Monday, 2 December 2024
NewsFeed

“ผู้ว่าฯโคราช” ถกด่วน ฟันผู้จัด บิ๊กเมาท์เท่น ฝ่าฝืนคำสั่ง โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

14 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการแสดงคอนเสิร์ต Big Mountain Music Festival เมื่อคืนที่ผ่านมา

เบื้องต้นนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง เจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีกับผู้จัดคอนเสิร์ตที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการลงโทษ

โดยยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้การแสดงคอนเสิร์ต และงานบันเทิงรื่นเริงต่างๆ ในพื้นที่ที่ขออนุญาตแล้ว ยังคงจัดขึ้นได้ตามปกติ แต่ทุกงานที่จัดต้องมีมาตรการป้องกันโควิด-19 ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยทางจังหวัดจะส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบควบคุมอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากพบว่างานใดมีมาตรการบกพร่องก็จะมีคำสั่งให้ยุติเช่นเดียวกัน

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (14 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 28 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,237 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 17 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,940 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 237 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 28 ราย เป็นคนไทย 24 ราย สัญชาติอังกฤษ 1 ราย อินโดนีเซีย 1 ราย สวีเดน 1 ราย จอร์แดน 1 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 147 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 359 ราย รักษาหายแล้ว 307 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.12 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.01 แสน เสียชีวิต 18,653 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 33 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 82,246 ราย รักษาหายแล้ว 68,084 ราย เสียชีวิต 411 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.07 แสน ราย รักษาหายแล้ว 85,406 ราย เสียชีวิต 2,245 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.48 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.09 แสน ราย เสียชีวิต 8,730 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,313ราย รักษาหายแล้ว 58,197 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,395 ราย รักษาหายแล้ว1,238ราย เสียชีวิต 35 ราย

‘ถ้าฝุ่นเยอะ’ ประชาชนควรมีสิทธิ์ลา ทำงานอยู่บ้าน รัฐควรมีบทบัญญัติที่ชัดเจน เพื่อ ‘สุขอนามัย’ ของประชาชนได้แล้วหรือยัง?

วันนี้หน้าฟีดเฟซบุ๊กของทุกคน มีแต่เรื่องของ 'ฝุ่น' รายงานจากข้อมูลแอปพลิเคชั่น Air Visual ระบุว่า สภาพอากาศโดยทั่วไปของกรุงเทพมหานคร ตามมาตรฐาน US AQI อยู่ที่ 165 (PM 2.5 อยู่ที่ 57.8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ติดอันดับที่ 7 เมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก

จากสถิติดังกล่าว ดูไม่น่าเป็นที่สบายใจ โดยเฉพาะกับประชาชนที่ต้องออกไปใช้ชีวิตภายนอกเคหะสถาน เนื่องจากปริมาณฝุ่นละอองเกินมาตฐาน ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน ที่ผ่านมา มีข้อแนะนำต่าง ๆ เกี่ยวกับการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ออกมาโดยตลอด อาทิ ลดกิจกรรมการแจ้ง หรือให้ใส่หน้ากากอนามัย

แต่เอาเข้าจริง การต้องออกไปเผชิญกับฝุ่นปริมาณสูงเช่นนี้ อย่างไรก็ไม่เป็นการปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างแน่นอน เรื่องนี้จึงควรเป็น 'วาระแห่งชาติ' ภาครัฐจำเป็นต้องหารือกันอย่างจริงจัง แม้ว่าที่ผ่านมา มีความพยายามแก้ปัญหาที่ต้นตอของการเกิดฝุ่นต่าง ๆ อยู่แล้ว

แต่ในส่วนของวิถีชีวิตประชาชน ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกคนยังต้องเผชิญกับฝุ่น จึงมีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมีบทบัญญัติในเรื่องของการปกป้องสุขภาพของประชาชน อาทิ การลางาน ลาหยุดในวันที่ค่า PM 2.5 ปริมาณสูงจัด โดยไม่เสียสิทธิ์วันลา หรือรัฐสามารถประกาศให้เป็นวาระเร่งด่วน สั่งหยุดงาน หยุดเรียนได้ในทันที ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ จะช่วยบรรเทาสภาวะการเผชิญหน้ากับฝุ่นลงไปได้ ตราบใดที่ปัญหาเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ไม่หายไปไหน ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คงต้องวางมาตรการให้ชัดเจนยิ่งขึ้นต่อไป

