะนี้อย่างจริงจัง สำหรับ NEW MG IM6 ถือเป็น The First-ever Premium intelligent e-SUV จากเอ็มจี ที่มาพร้อมระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS โดยได้รับการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดจากบริษัทแม่ในประเทศจีน เพื่อให้รถยนต์รุ่นนี้ตอบโจทย์ความเป็นพรีเมียมอีวีอย่างสมบูรณ์แบบ”

ณ ปัจจุบัน เอ็มจี ได้ส่งมอบรถให้แก่ลูกค้ากลุ่มแรกแล้วกว่า 1,000 คัน โดยจุดเด่นที่ทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นเหนือคู่แข่งในตลาด คือ ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเลนในความเร็วสูงเสถียรและการกลับรถในที่แคบได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดแรงกระแทกต่อพื้นถนนถึงห้องโดยสาร แต่ยังสามารถปรับระดับความสูงของช่วงล่างได้ถึง 3 ระดับ ตามลักษณะการขับขี่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นคงในทุกการเดินทาง 

รวมถึงระบบ One Touch iAD ที่ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) การจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Reverse) สะดวกสบายด้วยฟังก์ชัน Crab Mode เพื่อปรับมุมทั้ง 4 ล้อ ในมุมเดียวกันเพื่อทำการเคลื่อนรถออกจากพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ NEW MG IM6 ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน Cooling System เจเนอเรชันใหม่ ที่สามารถลดอุณหภูมิได้ถึง 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที พร้อมขับเคลื่อนด้วยสถาปัตยกรรม 800V Dual SiC Platform ที่ช่วยให้ชาร์จไฟได้เร็วที่สุดในคลาสเดียวกัน และมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ มอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) เพื่อมอบประสบการณ์การใช้รถไฟฟ้าที่เหนือระดับและไร้กังวล

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจี ได้ที่ 

Website: www.mgcars.com 
Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand
TikTok: @mgthailand
Application: MG Thailand

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2568

รางวัลแห่งการกระทำความดี
คือ ความดีที่ได้กระทำเป็นคุณสมบัติแห่งบุคคล
ผู้กระทำความดีนั้นเสมอไป
บุคคลผู้ประพฤติดีย่อมได้รับรางวัล
เป็นเกียรติยศประจำตนอยู่ทุกขณะ
ที่ได้คิดดี พูดดี และทำดี

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

‘พล.ท.นันทเดช’ วิเคราะห์!! ‘ฮุน เซน’ ตัดญาติขาดมิตร 'ทักษิณ - อุ๊งอิ๊ง' อ่านเกมขาด!! นายกฯ อาจต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ พ่ออาจต้องกลับเข้าคุก

(28 มิ.ย. 68) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า นายฮุน เซน รู้ดีว่าระบบการปกครองของไทยอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ส่วนแยกกันเป็นอิสระ ถ่วงดุลกัน ไม่รวมศูนย์อำนาจแบบกัมพูชา จึงทราบดีว่ารัฐบาลไทยคุมรัฐสภาไม่ได้ คุมศาลไม่ได้ และคุมทหารได้เพียงให้ทำเรื่องถูกต้อง ต่างจากกัมพูชาที่ฮุน เซนคุมได้ทุกอย่าง

ในเรื่องเดียวกันนี้ คุณทักษิณพยายามเลียนแบบกัมพูชา จนคิดว่ารัฐบาลไทยและเงินสามารถทำได้ทุกอย่าง จึงเกิดความผิดพลาดต่อเนื่อง เมื่อฮุน เซนเห็นบทบาทของทักษิณแล้ว ไม่เพียงไม่เตือน แต่ยังอาจยุยงด้วย และเมื่อทักษิณล้มเหลวติดกัน ฮุน เซนจึงเตรียมหาพันธมิตรใหม่ มองว่าอาจถึงเวลาต้อง “ตัดญาติขาดมิตรกับครอบครัวนายกฯ ไทยแล้ว”

พล.ท.นันทเดช วิเคราะห์ว่า

1.นายกฯ อุ๊งอิ๊งอาจต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่แน่นอน เหมือนกรณีพล.อ.ประยุทธ์เคยถูกศาลสั่งหยุด แม้นายกฯ อุ๊งอิ๊งเตรียมตำแหน่งควบ รมว.วัฒนธรรมไว้สำรองเพื่อดูแล ครม. แต่ก็อาจถูกร้องศาลอีก

