Friday, 15 November 2024
OR

‘NRPT’ บริษัทร่วมทุนของ NRF และ Innobic จับมือ ‘OR’ร่วมพัฒนาธุรกิจ Plant-based ผ่านธุรกิจค้าปลีกและสถานีบริการน้ำมัน เพื่อดันอาหารแห่งอนาคต เติมเต็มความต้องการของผู้บริโภค

(28 กันยายน 2565) บริษัท เอ็นอาร์พีที จำกัด (NRPT) และ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาธุรกิจโปรตีนจากพืช (Plant-based) และอาหารแห่งอนาคต โดยมุ่งพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และธุรกิจร้านค้าปลีกอาหารโปรตีนจากพืชที่เหมาะสมกับร้านค้าปลีกและสถานีบริการน้ำมันของโออาร์ เติมเต็มทุกความต้องการของผู้บริโภค ทำให้คนไทยสะดวกและมีทางเลือกในการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) (NRF) และกรรมการบริษัท เอ็นอาร์พีที จำกัด กล่าวว่า ด้วยความมุ่งมั่นในการใช้อาหารต่อสู้กับโลกร้อน อาหารโปรตีนทางเลือกจากพืช นับเป็นกลยุทธ์หลัก ด้วยกรรมวิธี และกระบวนการการผลิตที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน 1 ใน 10 ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการทำปศุสัตว์ ทั้งยังส่งผลที่ดีต่อสุขภาพ สอดรับเทรนด์ผู้บริโภคที่เริ่มสรรหาและคัดสรรอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและร่างกาย อีกทั้งอาหารที่จะรับประทานยังต้องส่งผลดีต่อโลกด้วย

นอกจากนี้เป้าหมาย คือการเดินหน้าพัฒนาและต่อยอดอาหารทางเลือกให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันมี alt.Eatery สาขาต้นแบบอยู่ย่านสุขุมวิท 51 ซึ่งแผนการขยายสาขานั้น เรามีพันธมิตรที่เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก ซึ่งมีความมั่นใจในความเชี่ยวชาญที่จะผนวกรวมกันเพื่อผลักดันให้อาหารโปรตีนจากพืช ที่มีรสชาติและสัมผัสที่คล้ายคลึงกับเนื้อสัตว์ และในอนาคต Plant-Based อาจมิใช่เพียงอาหารทางเลือก แต่จะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพและโลกที่ยั่งยืน 

ความร่วมมือกันพัฒนารูปแบบธุรกิจของร้านค้าปลีกและเมนูอาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based) ในครั้งนี้ จะมีการพัฒนาเมนูพิเศษ “ขนมปังไส้หมูแดงแพลนเบส” ที่จะวางขายกับ คาเฟ่ อเมซอน ในปีนี้ และเปิดร้านค้า Flagship นำร่องในสถานีบริการน้ำมันของ “โออาร์” ที่สาขาวิภาวดีรังสิต ในปี 2566

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ กล่าวว่า โออาร์ ดำเนินธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Empowering All Toward Inclusive Growth” หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน” โดยมุ่งเน้นในการแสวงหาโอกาสใหม่ในการดำเนินธุรกิจ คิดค้น และพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการ พร้อมทั้งส่งเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยหนึ่งในพันธกิจของ โออาร์ คือการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบ (All Lifestyles) และเติมเต็มทุกความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งในปัจจุบันอาหารที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทั้งจากการที่มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่หันมาให้ความสำคัญกับการรับประทานที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ รวมไปถึงกลุ่มคนที่ทานมังสวิรัติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ความร่วมมือกับอินโนบิกและเอ็นอาร์พีทีในการพัฒนารูปแบบของร้าน alt.Eatery ให้เหมาะสมสำหรับการขยายธุรกิจใน พีทีที สเตชั่น รวมถึงพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ โออาร์ จึงจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการรับประทานอาหารใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภคให้สามารถเข้าถึงอาหาร Plant-based ได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมทั้งดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ให้เข้ามาใช้บริการใน พีทีที สเตชั่น หรือพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ โออาร์ มากขึ้นอีกด้วย โดยจะเริ่มจากพื้นที่บริเวณ Flagship ในย่านชุมชนคนรุ่นใหม่ และขยายสู่พื้นที่อื่นๆ ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาเมนูอาหาร Plant-based หรือโปรตีนจากพืชสำหรับร้านอาหารในเครือของ โออาร์ ตลอดจนโอกาสในการดำเนินธุรกิจร่วมกันในรูปแบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Plant-based ต่อไป 