กสิกรไทย โชว์เหนือ เพิ่มพลัง ‘ตู้อัตโนมัติ’ เปิดบัญชีเงินฝากเคแบงก์ด่วน ณ ‘ตู้บุญเติม’ คิกออฟ!! เดินเครื่องขยายจุดบริการยืนยันตัวตน 1,312 ตู้

ธนาคารกสิกรไทย เดินหน้าขยายจุดบริการยืนยันตัวตน (K CHECK ID) เข้าถึงชุมชนมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ (K-eSavings) บนแอป K PLUS โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ที่ตู้บุญเติมทั่วประเทศ จำนวน 1,312 ตู้ ที่อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน ตลอด 24 ชั่วโมง และจะเพิ่มขึ้นอีกปีละ 2,000 ตู้

.

นับเป็นครั้งแรกของบริการยืนยันตัวตนที่ตู้อัตโนมัติ จากเดิมที่เคยยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีเงินฝากได้ ณ จุดบริการยืนยันตัวตน K CHECK ID ที่แบงกิ้งเอเย่นต์ในร้านค้า และศูนย์บริการต่างๆ ที่มีอยู่กว่า 18,000 จุดทั่วประเทศ ทั้ง 7-Eleven บิ๊กซี ศรีสวัสดิ์ ซีเจซูเปอร์มาร์เก็ต จิฟฟี่ ศูนย์บริการดีแทค ไปรษณีย์ไทย เคอร์รี่ และโกลบอลเฮ้าส์ ซึ่งการเพิ่มจุดบริการยืนยันตัวตนจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการทางการเงินของธนาคารได้สะดวกและง่ายยิ่งขึ้น

.

6 ขั้นตอนง่ายๆ ยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ K-eSavings ที่ตู้บุญเติม

1.)ลูกค้าที่ต้องการเปิดบัญชีเงินฝาก ให้ดาวน์โหลดแอป K PLUS และทำรายการ “เปิดบัญชีเงินฝาก K-eSavings” บนแอป พร้อมกรอกข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ เลือกยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน

2.)นำบัตรประชาชนมายืนยันตัวตนที่ตู้บุญเติม ที่มีสัญลักษณ์ “ยืนยันตัวตนได้ที่ตู้นี่” เลือกเมนู “ยืนยันตัวตน”  แล้วเลือกเมนู “ยืนยันตัวตนธนาคารกสิกรไทย”

3.)เสียบบัตรประชาชนที่ตู้บุญเติม เพื่อตรวจสอบข้อมูลจากบัตรประชาชนแบบเรียลไทม์

4.)รับบัตรประชาชนคืน ระบบแจ้งตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว

5.)ลูกค้าเข้าแอป K PLUS ถ่ายภาพใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนและเปรียบเทียบใบหน้าของผู้ใช้บริการด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition

6.)กดตกลงเพื่อยืนยันข้อมูล และเงื่อนไขการเปิดบัญชีเงินฝาก เมื่อจบขั้นตอน สามารถเริ่มต้นทำธุรกรรมต่างๆ ได้ทันทีผ่านแอป K PLUS หรือฝากและโอนเงินได้ที่ตู้บุญเติม ใกล้บ้าน ตลอด 24 ชั่วโมง

.

สำหรับบริการKBank Serviceผ่านตู้บุญเติม สามารถยืนยันตัวตนเปิดบัญชีเงินฝากที่ตู้บุญเติมที่มีสัญลักษณ์ “ยืนยันตัวตนได้ที่ตู้นี่” โดยสามารถเปิดบัญชีเงินฝากออนไลน์บน K PLUS ไม่ต้องไปสาขาธนาคาร

  • ใช้บัตรประชาชนยืนยันตัวตนที่ตู้บุญเติม
  • ไม่มีกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชีเงินฝาก K-eSavings
  • ฝาก/โอนเงินที่ตู้บุญเติม ไม่เกิน 5,000 บาทต่อรายการ มีค่าธรรมเนียม 30-70 บาทต่อรายการ

.

สำหรับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ (K-eSavings) เป็นบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์แบบไม่มีสมุดบัญชี เปิดบัญชีออนไลน์ผ่านแอป K PLUS สะดวกไม่ต้องมาสาขาธนาคาร ยืนยันตัวได้จุดบริการ K CHECK ID สามารถเปิดบัญชีเงินฝากใหม่ได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป

“ตูน บอดี้สแลม” แอดมิดที่รพ.พระมงกุฏ จากอาการกระดูกคอกดทับเส้นประสาท ส่งผลให้แขนและนิ้วมือด้านซ้ายชา

คืนวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา “ตูน บอดี้สแลม” หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องคนดัง ได้เข้าแอดมิทที่โรงพยาบาลพระมงกุฏ หลังมีอาการกระดูกคอกดทับเส้นประสาท ทำให้แขนซ้ายมีอาการชา และนิ้วมือด้านซ้ายบังคับไม่ได้เป็นบางนิ้ว ทั้งนี้ คณะแพทย์ของ รพ.พระมงกุฏ จะได้ทำการแถลงข่าวชี้แจงอาการของนักร้องคนดัง ในเวลา 16.00 น. ต่อไป

‘ป๋าเต็ด’ ขอโทษแฟน ปมยุติคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น หลังโดนร้องมาตรการคุม COVID-19 ไม่เข้ม ฟาก ‘ผู้ว่าฯ โคราช’ ไม่ทนสั่งฟันผู้จัดงานฐานฝ่าฝืน ย้ำไม่ใช่เรื่องการเมือง

จากกรณี เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ได้เกิดวิพากวิจารณ์การจัดงานคอนเสิร์ต ‘บิ๊กเมาน์เท่น’ (Big Mountain Music Festival) โดย วิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประชุมร่วมกับสำนักงานสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สั่งให้ยุติการจัดงานคอนเสิร์ตดังกล่าวที่เขาใหญ่ทันที หลังพบข้อร้องเรียนจำนวนมากเกี่ยวกับมาตรการควบคุม COVID-19 ที่ไม่สามารถจำกัดจำนวนคน และควบคุมการสวมหน้ากาก รวมถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้ ล่าสุดได้มีการสั่งยุติการจัดงานภายในเวลา 22.00 น.

ล่าสุด ทางด้าน ยุทธนา บุญอ้อม หรือ ป๋าเต็ด ได้ออกมาขอโทษผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุข้อความสั้นๆ ว่า “ขอโทษที่ทำได้แค่นี้ครับ” พร้อมทั้งได้แชร์ลิงค์ของเพจ บิ๊ก เมาท์เท่น รายละเอียดของการขอคืนตั๋ว

อย่างไรก็ตามด้านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย ศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการแสดงคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น โดยเบื้องต้นทางผู้ว่าฯ วิเชียร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง เจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีกับผู้จัดคอนเสิร์ตที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการลงโทษ

ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยทางจังหวัดนครราชสีมายังเปิดให้มีการจัดแสดงคอนเสิร์ต และงานบันเทิงรื่นเริงต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ขออนุญาตได้ตามปกติ แต่ทุกงานที่จัดต้องมีมาตรการป้องกันโควิด-19 ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทางจังหวัดจะส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบควบคุมอย่างใกล้ชิด หากพบว่างานใดมีมาตรการบกพร่องก็จะมีคำสั่งให้ยุติเช่นเดียวกัน

สิ้น ‘ไชยา สะสมทรัพย์’ อดีต รมว.พาณิชย์/นักการเมืองดัง หลังไตวายเฉียบพลันในวัย 68 ปี

