Saturday, 4 May 2024
IDMB

ทำกันได้ลง!! ‘สืบสวนนครบาล’ รวบสาวนายหน้า หลอกขายประกันโควิด-19 คนหลงซื้อเพียบ ตร.เตือน ตรวจสอบข้อมูลก่อนตกเป็นเหยื่อ

(9 มี.ค. 66) ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี PCT ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม ที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก

โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น.ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายว่าถูกคนร้ายขายประกันชีวิต โควิด-19 ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็นที่นิยม ราคาถูก จึงอาศัยโอกาสโพสต์ขายอ้างตนเป็นตัวแทนบริษัทประกันชีวิตในส่วนของโควิด-19 ที่มีชื่อต่าง ๆ ในลักษณะเงื่อนไขแบบเจอจ่ายจบผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ Facebook กรมธรรม์ 590 บาท จ่าย 10,000 บาท ผู้เสียหายเป็นโควิด-19 นำกรมธรรม์ไปเบิกเงิน ทราบว่าเป็นกรมธรรม์ปลอมซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส. บช.น. หัวหน้าชุด PCT ชุดปฏิบัติการ 5 พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส. บช.น. พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส. บช.น. พ.ต.ท.ชนะชัย ศิริสว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส. บช.น. จับกุมนางริญญภัสร์ ผสมทรัพย์ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงชลบุรี ที่ 292/2565 วันที่ 2 พ.ย.2565 ข้อหา “ฉ้อโกง โดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง ละโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” จับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ จับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 8/6 หมู่ที่ 9 ตลาดนัดสังกะสี ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. เวลาประมาณ 10.30 น. ที่ผ่านมา

หลังคนร้ายประกอบอาชีพนายหน้าขายประกันชีวิต เนื่องจากสถานการณ์แพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ประกันโควิด-19 เป็นที่นิยม ราคาถูก และมีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก คนร้ายจึงอาศัยโอกาสโพสต์ขาย อ้างตนเป็นตัวแทนบริษัทประกันชีวิตในส่วนของโควิด-19 ที่มีชื่อต่าง ๆ ในลักษณะเงื่อนไขแบบ ‘เจอจ่ายจบ’ ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ Facebook และเมื่อมีผู้สนใจ จะทำการติดต่อดำเนินเอกสารกรมธรรม์ให้ แต่เมื่อผู้เสียหายมีสิทธิ์ใช้ประกันดังกล่าว และต้องการเบิกเงินประกันที่ผู้เสียหายต้องได้รับ พบว่า เอกสารกรมธรรม์ดังกล่าว เป็นเอกสารที่คนร้ายจัดทำขึ้นด้วยตนเอง ไม่ผ่านขั้นตอนของบริษัทประกัน ทำให้ไม่สามารถใช้การได้ ผู้เสียหายทราบว่า ตนเองนั้นถูกหลอกลวง จึงได้เดินทางแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี

‘ตร.สืบสวน’ ซ้อนแผนรวบ ‘ตั้มฟองเบียร์’ หนุ่มมีรสนิยมใคร่เด็ก ลวง ด.ญ.อายุต่ำกว่า 15 ปี 3 ราย มีเพศสัมพันธ์-ถ่ายคลิปอนาจาร

(12 เม.ย. 66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส. 4 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ, ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา, ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ, จ.ส.ต.เอกวุฒิ เชื้อโชติ, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) จับกุม นายศรัณย์ หรือฉายา ‘ตั้มฟองเบียร์’ อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดศรีษะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ จ.228/2566 ลงวันที่ 27 มี.ค. 66

ข้อหา “ปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา” โดยชุดจับกุมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่า “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” จับกุมได้ที่ ริมถนนในซอยเอกชัย 64/5 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน จังหวัดกรุงเทพเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจาก ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของสืบนครบาล ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายรายหนึ่งผ่านเฟซบุ๊กเพจ สืบสวนนครบาล IDMB โดยผู้เสียหายแจ้งว่า ลูกสาววัย 11 ปี นักเรียนชั้นป.6 ถูกคนร้ายซึ่งมีศักดิ์เป็น ‘อดีตน้าเขย’ พาตัวหนีออกไปจากบ้านกว่า 11 วัน และกระทำชำเราจำนวนหลายครั้ง ซึ่งตนแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม

ปัจจุบันออกหมายจับคนร้ายรายนี้แล้ว แต่ยังลอยนวล เกรงว่าลูกสาวจะไม่ปลอดภัย แล้วอาจจะถ่ายคลิปโป๊เก็บไว้ จากตรวจสอบแล้วคือ นายศรัณย์ อายุ 30 ปี ชาว อ.พยุห์ จ.ศรีษะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.228/2566 ลงวันที่ 27 มี.ค.66 โดยผู้เสียหายขอความช่วยเหลือให้ช่วยติดตามจับกุมตัวโดยเร็ว เพราะครอบครัวของผู้เสียหายไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ ต้องอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวว่า คนร้ายจะมาพาตัวลูกสาวไปอีก

หลังรับแจ้งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมได้ตรวจสอบประวัติของ น.ส.ศรัณย์ พบประวัติเคยต้องโทษกว่า 4 คดี 1.) พ.ศ. 2553 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา “พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล” 2.) พ.ศ. 2555 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา “ใช้สารระเหย” 3.) พ.ศ. 2558 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง” และ 4.) พ.ศ. 2558 เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย”

พล.ต.ต.ธีรเดช จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) ลงพื้นที่โดยเริ่มจากการเข้าไปพบปะพูดคุยกับครอบครัวของเหยื่อ จนทราบข้อมูลว่าหลังจากที่ครอบครัวของเหยื่อพากันไปแจ้งความ นายศรัณย์หลบหนีไปไม่สามารถติดตามตัวได้ จนกระทั่ง ตนลงมาควบคุมการปฏิบัติด้วยตนเองและเปิดแผนปฏิบัติการสุดคลาสสิค คือการใช้ ‘นางนกต่อ’ ติดต่อไปหา นายศรัณย์จนกระทั่งสามารถตกลงนัดหมายได้

กระทั่งเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 66 เวลา 18.40 น. เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายศรัณย์เดินทางมา ณ จุดนัดหมาย ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเจ้าหน้าที่ดักซุ่มอยู่แล้ว ผบก.สส.บช.น. นำกำลังชุดสืบสวนนครบาลเข้าจับกุมตัว นายศรัณย์ตามหมายจับ โดยจับกุมขณะกำลังนั่งรอเด็กนกต่ออยู่ริมถนน ในซอยเอกชัย 64/5 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพฯ

จากการสอบสวนนายศรัณย์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเหยื่ออายุ 11 ปี กระทั่งมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่อเดือน ม.ค.66 บนรถที่ตนใช้ทำงาน และหลังจากนั้นก็มีเพศสัมพันธ์กันอีกหลายครั้ง

กระทั่งทางบ้านของเหยื่อจับได้และมาติดตาม ตนจึงพาเหยื่อ 11 ปี รายนี้หลบหนีไปอยู่ที่อื่นเป็นเวลากว่า 11 วัน และสุดท้ายเหยื่อก็ขอกลับบ้าน ตนก็ได้ปล่อยไป และยังยอมรับอีกว่านอกจากเหยื่อรายนี้ยังมี เด็กหญิงวัย 15 ปี อีกคนหนึ่ง ซึ่งตนคบหากันเป็นแฟนและเคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยกันมาแล้ว

โดยตั้งใจจะคบเป็นภรรยาทั้ง 2 คน และในอดีตตนเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาพรากผู้เยาว์ ซึ่งตอนนั้นตนมีความสัมพันธ์กับเด็กหญิงอายุ 14 ปี ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบว่าตนชอบเด็กเพราะอะไร และยอมรับว่าเคยถ่ายคลิประหว่างการมีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อรายอายุ 15 ปี ไว้ในโทรศัพท์ แต่ไม่ได้ไปเผยแพร่ที่ไหน”

ชุดสืบสวนขยายผลการจับกุมจนพบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของ นายศรัณย์คือคลิปโป๊ ซึ่งเป็นการบันทึกภาพระหว่างมีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อจริง และยังมีภาพลักษณะวาบหวิวของเหยื่ออีกด้วย จึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่า “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีตามกฏหมาย

‘สืบสวนนครบาล’ ทลาย ‘แก๊งคนจีน’ หลอกขายทองเก๊ให้คนรวย สารภาพได้แรงบันดาลใจต้มตุ๋นจากซีรีส์ดัง เสียหายกว่า 10 ล้าน