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด กล่าวว่า อินโนบิก (เอเชีย) ได้เดินหน้าต่อยอดธุรกิจโภชนาการและอาหารโปรตีนจากพืชแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ให้กับอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต ผ่านทางบริษัท“เอ็นอาร์พีที” (Nutra Regenerative Protein Co. Ltd : NRPT) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกกึ่งร้านอาหาร

‘โออาร์’ มอบของขวัญปีใหม่ให้คนไทย ตรึงราคาน้ำมันนาน 11 วัน

โออาร์ คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ดีขึ้น รับอานิสงส์การท่องเที่ยวกลับมา ด้านการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เตรียมมอบของขวัญให้คนไทย ไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมัน 11 วัน ระหว่างวันที่ 24 ธ.ค. 65 – 3 ม.ค. 66 เติมเต็มความสุขช่วงเทศกาลปีใหม่

(21 ธ.ค. 65) นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า จากการที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการจำกัดการเดินทางต่าง ๆ คลี่คลาย การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ประชาชนเริ่มออกเดินทาง ท่องเที่ยวช่วง High season และจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น ประกอบสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว จึงน่าจะส่งผลให้ผลการดำเนินการไตรมาส 4 ของ OR ที่น่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นทั้ง Mobility Lifestyle และ Global ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์และความเห็นของนักวิเคราะห์ 

ส่วนกรณีข่าวเกี่ยวกับประเด็นกองทุนต่างประเทศอ้างว่า OR ละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศเมียนมานั้น ขอยืนยันว่าการลงทุนของ OR ในเมียนมามุ่งสร้างและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนชาวเมียนมา รวมทั้งยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลักการสิทธิมนุษยชนตามหลักสากล โดยปัจจุบันมี PTT Station 3 แห่งและร้าน cafe amazon 8 สาขาดำเนินการโดยผู้แทนจำหน่ายและแฟรนไชซีในเมียนมา และไม่ได้มีส่วนสนับสนุนหรือเกี่ยวข้องกับกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในเมียนมาแต่อย่างใด

สำหรับในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ที่จะมาถึงนี้ OR ได้เตรียมจัดกิจกรรมเพื่อเติมเต็มความสุขให้ผู้บริโภค ด้วยโปรโมชั่นพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และร้านค้าต่าง ๆ ในเครือ OR ดังนี้

‘THG’ จับมือ ‘OR’ เปิดให้บริการ ‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร นำร่องที่แรกในปั๊มน้ำมันพีทีที

แพทย์หญิงวรีรัตน์ ยมจินดา รองประธาน พรีเมียร์ โฮม เฮลท์ แคร์ และรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ‘THG’ เปิดเผยว่า พรีเมียร์ โฮม เฮลท์ แคร์ ผู้ให้บริการทางการแพทย์ด้านการดูแลสุขภาพถึงบ้านแบบองค์รวม โดยโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ในเครือ THG ได้ร่วมกับ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด (PTTRM) ในเครือ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR จัดตั้ง ‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ คลินิกให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวมในสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น โดยนำร่องเปิดสาขาแรก ณ ร้านจิฟฟี่ สถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น สาขารามอินทรา 2

‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ สามารถให้บริการทั้งในรูปแบบออนไซต์ (Onsite) และ ออนไลน์ (Online) อาทิ บริการเจาะเลือด ตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน ทำแผล ตรวจคัดกรองโควิด ATK และ RT-PCR ฯลฯ รวมถึงให้บริการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผ่านระบบออนไลน์ (Online) ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ตลอดจนให้บริการสุขภาพอื่นๆ ตามความต้องการของผู้ใช้บริการ

ทั้งนี้ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด (PTTRM) เป็นผู้บริหารสถานีบริการพีทีที สเตชั่น-จิฟฟี่ ซึ่ง THG เล็งเห็นถึงศักยภาพภายในพื้นที่สถานีบริการที่มีความเหมาะสม ทั้งความสะอาด สะดวก ปลอดภัย เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งตั้งอยู่บนถนนสายหลักใกล้แหล่งชุมชน ประชาชนเข้าถึงง่าย นำมาต่อยอดให้บริการการแพทย์ในรูปแบบใกล้บ้าน ซึ่ง ‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ เปรียบเสมือนเพื่อนคู่คิดด้านสุขภาพของชุมชน อีกทั้งสามารถเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพได้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลาในการเดินทาง สิ่งสำคัญ คือ ความปลอดภัยของคนในชุมชน

