สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (7 พ.ย.67) หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ครั้งที่ 8 โดยเรียกร้องให้ 6 ประเทศสมาชิกยกระดับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้ร่วมมือกันมายาวนานกว่า 30 ปี
การประชุมนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายน ที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยมีผู้นำจากกัมพูชา จีน ลาว เมียนมา ไทย เวียดนาม รวมถึงประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) เข้าร่วมด้วย
โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1992 เพื่อส่งเสริมการเติบโตของการค้า การลงทุน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับภูมิภาคให้มีความเชื่อมโยงมากขึ้น
หลี่เฉียงกล่าวว่า โครงการนี้ได้กลายเป็นเวทีสำคัญในการหารือความร่วมมือเพื่อพัฒนาภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และเน้นว่าจีนและประเทศสมาชิกควรทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางเศรษฐกิจร่วมกัน พร้อมดำเนินความร่วมมือเชิงปฏิบัติในหลายด้านอย่างลึกซึ้ง ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลง
หลี่เฉียงได้เสนอให้ประเทศสมาชิกขยายการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจและสร้างตลาดขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเสนอให้พัฒนาหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางคุณภาพสูง ดำเนินความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และเร่งการลงนามพิธีสารฉบับปรับปรุงของเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน
เขายังเรียกร้องให้มีการพัฒนาแบบขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยส่งเสริมการพัฒนาเครือข่ายไฟฟ้าระดับภูมิภาค การร่วมมือในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่พลังงานใหม่ ยานยนต์ และโซลาร์เซลล์ รวมทั้งขยายความร่วมมือในพลังงานสะอาด การผลิตอัจฉริยะ คลังข้อมูลขนาดใหญ่ และเมืองอัจฉริยะ
ด้านการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐาน หลี่เฉียงได้เสนอให้มีการเชื่อมโยงถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ รวมถึงด้านนโยบายและกฎระเบียบ เพื่อเร่งการบูรณาการทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ทั้งนี้ จีนจะออก 'วีซ่าล้านช้าง-แม่น้ำโขง' ให้กับประเทศสมาชิกทั้ง 5 ประเทศ และออกวีซ่าเข้าประเทศแบบหลายครั้ง ระยะ 5 ปี ให้กับนักธุรกิจที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์
เขายังได้เน้นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย และธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย
ผู้นำต่างชาติที่เข้าร่วมการประชุมต่างชื่นชมบทบาทสำคัญของจีนในการผลักดันความร่วมมือในภูมิภาคนี้ และยืนยันที่จะเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การเกษตร การเชื่อมต่อเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาสีเขียว การดูแลสุขภาพ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และด้านอื่น ๆ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุม