Thursday, 3 July 2025
โดนัลด์ทรัมป์

‘ทรัมป์’ ตอบตกลงเยือนจีน ตามคำเชิญ ‘สี จิ้นผิง’ ถกการค้า-ลดภาษี หลังโทรคุยกันในรอบหลายเดือน

(6 มิ.ย. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันเตรียมเยือนประเทศจีน หลังได้รับคำเชิญจาก สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ที่เน้นเรื่องการค้าเป็นหลัก ทั้งสองฝ่ายยังเชิญกันไปเยือนประเทศของอีกฝ่ายด้วย

การสนทนาในวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568 ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้งสองประเทศพูดคุยโดยตรง นับตั้งแต่เริ่มสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยสำนักข่าวซินหัวของจีนระบุว่า การพูดคุยนี้เกิดขึ้นตามคำขอของฝ่ายสหรัฐฯ

ทรัมป์โพสต์บน Truth Social ว่าการพูดคุยเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งเน้นเรื่องการค้าและมีผลลัพธ์เชิงบวกสำหรับทั้งสองประเทศ พร้อมระบุว่าเขาจะเดินทางไปจีนพร้อมสุภาพสตรีหมายเลข 1 และเชิญสี จิ้นผิง เยือนทำเนียบขาวเช่นกัน

ซินหัวรายงานว่า สี จิ้นผิง เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการด้านลบที่กระทำต่อจีน และเน้นย้ำว่าจีนจะรักษาข้อตกลงลดกำแพงภาษีซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงกันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ กับจีนจะลดภาษีสินค้านำเข้าลง 15% เป็นเวลา 90 วัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยกล่าวหาจีนละเมิดข้อตกลงลดภาษีและหยุดส่งแร่ธาตุหายาก ขณะที่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหา และในวันเดียวกัน ทรัมป์ยืนยันว่านักศึกษาจีนสามารถเดินทางมาเรียนในสหรัฐฯ ได้ แต่จะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ขณะที่สี จิ้นผิง เตือนให้สหรัฐฯ ระมัดระวังเรื่องไต้หวันอย่างรอบคอบในบริบทความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้

‘ทรัมป์’ ประกาศสงครามการค้ากับจีนจบลง แต่ยังตรึงภาษีสินค้านำเข้าไว้ที่ 55%

(12 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนได้ 'จบแล้ว' โดยมีการคงอัตราภาษีสินค้าจีนไว้ที่ 55% โดยไม่ปรับเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และค้าปลีกเตือนว่า ความเสียหายต่อห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจ และผู้บริโภคสหรัฐฯ ยังไม่สิ้นสุด

อัตราภาษีที่สูงถึง 55% ทำให้บริษัทในสหรัฐฯ หลายพันแห่งเผชิญความเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถแบกรับต้นทุนหรือตั้งราคาขายเพิ่มได้ ส่งผลให้ผู้บริโภคเป็นฝ่ายรับภาระต้นทุนแทน ซึ่งอาจกระทบต่อราคาสินค้าช่วงเปิดเทอมและเทศกาลปลายปี

ขณะเดียวกัน ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนล่าสุดแสดงการเพิ่มขึ้นของราคาที่ต่ำกว่าคาด แต่ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีทำให้ผู้ประกอบการยังคงระวังต่อแผนสั่งสินค้านำเข้า โดยเฉพาะจากจีนและสหภาพยุโรป ซึ่งกำลังเผชิญความลังเลจากผู้นำเข้าสหรัฐฯ

ภาคขนส่งและโลจิสติกส์ยังไม่ฟื้นตัว โดยปริมาณการขนส่งทั้งทางรถบรรทุกและรถไฟลดลงจากปีก่อนอย่างต่อเนื่อง ดัชนีการจองตู้คอนเทนเนอร์ทะเล (Ocean TEU Index) แสดงว่าปี 2025 มีปริมาณการขนส่งน้อยกว่าปีก่อนถึง 14% ซึ่งถือเป็นสัญญาณล่วงหน้าถึงความต้องการผู้บริโภคที่ลดลง