อนึ่ง หากผู้ที่มาใช้บริการมีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง หรือ มีความจำเป็นส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก ก็จะมีโรงพยาบาลในเครือ THG อาทิ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง โรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลธนบุรี ทวีวัฒนา (โรงพยาบาลธนบุรี 2) ให้การสนับสนุนรองรับในส่วนนี้ หรือ หากผู้ป่วยต้องการการดูแลต่อเนื่องในที่พักอาศัย ก็จะมี พรีเมียร์ โฮม เฮลท์ แคร์ พร้อมให้บริการ

สำหรับ ‘พรีเมียร์ เฮลท์ คลินิก’ โครงการนำร่องสาขาแรก ณ สถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น สาขารามอินทรา 2 ตั้งอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรมก่อนเลี้ยวเข้าถนนรามอินทรา สามารถให้บริการชุมชนโดยรอบครอบคลุมพื้นที่กว่า 10 กิโลเมตร เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9.00-19.00 น. และมีแพทย์ทั่วไปประจำทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-12.00 น. พร้อมกันนี้โครงการจะเดินหน้าพัฒนาและวางแผนในการขยายคลินิกทั้งในรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ ทั่วกรุงเทพมหานคร ตลอดจนจังหวัดหลักๆ ทั่วประเทศต่อไป

OR เล็งธุรกิจโรงแรมในสถานีบริการน้ำมัน วางเฟสแรก 20 แห่ง รายได้ 1,000 บาท /ห้อง/คืน

เมื่อเช้านี้ มีกระแสข่าวว่า OR กำลังสนใจเข้าลงทุนในธุรกิจโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นเพื่อเปิดบริการในสถานีบริการน้ำมัน แบบราคาประหยัด 1,000 บาทต่อคืน

โดยผู้บริหารให้ข้อมูลว่าอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กในสถานีบริการน้ำมัน โดนคาดว่าระยะแรกจะเปิดให้บริการ 20 แห่ง แต่ละแห่งมีห้อง 60-80 ห้อง คาดว่า จะมีรายได้ราว 1,000 บาทต่อห้องต่อคืน

รวมถึงการเข้าลงทุนในธุรกิจ Health & Beauty โดยนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาขายในไทย

คำถาม คือ ถ้าเราเห็นธุรกิจโรงแรมในสถานีบริการน้ำมัน PTT จริงๆจะถือเป็น New S Curved มากแค่ไหนต่อกลุ่ม OR

คำตอบคือ ไม่ได้เยอะมาก ...

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า มองว่าธุรกิจโรงแรมในช่วงระยะเริ่มต้น น่าจะสร้างรายได้ให้ OR ราว ๆ 200 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่า 1% ของรายได้ทั้งรวมทั้งหมด ทำให้ไม่มีนัยสำคัญอะไรมากนักในระยะสั้น จนถึงกลางต่อภาพรวมธุรกิจ

อีกทั้ง ธุรกิจนำเข้าสินค้าประเภท Health & Beauty ก็มีคู่แข่งจำนวนมาก ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นไม่สูง ไม่น่าจะสร้างกำไรที่มีนัยสำคัญอะไรให้กับ OR

ดังนั้น มีความเป็นไปได้ไหมที่เราจะเห็นโรงแรมในสถานีบริการน้ำมัน แต่ในภาพของธุรกิจ ไม่น่าจะส่งผลเชิงบวกมากนักในระยะแรก

OR ส่งเสริมเกษตรกรปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน เพิ่มผลผลิตที่สม่ำเสมอ ควบคู่รักษ์สิ่งแวดล้อม

OR มุ่งส่งเสริมการปลูกกาแฟควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ธรรมชาติในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม พร้อมสนับสนุนโซลาร์เซลล์และพลาสติกคลุมโรงเรือนแก่เกษตรกรอำเภอแม่วางและอำเภอสะเมิงในการปลูกผักอินทรีย์

(18 ก.ย. 66) นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) พร้อมด้วย นายจินตพันธุ์ ทังสุบุตร ประธานกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการพัฒนาอย่างยั่งยืน และคณะผู้บริหาร ร่วมพิธีเปิดโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน และเยี่ยมชมพื้นที่กลุ่มเกษตรกรปลูกกาแฟ อ.แม่แจ่ม ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ โดยมีนายเกรียงไกร ไชยพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ให้การต้อนรับ