วันนี้ ไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ได้เสียชีวิตลงในวัย 68 ปี ด้วยโรคไตวายเฉียบพลัน หลังจากป่วยด้วยโรคหลายโรคมานานหลายปี โดยทางญาติจะทำการจัดพิธีรดน้ำศพ ไชยา สะสมทรัพย์ ที่ศาลาใหญ่ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครปฐม

สำหรับ ไชยา สะสมทรัพย์ เกิดวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2495 ประวัติการเมืองเคยเป็น อดีต ส.ส.นครปฐม มาหลายสมัย และยังเคยเดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในยุครัฐบาลนายชวน หลีกภัย พ.ศ.2542-2544, ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช พ.ศ. 2551 และ ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ.ศ. 2551เริ่มทำงานการเมืองจากการเมืองท้องถิ่น แล้วเข้ามาเป็น ส.ส. สังกัดพรรคเอกภาพ เมื่อ พ.ศ.2538-2539 ก่อนย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง พ.ศ.2544 และ พ.ศ.2548 และพรรคพลังประชาชน พ.ศ.2551

โดยไชยา มีพี่น้องที่เล่นการเมือง ทั้ง เผดิมชัย สะสมทรัพย์, ไชยยศ สะสมทรัพย์ และอนุชา สะสมทรัพย์ ซึ่งตระกูลสะสมทรัพย์ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ค้าวัสดุก่อสร้าง ทำธุรกิจรับเหมาขนขยะจากโรงงานกำจัดขยะ รวมถึงธุรกิจอีกหลายอย่าง และถูกยกให้เป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดนครปฐมมาอย่างยาวนาน

‘ธนาธร’ อวยหนัก ‘อวยชัย จาตุรพันธ์’ ชิงเก้าอี้ ‘นายก-อบจ.’ เชื่อเสียสละ – มุ่งมั่น เข้ามาทำการเมืองเพื่อเปลี่ยน ‘สมุทรสาคร’ หลัง 10 ปีตลาดงานหด ธุรกิจประมงพังจากกฎรัฐตู่ที่เข้มงวดเกินเหตุ

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินหน้าหาเสียงให้ ‘อวยชัย จาตุรพันธ์’ ผู้สมัครในถิ่นสมุทรสาคร โดยระบุว่า “เราตั้งใจมาเขย่าการเมืองท้องถิ่น พวกเราตั้งใจทำและเชื่อว่า จ.สมุทรสาครดีกว่านี้ได้ ทั้งนี้ 10 ปีที่ผ่านมา ประชาชนชาวสมุทรสาคร ไม่เคยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเลย  ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาแทบไม่มีการสร้างงานให้กับคนสมุทรสาครเลย โดยเฉพาะธุรกิจประมงที่พังไม่เป็นท่าจากการออกกฎหมายที่เข้มงวดเกินไปของรัฐบาลชุดนี้

“นอกจากนี้ภาคอุตสาหกรรมทั้งหมดยังอยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งเมื่อตนไปที่ไหนก็มีแต่คนบอกว่ากระเป๋าหนักขึ้น เหตุเพราะแบงก์ไม่เหลือแล้ว ในกระเป๋ามีแต่เหรียญ โดยวิสัยทัศน์ของคุณอวยชัย จาตุรพันธ์ ผู้สมัครนายก อบจ. สมุทรสาคร มีหลายเรื่องที่ตนชอบมาก หนึ่งในนั้นคือ นโยบายที่จะมีการเชื่อมโยงคมนาคมขนส่งสาธารณะทั่วถึงทั้งจังหวัด และการสร้างเส้นทางสัญจรทางน้ำในคลองภาษีเจริญ แก้ปัญหา ลดอุบัติเหตุ