ในขณะที่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์พยายามเร่งนำเข้าสินค้าช่วงระยะเวลาชั่วคราวที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยกเว้นหรือชะลอการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ก่อนหมดเขตกลางเดือนสิงหาคม ปัญหาการสะสมของตู้คอนเทนเนอร์เปล่าที่ท่าเรือลอสแอนเจลิสและลองบีชยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ ซึ่งอาจทำให้ผู้ส่งออกในสหรัฐฯ ประสบปัญหาขาดแคลนตู้สำหรับส่งสินค้า

แม้จะมีข้อตกลงเบื้องต้นกับจีน แต่ภาคธุรกิจยังรอการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากทั้งสองผู้นำ และจับตาว่าจะมีการเจรจาใด ๆ เพิ่มเติมหรือไม่ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงยังเลือก 'รอดูท่าที' ก่อนจะเดินหน้าลงทุนหรือสั่งสินค้าเพิ่มเติมจากต่างประเทศในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

‘เนทันยาฮู’ ยกย่อง ‘ทรัมป์’ เพื่อนแท้อิสราเอล หลังสหรัฐฯ หนุนเต็มที่ในสงครามกับอิหร่าน

(19 มิ.ย. 68) นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนในการ ‘ปกป้องน่านฟ้าอิสราเอล’ ท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบกับอิหร่านที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 วัน

เนทันยาฮูกล่าวว่า อิสราเอลกำลังโจมตีด้วยพลังมหาศาลใส่ ‘ระบอบของอยาตอลเลาะห์’ โดยมุ่งเป้าไปที่โครงการนิวเคลียร์ ฐานยิงจรวด และศูนย์บัญชาการทางทหารของอิหร่าน แต่ก็ยอมรับว่าอิสราเอลก็สูญเสียอย่างหนักเช่นกัน

“เรากำลังเผชิญกับความสูญเสียอันเจ็บปวด แต่แนวหลังยังมั่นคง ประชาชนยังแข็งแกร่ง และรัฐอิสราเอลเข้มแข็งกว่าที่เคย” เนทันยาฮู กล่าว

ทั้งนี้ ตั้งแต่การปะทะเริ่มต้นเมื่อวันศุกร์ สำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ขณะที่อิหร่านอ้างว่า มีผู้เสียชีวิตในประเทศมากกว่า 220 ราย ซึ่งรวมถึงทหารระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ โดยยังไม่มีการอัปเดตตัวเลขล่าสุดจากทางการเตหะราน

‘ทรัมป์’ ขอเวลาตัดสินใจ 2 สัปดาห์ ว่าจะส่งทหารร่วมศึกอิสราเอล-อิหร่าน หรือไม่

(20 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะตัดสินใจภายใน 2 สัปดาห์ว่าจะส่งกองกำลังเข้าแทรกแซงความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านหรือไม่ โดยระบุว่าขณะนี้ยังมี 'โอกาสสำคัญ' สำหรับการเจรจาทางการทูตกับอิหร่าน จึงขอเวลาประเมินสถานการณ์เพิ่มเติม

โฆษกทำเนียบขาว แครอลไลน์ ลีวิตต์ กล่าวว่า ทรัมป์ให้ความสำคัญสูงสุดกับการป้องกันไม่ให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และยังไม่ปิดโอกาสสำหรับการเจรจา แม้จะมีรายงานว่าทรัมป์อนุมัติแผนโจมตีไซโลนิวเคลียร์ของอิหร่านแล้ว แต่ยังไม่ได้สั่งให้ดำเนินการในทันที

ขณะที่ อิหร่านเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าร่วมสงคราม จะยิ่งทำให้ภูมิภาคลุกเป็นไฟ โดยระบุว่า “นี่ไม่ใช่สงครามของอเมริกา” ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวเผยว่าเว็บไซต์ฟอร์โด ซึ่งเป็นโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมของอิหร่าน อาจตกเป็นเป้าหมายโจมตีหากการเจรจาล้มเหลว

