Saturday, 4 May 2024
เพื่อไทย

'สส.เพื่อไทย' สงสัยท่าที 'วิโรจน์' อาจเล่นการเมืองจากปมเรือฟริเกต ไม่คัดค้านการตัดงบ ส่อโยนบาปให้ พท.ถูกมองตีเช็คเปล่าให้นายกฯ

(12 มี.ค. 67) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ด้านทรัพยากรบุคคล และได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังในคณะ กมธ. วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กล่าวถึงกรณี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ. การทหาร สภาผู้แทนราษฎร แสดงความเห็นไม่คัดค้านการตัดงบประมาณจัดซื้อเรือฟริเกตวงเงิน 1.7 หมื่นล้าน และกล่าวหาว่ารัฐบาลจะนำงบประมาณส่วนนี้ ตีเช็คเปล่าให้นายกรัฐมนตรีนั้น

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า รู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของนายวิโรจน์และพรรคก้าวไกล ที่เปลี่ยนไปต่อการจัดสรรงบประมาณด้านการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ การกล่าวอ้างว่าการจัดซื้อเรือฟริเกตวงเงิน 1.7 หมื่นล้าน จะทำให้เกิดการจ้างงานมูลค่าหลักพันล้านบาท เกิดการเรียนรู้ทางวิศวกรรมการต่อเรือ และจะลดต้นทุนในการบำรุงรักษาในระยะยาว เป็นเพียงคำโฆษณาเลื่อนลอยไร้น้ำหนัก
เพราะข้อเท็จจริงที่ปรากฎ กองทัพเรือยังมิได้จัดทำ TOR เป็นเพียงเงื่อนไขที่กองทัพเรือจะเสนอต่อประเทศที่ยอมรับเงื่อนไขในการต่อเรือและจ้างงานในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งยังไม่มีการระบุชัดเจน การที่ คณะกมธ.ฯ งบประมาณ ไม่อนุมัติงบเรื่องเรือฟริเกตจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเมื่ออนุมัติ จะมีผลผูกพันทันที 5 ปี และมีมูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาททันที

คำพูดของ นายวิโรจน์ จึงเป็นเพียงคำโฆษณาเลื่อนลอยไร้น้ำหนักเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล หาความชอบธรรมกับการไม่ปรับลดงบอาวุธกองทัพอันเป็นหลักการพรรคก้าวไกลยึดมั่นมาโดยตลอด

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณ นายวิโรจน์ ที่ตั้งให้เหตุผลสนับสนุนการซื้อเรือฟริตเกต อย่างน้อยๆ ในการพิจารณางบประมาณปี 68 หากเรือฟริเกตถูกนำมาสู่การพิจารณาอีกครั้ง คณะกมธ.งบประมาณจะได้มีข้อมูลรอบคอบ รอบด้านมากขึ้น และอยากจะย้ำให้ นายวิโรจน์ เข้าใจหน้าที่ของคณะกมธ.งบประมาณ มีหน้าที่ต้องไตร่ตรองงบประมาณแผ่นดินให้คุ้มค่าภาษีประชาชน และ คณะกมธฯ งบประมาณ ประกอบด้วยตัวแทนของทุกพรรคการเมืองเป็นการทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารแต่อย่างใด การตัดงบที่ไม่ชัดเจนในรายละเอียด จึงไม่ใช่เพื่อรัฐบาล แต่เพื่อพี่น้องประชาชน

น.ส.ลิณธิภรณ์ ยังฝากถึงพรรคก้าวไกลอีกว่า "อย่ามัวแต่เล่นเกมการเมือง โยนความผิดทุกเรื่องให้รัฐบาล และอยากถามกลับ ถ้าวันนี้ คณะ กมธ.งบประมาณปี 67 อนุมัติเรือฟริเกตผ่านโดยขาดความรัดกุม ในอนาคตหากเรือฟริเกตไม่สามารถเกิดการจ้างงาน หรือเกิดการถ่ายโอนทางเทคโนโลยีได้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ รัฐบาลใช่หรือไม่ สุดท้ายฝ่ายค้านจะใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีรัฐบาลอยู่ดี เพิ่งเข้าใจบทบาทฝ่ายค้านสร้างสรรค์เป็นแบบนี้นี่เอง"

'บุ้ง ทะลุวัง' ร่ายยาว!! จดหมายจากเรือนจำ ถึง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ยาหอม!! ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมง่ายมาก แต่สุดท้ายตลบตะแลง

(18 มี.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ทะลุวัง’ ได้โพสต์ข้อความจากจดหมายของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง แกนนำกลุ่มทะลุวัง ที่ส่งจากเรือนจำ โดยระบุถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย มีใจความว่า

“ด้วยวิธีการที่คุณเลือกจะกลับบ้านคือการเอาเสียงของประชาชนไปแลก ทำให้คุณเป็นได้แค่นักการเมืองน้ำเลวคนหนึ่ง จดหมายฉบับนี้อยากพูดถึงคุณทักษิณและพรรคการเมืองที่แสนกลับกลอกของเขาสักหน่อย ถึงจะอดอาหารเอาชีวิตและร่างกายแลกเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมถูกปฏิรูปอยู่ แต่ตอนนี้บุ้งก็ได้ข่าวของคุณทักษิณอยู่บ้างจากการที่เพื่อน ๆ เล่าให้ฟัง

