Tuesday, 30 April 2024
Facebook

‘Meta’ ประกาศปลดพนักงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง สนองเจตนารมณ์ Mark “ปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ผลกำไร”

เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.66) World Maker รายงานว่า หลายสื่อรายงานว่า Meta หรือ Facebook เก่าจะปลดพนักงานเพิ่มอีกมากถึง -10,000 ตำแหน่งจากที่ปลดไปก่อนหน้านี้แล้ว -11,000 ตำแหน่ง !!! ทำให้ปลดพนักงานรวมกันภายในไม่กี่เดือนมานี้เป็น -21,000 ตำแหน่งข้าไปแล้ว ! หรือคิดเป็น -20% ของพนักงานทั้งหมดราว 80,000 คน

ข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากไม่กี่สัปดาห์มานี้ มีรายงานเบื้องต้นแล้วว่า Meta จะปลดพนักงานรอบ 2 อีกหลายคน แต่ไม่มีใครคิดว่าจะมากถึงขนาดนี้ !

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น Facebook ดีดมากกว่า +5% คืนนี้ หลังจาก Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งกล่าวว่าปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ผลกำไร! ซึ่งการปลดพนักงานออกอาจเป็นส่วนสำคัญที่จะลดค่าใช้จ่ายและทำให้ผลกำไรของบริษัทพุ่งสูงขึ้น (แม้ว่าจะดูเหมือนข่าวร้ายแต่สำหรับผู้ถือหุ้นอาจเป็นข่าวดี ?)

การปลดพนักงานของ Meta เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งทั่วโลกที่ไล่ออกกันยับ ๆ ในปีนี้ ! ซึ่งก็น่าติดตามต่อไปว่าการปลดพนักงานครั้งมหากาพย์จะส่งผลกระทบต่อตัวเลขเศรษฐกิจในอนาคตหรือไม่ ? 

📌 เพราะแม้ว่าจะมีการปลดไปในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ แต่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ยังคงแข็งแกร่งผิดคาด โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ดูตึงตัวจน FED ต้องประกาศขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป (ก่อนจะเกิดวิกฤต SVB ทำให้ตลาดเริ่มเปลี่ยนคาดการณ์)

ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าหุ้นของบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่หลายแห่งจะเริ่มดีดตัวขึ้นเช่นกันหลังจากมีข่าว Lay off ออกมา เพราะนักลงทุนมองว่าจะส่งผลดีต่อกำไร แม้จะเป็นเรื่องแย่ต่อตัวเลขเศรษฐกิจก็ตาม

และการปลดพนักงานออกอาจช่วยเรื่องเงินเฟ้อได้ไม่มากก็น้อย ดังนั้นให้รอดูตัวเลข CPI ในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ? ขณะที่โดยรวมแล้วบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกน่าจะมีการปลดพนักงานรวมกันกว่า -100,000 คนเข้าไปแล้วในไตรมาสแรกปีนี้

Meta เตรียมเปิดบริการใหม่ จ่ายเงิน 429 บาทต่อเดือน รับเครื่องหมาย ‘Verified’ เพิ่มการมองเห็นมากยิ่งขึ้น


(29 มิ.ย. 66) Meta ผู้ให้บริการ Facebook เตรียมเปิดบริการยืนยันตัวแบบใหม่ Meta Verified โดยมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ได้ประกาศถึงบริการ Meta Verified มาตั้งแต่ช่วงกุมภาพันธ์ 2023 และเริ่มทดลองใช้ในออสเตรเลีย นิว ซีแลนด์ เป็นประเทศแรก ๆ ตามด้วยสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา อินเดีย และเตรียมเปิดบริการเร็ว ๆ นี้ ในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา รวมถึงประเทศไทย ส่วนประเทศอื่น ๆ จะทยอยไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า 

ซึ่งล่าสุดในไทยได้เปิดให้จองคิวการยืนยันตัวตน หรือ Waiting List แล้ว สำหรับค่าบริการจะอยู่ที่เดือนละ 11.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 429 บาท เมื่อซื้อผ่านเว็บ และ 14.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 535 บาท เมื่อซื้อผ่านระบบปฏิบัติการ IOS และ Android