นายดิษทัต กล่าวว่า OR ได้พัฒนาโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายผลองค์ความรู้การทำงานพัฒนาการปลูกและการผลิตกาแฟร่วมกับภาคีเครือข่ายในหลายพื้นที่เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ที่ยังขาดโอกาสในการพัฒนาทักษะความรู้ได้มีองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน และเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรให้ปลูกและผลิตกาแฟให้ได้ผลผลิตกาแฟที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน ควบคู่การอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยนำต้นแบบการปลูกกาแฟภายใต้ไม้ร่มเงา (ไม้เศรษฐกิจ) มาส่งเสริมในพื้นที่ ช่วยลดการเผาป่าทำไร่เลื่อนลอย ลดการใช้สารเคมียาฆ่าแมลง ทำให้ลดมลพิษต่าง ๆ ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น และยังเป็นช่องทางในการจำหน่ายเมล็ดกาแฟด้วยระบบราคาที่เป็นธรรม (Fair Trade) เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่แน่นอน

ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน OR SDG ทั้งในด้าน ‘S’ หรือ ‘SMALL’ ที่มุ่งเน้นการให้โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก ด้าน ‘D’ หรือ ‘DIVERSIFIED’ ที่มุ่งสร้างโอกาสเพื่อทุกการเติบโตทุกรูปแบบ และด้าน ‘G’ หรือ ‘GREEN’ ที่มุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายของ OR 2030

ทั้งนี้ OR มีโรงแปรรูปและจัดเก็บเมล็ดกาแฟคาเฟ่ อเมซอน ตั้งอยู่บนถนนเลี่ยงเมืองสันป่าตองหางดง ต.ทุ่งรวงทอง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดรับซื้อผลผลิตเมล็ดกาแฟกะลาอะราบิกาในพื้นที่ภาคเหนือจากเกษตรกรผู้ในราคาที่เป็นธรรม และเป็นสถานที่แปรรูปเป็นกาแฟที่มีคุณภาพ ก่อนที่จะจัดส่งให้โรงคั่วกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน เพื่อคั่วและจำหน่ายไปยังร้าน คาเฟ่ อเมซอน ทั่วประเทศ

ในโอกาสนี้ OR ยังได้มอบโซลาร์เซลล์จากโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ให้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ปลูกแปรรูปพืชผัก สมุนไพรอินทรีย์ ฮักแม่วาง และมอบพลาสติกคลุมโรงเรือนแก่เกษตรกรจากอำเภอแม่วางและอำเภอสะเมิง ซึ่งอยู่ในโครงการส่งเสริมการผลิตพืชอินทรีย์ ที่ OR ได้ร่วมกับ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ผู้ดำเนินกิจการร้านอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ ‘โอ้กะจู๋’ ได้ร่วมกันจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรไทยให้มีผลผลิตทางการเกษตรที่สม่ำเสมอ มีคุณภาพ รวมทั้งมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน 

OR ผนึก ‘สปสช.-คลินิก’ ดูแลคนท้องในปั๊มปตท. เพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการสาธารณสุขผู้ป่วยบัตรทอง

OR ต่อเกมธุรกิจ Health & Wellness จับมือสปสช. - คลินิก เปิดโครงการ ‘โอบอ้อมคลินิก’ คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ในพีทีที สเตชั่น ตอบโจทย์แนวคิดให้บริการด้านสาธารณสุขรูปแบบใหม่ นำบริการพบแพทย์ทางไกล (Telemedicine)มาใช้ยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพ และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานในประเทศ นำร่องแห่งแรกในพื้นที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น สาขาหนองแขม

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เปิดเผยว่า “OR ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขของประเทศ โดยใช้จุดแข็งของเครือข่าย พีทีที สเตชั่น ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศในการยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพ สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ OR ในการขยายขอบเขตกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Health & Wellness