“ในสายตาบุ้ง คุณทักษิณเป็นคนที่น่ารังเกียจเหลือเกิน ไม่ว่าจะเคยมีคุณงามความดีอะไร ตอนนี้เกียรติยศและศักดิ์ศรีของคุณไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตปรสิต ส่วนคุณอุ๊งอิ๊งก็น่าเสียดายเหลือเกิน คุณไม่จำเป็นต้องทำตามที่พ่อสั่งทุกอย่างก็ได้นะคะ แต่อนิจจาลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อเป็นยังไงลูกก็เป็นอย่างนั้น

“ครั้งหนึ่งตอนที่ทะลุวังประกาศว่าจะไปเยือนเพื่อไทย คุณทักษิณเคยพูดว่า “อย่าทะลุวังเลยมาทะลุทำเนียบเถอะ” และให้การต้อนรับบุ้งเป็นอย่างดี อีกทั้งยังให้บุ้งและเพื่อน ๆ นั่งคุยกับคนของเพื่อไทยเพื่อฟังคำขอของบุ้ง ถึงแม้จะมัดมือชกไล่สื่อออกจากห้อง ทั้ง ๆ ที่บุ้งต้องการให้เป็นการคุยแบบเปิดก็ตาม

“คนของพรรคเพื่อไทยรับปากกับบุ้งว่า การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมนั้นง่ายมากและจะเป็นสิ่งแรกที่พรรคเพื่อไทยทำ บุ้งดีใจมากนะคะและเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะทำตามคำพูด เพราะคนที่ได้รับปากเป็นผู้ใหญ่แล้ว และคนเราจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้ก็เพราะรักษาคำพูดของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วโลกของผู้ใหญ่ก็ทำให้บุ้งผิดหวัง เมื่อพรรคเพื่อไทยตอ…ตลบตะแลง กลับกลอกปลิ้นปล้อน อย่างหน้าไม่อาย บุ้งและเพื่อน ๆ ผิดหวังเสียใจ และหมดสิ้นซึ่งศรัทธาในตัวพรรคการเมือง แต่ถึงกระนั้นความหวังที่จะทวงคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงและคนตากใบยังไม่หายไปหรอกค่ะ บุ้ง ตะวัน และแฟรงค์ จึงเอาชีวิตเข้าแลก เมื่อความหวังไม่มี เรา 3 คน จึงเลือกสร้างมันขึ้นมาเอง โดยกลั่นจากชีวิตเลือดเนื้อและอุดมการณ์ของพวกเรา

“ที่เล่าเพราะอยากให้คนข้างนอกเข้าใจ ว่าที่เราทำไม่ใช่เพราะพวกเราบุ่มบ่าม ก้าวร้าว ทำอะไรไม่คิด แต่เพราะนักการเมืองทำให้เราผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเราไม่เลือกที่จะนอนอยู่บ้านเฉย ๆ แต่เราต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม

“แน่นอนว่ามันไม่ง่ายหรอกค่ะ ทุกวินาทีที่ผ่านไปในตอนนี้เวลาของพวกเรานับถอยหลังลงทุกที แต่พวกเราแลกได้เพราะเลือกแล้วที่จะทำ

“ขอให้คนข้างนอกที่ไม่หยุดสู้ สู้ต่อไป สักวันชัยชนะต้องเป็นของประชาชน

“บุ้งยังคงยืนยันที่จะอดอาหารจนกว่าข้อเรียกร้องจะสำเร็จ อยากให้ทุกคนเข้าใจบุ้งด้วยนะคะ”

ลือสะพัด”อลงกรณ์จะย้ายพรรคไปเพื่อไทยหลังพบชัชชาติ” เจ้าตัวแจงสร้างมิติใหม่ ”การเมืองไร้รอยต่อ“

นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต รัฐมนตรีและอดีต ส.ส.6สมัย พรรคประชาธิปัตย์โพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัวกรณีมีคำถามเรื่องการย้ายพรรคไปเพื่อไทยหลังจากมีข่าวไปพบหารือนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยนายอลงกรณ์เขียนชี้แจงเรื่องนี้เกี่ยวกับ“การเมืองที่ไร้รอยต่อ”ไว้อย่างน่าสนใจดังต่อไปนี้

“การเมืองที่ไร้รอยต่อ“ Seamless politics กรณีมีข่าว”อลงกรณ์-ชัชชาติ“ผนึกความร่วมมือ“กทม.-จีน”ด้านพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟัาโดยฝ่ายหนึ่งนำโดยนายอลงกรณ์ พลบุตร (พรรคประชาธิปัตย์)กับอีกฝ่ายหนึ่งนำโดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พรรคเพื่อไทย) ทำให้เพื่อนๆและสื่อมวลชนหลายคนสอบถามด้วยความกังขาว่าคุยกันรู้เรื่องหรือ??? บางคนตีความไปว่าผมจะย้ายพรรคไปเพื่อไทยใช่ไหม??? ผมถามกลับไปว่า ทำไมถึงคิดเช่นนั้นก่อนจะถามต่อไปว่า เข้าใจคำว่า “การเมืองที่ไร้รอยต่อ”(seamless politics)ไหม???  ย้อนถามแบบนี้ก็งงกันสิครับ