ผู้จ่ายเงินบริการ Meta Verified จะได้รับเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าหลังชื่อบัญชีบน Facebook และ Instagram เพิ่มการมองเห็นให้กับโพสต์ ทำให้เพจเติบโตเร็วและมีผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นได้ง่ายกว่าบัญชีปกติ

บริการยืนยันตัวแบบใหม่ Meta Verified รับสิทธิพิเศษดังนี้

1.) ตรายืนยันตัวตน หรือ verified badge ว่าคุณคือตัวจริงและบัญชีของคุณได้รับการรับรองความถูกต้องด้วยรหัสที่ออกโดยรัฐบาล ป้องกันการแอบอ้าง
2.) การเพิ่มการมองเห็นบนแพลตฟอร์ม ทั้งจากการค้นหา ความเห็น และคำแนะนำ
3.) บริการช่วยเหลือสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เมื่อเจ้าของเพจประสบปัญหาการใช้งาน

สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครใช้บริการยืนยันตัวตน Meta Verified ต้องผ่านเงื่อนไขดังต่อไปนี้

1.) ตรายืนยันตัวตน หรือ verified badge ว่าคุณคือตัวจริงและบัญชีของคุณได้รับการรับรองความถูกต้องด้วยรหัสที่ออกโดยรัฐบาล
2.) ช่วยป้องกันการถูกแอบอ้างบัญชีจากผู้ไม่ประสงค์ดี
3. ได้รับบริการช่วยเหลือสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เมื่อเจ้าของเพจประสบปัญหาการใช้งาน
4.) เพิ่มการมองเห็นบนแพลตฟอร์ม ทั้งจากการค้นหา ความเห็น และคำแนะนำ
5.) ได้รับสติกเกอร์พิเศษสุด exclusive

อย่างไรก็ดี การขอ Meta Verified บัญชีนั้น ๆ จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขขั้นต่ำที่กำหนดไว้ เช่น ประวัติการโพสต์ก่อนหน้า และมีอายุอย่างน้อย 18 ปี

โดยวิธีการสมัคร ผู้สมัครจะต้องส่งบัตรประจำตัวยืนยันตัวตน ที่ตรงกับชื่อโปรไฟล์และรูปบน เฟซบุ๊ก หรือ อินสตาแกรมที่ใช้งานอยู่

บริการเมตา เวอริไฟด์ เป็นการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญของเมตา ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดในแพลตฟอร์มเพื่อนำเสนอเนื้อหาใหม่ ๆ ซึ่งบริการนี้อาจทำให้ผู้ใช้งานยอมจ่ายเงิน เพื่อแลกกับความปลอดภัย ไม่โดนแอบอ้าง และแลกกับการเข้าถึง เพื่อเพิ่มฐานคนติดตามที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
 

‘สอดอ Style’ ทำคลิป Reels 28 วัน กวาดรายได้ 2.5 ล้านบาท ชาวเน็ตตาโต!! แย้มถามเคล็ดลับ เจ้าตัวถึงขั้นมาแนะวิธีทำคลิป

(2 ส.ค. 66) บอกได้คำเดียวว่ามาแรงจริงๆ สำหรับ Facebook Reels ฟีเจอร์จากทางเฟซบุ๊ก (Facebook) เปิดให้ใช้บริการตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2022 แต่เพิ่งมาฮิตกันในตอนนี้หลังมีหลายคนลงคลิปแล้วได้เงินจาก Reels

โดยคลิป Reels Facebook สามารถสร้างรายได้ให้กับเหล่าครีเอเตอร์ผ่านระบบ Reels Play  แต่จะต้องมีเงื่อนไข คือ มียอดผู้เข้าชมคลิปวิดีโอ Reels อย่างน้อย 1,000 ครั้งภายในช่วง 30 วันใน Facebook Reels

ทั้งนี้ ‘เส้นด้าย’ เจ้าของเพจ สอดอ Style หรือ พิมพ์ลดา แววไธสง เป็นอีกหนึ่งคนที่ออกมาเปิดเผยรายได้จาก Facebook Reels หลังเธอลงคลิปมา 28 วัน โดยเธอระบุว่า…