(25 เม.ย. 66) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ หัวหน้า PCT ชุดที่ 5 นำทีมเจ้าหน้าที่ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น.แถลงผลการสืบสวนติดตามจับกุมชาวจีน 6 ราย ได้แก่ Mr.Zhong Xiaocong อายุ 44 ปี, Mr.Li Xiaoyuan อายุ 45 ปี Mr.Zeng NanJing อายุ 54 ปี, Mr.Yang Cuiyuan อายุ 51 ปี, Mr.Zhu Zhihua อายุ 48 ปี และ Mr.Guo Xianyu อายุ 49 ปี ในข้อหา “ร่วมกันพยายามลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย และซ่องโจร” ที่หน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

พร้อมตรวจยึดของกลางกว่า 7 รายการ อาทิ ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นก้อน 179 ก้อน, ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นรูปปั้นเทวรูป 10 ชิ้น, ทองคำ (แท้) ลักษณะเป็นแผ่นบาง 2x1 ซม. 8 แผ่น สมุดสมาคมคนจีนในประเทศไทย 46 เล่ม บัตร ATM 24 ใบ โทรศัพท์มือถือ12 เครื่อง อุปกรณ์เลื่อยตัดทอง 1 ชุด

คดีนี้ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของ บก.สส.บช.น.ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายชาวจีน สัญชาติไทย รายหนึ่ง ได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพชาวจีน ต้มตุ๋น หลอกขายทองคำ ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพทำทีว่า มีทองคำแท้จำนวนมาก ขุดเจอที่พระนครศรีอยุธยา นำมาขายให้กับผู้เสียหายในราคาถูก ซึ่งผู้เสียหายรายนี้หลงเชื่อ และเสียเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพรายนี้ไปกว่า 500,000 บาท หลังจากกลุ่มมิจฉาชีพได้เงินแล้ว ก็ได้หายเข้ากลีบเมฆ ไม่สามารถติดต่อได้

ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้ตระเวนเปิดแฟ้มคดี ที่กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้เคยตระเวนหลอกลวงเหล่าผู้เสียหาย พบว่าลักษณะการก่อเหตุมีความแยบยลอย่างมืออาชีพ และมีลักษณะการทำงานเรียกได้ว่าเป็นระดับ ‘องค์กร’ ซึ่งเริ่มต้นจากกลุ่มคนร้ายจะหาลายแทงของเหยื่อโดยการ ‘กางโพย’ คือสมุดรายชื่อตระกูลคนจีนในประเทศไทย ตั้งแต่เจ้าสัวตระกูลดัง จากนั้นจะไล่สืบประวัติและติดตามบุคคลเหล่านั้นกระทั่งได้ข้อมูลเบื้องต้น แล้วเริ่มเข้าสู่กระบวนการต้มตุ๋นด้วยการโทรศัพท์ไปพูดคุย โดยอ้างข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการไล่สืบประวัติมา จึงทำให้เหยื่อติดกับดัก หลงเชื่อ

ต่อมาเข้าสู่กระบวนการ ‘นัดพบ’ ซึ่งเมื่อสามารถนัดพบกับเหยื่อได้แล้ว จะมีการใช้จิตวิทยาด้วย ‘การแสดง’ โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะนำทองคำ (ปลอม) ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนจำนวนมากมาโชว์ให้เหยื่อดู และแสร้งนำเลื่อยมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก เพื่อนำให้เหยื่อเอาไปตรวจสอบ ซึ่งแท้จริงแล้วมีเพียงชิ้นเล็กเท่านั้นที่เป็นทองแท้ ซึ่งเมื่อเหยื่อนำทองชิ้นเล็กเหล่านั้นไปตรวจสอบกับร้านทอง ก็จะพบว่าเป็นทองคำแท้ ทำให้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพอย่างสนิทใจ ทำให้เหยื่อยอมนำเงินมามอบให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ จากนั้นมิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็จะหายเข้ากลีบเมฆทันที