ผมอธิบายสั้นๆว่า “การเมืองที่ไร้รอยต่อ” หมายถึงวัฒนธรรมทางการเมืองที่พรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่อยู่คนละพรรคทำงานร่วมมือกันได้ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม โดยก้าวความความแตกต่างทางการเมืองหรือการแข่งขันทางการเมือง ผมเชื่อว่าท่านผู้ว่าชัชชาติก็มีแนวความคิดความเชื่อเช่นเดียวกับผมในเรื่องการเมืองที่ไร้รอยต่อ ท่านให้เกียรติและแสดงออกอย่างกระตือรือร้นในระหว่างการประชุมหารือ และแสวงหาความร่วมมือที่เป็นไปได้ในทุกมิติ โดยปราศจากร่องรอยการแบ่งพรรค แบ่งฝ่าย ยิ่งกว่านั้นเรายังได้พูดถึงความร่วมมือในการยกระดับการศึกษาด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆเช่น เยเนอเรทีฟ เอไอ(Generative AI-ปัญญาประดิษฐ์) ในระบบ AI Classroom และความร่วมมือในโครงการกรุงเทพสีเขียว 2030( Green Bangkok 2030)เพื่อ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและคุณภาพของเมืองหลวงของประเทศ เป็นต้น

ความร่วมมือระหว่างท่านผู้ว่าชัชชาติและผมคือหนึ่งในตัวอย่างของการเมืองที่ไร้รอยต่อ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างความกันขาให้กับเพื่อนๆ และสื่อมวลชน ผมเข้าใจดีว่า การเมืองบ้านเรา เคยชินกับวัฒนธรรมทางการเมืองที่มุ่งต่อสู้แข่งขันแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายหมายเอาชนะคะคานกัน ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง แต่สำหรับผมคิดว่า เหรียญมีสองด้านเสมอ ด้านหนึ่งคือการแข่งขันอีกด้านหนึ่งคือความร่วมมือ การเมืองจึงไม่ได้มีแค่เรื่องการแข่งขันหรือการต่อสู้ทางการเมืองเท่านั้น แต่การเมืองสามารถร่วมมือกันได้ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติและนี่คือวิถีของการเมืองสร้างสรรค์ที่ผมยึดถือเชื่อมั่นมาโดยตลอดและอยากเห็นวัฒนธรรมทางการเมืองไทยแบบนี้เป็นรากฐานใหม่ของการเมืองไทย สรุปคือไม่มีการย้ายพรรคครับ”

"Seamless politics" is a concept that refers to a political environment or system where different political parties or entities work together smoothly and effectively without experiencing significant disagreements, conflicts, or disruptions. In a seamless politics scenario, there is a high level of cooperation, collaboration, and communication among different stakeholders in the political arena. This leads to more efficient governance, better decision-making processes, and potentially improved outcomes for society as a whole.

‘อุ๊งอิ๊ง’ รับ!! จะไปตักเตือน ‘สส.เพื่อไทย’ หลังดูบอลเว็บเถื่อนช่วงอภิปรายงบในสภาฯ

(22 มี.ค.67) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถ.วิภาวดีฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง สส.พรรคเพื่อไทย เปิดชมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ระหว่างทีมชาติไทย และทีมชาติเกาหลีใต้ ในช่วงที่สภาผู้แทนราษฎรมีการอภิปรายงบประมาณปี 2567 โดยชมผ่านเว็บเถื่อน ซึ่งเว็บดังกล่าวมีโฆษณาของเว็บพนันด้วยว่า ต้องตักเตือนกันเรื่องที่ดูบอลระหว่างประชุมงบประมาณ ซึ่งเป็นเวลาไม่เหมาะสม

พร้อมย้อนถามสื่อมวลชนว่า “ตรงนี้มีใครดูเว็บเถื่อนบ้างมั้ย อิ๊งค์ว่าจริง ๆ ต้องดูแลเรื่องนี้อีกทีด้วย อิ๊งค์คิดว่าเว็บเถื่อนทุกคนเข้าถึง เราก็ต้องดูเว็บที่ไม่เถื่อน หรือช่องทางที่ไม่เถื่อน เราสามารถให้ประชาชนได้ดูยังไงได้บ้าง อันนี้คงต้องดูแลกันต่อไป แต่ใช่ ไม่ควรดูในเวลานั้น อิ๊งค์ก็จะตักเตือน”

‘สรวุฒิ’ อัด!! ‘สส.ก้าวไกล’ หลังเสนอตัดงบสร้างบ้านพักศาล ซัด!! โจมตีผิดๆ ถูกๆ แถมไม่เข้าใจโลกความเป็นจริง