“รายได้ 28 วันจากคลิป Reels แค่ 70,435 us x 36 บาท = 2,532,400 บาท ไม่ต้องขายของกันแล้ววววว ต้องเปิดคอร์สสอนเหมือนคนได้ 10,000 us แตกไหม 5555 แต่นี้ 70,435 us ยังไงดีล่ะ”

นอกจากนี้เธอยังแนะนำวิธีการทำคลิป Facebook Reels ให้ชาวเน็ตที่เข้ามาถามเธอว่าทำยังไงให้คลิปปังคนดูเยอะจนเป็นไวรัล ว่า…

กฎการทำ Reels ง่ายๆ
- เปิดบริษัท ผูกบัญชีบริษัท (สำหรับคนที่ทำได้เยอะ แต่ถ้าไม่เยอะไม่ถึงเดือนละ 100,000 บาท ไม่เป็นไรบัญชีส่วนตัวได้)
- ต้องสร้างรายได้ให้เกิน 100 us ถ้าทำไม่ถึง มันไม่ให้เงิน ที่ได้ยิบย่อยก็จะถูกตัดไปเฉยๆ เสียทิ้ง
- ทำคลิป Reels สั้นๆ ไม่ต้องเอฟเฟกต์เยอะ
- ไม่จำเป็นอย่าใส่เพลง
- อย่าเอาคลิปที่มีลายน้ำมาลง
- คอนเทนต์ต้องมีแก่นคมๆ
- คลิปที่คนดูวนหลายรอบ จะได้เงินดี
- ยอดวิวมีผล ต่อยอดเงิน
- ถ้าคุณดังทุกอย่างมันก็ง่าย ถ้าเพิ่งเริ่มแค่ต้องหาคาแรคเตอร์ตัวเองให้เจอ จบ ร๊วยย

งานนี้ชาวเน็ตที่เข้ามาเห็นต่างเอาเธอเป็นแบบอย่าง พร้อมกับแซวให้เปิดคอร์สสอนคนทำคลิป Facebook Reels จริงจังเลย

‘ฮุน เซน’ หวนใช้เฟซบุ๊กอีกครั้ง หลังถูกระงับบัญชี 6 เดือน  เหตุโพสต์คลิปขู่ดำเนินคดี-ทำร้ายคนเห็นต่างทางการเมือง

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 66 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ‘สมเด็จฯ ฮุน เซน’ อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ประกาศว่าจะกลับมาใช้งานเฟซบุ๊ก แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมในประเทศกัมพูชาอีกครั้ง โดยอ้างว่าเฟซบุ๊กได้ ‘มอบความยุติธรรม’ ให้กับเขา โดยการไม่สั่งระงับบัญชีผู้ใช้งานของเขา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ‘สมเด็จฯ ฮุน เซน’ ได้โพสต์ข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขา

สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้โพสต์ข้อความว่า เฟซบุ๊กได้ปฏิเสธคำแนะนำจากคณะกรรมการกำกับดูแลของเมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก ให้มีการระงับบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาผู้นี้เป็นเวลา 6 เดือน หลังจากที่เขาโพสต์วิดีโอข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขาเมื่อเดือนมกราคม ว่าจะถูกดำเนินคดีและตีด้วยไม้ หากกล่าวหาว่าพรรคการเมืองของสมเด็จฯ ฮุน เซน โกงการเลือกตั้งที่มีขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่พรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ของเขาคว้าชัยชนะไปอย่างถล่มทลายจนส่ง ‘พลเอกฮุน มาเนต’ บุตรชายคนโตของเขาขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้สำเร็จ

คำแนะนำดังกล่าวจากคณะกรรมการกำกับดูแลของเมตาเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้ทำให้สมเด็จฯ ฮุน เซน ไม่พอใจอย่างมาก จนเลิกใช้งานเฟซบุ๊ก พร้อมกับขู่ว่าจะปิดกั้นการเข้าถึงเฟซบุ๊กในประเทศกัมพูชา รวมถึงแบนตัวแทนของเฟซบุ๊กจากประเทศกัมพูชา และขึ้นบัญชีดำสมาชิกคณะกรรมการดังกล่าวกว่า 20 คน

หลังการประกาศกลับมาใช้งานเฟซบุ๊กอีกครั้ง สมเด็จฯ ฮุน เซน ระบุอีกว่า กระทรวงโทรคมนาคมกัมพูชาจะอนุญาตให้ตัวแทนของเฟซบุ๊กกลับเข้ามาทำงานในประเทศอีกครั้ง แต่ยังคงไม่นำชื่อของสมาชิกคณะกรรมการกำกับดูแลของเมตาออกจากบัญชีดำ

'ทรัมป์' ลั่น!! แบน TikTok ไม่ง่ายและมีแต่จะช่วยให้ Facebook ได้อำนาจมากขึ้น เพราะเดิม Meta ก็มีปัญหาด้าน 'ความเป็นส่วนตัว-ความปลอดภัย' ไม่ต่างกัน

(12 มี.ค.67) CNBC รายงาน โดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตของพรรครีพลับลิกัน กล่าวว่า เขามีความกังวลว่าการแบนแอปฯ จากจีนอย่าง TikTok จะทำให้แอปฯ อย่าง Facebook ของ Meta ซึ่งเปรียบเสมือนศัตรูของประชาชนได้ผลประโยชน์ไป และมีอำนาจมากขึ้นเป็นสองเท่า

ทรัมป์ กล่าวว่า การแบน TikTok มีผลที่ดี แต่ก็มีผลเสียออกมาเช่นกัน ทรัมป์บอกว่า มีผู้คนมากมายโดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นอเมริกันที่ชอบ TikTok มาก และคงจะเป็นจะตายหากไม่มีมัน พร้อมทั้งกล่าวโจมตีว่ามีแต่ Meta ที่ได้ผลประโยชน์นี้ และ Meta ก็มีปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเหมือนกัน 

ปัจจุบัน แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นจากจีนโดยบริษัท ByteDance ได้รับความนิยมในสหรัฐฯ อย่างมาก แต่กระนั้น ทางการสหรัฐฯ ก็มีความกังวลว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เนื่องจากกังวลว่าแอปได้ส่งข้อมูลกลับไปที่จีนและอาจแบ่งข้อมูลให้ทางการของจีน จึงมีการลงความเห็นจะแบบ TikTok ในไม่กี่เดือนหากบริษัทจีนไม่ถอนทุนออกไป ซึ่งทางประธานาธิบดีอย่าง โจ ไบเดนก็มีความเห็นที่จะลงดาบแอปฯ นี้เช่นกัน

'รูปภาพ-สเตตัสข้อความ' ใน Facebook สร้างเงินได้แล้ว ไม่จำกัดแค่ 'วิดีโอ' ค่าเฉลี่ย 1,000 Like ได้ 100 บาท หวังกระตุ้นกำลังใจคนทำคอนเทนต์

ไม่นานมานี้ เพจ 'Money Better' ได้โพสต์การอัปเดตและรายละเอียดของ 'ยอดไลก์' ใน Facebook ที่ล่าสุดสามารถสร้างรายได้เป็นโบนัสแก่ 'คนที่ทำคอนเทนต์' ในรูปแบบของ 'รูปภาพ' และ 'สเตตัสข้อความ' จากปกติจะเกิดรายได้แค่ 'คนที่ทำวิดีโอเท่านั้น' ว่า...

>> วัตถุประสงค์หลักของโปรแกรมนี้
- เป็นการจูงใจให้คนทำคอนเทนต์โพสต์เนื้อหาคุณภาพบนเฟซบุ๊กมากขึ้น
- สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ด้วยคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและน่าสนใจ
- แสดงให้เห็นว่าเฟซบุ๊กให้ความสำคัญกับคอนเทนต์เนื้อหาดี และ สนับสนุน คนทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ

>> คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโปรแกรมนี้
- อายุ 18 ปีขึ้นไป 
- ปฏิบัติตามนโยบายการสร้างรายได้ของเฟซบุ๊กผ่านแล้ว
- เป็นคนทำคอนเทนต์ที่มีผลงานบนแพลตฟอร์ม Facebook อยู่แล้ว
- ต้องได้รับเชิญจาก Facebook เท่านั้น (แอดเองก็ได้รับเชิญนะฮ่าๆ)