“ทั้งนี้คุณอวยชัย ยังมีความกล้าหาญเป็นอย่างมาก เพราะมีผู้สมัครกี่คนที่ไม่เคยทำงานการเมืองจริงๆ แต่เสียสละเข้ามาลงแข่งขัน ซึ่งค่าตอบแทนของนายก อบจ. นั้นไม่ได้สามารถทำให้ใครรวยขึ้นได้ โดนภาษีสังคม งานแต่ง งานศพ งานบวชไปก็หมดแล้ว นักบริหารรุ่นใหม่ที่เข้าใจเทคโนโลยี เข้าใจโลกโลกาภิวัตน์อย่างคุณอวยชัย หากเขาดำเนินธุรกิจ เขาสามารถมีความมั่นคงกว่าการเป็นนายก อบจ.หลายเท่า แต่เขากล้าหาญและอาสาเข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน

"นอกจากนี้ การที่อวยชัยโดนกดดันจากกลุ่มอิทธิพล แต่เขากล้าหาญขนาดนี้ พี่น้องประชาชนชาวสมุทรสาครจะไม่สนับสนุนเขาหรือ และถึงแม้อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ของจังหวัดสมุทรสาครคนหนึ่งจะเป็นงูเห่า แต่อวยชัยเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น แน่วแน่ และไม่มีทางสยบยอมต่ออำนาจเผด็จการอย่างแน่นอน และหากพี่น้องประชาชนเลือกคุณอวยชัยเข้าไปบริหาร หนึ่งเสียงของท่านกำหนดสมุทรสาครได้ ขึ้นอยู่กับการกระทำของทุกท่านเป็นหัวคะแนนธรรมชาติให้กับคณะก้าวหน้าหรือไม่ ซึ่งนอกจากจะได้สมุทรสาครที่น่าอยู่แล้ว จะเป็นการส่งเสียงของท่านกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน

“การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทำได้โดยการออกไปเลือกตั้ง เริ่มได้ในวันที่20 ธันวาคมนี้ แล้วเลือกผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าให้ถล่มทลาย ผมขอโอกาสจากทุกท่าน เลือกคุณอวยชัยเข้าไปบริหารสมุทรสาคร เข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของทุกท่าน 20 ธันวาคม นี้ ออกไปกำหนดอนาคตของท่านเอง" ธนาธร กล่าว

สรุปยอดจองรถยนต์มอเตอร์เอ็กซ์โป 13 วัน 33,753 คัน ดันเงินหมุนเวียน 4.9 หมื่นลบ. กวาดคนเข้างาน 1,186,387 คน ค่ายสามห่วงยังยืนหนึ่งโกย 5,445 คัน

ยอดตัวเลข 13 วันของการจัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 37 ตั้งแต่วันที่1-13 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ในส่วนของรถยนต์มียอดจองรวมที่ 33,753 คัน โดยยอดจอง 5 อันดับแรก คือโตโยต้า 5,445 คัน ฮอนด้า 4,508 คัน มาสด้า 4,018 คัน อีซูซุ 3,076คัน นิสสัน 2,666 คัน

ขณะที่ยอดจองรถจักรยานยนต์รวมอยู่ที่ 4,946 คัน โดย ยามาฮ่าครองยอดแชมป์ยอดจองสูงที่สุด 1,033 คัน ฮอนด้า 911คัน จีพีเอ็กซ์ 702 คัน เวสป้า 458 คัน คาวาซากิ 383 คัน

ส่วนราคาเฉลี่ยของรถที่ขายได้ในงานปีนี้ คือ 1,424,811 บาท และราคาเฉลี่ยของรถจักรยานยนต์ 230,140 บาท โดยตลอดการจัดงานมีเงินหมุนเวียนภายในงานราว 4.9 หมื่นล้านบาท ผู้เข้าชมงานจำนวน 1,186,387 คน