เมื่อประมวลเรื่องราวการก่อคดีแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช รายงานให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ทราบพร้อมสั่งการให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ลงพื้นที่สืบสวนด้วยวิธีการดักหน้า โดยได้พบกับเหยื่ออีกรายหนึ่ง ซึ่งกำลังจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้หลอกลวง ได้นำกำลังเข้าไปวางแผนและเปิดปฏิบัติการซ้อนแผน ‘ขอดเกล็ด’ โดยจัดฉากทำทีให้เหยื่อหลงเชื่อและนัดพบกับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้

ต่อมาวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มมิจฉาชีพ 2 คน ได้ปรากฏตัว ณ จุดนัดพบ บริเวณหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวคนร้ายทั้งสองรายคือ Mr.Zhong Xiaocong อายุ 44 ปี และ Mr.Li Xiaoyuan อายุ 45 ปี และจากการตรวจค้นพบ ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นก้อน จำนวน 17 ก้อน, ใบเลื่อย 1 ปื้น

ซึ่งจากการซักถามและตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 4 ราย ซึ่งอยู่ ณ เซฟลับ ซึ่งเป็นห้องพักที่โรงแรมหรูย่านรัชดากว่า 4 ห้อง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น โดยจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการได้อีก 4 ราย พร้อมตรวจค้นห้องพักทั้ง 4 ห้องพบ ทองคำปลอมอีกกว่า 172 ชิ้น และหลักฐานอย่างอื่นที่ใช้ก่อเหตุอีก

เมื่อสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ให้การปฏิเสธ โดยให้การว่า กลุ่มตนนั้นมาจากมณฑลเจียงซี ประเทศจีน เคยทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ก่อนที่จะมาตระเวนหลอกลวงในประเทศไทย โดยยอมรับอีกว่าการสั่งซื้อทองปลอมนั้น นำเข้ามาจากมณฑลเจียงซี  ประเทศจีน สั่งมาทางพัสดุเข้ามาในประเทศไทย โดยยอมรับว่ากลุ่มของตนชื่นชอบการต้มตุ๋น ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากซีรีส์ดังในต่างประเทศ ส่วนเรื่องคดีนั้น ขอไปต่อสู้ในชั้นศาล

‘ตร.’ บุกจับ คู่ผัวเมียสอนเทรด ตุ๋นลูกศิษย์ลงทุน-เก็งกำไร อ้างไม่ได้ตั้งใจโกง แต่ตรวจพบมีประวัติเคยฉ้อโกงติดตัว

วันที่ (29 มิ.ย. 66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ หัวหน้าชุด PCT 5, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง, พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าว/ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าว/ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าว/ บก.สส.บช.น. ร่วมกับ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม น.ส.ธรรยชนก อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.300/2565 ลงวันที่ 26 ส.ค. 65 และนายกนก หรือ ‘นายเก้าทัพ’ อายุ 36 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.209/2565 ลงวันที่ 17 มี.ค. 66 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” จับกุมตัวได้ที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 12 ตำบลท่าสาย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากช่วงเดือน ส.ค. 62 กลุ่ม K1FX Trader Club ได้มีการประชาสัมพันธ์ในช่องทางออนไลน์ว่า ได้มีการจัดตั้งบริษัทกองทุนชื่อ ‘Ascension Wealth’ มีระบบการลงทุนที่ปลอดภัย รับผลกำไรที่ยั่งยืน ด้วย Copy Trade Investment โดยมีการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำเดือนละ 5 % ของเงินต้น และมีการประกันเงินทุน 100% พร้อมด้วยกรมธรรม์คุ้มครองการลงทุน ทำให้กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อมั่นว่า บริษัทกองทุนดังกล่าวมีการแบ่งปันผลกำไรได้จริง จึงได้มีการลงทุนรวมเป็นเงินกว่า 24 ล้านบาท

ต่อมาโบรกเกอร์ FTG ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่นายกนก ใช้ได้ปิดตัวลง ผู้เสียหายได้สอบถามขอดูข้อมูลจากนายกนก แต่นายกนกก็ไม่ให้ข้อมูลใดๆ แก่ผู้เสียหาย หลังจากนั้นผู้เสียหายก็ติดต่อกับนายกนกฯยากขึ้น และไม่ได้รับผลตอบแทน ซึ่งต่อมาผู้เสียหายได้พยายามติดต่อกับนายกนก เรื่อยมาเพื่อขอทุนคืน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงเชื่อว่าถูกฉ้อโกงเงิน จึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เพื่อดำเนินคดี