2. ฮุน เซน เห็นชัดว่าทักษิณต้องกลับมาติดคุก 1 ปีใหม่อีก เพราะมีหลักฐานที่ศาลเห็นประจักษ์

3.พ่อลูกยังต้องเจอคดีอื่นต่อ นายกฯ อุ๊งอิ๊งอาจจบตามข้อกฎหมาย และจะเกิดการคัดเลือกนายกฯ ใหม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับ “ใจกับความจริง” ของทักษิณ ว่าจะพาครอบครัวรอดได้อย่างไร

พล.ท.นันทเดช ระบุว่า การชุมนุมวันที่ 28 มิ.ย. เป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองและการกำหนดอนาคตประเทศไทย ขอให้คนไทยทุกสี ทุกกลุ่ม ทุกหมู่เหล่า ออกมาร่วมกันให้ได้เป็นเนื้อเดียวกัน เพราะนี่คือ “หน้าประวัติศาสตร์ที่คนไทยไม่ควรพลาด”

‘พีระพันธุ์’ เคาะมติ กบง. ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม 423 บาท/ถัง 15 กก. ถึง 30 ก.ย. 68

เมื่อวานนี้ (27 มิ.ย. 68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ครั้งที่ 1/2568 เพื่อพิจารณาทบทวนการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยประชุมได้มีมติเห็นชอบให้คงราคาขายส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว LPG หน้าโรงกลั่นที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทั้งนี้เพื่อให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มสำหรับ ถังขนาด 15 กิโลกรัม อยู่ที่ประมาณ 423 บาท โดยมาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2568 นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) บริหารจัดการเงินกองทุนให้สอดคล้องกับแนวทางการดูแลราคาก๊าซ LPG ต่อไป

ทั้งนี้  นับตั้งแต่ที่นายพีระพันธุ์เข้ามารับหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงพลังงาน ราคาก๊าซหุงต้มในประเทศยังคงตรึงราคาเดิมมาตลอดเพื่อไม่ให้เป็นภาระเพิ่มขึ้นของประชาชน

‘กฟผ. – ภูฏาน’ ต่อยอดความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด เดินหน้าพัฒนา!! สู่ความมั่นคง และยั่งยืน ระดับภูมิภาค

(28 มิ.ย. 68) นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านพลังงานระหว่าง กฟผ. และภูฏาน ซึ่งนำโดย ฯพณฯ เก็ม เชอริ่ง (H.E. Lyonpo Gem Tshering) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติราชอาณาจักรภูฏาน พร้อมด้วยดาโช ชว๊อง รินจิน (Dasho Chhewang Rinzin) กรรมการผู้จัดการ Druk Green Power Corporation Limited (DGPC) และนายโซนัม ท็อปเจ (Mr. Sonam Tobjey) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bhutan Power Corporation Limited (BPC) เพื่อกระชับความร่วมมือในการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 18 – 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. เผยว่า กฟผ. และภูฏาน มุ่งมั่นยกระดับความร่วมมือด้านพลังงานของทั้งสองประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืนซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมานานกว่า 20 ปี โดยคณะทำงานร่วมระหว่าง กฟผ. และ BPC ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Joint Working Committee–JWC) ร่วมประชุมกำหนดแผนงานในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านพลังงาน อาทิ การก่อสร้างระบบส่งและสถานีไฟฟ้าแรงสูง การบำรุงรักษาระบบส่งและสถานีไฟฟ้าแรงสูง ตลอดจนการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาระบบพลังงานอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค รวมถึงการแสวงหาโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกับบริษัทในกลุ่ม กฟผ. อาทิ การลงทุนสถานีชาร์จ EV และพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำใหม่ ๆ เพิ่มเติม

นอกจากนี้ กฟผ. และ DGPC ได้ร่วมลงนามต่ออายุบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านเทคนิควิชาการพลังน้ำ ซึ่งเป็นการต่ออายุครั้งที่ 5 เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านพลังน้ำซึ่งเป็นทรัพยากรหลักของภูฏาน ทั้งการฝึกอบรมเพิ่มศักยภาพและแลกเปลี่ยนบุคลากรเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานของทั้งสองประเทศและเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top