OR - สปสช. - คลินิก (Clicknic) จึงได้ร่วมกันเปิดให้บริการ ‘โอบอ้อมคลินิก’ คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ สาขาแรก ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น สาขาหนองแขม กรุงเทพมหานคร ที่มุ่งเน้นการให้บริการผู้ป่วยกลุ่มบัตรทองซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ในประเทศ ให้สามารถรับบริการสาธารณสุขปฐมภูมิเพื่อรักษาการเจ็บป่วยเบื้องต้น อาการเจ็บป่วยไม่รุนแรงโดยให้บริการในรูปแบบ Omni-channel ผสมผสานรูปแบบ Offline และ Online อย่างครบวงจร โดยได้รับความร่วมมือจาก สปสช. ในการดูแลสิทธิในการเบิกจ่ายและเชื่อมต่อข้อมูลการเบิกจ่ายค่ารักษาของผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง และ Clicknic ซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจการให้บริการด้านการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) พร้อมทีมแพทย์คุณภาพที่พร้อมให้คำปรึกษาและให้บริการผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี”

‘โอบอ้อมคลินิก’ เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 8:00 - 17:00 น. โดยให้บริการทั้งผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยบัตรทองโดยพยาบาลวิชาชีพเพื่อการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน ให้สามารถรับบริการ การพยาบาลพื้นฐาน และบริการสร้างเสริมสุขภาพ (PP) เช่น บริการทำแผล บริการฝากครรภ์ การตรวจครรภ์ รับยาคุมกำเนิด รับถุงยางอนามัย รวมถึงคัดกรองและประเมินความเสี่ยงสุขภาพกายหรือสุขภาพจิต และการตรวจรักษาโรคเบื้องต้น 

โดยหากเกินศักยภาพของพยาบาลวิชาชีพยังสามารถเชื่อมต่อให้บริการพบแพทย์ทางไกลผ่านแอปพลิเคชั่น Clicknic สำหรับรักษาโรค 42 โรคหรืออาการพื้นฐาน เช่น ไข้ไม่ทราบสาเหตุ กล้ามเนื้ออักเสบ ตาแดงจากไวรัส วิงเวียน ท้องร่วง ลมพิษ และคออักเสบ เป็นต้น รวมถึงให้บริการกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ

ทั้งนี้ ‘โอบอ้อมคลินิก’ เน้นการให้บริการสาธารณสุขสำหรับบุคคลทั่วไปให้สามารถรับบริการสาธารณสุขปฐมภูมิเพื่อรักษาการเจ็บป่วยเบื้องต้น อาการเจ็บป่วยไม่รุนแรง การให้บริการการพยาบาล และบริการการสร้างเสริมป้องกันสุขภาพ (PP) โดยหากเกินขอบเขตการให้การรักษาของคลินิกพยาบาลและการผดุงครรภ์จะเชื่อมต่อการให้บริการ Telemedicine ในสถานพยาบาล ร่วมกับการประยุกต์เทคโนโลยีการพบแพทย์ทางไกล (Telemedicine & Health Care Platform) โดยมี Clicknic เป็นผู้ให้บริการด้านเวชกรรมผ่านระบบ Telemedicine การดำเนินการในสถานพยาบาลและการส่งยา 

เพื่อช่วยยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพ เพิ่มการเข้าถึงระบบสาธารณสุขให้แก่ชุมชนบุคคลทั่วไป ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจของ OR ที่มุ่งสร้างคุณค่าและให้ความสำคัญกับการดูแลผู้คน ชุมชน และสังคม อีกทั้งยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ OR คือ ‘Empowering All toward Inclusive Growth’ หรือ ‘เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน’ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเติบโตอย่างเข้มแข็งยั่งยืน

‘Swap & Go - OR’ รุกขยายสถานีสลับแบตฯ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เชื่อมต่อการเดินทางทุกรูปแบบ ตั้งเป้า 100 แห่ง ภายในปี 67

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 66 ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ นายพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) และนางสาวอาวีมาศ สิริแสงทักษิณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด ตอกย้ำโปรเจกต์ความร่วมมือ ‘Swap & Go - Universal Battery Swapping Network Expansion Empowered by OR’ การขยายเครือข่ายแพลตฟอร์มสถานีสลับแบตเตอรี่สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของสวอพ แอนด์ โก ที่ใช้ได้กับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทุกรูปแบบ (Universal Swapping) ภายในสถานีบริการ PTT Station ของโออาร์ ตอบโจทย์การเดินทางที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว 

เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Mobility) ตั้งเป้าขยายจุดให้บริการสถานีสลับแบตเตอรี่ครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑลกว่า 100 แห่งในปี 2567 และบริการดูแลรักษาและซ่อมบำรุง ผ่านเครือข่ายสถานีบริการ PTT Station เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้นวัตกรรมพลังงานสะอาดและเป็นทางเลือกของผู้บริโภคในการประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงาน โดยสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าทุกมิติ เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเติบโตไปพร้อมกัน