กระทั่งศาลจังหวัดนครปฐมได้พิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งคู่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ สืบนครบาล ร่วมกับชุด PCT5 จึงรีบทำการสืบสวนหาเบาะแส จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายดังกล่าวมาดำเนินคดีได้

จากการสอบสวน น.ส.ธรรยชนก หรือโดนัท ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า นายกนก หรือเคน หรือนายเก้าทัพ สามีเป็นคนเอาบัญชีธนาคารตนไปรองรับเงินที่ผู้เสียหายลงทุนเทรดเก็งกำไรค่าเงิน (Forex) ส่วนนายกนก หรือเคน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้ข้อมูลว่าเดิมทีตนเองรับราชการ มีความรู้และสนใจเรื่องการลงทุนเทรดเก็งกำไรค่าเงิน (Forex) จึงได้ตัดสินใจลาออกจากราชการเพื่อมาทำธุรกิจเรื่องการลงทุนเทรดเก็งกำไรค่าเงิน (Forex) อย่างเต็มตัว

นายกนก หรือเคน หรือนายเก้าทัพ ให้การอ้างว่า ความจริงแล้วตนไม่ได้มีเจตนาที่จะฉ้อโกงผู้เสียหาย แต่เนื่องจากประสบปัญหานำเงินที่ได้จากผู้เสียหายไปลงทุนนั้นขาดทุนซึ่งตนพยายามที่จะชดใช้คืนผู้เสียหายแต่ละรายอยู่ และไม่ได้หลบหนีไปไหน พร้อมที่จะเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

จากการตรวจสอบประวัติคดีของ น.ส.ธรรยชนก ในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่าปัจจุบัน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 502/2564 ลงวันที่ 17 ส.ค.2564 กระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง’ ท้องที่ สภ.คูคต อีก 1 หมายจับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานแจ้งให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบดำเนินการอายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ตลอดจนการลงทุนต่างๆ มีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อนทำการลงทุน ตลอดจนขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย ควรมีสติวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม กลโกง

หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB’ ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.
 

‘ตร.’ รวบ!! ‘สาวแสบ’ หลอกรับจ้างกดบัตรคอนเสิร์ต ‘บิวกิ้น’ แฟนคลับรวมตัวแจ้งความ แค้นถูกตุ๋นชวดบัตร แถมไม่ได้เงินคืน 

(18 ก.ค. 66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผบก.สส., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ/ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รองผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ/ บก.สส.บช.น., สั่งการให้ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ/ บก.สส. นำโดย พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 2 จับกุมตัว ‘น.ส.ขวัญ’ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาธนบุรี ที่ 21/2566 ลงวันที่ 11 ม.ค. 65 ข้อหาฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

สืบเนื่องจากผู้เสียหายให้การว่าเมื่อวันที่ 23 ก.ค.65 เข้าไปในทวิตเตอร์เพื่อซื้อบัตรคอนเสิร์ตศิลปิน ‘บิวกิ้น’ พบผู้ใช้นามว่า ‘ร้านกดบัตรขข’ ลงโฆษณารับจ้างกดบัตรคอนเสิร์ตดังกล่าว ซึ่งคิดค่าบริการ จำนวน 400 บาทต่อบัตร 1 ใบ จึงติดต่อว่าจ้างให้กดบัตรคอนเสิร์ตให้กับผู้เสียหาย ต่อมาวันที่ 27 ก.ค.65 ผู้ใช้นามทวิตเตอร์ว่า ‘ร้านกดบัตรขข’ ได้ตอบรับกดบัตรคอนเสิร์ตให้กับผู้เสียหาย โดยให้โอนเงินค่ารับกดบัตรเข้าบัญชีพร้อมเพย์ บัญชีชื่อบัญชี น.ส.ขวัญ ต่อมาผู้เสียหายจึงโอนเงิน 400 บาทไปยังบัญชีดังกล่าว ซึ่งตกลงกดบัตรคอนเสิร์ตในวันที่ 30 ก.ค.65 ต่อมาเวลา 13.00 น. ผู้เสียหายได้รับแจ้งว่ากดบัตรคอนเสิร์ตไม่ได้ จะโอนเงินคืนให้

