Sunday, 19 May 2024
สุวัจน์ลิปตพัลลภ

‘สุวัจน์’ ชี้ ‘ก้าวไกล’ ได้ 313 เสียง ถือว่ามีเสถียรภาพมาก ด้าน ‘ชพก.’ ได้ 2 เสียง พร้อมเป็นทั้งฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน

(18 พ.ค. 66) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ร่วมงานฉลองครบรอบ 100 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมี นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคชาติพัฒนากล้า ร่วมพิธีด้วย โดยก่อนเริ่มพิธี นายสุวัจน์ได้เข้ากราบสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ ‘เจ้าคุณธงชัย’ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกเหรียญ 100 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

นายสุวัจน์ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ว่า บรรยากาศตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่หลายพรรคการเมืองแสดงสปิริตทางการเมือง ในการเปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับที่ 1 เป็นผู้เริ่มต้นกระบวนการในการจัดตั้งรัฐบาล แต่หลังจากนี้ไปก็คงต้องรอการรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นทางการจาก กกต.ก่อน ซึ่งจะต้องรับรองผล 95% ภายใน 60 วัน ก่อนที่จะมีการเลือกประธานรัฐสภา และนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคชาติพัฒนากล้า ถือว่าครั้งนี้ได้ ส.ส.เพียง 2 คนไม่สามารถทำอะไรได้มาก พร้อมที่จะเป็นได้ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อทาบทามมาที่พรรคชาติพัฒนากล้าแต่อย่างใด

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ที่พรรคก้าวไกลสามารถรวมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลได้ถึง 313 เสียง ถ้าพูดถึงเฉพาะระบบรัฐสภา ก็ถือว่ามีเสถียรภาพมาก เพราะตนเองก็พูดมาโดยตลอดในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า รัฐบาลที่มีเสถียรภาพต้องมีอย่างน้อย 300 เสียงขึ้นไป แต่ด้วยกติกาครั้งนี้ที่มีบทเฉพาะกาล ซึ่งจะต้องอาศัยเสียงของ ส.ว.250 เสียง เข้ามาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีกับ ส.ส.500 เสียงด้วย เพื่อให้ได้เสียงเกิน 375 เสียง จึงทำให้ต้องมารอลุ้นเสียงของ ส.ว.ด้วยว่าการตัดสินใจของ ส.ว.จะออกมาเช่นไร

“การเมืองวันนี้ต้องหันหน้าเข้าหากันพูดคุยกัน อะไรที่ไม่เข้าใจกัน เพราะหลังเลือกตั้งแล้วเป็นเรื่องของบ้านเมือง ก่อนเลือกตั้งเป็นเรื่องการเมือง วันนี้ถ้าพูดคุยกันได้บางที ความเข้าใจผิดหรืออะไรต่างๆ มันก็จะคลี่คลายไป อันนี้ก็เป็นวิธีการที่ฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลต้องไปดําเนินการ ว่าทําอย่างไรที่จะได้เสียงจากวุฒิสมาชิก มาสนับสนุนให้เพียงพอ” นายสุวัจน์ กล่าว

'กรณ์ จาติกวณิช' ประกาศลาออก จากการเป็น ‘หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า’

นายกรณ์ จาติกวณิช ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการลาออก จากการเป็น ‘หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า’ โดยมีใจความว่า ...
.
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ผมได้เข้าพบ และยื่นจดหมายถึงประธานพรรค คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เพื่อขอบคุณในความไว้วางใจที่ท่านได้มอบให้ผม พร้อมกับแจ้งลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค

ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกคะแนนเสียงที่ได้สนับสนุนแนวคิดทางการเมืองของพวกเรา ผมจะสนับสนุนนโยบายทั้งหมดที่เราได้นำเสนอในสถานะประชาชนคนหนึ่งต่อไป 

ตลอดช่วง 18 ปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสรับใช้ประชาชนและประเทศที่ผมรักในฐานะนักการเมืองคนหนึ่งที่มาจากการเลือกตั้ง 

ผมขอขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยผมทำภารกิจนี้มานับแต่ปี 48 