>> นโยบายการจ่ายเงิน
- คำนวณจากการมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ เช่น การรับชม, ไลก์, แสดงความคิดเห็น, แชร์
- ยิ่งคอนเทนต์มีผู้มีส่วนร่วมสูง คนทำคอนเทนต์ก็จะได้รับค่าตอบแทนมากขึ้น
- ตอนนี้ Facebook ยังไม่เปิดเผยสูตรคำนวณค่าตอบแทนอย่างชัดเจน

***แต่แอดลองคำนวณดูเล่นๆ แล้ว ถ้าหากว่าเราได้ 1,000 ไลก์ (ใน FB) จะได้อยู่ที่ประมาณ 100 บาท (ซึ่งแอดคำนวณเล่นๆ นะครับ อาจจะยังไม่ชัดเจน)

>> ผลตอบแทนโดยประมาณ
- ส่วนใหญ่จะได้รับประมาณ 10-20 ดอลลาร์ต่อวัน (370-740 บาท)

ปล.ซึ่งในส่วนนี้แอดก็ไม่มั่นใจว่ามันชัวร์หรือเปล่า แต่แอดก็ได้ประมาณราวๆ นี้เช่นกัน

- ยิ่งมีผู้ติดตามเยอะ ยิ่งมีโอกาสได้รับค่าตอบแทนสูงกว่า
- ไม่มีเพดานรายได้จำกัด ขึ้นอยู่กับปริมาณคอนเทนต์และผู้มีส่วนร่วม 

หรือ ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ยิ่งขยันโพสต์ ก็ยิ่งได้ตังค์

หลังจากที่แอดได้อ่านนโยบายใหม่ของ Facebook ที่สนับสนุน Content Creator มากขึ้น

แอดเองต้องขอชื่นชม Facebook ที่ออกนโยบายนี้ ที่พยายามส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มคนที่ทำคอนเทนต์สายรูปภาพ และข้อความมากๆ

เพราะแอดก็ได้รับประโยชน์จากจุด ๆ  นี้เช่นกัน ทำให้มีกำลังใจในการทำ Content เพิ่มมากขึ้นจริงๆ แบบชัดเจน 

เพราะปกติแล้วสำหรับ Content Creator สายรูปภาพ, ข้อความ เราจะไม่ได้รับรายได้จากการโพสต์ เหมือนสาย VDO 

เราต้องหารายได้จากช่องทางอื่นๆ แทน เช่น สปอนเซอร์, การสนับสนุนจากแบรนด์ หรือ ขายสินค้าของตัวเอง หรือแม้จะเป็นการทำ Affiliate Marketing ก็ตาม

แต่เมื่อล่าสุด Facebook ได้มีการออกมาสนับสนุน Content Creator สายรูปภาพ และ ข้อความด้วย

ทำให้ Content Creator สายนี้ มีรายได้เข้ามาเพิ่มอีก 1 ช่องทาง ช่วยให้มีแรงขับเคลื่อนและกำลังใจในการทำเนื้อหาดีๆ เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น

หากดูในแง่จำนวนเงินที่จะได้รับ แม้อาจ ยังไม่ได้มหาศาลในตอนนี้ แต่ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นดีเลย สำหรับคนทำคอนเทนต์ที่กำลังมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริมใหม่ๆ นอกเหนือจากช่องทางรายได้ที่มีอยู่แล้ว 

เราแค่ทำแบบเดิมในทุกๆ วัน แต่เรากลับมีรายได้เพิ่มเข้ามาอีก 1 ช่องทาง

มันก็ต้องดีอยู่แล้ว ถูกต้องไหมครับฮ่าๆ

โดยรวมแล้ว การเปิดตัวโปรแกรมสร้างรายได้ของ Facebook ในครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในก้าวที่สำคัญของ Facebook ที่จะมาเป็น Game Changer สำหรับคนที่ทำคอนเทนต์ให้เติบโตมากยิ่งขึ้นอย่างมหาศาลเลย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top