บิ๊กตู่ ยันปิดบิ๊กเมาท์เท่นไม่เกี่ยวการเมือง ย้ำเป็นอำนาจ ‘สสจ.- ผู้ว่าฯ โคราช’ ส่วนเคาท์ดาวน์ปีใหม่ ‘ไม่ติด’ แต่ต้องยึดกติกา ‘สธ.’ หากฝืนกฎ ชัตดาวน์ลูกเดียว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาสั่งงดกิจกรรมเทศกาลดนตรีบิ๊กเมาน์เท่น มิวสิค เฟสติวัลว่า เป็นเรื่องของสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมีสิทธิ์ และมีอำนาจพิจารณา โดยรัฐบาลมีหน้าที่ปลดล็อคต่างๆ เพื่อให้มีการจัดคอนเสิร์ตหรือกิจกรรมต่างๆ แต่ถ้าไม่ดำเนินการตามกติกา ก็ต้องปิด เพราะสิ่งสำคัญคือการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด -19 ถ้าหากมีคนเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดใครจะรับผิดชอบ ซึ่งก็เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบอีก

ทั้งนี้เป็นหน้าที่ของแต่ละพื้นที่ที่ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน เพราะช่วงระยะเวลาต่อจากนี้จะมีการจัดงานคอนเสิร์ตการแสดงกิจกรรมมากมายก็ขอให้ปฏิบัติตามกติกาและทำให้ได้ตามนั้นซึ่งตนไม่ได้ขัดข้องกับใครและไม่ใช่การเมือง ตนไม่ต้องสั่ง ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองอยู่แล้วและตนขอชมเชยสสจ.จังหวัดนครราชสีมา

นายกฯกล่าว ว่า “ผมทราบว่ามีการแสดงคอนเสิร์ตแล้วสั่งให้ยุติไปก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา"

เมื่อถามว่า การจัดงานเคาต์ดาวน์ในช่วงเทศกาลปีใหม่จะสามารถทำได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องทำตามกติกา โดยเมื่อช่วงเช้าตนได้ประชุมศบค.วงเล็ก หารือว่าการจัดงานในช่วงต่อจากนี้จะต้องทำอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุด คือการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด เพราะถ้าหากมีการแพร่ระบาดในกรุงเทพฯมันจะหนัก ต้องไปดูว่าแต่ละงานจะมีมาตรการอย่างไร ถ้าเราทำแบบเดิมๆแล้วเกิดการแพร่ระบาดขึ้นมา รัฐบาลก็รับอีก แต่เรามีมาตรการการควบคุมและมีเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเขาพร้อมอยู่แล้ว เพียงแต่ทุกท่านต้องให้ความร่วมมือ ต้นไม่ได้ขัดข้องอะไร

เมื่อถามย้ำว่า มีการนำเรื่องนี้ไปเชื่อมโยงกับเรื่องการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็พูดไปเมื่อกี้ ว่ามันมีการเมืองอะไร จะไปเกี่ยวอะไร แล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะมีกิจกรรมอะไรในคอนเสิร์ต เขาก็ไปดูคอนเสิร์ตกันไม่ใช่หรือ ใครที่ทำก็ไปถามคนทำสิ ผมไม่ได้ไปตามเขาด้วยซ้ำไป”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง จะมีการแก้ปัญหาอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องใช้มาตรการที่รัดกุม ทำตามกฎหมาย และอย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้นเอง เพราะกฎหมายอยู่เฉยๆแต่หากคนไปละเมิดกฎหมายก็ต้องถูกลงโทษ

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องกลับมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เพื่อห้ามการชุมนุมเกิน 5 คน หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ยกเลิกไปตั้งนานแล้ว แต่หากถึงจุดนั้นก็ต้องกลับมาแบบเดิม ต้องย้อนกลับมาใหม่ แต่วันนี้ยังไม่มีสถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ซึ่งผมก็กังวลว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อย่างเช่น การไปจัดคอนเสิร์ตที่โคราช หากมีการแพร่ระบาดโควิด ออกมาข้างนอกจะทำอย่างไร หรือหากในกรุงเทพฯจัดงานคอนเสิร์ตแล้วมีแพร่ระบาดกันในกรุงเทพฯจะทำอย่างไร ทุกอย่างก็ต้องกลับไป ชัตดาวน์ใหม่ทั้งหมด ฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกัน นายกฯไม่ได้เข้าไปทุกงานเพราะรัฐบาลบริหารในภาพรวม การใช้พรก.ฉุกเฉินต้องใช้ในสิ่งที่จำเป็น”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top