(22 มี.ค. 67) นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะกมธ. ชี้แจงว่าบางทีการไปโจมตีการครองตนของข้าราชการตุลาการต้องระวัง เพราะเขาไม่เหมือนคนอื่น เขาใช้ชีวิตอิสระแบบคนอื่นไม่ได้ บ้านพักต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ บางคนไม่เข้าใจวิธีการเป็นไปของโลกก็จะโจมตีผิด ๆ ถูก ๆ ข้าราชการตุลาการ ผู้พิพากษาต้องผดุงความยุติธรรมสูงสุด เราเองคงหาความยุติธรรมเหนือกว่านี้ไม่ได้ 

นายสรวุฒิ กล่าวต่อว่า ในระบบทั่วโลกก็เป็นเช่นกัน ถ้าหากไม่ให้เขาสันโดษ ให้มีเพื่อนจำนวนมาก จะทำให้ไม่มีความอิสระเพราะต้องเกรงใจไปทั่ว เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาสิทธิที่เขาพึงมี มีอะไรบ้าง เช่นเดียวกับ สส. ถ้าไม่มีผู้ช่วย สส. 7-8 คน ถามว่าจะดูแลประชาชนอย่างไร ถ้าจะแก้ต้องแก้หลักใหญ่ อย่าโจมตีจุดเล็ก จะได้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ดังนั้น ยืนยันขอให้ตั้งงบตามที่คณะกมธ.แก้ไข

ด้านน.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม. พรรคก้าวไกล โต้กลับว่าเห็นด้วยที่อาชีพผู้พิพากษามีเกียรติศักดิ์ศรี แต่สส.ก็มีความอันตราย มีศัตรูทางการเมืองไม่แพ้กัน แต่ไม่มีบ้านพักอาศัยที่ภาษีประชาชน และยืนยันงบประมาณสร้างบ้านพักศาลควรตัดออก เพราะไม่จำเป็น

‘วิปรัฐบาล’ หัก ‘ฝ่ายค้าน’ ยึดคืนเวลา ‘ซักฟอก’  ดึงเวลาคืนรัฐตอบทุกประเด็นที่ฝ่ายค้านถาม

(1 เม.ย.67) ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมการประชุมวิปรัฐบาลถึงการทบทวนเวลาอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า กรอบที่ฝ่ายค้านขอมาทั้งหมดคือ 22 ชม. ฝั่งรัฐบาลรวมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 6 ชม. เมื่อดูแล้วครม.มีเวลาชี้แจง 4 ชม. และการอภิปรายตามมาตรา 152 คือการกล่าวหารัฐบาล เมื่อฝ่ายค้านกล่าวหาก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องตอบคำถามให้กระจ่างแจ้ง แต่ปัญหาคือเมื่อเรากลับไปดูการอภิปรายตามมาตรา 153 ของวุฒิสภาที่ผ่านมานั้น พบว่ารัฐมนตรีบางคนมีเวลาตอบแค่ 2 นาที หากได้เวลาน้อยก็จะทำให้รัฐมนตรีไม่มีโอกาสชี้แจงจะทำให้เกิดความเสียหาย หากตอบไม่ครบ ฝ่ายค้านก็จะบอกว่ารัฐมนตรีไม่กล้าตอบ หนีตอบคำถาม ดังนั้นเพื่อให้เกิดความยุติธรรม โดยต้องขอเวลาเพิ่มเพื่อให้รัฐบาลได้มีโอกาสตอบ ซึ่งจะต้องมีการเจรจากับฝ่ายค้านอีกครั้ง

“ผมมองว่าฝ่ายรัฐบาลอย่างน้อยต้องได้เวลา 10 ชม.ขึ้นไป ฝ่ายค้านก็ต้องลดลงมาจาก 22 ชม. อาจจะเหลือ 18 ชม. ก็ถือว่ามากกว่ากันเท่าตัว ฉะนั้น การอภิปรายก็เพื่อให้มีการตอบให้ประชาชนหายข้องใจ เพราะถ้าฝ่ายค้านเอาเวลาไป 22 ชม. แล้วให้รัฐบาล 4-6 ชม. ก็ไม่ได้ และเมื่อหักเวลาประท้วงแล้ว รัฐบาลก็ได้ไม่น่าจะเกิน 4 ชม. ซึ่งจะทำให้รัฐบาลไม่สามารถตอบได้ทุกประเด็นที่ฝ่ายค้านถาม” นายวิสุทธิ์ กล่าว

สมาคมคลองไทยฯ บุกสภา พบ 'ครูมานิตย์' จี้!! ผลักดันโครงการ 'คลองไทย' เจ้าตัวลั่น!! ไม่ทิ้ง แต่ต้องรอจังหวะเหมาะสม เวลานี้ 'แลนด์บริดจ์' สำคัญ

เมื่อวานนี้ (3 เม.ย. 67) ที่รัฐสภา สมาชิกสมาคมคลองไทยภาคประชาชน นำโดย น.ส.เสาวณี ทองทรัพย์ นายกสมาคม ดร.สุเมต สุวรรณพรหม กรรมการสมาคม และสมาชิกระดับนำอีกหลายคน เดินทางไปยังรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือถึง 'ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม' สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการการคมนาคม เพื่อขอให้ดำเนินการสานต่อนำโครงการคลองไทยมาศึกษาในเชิงลึก เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน โดยครูมานิตย์ได้ลงมารับหนังสือในระหว่างการประชุมสภาพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐสภา ตามมาตรา 152 (ไม่มีการลงมติ)