'OR' เผยทิศทางขับเคลื่อนธุรกิจในต่างแดน ปักหมุด 'กัมพูชา' ดันไลน์ธุรกิจหลักเจาะโอกาสเปิด

(18 ต.ค.66) นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ พร้อมด้วย นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ และนายรชา อุทัยจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจต่างประเทศ ร่วมเปิดเผยถึงกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ โดยมุ่งเสริมความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่ OR ดำเนินการอยู่ เพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ เช่น การจำหน่ายก๊าซหุงต้ม (LPG) หรือยางมะตอย รวมถึงขยายธุรกิจในต่างประเทศร่วมกับพันธมิตรของ OR ไม่ว่าจะเป็น บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชัน จำกัด เจ้าของธุรกิจร้านสะดวกซักแบรนด์ Otteri Wash & Dry หรือ บริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ตลอดจนโอกาสในการสร้างการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรในพื้นที่ผ่านการลงทุนใหม่ในรูปแบบต่างๆ ที่มีศักยภาพ โดยมุ่งเป้าเพิ่มสัดส่วน EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ Global เป็น 15% ในปี 2570 โดยมีรายละเอียดการขับเคลื่อนธุรกิจในแต่ละประเทศ ดังนี้

• กัมพูชา เป็นประเทศในการดำเนินธุรกิจของ OR ในต่างประเทศ เป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 เนื่องจากเป็นประเทศที่ OR ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดย ณ เดือนสิงหาคม 2566 OR ดำเนินธุรกิจทั้งกลุ่มธุรกิจ Mobility ได้แก่ การจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ PTT Station ซึ่งมีอยู่ 169 สาขา มีคลังเก็บผลิตภัณฑ์ 7 แห่ง และธุรกิจหล่อลื่น PTT Lubricants รวมทั้งได้ร่วมลงทุนในบริษัทร่วมค้า (Joint Venture) เพื่อให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างมีกำหนดแล้วเสร็จไตรมาส 3 ปี 2567 ส่วนกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ได้แก่ ร้าน Café Amazon ซึ่งมีอยู่ 231 สาขา และร้านสะดวกซื้อ 65 สาขา เป็นต้น โดย OR ยังมีแผนลงทุนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ อาทิ คลังน้ำมันและก๊าซ LPG โรงงานผสมยางมะตอย รวมถึงแสวงหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจพลังงานอื่นๆ อาทิ Battery Swapping และสถานีชาร์จไฟฟ้า EV station Pluz

• ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่ OR เข้าไปดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2540 โดย ณ เดือนสิงหาคม 2566 มีสถานีบริการ PTT Station อยู่ 168 สาขา มีคลังน้ำมัน 4 แห่ง และร้าน Café Amazon 17 สาขา จำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants  รวมถึงการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่สนามบินในประเทศฟิลิปปินส์อีกด้วย

• สปป.ลาว ณ เดือนสิงหาคม 2566 OR มีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station รวม 54 สาขา ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto และ Procheck รวม 9 สาขา จำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants รวมถึงมีร้าน Café Amazon 87 สาขา ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ 28 สาขา ร้านชานม Pearly Tea 5 สาขา และอยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับการปลูกและค้าเมล็ดกาแฟร่วมกับพันธมิตรในท้องถิ่น โดยเน้นกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า

• เวียดนาม OR ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจร้าน Café Amazon ในเวียดนาม ซึ่ง ณ เดือนสิงหาคม 2566 มีจำนวน 22 สาขา รวมถึงศึกษาเกี่ยวกับโอกาสในการค้าเมล็ดกาแฟร่วมกับพันธมิตรในท้องถิ่น โดยเน้นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า อีกทั้งยังคงแสวงหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจอื่นๆ เพื่อการเติบโตในอนาคต เช่น การค้า LNG และ LPG ในเวียดนาม

นอกจากนี้ ยังมีแผนการขยายร้าน Café Amazon ไปในประเทศอื่นๆ ได้แก่ โอมาน ซึ่งมีแผนเปิดร้าน Café Amazon อีก 4 สาขาในปีนี้ และเพิ่มเป็น 19 สาขาในปี 2567 มาเลเซีย ซึ่งมีร้าน Café Amazon 2 สาขาในปีนี้ และเพิ่มเป็น 10 สาขาในปี 2567 และ ญี่ปุ่น ซึ่งมีแผนเปิดร้าน Café Amazon เพิ่มเป็น 3 สาขาในปี 2567 อีกด้วย

