ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง แจงออกหมายจับ ด.ญ.หยก เยาวชนอายุ 15 ปี คดีหมิ่นเบื้องสูง มาตรา 112 ตามขั้นตอนกฎหมาย เหตุประวิงเวลา เบี้ยวพบตำรวจในการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 อ้างติดสอบปลายภาค แต่กลับไปร่วมกิจกรรมม็อบหน้า UN จึงออกหมายจับ และนำตัวเข้าสถานพินิจฯ ยังไม่มีผู้ปกครองมาขอรับตัวหรือยื่นประกันตัว
(13 พ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงการดำเนินคดี เยาวชน (ชื่อเล่น หยก) อายุ 15 ปี ผู้ต้องหากระทำความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงว่า ตามที่เด็กหญิง ธ. ได้ถูกดำเนินคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 368 และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4 และมีการสื่อในสังคมออนไลน์กล่าวถึงการใช้ดุลพินิจของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ในการออกหมายจับและการควบคุมตัวเด็กหญิง ธ. ว่ากระทำไปโดยไม่ชอบนั้น
ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางขอชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบดังต่อไปนี้ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2566 พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอออกหมายจับเด็กหญิง ธ. ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดยอ้างว่าเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2566 พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ให้เด็กหญิง ธ.มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 ก.พ. 2566 เวลา 10.00 น. แต่เด็กหญิง ธ. ไม่ไปพบตามหมายเรียกและไม่แจ้งเหตุขัดข้อง พนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2566 ให้เด็กหญิง ธ. ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 ก.พ. 2566 โดยในครั้งนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้มีหนังสือเรื่อง ขอแจ้งเหตุขัดข้องไม่อาจมาพบพนักงานสอบสวนได้ โดยให้เหตุผลว่า เด็กหญิง ธ. อยู่ระหว่างการเตรียมและสอบวัดผลปลายภาคเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ต่อเนื่องรายงานตัวเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทำให้ไม่สามารถไปพบพนักงานสอบสวนได้ และขอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 9 เม.ย. 2566 เวลา 10.00 น.
แต่กลับปรากฏว่าหลังจากขอเลื่อนเพียง 3 วัน คือ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2566 เวลาประมาณ 15.00 น. เด็กหญิง ธ. ได้ไปทำกิจกรรมบริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ อันแสดงให้เห็นว่าการขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนในครั้งที่ 2 เป็นการประวิงเวลา ศาลพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 และพ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 67 แล้ว เห็นว่ากรณีมีเหตุให้ออกหมายจับ จึงอนุญาตให้ออกหมายจับเด็กหญิง ธ. ตามขออันเป็นการออกหมายจับโดยชอบ
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2566 เด็กหญิง ธ. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและถูกควบคุมตัวมายังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2566 ศาลได้ตรวจสอบการจับตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 73 โดยศาลตั้งที่ปรึกษากฎหมายแก่เด็กหญิง ธ. แม้เด็กหญิง ธ. ปฏิเสธการลงลายมือชื่อในใบแต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมาย แต่ถือว่าศาลได้ตั้งที่ปรึกษากฎหมายให้ตามกฎหมายแล้ว และเห็นว่าการจับและปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ในวันตรวจสอบการจับ เด็กหญิง ธ. ไม่มีบิดา มารดา ผู้ปกครอง บุคคลหรือองค์การ ซึ่งเด็กอาศัยอยู่ด้วยมาศาล คงมีเพียงนาย ส. แถลงต่อศาลว่าเป็นคนรู้จักกับเด็กหญิง ธ. และเป็นบุคคลที่เด็กหญิง ธ. ไว้วางใจและมาทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองชั่วคราว เนื่องจากมารดาของ เด็กหญิง ธ. เจ็บป่วยไม่สามารถมาศาลในวันดังกล่าว จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฎชัดเจนว่าเด็กหญิง ธ. อยู่ในความปกครองของมารดา ไม่ปรากฎว่านาย ส.เป็นผู้ปกครองตามกฎหมายหรือเป็นบุคคล ที่เด็กหญิง ธ. อาศัยอยู่ด้วย ศาลย่อมไม่อาจมอบตัวเด็กหญิง ธ. ให้แก่บิดา มารดา ผู้ปกครอง บุคคลซึ่งเด็กหญิง ธ. อาศัยอยู่ด้วยตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว มาตรา 73 ได้
ศาลจึงมีคำสั่งให้ส่งเด็กหญิง ธ. ไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน บ้านปรานี ข้อเท็จจริงยังปรากฎ ต่อมาว่า นับตั้งแต่วันตรวจจับจนถึงปัจจุบันนี้ มารดาของเด็กหญิง ธ. ไม่เคยมาศาล เพื่อติดต่อขอรับตัวเด็กหญิง ธ.ไปดูแล ทั้งยังไม่มีบุคคลใดมายื่นคำร้องขอปล่อยตัวเด็กหญิง ธ. ชั่วคราว การควบคุมตัวเด็กหญิง ธ. จึงเป็นไปโดยชอบ
อนึ่ง เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิเด็กหรือเยาวชน คดีนี้บิดา มารดา ผู้ปกครอง บุคคลหรือองค์การ ซึ่งเด็กหญิง ธ. อาศัยอยู่ด้วยสามารถมาแสดงตนขอรับตัวเด็กหญิง ธ.ไปอยู่ในความดูแลตาม พ ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 73 นอกจากนี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กหญิง ธ. ก็มีสิทธิยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวเด็กหญิง ธ. ได้ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 106