ครูมานิตย์ กล่าวว่า "ยินดีรับหนังสือไว้พิจารณา และนำเสนอต่อไป แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าเวลานี้รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี กำลังผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ระนอง-ชุมพร อยู่ การที่ผมในฐานะ สส.พรรครัฐบาล ก็ต้องให้การสนับสนุนรัฐบาล แต่โครงการคลองไทย ก็ต้องรอจังหวะที่เหมาะสม แล้วผมจะช่วยผลักดันแน่นอน"

ทั้งนี้ ในสภาชุดที่ผ่านมาได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นมาศึกษาแล้ว แต่ด้วยกลเกมทางการเมือง ทำให้รายงานผลการศึกษาตกไปอย่างน่าเสียดาย แต่สมาคมคลองไทยภาคประชาชนก็ไม่ลดละ ไม่ย่อท้อ ยังเดินหน้าผลักดันโครงการคลองไทยต่อไป ทั้งถวายกฎีา และส่งหนังสือถึงหน่วยงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการล่ารายชื่อประชาชน เพื่อนำเสนอร่างพระราชบัญญัติบริหารกิจการคลองไทยเข้าสู่การพิจารณาของสภา

ขณะที่ สภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เคยมีหนังสือตอบกลับมายังสมาคมคลองไทยภาคประชาชน ความตอนหนึ่งว่า...สภาพัฒน์ฯ เคยร่วมกับศูนย์บริการวิชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษาความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งทางทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามันของไทยพบว่า การเชื่อมโยงการขนส่งสองฝั่งทะเล ต้องใช้งบประมาณในการลงทุนสูงมาก มีผลกระทบทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้การประเมินความเหมาะสมทางด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์ ไม่คุ้มค่าการลงทุน ทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งจะได้รับผลกระทบ จนไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับคืนมาได้ไม่ว่าด้วยเทคโนโลยีใด ๆ ทั้งยังกระทบต่อความเป็นอยู่ การเปลี่ยนแปลงโยกย้ายถิ่นฐาน

ดังนั้น สภาพัฒน์ จึงเสนอให้รัฐบาลทบทวนและต่อยอดแผนปฏิบัติการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (SEC) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เป็นศูนย์กระจายสินค้าของภูมิภาค เป็นต้น

‘เศรษฐา’ ประกาศพา ‘เพื่อไทย’ คว้าชัยชนะเลือกตั้งหนหน้า ฟาก ‘อุ๊งอิ๊ง’ ยัน!! ‘เพื่อไทย’ จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงประเทศ

(5 เม.ย. 67) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) อาคารโอเอไอทาวเวอร์ ชั้น 7 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กทม. พรรคเพื่อไทยได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 โดยบรรยากาศที่พรรคเป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดาแกนนำ สมาชิกพรรค และตัวแทนพรรคประจำจังหวัด เดินทางเข้ามาที่พรรคตั้งแต่ช่วงเช้า

ทั้งนี้ ภายในงานได้มีการเปิดคลิปวิดีโอสั้น ความยาว 18 นาที รวบรวมบทสัมภาษณ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย, นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ

โดยเนื้อหาบางส่วนของ นายทักษิณ กล่าวว่า ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ 2540 ส่งผลให้พรรคการเมืองเดิมปรับตัวไม่ทัน ตนได้ตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้น ชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย และสร้างการเปลี่ยนแปลงหลายด้านให้กับประเทศไทย พรรคไทยรักไทย คือพรรคที่เข้ามา Reform ประเทศ เป็นผู้นำเปลี่ยนแปลงและกระจายอำนาจ ผ่านนโยบายกองทุนหมู่บ้าน และ 30 บาทรักษาทุกโรค พร้อมกล่าวชื่นชมนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นโครงการที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยเช่นกัน

ส่วนที่หลายฝ่ายกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทย ที่มีดีเอ็นเอมาจากพรรคไทยรักไทย เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ นั้น นายทักษิณ ยืนยันว่า ไม่ได้อยู่ในดีเอ็นเอของพรรคไทยรักไทย และเชื่อว่าไม่ได้อยู่ในดีเอ็นเอของพรรคเพื่อไทยด้วย

ทั้งนี้ นายทักษิณ มั่นใจว่า ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มีดีเอ็นเอ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ซึ่งมีความมั่นคง ตัดสินใจเด็ดขาด และดีเอ็นของนายทักษิณ ที่มีจุดแข็งในการพูดคุย พบปะกับผู้คน เข้าใจถึงจิตใจของพี่น้องประชาชน เชื่อว่าจะเป็นผู้นำที่ดีได้ "ผมทำได้ เขาก็ทำได้"

"ระบบทุนนิยมที่ไร้ความเมตตาธรรม จะทำให้ประชาชนไม่มีความสุข การเข้าถึงประชาชนคือหัวใจสำคัญ การทำงานในสภาให้เข้มแข็ง การเป็นนักการเมืองที่ดี คือรักประชาชน ประชาชนมองตานักการเมือง ก็รู้สึกได้ ต้องอยู่กับชาวบ้าน ผมเชื่อมั่นในนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำในช่วงเปลี่ยนผ่าน สามารถทำงานประสานงานกับหลายพรรค หลายภาคส่วนได้ดี" นายทักษิณ กล่าว