“ทั้งหมดนี้เกิดจากความมุ่งมั่นของ OR ในการขยายฐานการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความสำเร็จและการยอมรับในตลาดโลก โดยนำความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยไปปรับใช้ในต่างประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ OR มีอยู่จากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยมีการศึกษารูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสมในแต่ละประเทศเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันกับสังคม ชุมชน และเศรษฐกิจในพื้นที่ รวมทั้งเตรียมความพร้อมของบุคลากร เพื่อขยายความสำเร็จออกไปยังประเทศอื่น ๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก” นายดิษทัต กล่าวเสริมในตอนท้าย

OR ปักธงครบ!! ขยายไลน์ธุรกิจ 'ออยล์-นอนออยล์' คลุมอาเซียน โฟกัส!! 'กัมพูชา' ผุดปั๊มเพิ่ม พ่วง 'ไลฟ์สไตล์-กาแฟ-สะดวกซื้อ'

ไม่นานมานี้ นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยแนวโน้มผลดำเนินงานในปี 2567 ว่า เป็นปีที่ดีของธุรกิจ โดยมียอดขายน้ำมันเติบโตกว่าการขยายตัว GDP +1% จากปีนี้ที่ไทยมีการเติบโต GDP ราว 2.8-2.9% ยอดการขายน้ำมันจะโตประมาณ 4% รวมทั้งบริษัทเน้นการบริหารสต๊อกน้ำมันให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้มีปัญหาการขาดทุนสต๊อกน้ำมัน แต่จะเห็นการมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน พร้อมนำเทคโนโลยี Dashboard มาใช้ทำให้รับรู้ผลกำไรขาดทุนได้ชัดเจนมากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจขยายการลงทุนธุรกิจ Food and Beverage (F&B) และเร็ว ๆ นี้จะมีการลงนามบันทึกช่วยจำ (MOU) กับบริษัทเกาหลีและญี่ปุ่นในธุรกิจ Health & Wellness ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นการลงทุนในไตรมาส 1/2567

สำหรับอีกเรื่องที่น่าสนใจของ OR คือ แผนกลยุทธ์ และทิศทางการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศของบริษัทฯ ต่อจากนี้ ซึ่งในเบื้องต้นนั้น จะมุ่งขยายธุรกิจไปยังประเทศที่ OR ดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา ซึ่งทางบริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ไว้ให้เป็นบ้านหลังที่ 2 โดยจะเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงแสวงหาโอกาสร่วมกับพันธมิตรทั้งจากประเทศไทยและพันธมิตรในพื้นที่ รวมไปถึงการขยายธุรกิจไปในประเทศใหม่ ๆ

"กลุ่มธุรกิจ Global ของ OR วางงบลงทุนระยะ 5 ปี (ปี 2567-71) เอาไว้ที่ราว 8,007.4 ล้านบาทเพื่อขยายสถานีบริการ PTT Station และ Cafe Amazon และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่มีศักยภาพ โดยเน้นการลงทุนในประเทศกัมพูชาเป็นหลัก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพมาก โดยมีการเติบโต GDP ที่ 5% มีค่าการตลาดเสรี รวมทั้งการเมืองมีเสถียรภาพ ส่วนเมียนมาคงต้องชะลอไปก่อนเนื่องจากมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ ส่วนลาว ก็มองโอกาสการทำธุรกิจใหม่ โดยวางเป้าเป็นแหล่งซัปพลายเม็ดกาแฟให้ประเทศต่าง ๆ ในอนาคต" นายดิษทัต กล่าว

ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่ OR ดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะประเทศกัมพูชานั้น ทาง OR ได้เตรียมทุ่มงบลงทุนราว 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.7 พันล้านบาท เพื่อลงทุนขยายสถานีบริการ PTT Station ในกัมพูชาอีก 27 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 172 แห่ง คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีเพิ่มเป็น 175 แห่ง มีมาร์เก็ตแชร์ 15% เป็นอันดับ 2 รองจากอันดับ 1 คือ Tela ที่มีแชร์เกือบ 30%

ส่วนการขยาย Cafe Amazon คาดขยายเพิ่มอีก 31 สาขา โดยปัจจุบันมีสาขา 231 สาขา ซึ่งหากมองมาร์เก็ตแชร์แล้วจะคิดเป็น 23% หรือเป็นอันดับ 1