ผู้เสียหายได้บอกหมายเลขบัญชีธนาคารเพื่อโอนเงินคืน แต่ไม่มีการโอนเงินคืนให้และปิดแอคเคาน์ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายแจ้งว่ามีผู้เสียหายอีก 10 กว่าคนที่ตนเองรู้จักเป็นแฟนคลับบิวกิ้นก็โดนเหมือนกัน แต่ไม่ได้แจ้งความ เพราะความเสียหายมูลค่าน้อย ส่วนกรณีนี้ผู้เสียหายติดใจ เพราะผิดหวังที่ไม่ได้ดูศิลปินที่ชื่นชอบ เราต้องมาเสียเงินออมเก็บไว้อีก และยังโกงในรูปแบบดังกล่าวรับกดบัตรคอนเสิร์ตจัสติน บีเบอร์ แต่ก็ไม่ได้บัตรเช่นกัน เคสคอนเสิร์ตจัสติน สน.โชคชัยอยู่ในระหว่างการทำสำนวน เบื้องต้นนำตัวผู้ต้องหาส่ง สน.บางยี่เรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่าขอแจ้งเตือนไปยังผู้กระทำผิด ว่าท่านไม่สามารถหลบรอดกฎหมาย และประชาชนหากมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งมายังเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB’ ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.

สืบนครบาล จับ บัญชีม้าแก๊งหลอกให้กู้ยืมออนไลน์ หลอกมีพัสดุผิดกฎหมาย พบมีหมายจับ 6 หมาย

นโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.67 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี  รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ,พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.วิเคราะห์ฯ,ร.ต.อ.พีระเกียรติ ศิริฤทัยวัฒนา ร.ต.ท.ณรงณ์ศักดิ์ สนิทไทย ร.ต.ท ไพโรจน์ บุรีรักษ์ และเจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ สืบนครบาล จับกุม

นายสมเกียรติ อายุ 32 ปี ภูมิลำเนา แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานครหมายจับศาลอาญารัชดา ที่ 4306/2566 ลงวันที่ 22 พ.ย.66 ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"

โดยจับกุมได้ที่บริเวณ ถนนช่างแสง-วัดพระญาติ จ.พระนครศรีอยุธยา 
ตรวจสอบในฐานระบบข้อมูล พบหมายจับอีก 5 หมาย ดังนี้
1. หมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 403/2566 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของ ประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน,ฉ้อโกงประชาชน”
2. หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 283/2566 ลงวันที่ 7 เมษายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกงประชาชน”
3. หมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 769/2565 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
4. หมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 669/2565 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกง,ร่วมกันในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
5. หมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 403/2565 ลงวันที่ 15 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ผู้สนับสนุนในข้อหากระทำความผิดฐานฟอกเงิน”

พฤติการณ์กล่าวคือ แก๊งมิจฉาชีพได้เอาบัญชีของผู้ต้องหาไปหลอกผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งหลอกให้กู้ยืมออนไลน์แต่ให้ผู้เสียหายค่าธรรมเนียมในการทำสัญญา เมื่อโอนเงินค่าธรรมเนียมเสร็จก็ติดต่อไม่ได้ , หลอกว่ามีพัสดุมีชื่อผู้เสียหายและในพัสดุมียาเสพติดจากนั้นให้ผู้เสียหายโอนเงินบัญชีดังกล่าวไปตรวจสอบ ความเสียหายจำนวนหลายราย บางรายมีหลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน แล้วแต่เคส

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับว่า ได้กระทำความผิดจริงโดย ได้ขายบัญชีธนาคารต่างๆ แต่จำเลขบัญชีไม่ได้ ได้ขายไปให้นางชลดา  (ซึ่งปัจจุบันถูกจับกุมไปแล้ว)ซึ่งเป็นเพื่อนของน้า โดยได้ขายไปในราคา บัญชีละ 1,500 บาท ร่วมเป็นเงิน 4,500 บาท จากนั้นได้ตัวผู้ต้องหานำส่ง พงส.สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบนครบาลสืบสวนติดตามคนร้ายที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผ่านการหลอกลวงมีหลายรูปแบบ แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อผู้เสียหาย และสำหรับผู้ที่ขายบัญชีธนาคารนั้น ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ระบุว่า เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

การเผยแพร่นี้ เพื่อสาธารณประโยชน์ในการเตือนภัยประชาชน

สืบนครบาล หน่วยงานของประชาชนทุกคน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top