เนื้อหาในคลิป โดย น.ส.แพทองธาร ระบุว่า การแพ้เลือกตั้งที่ผ่านมา ทำให้รู้ถึงเงื่อนไขและการเปลี่ยนแปลง การแพ้เลือกตั้งที่ผ่านมา เมื่อผ่านการดูแลตัวเองและจิตใจคนในพรรคแล้ว ต้องไปต่อ พร้อมยืนยันเดินหน้าสร้างรายได้ประชาชนผ่านนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและมีโอกาสที่ดีขึ้น พร้อมระบุจะเป็นผู้นำพรรคที่เข้าใจคนในพรรค ผู้สนับสนุนพรรค และประชาชนทุกคน อยากให้ผู้ที่ทำงานร่วมกันมีความสุข รู้สึกปลอดภัยและมีส่วนร่วมในพรรค

ส่วนเนื้อหาในคลิปของ นายเศรษฐา ระบุถึงชีวิตส่วนตัวก่อนเข้าสู่การเมือง ยอมรับว่าชีวิตส่วนตัวก่อนเข้าสู่การเมือง อยู่จุดสูงสุดของพีระมิด แต่อยากนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่พี่น้องประชาชน จึงตัดสินใจลงการเมือง ทั้งนี้ ในวันที่ 10 เมษายน 2567 จะประกาศรายละเอียดนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เชื่อว่าจะทำให้ภาคการผลิตสินค้า การจับจ่าย และการจ้างงาน จะปรับตัวดีขึ้น สึนามิทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นแน่นอน

ต่อจากนั้น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวบรรยายพิเศษบนเวที เรื่อง ภารกิจของวิปพรรคและแนวทางการทำงานในสภาฯ ว่า "สภาที่เข้มแข็ง คือ รัฐบาลที่เข้มแข็ง" การบริหารประเทศ ทั้งสองสถาบัน ต้องเกื้อกูลกันและกัน โดยมีประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง การขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ปัจจัยสำคัญเพราะมีฝ่ายนิติบัญญัติ ที่เข้มแข็ง เป็นเอกภาพ ปัจจุบัน รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยทำงานร่วมกับหลายพรรค งานในสภาเป็นเรื่องที่ท้าทาย จึงมีการจัดตั้งส่วนประสานงานการเมืองและกิจการสภา ทั้งในส่วนวิชาการและฝ่ายสื่อสาร ขึ้นในพรรคเพื่อไทย เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ทั้งนี้ การลงพื้นที่เพื่อพบปะกับประชาชนของ สส.มีหลายวิธี ทั้ง offline และ online เป็นเรื่องจำเป็น

"ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย การบริหารและความร่วมมือร่วมใจของ สส.ของเรา จะเป็น ผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้รัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน บริหารประเทศ อย่างตั้งใจ เพราะพรรคเพื่อไทย หัวใจ คือ ประชาชน" นายวิสุทธิ์ กล่าว

จากนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง ‘เพื่อไทย จะไปต่อยังไง’ ว่า ภารกิจต่อไปของพรรคเพื่อไทย คือ การเป็นพรรคที่เร็วขึ้น ตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนได้ดีขึ้น พรรคเพื่อไทยกำลังเปลี่ยนแปลงจากข้างใน ด้วยการเติมคนใหม่เข้ามาทำงานเติมองค์ความรู้ใหม่ สร้างการบริหารงานที่เร็วขึ้น เพื่อให้พรรคเพื่อไทย อยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเปลี่ยนไปอีกกี่คน บริบทประเทศในอนาคตจะเป็นอย่างไร พรรคเพื่อไทยจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ให้กับประเทศไทยได้เสมอ พร้อมให้กำลังใจกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน 

พร้อมย้ำว่า พรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ เพราะ DNA ของเราคือการเปลี่ยนแปลง ทุกครั้งที่เป็นรัฐบาล เราจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทย เช่นในอดีต มี 30 บาท รักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ และปัจจุบัน มีนโยบายที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง คือ ดิจิทัลวอลเล็ต และซอฟต์พาวเวอร์ เราคือพรรคที่มาปฏิรูป ทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าด้วยนโยบาย โดยมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

"หลังงบประมาณผ่านแล้ว เชื่อมั่นว่ารัฐบาลคุณเศรษฐา จากที่วิ่งเร็วอยู่แล้ว จะเร็วขึ้นอีก หลายนโยบายที่เคยติดขัดเพราะงบประมาณ จากนี้จะผ่านฉลุย หลายนโยบายจะสำเร็จได้เห็นผลเร็วๆ นี้แน่นอน และพบกับการสรุปผลงานของ รัฐบาลเพื่อไทยที่ไม่ต้องรอ 10 เดือน ในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้" น.ส.แพทองธาร กล่าว