ในส่วนของการสร้างคลัง LPG ในกัมพูชา ความจุ 2,200 ตัน ทาง OR จะใช้งบลงทุนรวม 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าต้นปีหน้าจะเริ่มเซ็นสัญญากับผู้รับเหมาก่อสร้าง และเปิดดำเนินการในปี 2568 และเบื้องต้นจะขาย LPG ให้กับภาคอุตสาหกรรมเป็นหลักก่อน

ไม่เพียงเท่านี้ OR ยังได้ร่วมทุนในบริษัทร่วมค้า (Joint Venture) ให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างมีกำหนดแล้วเสร็จไตรมาส 3/2567 รวมถึงยังแสวงหาโอกาสธุรกิจพลังงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Battery Swapping และสถานีชาร์จไฟฟ้า EV station PluZ และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่มี Cafe Amazon, ร้านสะดวกซื้อ และร้านสะดวกซัก Otteri Wash & Dry เป็นตัวชู

"สำหรับประเทศอื่น ๆ OR ยังคงมองโอกาสอย่างต่อเนื่อง เช่น เมียนมา แต่ก็คงต้องชะลอไปก่อน เนื่องจากมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ ส่วนลาว ก็มองโอกาสการทำธุรกิจใหม่ โดยวางเป้าเป็นแหล่งซัปพลายเมล็ดกาแฟให้ประเทศต่าง ๆ ในอนาคต ส่วนเวียดนาม OR จับมือกับเซ็นทรัล กรุ๊ปเข้าสู่ธุรกิจ Food and Beverage เนื่องจากเวียดนามยังไม่เปิดให้ต่างชาติลงทุนเปิดสถานีบริการน้ำมัน ขณะที่ฟิลิปปินส์ ยังคงเดินหน้าจำหน่ายน้ำมันเครื่องบิน และขายให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ต่อไป" นายดิษทัต ทิ้งท้าย

OR คิกออฟ!! จำหน่ายน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ที่ ‘พีทีที สเตชั่น’ 226 แห่ง ค่ากำมะถันต่ำกว่า 10 PPM ลดการปล่อยไอเสียและฝุ่นขนาดเล็ก

(1 ธ.ค. 66) นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ ‘OR’ เปิดเผยว่า OR ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และในฐานะผู้บริหารแบรนด์สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น (PTT Station) ซึ่งเป็นผู้นำการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง OR จึงพร้อมสนองนโยบายภาครัฐในการช่วยลดปัญหาดังกล่าว

โดยปรับสูตรน้ำมันดีเซลทุกชนิด น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมันเบนซิน พร้อมจ่ายให้สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งสิ้น 226 สถานี ด้วยน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 โดยปรับลดปริมาณกำมะถันให้มีปริมาณกำมะถันต่ำกว่า 10 ppm (หรือต่ำกว่า 10 ส่วนในล้านส่วน) เพื่อจำหน่ายให้ผู้บริโภคตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ก่อนการประกาศใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 5 ที่กระทรวงพลังงานได้กำหนดไว้เป็นวันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นเวลา 1 เดือน รวมทั้งจำหน่ายน้ำมันดีเซลมาตรฐานยูโร 5 นี้ให้กับกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม หน่วยงานราชการ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซไฮโดรคาร์บอนและออกไซด์ของไนโตรเจน ลดการเกิดฝุ่น PM 2.5 และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบรายชื่อสถานีบริการ พีทีที สเตชั่นที่มีน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ได้ที่เว็บไซต์ www.pttor.com

นอกจากนี้ OR ยังจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเกรดพรีเมียม ‘ซูเปอร์ พาวเวอร์’ (Super Power) น้ำมันเกรดพรีเมียมสูตรที่ดีที่สุดจาก พีทีที สเตชั่น ซึ่งมีทั้งกลุ่มน้ำมันเบนซินและดีเซล เพิ่มสาร Super Booster สูตรพิเศษจากบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก

โดยน้ำมัน ซูเปอร์พาวเวอร์ ดีเซล บี7 เป็นน้ำมันที่มีความบริสุทธิ์สูง มีกำมะถันต่ำกว่า 10 ppm รับรองด้วยมาตรฐานยูโร 5 และมีค่าซีเทนสูง ช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ เครื่องยนต์สะอาดและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีจำหน่ายใน พีทีที สเตชั่น กว่า 1,400 แห่งทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1365 Contact Center


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top