ทั้งนี้ สถานการณ์ทวีความตึงเครียดหลังอิหร่านยิงขีปนาวุธใส่โรงพยาบาลทางตอนใต้ของอิสราเอล ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 70 คน ด้านอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านหลายจุด ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้ใช้การทูตแทนการสู้รบ

ทัพทหารอิสราเอลถังแตก! เรื่องอาวุธ…หลังรบยืดเยื้อ นักวิเคราะห์ชี้ เป็นฝ่ายต้องการหยุดยิงมากกว่าอิหร่าน

(25 มิ.ย. 68) รายงานจาก NBC News อ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนอาวุธ โดยเฉพาะกระสุนและยุทโธปกรณ์หลักหลายชนิด หลังเปิดฉากโจมตีอิหร่านเมื่อ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา

อิสราเอลกล่าวหาอิหร่านว่าแอบพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ จึงเริ่มโจมตีเป้าหมายต่างๆ ในอิหร่านก่อน จนนำไปสู่การตอบโต้ทันทีจากอิหร่าน ซึ่งยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพหลายแห่งในอิสราเอลในปฏิบัติการที่ชื่อว่า ‘True Promise 3’

แม้อิหร่านจะปฏิเสธว่าตนไม่มีโครงการนิวเคลียร์ แต่สหรัฐฯ ได้ร่วมกับอิสราเอลในวันที่ 22 มิถุนายน โจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน 3 แห่ง ส่งผลให้อิหร่านโต้กลับด้วยการยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพสหรัฐฯ ที่กาตาร์ แต่ไม่เกิดความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บ

ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า อิสราเอลและอิหร่านตกลงหยุดยิงหลังสู้รบยืดเยื้อ 12 วัน ขณะที่นักวิเคราะห์บางฝ่ายชี้ว่า อิสราเอลน่าจะต้องการหยุดยิงมากกว่า เนื่องจากศักยภาพการรบลดลงอย่างมาก

‘ทรัมป์’ เสียงอ่อย รับยุติสงคราม ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ไม่ง่าย โบ้ยศึกซับซ้อน ‘ปูติน-เซเลนสกี’ เจรจาด้วยยาก

(26 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันพุธว่า ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยุติ แม้เจ้าตัวจะเคยประกาศในเวทีหาเสียงว่าจะสามารถ “ยุติสงครามใน 24 ชั่วโมง” หากได้กลับมาเป็นผู้นำประเทศอีกครั้งก็ตาม โดยยอมรับว่า ทั้งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ต่างก็สร้างความยุ่งยากในเวทีเจรจา

เมื่อถูกถามว่าเหตุใดจึงยังไม่สามารถยุติสงครามได้ ทรัมป์ตอบว่า “เพราะมันยากกว่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการ” พร้อมเผยว่าเคยมีปัญหากับเซเลนสกีในบางช่วง แต่การพบกันล่าสุดนั้นเป็นไปด้วยดี และไม่ได้มีการหารือเรื่องหยุดยิงโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ระบุว่า เซเลนสกีต้องการยุติสงคราม และตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดี ที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า เขากำลังพิจารณาส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ "แพทริออต" (Patriot) ให้ยูเครน แม้จะยอมรับว่าอาวุธเหล่านี้หายาก เพราะสหรัฐฯ เองก็ต้องการใช้ และบางส่วนได้ส่งให้กับอิสราเอลแล้ว

เมื่อถูกถามว่าสหรัฐฯ จะร่วมจ่ายเงินช่วยเหลือยูเครนในวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ ที่พันธมิตร NATO เสนอหรือไม่ ทรัมป์ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “เดี๋ยวค่อยว่ากัน” ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่ารัฐบาลวอชิงตันจะสนับสนุนความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเพิ่มเติมหรือไม่

‘ทรัมป์’ ยืนกรานเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ญี่ปุ่น 25% เสนอทางรอด!! ซื้อสินค้าอเมริกันแทนโดนภาษีอัตราสูง