ด้าน นายเศรษฐา กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง ‘สร้างความมั่นใจให้ สส.เพื่อไทย การทำงานของรัฐบาล สร้างความมั่นใจให้ ส.ส.รู้สึกว่า นโยบายที่เราสัญญาไว้ จะทำได้จริง’ ว่า ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นน้องใหม่ที่เข้ามาเพียง 13 เดือน ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากคนในพรรคอย่างอบอุ่น จริงใจ และได้รับคำแนะนำที่ดีมาโดยตลอด 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการเรียนรู้เรื่องใหม่ในอายุ 60 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เราแพ้เลือกตั้ง พูดแบบนี้อาจฟังแล้วบีบหัวใจ แต่เป็นความจริง ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น รู้สึกเจ็บปวด แต่ยืนยันว่าเราจะไม่แพ้ตลอดกาล การก้าวเข้ามาในจุดนี้ มีเรื่องเดียวที่ปรารถนาคือการนำชัยชนะมาให้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไป และจะไม่มีอะไรมาทำให้ตนไม่สามารถคว้าชัยชนะนี้ได้

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศที่ผ่านมา อาจจะถูกมองว่าเป็นแมลงวันบินไปมา แต่การที่ต่างประเทศจะมาลงทุนในไทยมูลค่ากว่าแสนล้านบาท ไม่สามารถตัดสินใจได้ในเวลาเพียง 7 - 8 เดือน แต่ยืนยันได้ว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีสึนามิของการลงทุนครั้งใหญ่เข้ามาให้กับคนไทยได้ผลิตสินค้า สร้างซัพพลายเชน ให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าได้ ในด้านการคมนาคม เรามีนโยบายชัดเจน ทั้งการลงทุนขนส่งทางถนน ราง เรือ สนามบิน เพื่อรองรับความต้องการของประชาชน ไม่ได้โฟกัสแค่สุวรรณภูมิหรือดอนเมือง แต่เป็นสนามบินในจังหวัดต่าง ๆ เช่น สุรินทร์​ รวมถึงผลักดันโครงการท่าเรือน้ำลึก เฟส 3 ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้

นอกจากนี้ ยังมีโครงการแลนด์บริดจ์ ที่จะแล้วเสร็จในอีก 10 - 15 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการค้าโลกที่จะขยายตัวมากขึ้น แลนด์บริดจ์จะทำให้ประเทศต่าง ๆ เข้าหาประเทศไทยจากการเดินทางขนส่งระหว่างอันดามันกับอ่าวไทย ทำให้เราเป็นมหาอำนาจเล็ก ๆ ที่ทุกคนมาพึ่งพิง ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันมีการทำงานอย่างใกล้ชิด ยืนยันว่า ไม่ได้พายเรือในอ่างแน่นอน

"อยากให้ทุกท่านเลือกมองอนาคตที่สดใสดีกว่า เรามาร่วมใน mission ที่ยิ่งใหญ่ ด้วย 141 เสียงจาก 500 เสียง เราจะมีเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน เพราะเรามีหัวหน้าพรรคที่มีความมุ่งมั่น มีผู้อาวุโสในพรรคที่ช่วยประคอง มีคนรุ่นใหม่ที่พร้อมแสดงศักยภาพ และมีผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา และท่านมีนายกรัฐมนตรีที่มีจุดประสงค์เดียวในวันนี้คือ ชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป ขอให้มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีคนนี้จะทุ่มเททำงานในช่วงเวลา 3 ปีครึ่งข้างหน้า จะทำงานเพื่อคนไทยทุกคน และเพื่อให้พรรคของเราเจริญเติบโต" นายเศรษฐา กล่าว

‘ณณัฏฐ์’ สวน!! ‘ก้าวไกล’ ปมวิจารณ์นายกฯ ลงพื้นที่ จ.ระยอง ย้ำ!! รบ.ทำงานหวังผลสัมฤทธิ์ ไม่ใช่เพื่อแสง หรือใช้ปากทำงาน

เมื่อวานนี้ (2 พ.ค.67) นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล วิจารณ์การลงพื้นที่โรงงานสารเคมีที่เกิดไฟไหม้ที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 เม.ย.67 ว่า ไฮไลต์เดียวในการลงพื้นที่ คือการไปต่อว่าอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม จนประกาศลาออกในที่ประชุมคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ว่า ก่อนการลงพื้นที่โรงงานไฟไหม้ที่ จ.ระยอง นายเศรษฐา ได้รับทราบข้อมูล และได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้เร่งแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว การไปลงพื้นที่ก็เพื่อติดตามผลการดำเนินงานด้วยตัวเอง ไม่ได้ต้องการทำให้ตัวเองเป็นข่าวกับทุกเรื่อง เพราะนายกฯ มุ่งเน้นที่ผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก

“เข้าใจว่า คุณชุติพงศ์ อาจไม่มีประสบการณ์การทำงานเป็นรัฐบาลมาก่อน ทำให้ขาดความรู้ความเข้าใจ ในบทบาท หน้าที่ และโครงสร้างการทำงานว่า ขับเคลื่อนกันอย่างไร จนอาจจะเข้าใจผิดในเรื่องการบริหารงาน ว่าต้องลงไปทำเองทุกขั้นตอน โดยไม่พิจารณาผลลัพธ์ แต่หวังเพียงหน้าสื่อ แบบนั้นไม่เรียกว่าการบริหารงานแต่เรียกว่า หิวแสง ซึ่งไม่ใช่สไตล์การทำงานของท่านนายกฯ และรัฐบาลชุดนี้” นายณณัฏฐ์ ระบุ

นายณณัฏฐ์ กล่าวต่อว่า การทำงานของรัฐบาล ในฐานะฝ่ายบริหารนั้น มีโครงสร้าง มีการแบ่งส่วนงานรับผิดชอบ ทั้งฝ่ายนโยบาย และฝ่ายปฏิบัติ ในแต่ละกรม หรือกระทรวง รวมถึงการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นเพื่อให้การทำงานสำเร็จรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชน

“ส่วนเรื่องการใช้ปากทำงาน ผมในฐานะ สส.เพื่อไทย คงไม่อาจเอื้อมไปแข่งขันกับพรรคก้าวไกล เพราะในประเด็นนี้ เชื่อว่าเกินกึ่งหนึ่งในสภาฯ เห็นพ้องต้องกัน ว่าไม่มีใครเก่งไปกว่าพรรคก้าวไกลแล้ว และอยากฝากให้ สส.ก้าวไกล คำนึงไว้เสมอด้วยว่า แม้การใช้ปากทำงานจะเป็นชุดทักษะที่เหมาะสมกับการเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การเป็นฝ่ายค้าน จะทำให้พวกคุณมีบัตรผ่านฟรีพาส ที่จะใช้ปากโจมตีใครอย่างไรก็ได้อยู่ฝ่ายเดียว โดยไม่ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริง ไม่ต้องรับผิดชอบผลของการสร้างวาทกรรม ชี้นำสังคมอย่างที่ทำมาตลอด” นายณณัฏฐ์ กล่าว

'เพื่อไทย' ลั่น!! รถไฟฟ้าต้อง 20 บาททุกสาย ชี้!! นี่คือความกล้าหาญที่พรรคอื่นไม่กล้าทำ

(3 พ.ค.67) ในงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ของพรรคเพื่อไทย (พท.) งานแสดงวิสัยทัศน์ และความคืบหน้าในนโยบายต่าง ๆ พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. กล่าวว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นวิสัยทัศน์ของพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่สมัย 2549 เพราะการเข้าถึงขนส่งสาธารณะเป็นสวัสดิการพื้นฐานของประชาชน วันนี้รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยทันทีที่เป็นรัฐบาล ไม่ถึงหนึ่งเดือนที่นายกรัฐมนตรีรับตำแหน่ง วันที่ 16 ตุลาคม 2566 รถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีแดง และสีม่วง ลดค่าบริการลงมาที่ราคา 20 บาท ได้สำเร็จ หลังจากลดค่าโดยสารลงแล้ว ส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารสายสีแดงเพิ่มขึ้น 26.62% สายสีแดงเพิ่มขึ้น 14.43%

จากนั้น กระทรวงคมนาคม กางแผนโรดแมป เพื่อดำเนินการให้รถไฟฟ้าทุกเส้นทาง คิดค่าบริการตลอดเส้นทาง ‘20 บาท’ ภายในปี 2568 ผ่านร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... หรือ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมร่าง พ.ร.บ.รายงานสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นรายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและอื่นๆ โดยสำนักงานขนส่งและนโยบายและแผนการจราจร (สนข.) ดำเนินการ จากราคารถไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 107 บาท หาก พ.ร.บ.ตั๋วร่วมสำเร็จ ประชาชนจะจ่ายเพียง 20 บาท ผ่านการมีกองทุนที่สะสมรายได้จากส่วนอื่น ๆ มาชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารแทนประชาชน

“ไม่มีพรรคการเมืองใดที่เสนอทำราคารถไฟฟ้าให้เหมาะสมกับรายได้ เป็นสวัสดิการของประชาชนอย่างแท้จริง รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คือความกล้าหาญของพรรคเพื่อไทยที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อพี่น้องประชาชน เป็นการจัดการระบบการเดินทาง ที่มีสัมปทานหลายเจ้าครั้งใหญ่ อะไรที่เคยติดขัด เป็นอุปสรรค จะถูกคลี่คลาย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชน”

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า ภายในปี 2568 ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทุกสาย, พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ต้องสำเร็จ, ลดราคาค่าทางด่วนลงรถเมล์แอร์ EV ต้องสำเร็จ เป้าหมายใหญ่ คือเพิ่มการเข้าถึงขนส่งสาธารณะ ลดการใช้รถส่วนตัว ลดปริมาณรถบนถนน แก้ปัญหารถติด แก้ปัญหาฝุ่น ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และสามารถเปิดให้ขยายทางสัญจรทางเท้า ให้ กทม.เป็นเมืองที่เดินได้ เมืองที่เป็นมิตรกับคนทุกกลุ่มมากขึ้น เพื่อยกระดับขนส่งสาธารณะ ให้เป็น ‘การบริการสาธารณะ’ อย่างแท้จริง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top