(30 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกโรงวิจารณ์การค้ารถยนต์ระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นว่าไม่เป็นธรรม โดยระบุว่าสหรัฐฯ รับรถยนต์จากญี่ปุ่นนับล้านคันทุกปี แต่ญี่ปุ่นกลับไม่เปิดตลาดรับรถจากอเมริกาเท่าที่ควร พร้อมขู่ว่าจะยังคงเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 25% ต่อไป

ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก และเชื่อว่ารัฐบาลญี่ปุ่นก็รู้เรื่องนี้ดี เขายังพูดเชิงประชดว่า “ผมอาจส่งจดหมายถึงญี่ปุ่นว่า คุณต้องจ่ายภาษีนำเข้ารถยนต์ 25%” ซึ่งสื่อว่าเขาจะไม่ยอมลดหรือยกเลิกภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นตามที่ญี่ปุ่นร้องขอ

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวว่า ญี่ปุ่นควรช่วยลดการขาดดุลการค้าด้วยการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ให้มากขึ้น เช่น น้ำมันหรือสินค้าอุตสาหกรรม พร้อมย้ำว่าเขาสามารถประกาศเก็บภาษีได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องพบหรือหารือกับผู้นำประเทศคู่ค้าเหล่านั้นโดยตรงก่อน

ทรัมป์ยังระบุอีกว่า เขาเตรียมส่งจดหมายแบบเดียวกันไปยังประเทศคู่ค้ารายอื่น ๆ ที่ตั้งภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ไว้สูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลของเขาจะเดินหน้านโยบายกดดันด้านการค้าอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เป็นหลัก

ศาลอิสราเอลเลื่อนสืบคดี ‘เนทันยาฮู’ อ้างติดภารกิจดูแลเรื่องความมั่นคงชาติ

(30 มิ.ย. 68) ศาลกรุงเยรูซาเลม มีคำสั่งเลื่อนการไต่สวนคดีทุจริตของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ซึ่งเดิมมีกำหนดในสัปดาห์นี้ หลังเจ้าตัวยื่นคำร้องขอเลื่อน โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ และได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกคดี พร้อมยกย่องเนทันยาฮูว่าเป็น “วีรบุรุษ”

ทีมกฎหมายของเนทันยาฮูให้เหตุผลว่า นายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการจัดการปัญหาทางการเมืองและความมั่นคง โดยเฉพาะหลังจากเกิดการสู้รบกับอิหร่านที่เพิ่งยุติลงด้วยข้อตกลงหยุดยิง และสถานการณ์ในฉนวนกาซาที่ยังมีตัวประกันชาวอิสราเอลถูกจับอยู่

ก่อนหน้านี้ศาลเคยปฏิเสธคำขอเลื่อนการไต่สวนของเนทันยาฮู แต่ภายหลังเปลี่ยนใจเมื่อได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าตัว รวมถึงหัวหน้าหน่วยข่าวกรองทหารและผู้อำนวยการมอสซาด (Mossad) ซึ่งยืนยันว่าเขาจำเป็นต้องทุ่มเทเวลาให้กับภารกิจด้านความมั่นคง จึงเห็นควรให้เลื่อนการไต่สวนออกไปก่อนในช่วงนี้

สำหรับคดีของเนทันยาฮูมีหลายประเด็น โดยหนึ่งในนั้นคือการรับของขวัญหรูมูลค่ากว่า 260,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.49 ล้านบาท) จากนักธุรกิจ แลกกับผลประโยชน์ทางการเมือง อีกทั้งยังถูกกล่าวหาว่าพยายามต่อรองให้สื่อบางสำนักเสนอข่าวเชิงบวก ขณะที่เจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และมองว่าคดีนี้มีแรงจูงใจทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง โดยที่ผ่านมาเขาเคยขอเลื่อนการพิจารณาคดีมาแล้วหลายครั้งนับตั้งแต่ปี 2020


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top