บ้านเมืองเรายังมีปัญหาอีกมากมายรอการแก้ไข ผมขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนนักการเมืองจากทุกพรรค และขอให้กำลังใจเป็นพิเศษแก่นักการเมืองที่กำลังจะเริ่มทำงานในสภาเป็นครั้งแรก อย่าให้ความต้องการเอาชนะครอบงำจิตใจและการแสดงออกของท่านจนเกินไป ทำงานด้วยการสร้างพลังบวกร่วมกันในสังคมให้ได้ ผมจะคอยเป็นกำลังใจ 

ช่วงนี้ผมขอพาครอบครัวไปพักผ่อน ติดหนี้ที่บ้านไว้เยอะครับ

ขอบคุณทุก ๆ คนจากใจ
 

‘สุวัจน์’ ชี้!! ตำแหน่งผู้นําฝ่ายค้านสำคัญต่อการบริหารบ้านเมือง ย้ำ!! รัฐบาลมีเสถียรภาพ ฝ่ายค้านเข้มแข็ง ประเทศได้ประโยชน์

เมื่อไม่นานนี้ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเคลียร์ ชัด ชัด ช่องเวิร์คพอยท์ 23 ดำเนินรายการโดย ดร.ภูวนาท คุนผลิน เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2566 โดยมีประเด็นทางการเมืองที่น่าสนใจดังนี้

ปรากฏการณ์ ‘สลายขั้ว’
นายสุวัจน์ มองว่าที่ผ่านมาการแบ่งขั้วทางการเมืองมันแรงมากในประเทศไม่ว่าจะเป็นสี หรือจะเป็นอะไร แต่ละยุคแต่ละสมัย มีการเกิดความรุนแรง มีการสูญเสียเกิดขึ้น และวันนี้เราเห็นสิ่งที่มีอุดมคติว่า ‘จบสลายขั้ว’ สารพัดสีรวมกันได้หมด เพราะการเมืองนําไปสู่การเดดล็อก ทําให้มีการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้

ฉะนั้น พรรคการเมืองที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็คือ พรรคที่เป็นแกนนําในการจัดตั้งรัฐบาล อันนี้เหมือนเป็นราคาที่ต้องสูญเสียหมายความว่าต้องพยายามคลี่คลายวิกฤติในการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ยกตัวอย่าง หมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พรรคแกนนําท่านเคยบอกไว้ว่าจะไม่จับมือกับคนนั้น ไม่จับมือกับพรรคนี้ แล้ววันนี้ด้วยเหตุจําเป็นทางการเมืองว่าถ้าไม่จับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ พรรคแกนนําไม่สามารถจะรวบรวมเสียงที่นําไปสู่การมีนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลได้ จําเป็นจะต้องไปจับมือ

เมื่อจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ หมอชลน่าน แสดงสปิริตประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว (30 ส.ค. 66) พรรคการเมืองอาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์บ้าง แต่สิ่งที่พี่น้องประชาชนได้รับ คือ การกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ ประเทศชาติเดินหน้า พี่น้องประชาชนมีความสุข

นายสุวัจน์ กล่าวว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสม ที่เรียกว่า ‘สลายขั้ว’ รัฐบาลผสม คือ พรรคแกนนําไม่สามารถที่จะกําหนดอะไรได้จะต้องแบ่งกระทรวงให้พรรคนั้นพรรคนี้ ไม่สามารถที่จะเป็นลีดเดอร์ชิพได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และพอแบ่งกระทรวงไปให้พรรคนั้นพรรคนี้แล้ว ก็เป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรคว่าจะไปจัดบุคคลอย่างไร มันเป็นขีดจํากัดของรัฐบาลผสม ซึ่งมันจะไม่เกิดเหตุการณ์นี้เลยถ้าแลนด์สไลด์ ถ้าเกิดมีพรรคหนึ่งพรรคใดได้เกินครึ่งไปเลยไม่ต้องพึ่งพรรคอื่น แต่เมื่อเป็นรัฐบาลผสมสิ่งที่เห็น คือ เสถียรภาพ และเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรคการเมืองนั้น จะลดลง

บทบาทแกนนำฝ่ายค้านสำคัญอย่างไร?
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน เป็นตําแหน่งที่สําคัญที่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ว่าจะต้องมีผู้นําฝ่ายค้าน และเป็นตําแหน่งโปรดเกล้าฯ รัฐธรรมนูญต้องให้ความสําคัญกับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน เพราะในการบริหารประเทศเมื่อเลือกตั้งมาแล้วก็มีรัฐบาลกับมีฝ่ายค้าน ผู้นํารัฐบาล ก็คือนายกรัฐมนตรี ผู้นําฝ่ายค้าน ก็คือ ตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน

ฉะนั้น ถ้าพรรคที่ได้อันดับหนึ่งของการเป็นฝ่ายค้านไม่รับตําแหน่ง ก็ต้องไปพรรคอันดับสอง พรรคอันดับสามที่จะไปเลือกกันตามที่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

แต่ศักยภาพของความเป็นผู้นําฝ่ายค้านถ้าเป็นพรรคใหญ่ก็จะมีน้ำหนัก มีศักยภาพ ถ้าพรรคเล็กเป็นผู้นําฝ่ายค้าน ศักยภาพก็น้อย

“ถ้าตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้าน อยู่กับพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายค้านที่มีเสียงเยอะๆ จะทําให้การทํางาน มีพลัง เป็นประโยชน์ต่อประเทศ คือ รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ประเทศได้ประโยชน์” นายสุวัจน์ กล่าว

นโยบายเร่งด่วนที่สุดของรัฐบาล
นายสุวัจน์ กล่าวว่าทําอย่างไรของไม่แพง น้ำมันจะถูกลงได้อย่างไร ไฟฟ้าจะถูกลงได้อย่างไร เพื่อทําให้ต้นเหตุของราคาสินค้าต่างๆ มีราคาลดลง และทําให้ทุกคนมีงานทํา คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ทําอย่างไรนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทําอย่างไรส่งออกดีขึ้น ทําอย่างไรให้เอสเอ็มอีได้กลับมาทํางานกันอีกครั้ง ฉะนั้น ปัญหาเฉพาะหน้าของรัฐบาล คือ จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เศรษฐกิจกลับมากระเตื้อง

'สุวัจน์' ชี้!! เทกระจาดโคราช สะท้อนวิกฤตเศรษฐกิจไทย เชื่อ!! หลากนโยบายรัฐบาลชุดนี้ ช่วยประชาชนได้โดยเร่งด่วน

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 66 คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ประธานในพิธีประเพณีทิ้งทาน (ซิโกว) พร้อมพี่น้องประชาชนชาวโคราช ได้มาร่วมงานประเพณีทิ้งทาน โดยมีชาวบ้านผู้ยากไร้มารอรับการบริจาคหลายพันคน

โดย คุณสุวัจน์ กล่าวว่า...

"วันนี้ปัญหาเร่งด่วน คือ ของแพง ให้ทุกคนมีงานทํา ให้เครื่องจักรทางเศรษฐกิจกลับมาทำงานกันให้ได้อีกครั้งหนึ่ง

"ซึ่งมูลนิธิหลักเสี่ยงเซี่ยงตึ๊ง สว่างเมตตาธรรมสถาน เป็นองค์กรการกุศลได้จัดงานเทศกาลทิ้งทาน (ซิโกว) คือ ข้าวสารอาหารแห้งที่ได้จากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา แล้วนำมามอบให้กับผู้ยากไร้ทุกปีแจกวันเดียว แต่ปีนี้แจกสองวันเพราะมีจำนวนผู้ยากไร้เพิ่มขึ้น สะท้อนว่าวิกฤตเศรษฐกิจขณะนี้คนจน ผู้ยากไร้ ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเยอะขึ้น และเป็นดัชนีชี้วัดปัญหาของประเทศชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีท่านใหม่ ที่กําลังจะแถลงนโยบาย ต้องมีแนวทางในการมาช่วยเหลือคนยากคนจน แนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งนโยบายที่รัฐบาลได้จัดทําครั้งนี้ ก็มีหลายนโยบายที่จะมีส่วนในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยเร่งด่วน

"อย่างเช่น นโยบายในการพักหนี้เกษตรกร หรือพักหนี้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องจากโควิด หรือนโยบายในเรื่องของการแจกเงิน หนึ่งหมื่นบาท ดิจิทัลวอลเล็ต อันนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจถือว่าประชาชนสามารถจะนําเงินไปจับจ่ายใช้สอยก่อให้เกิดทวีคูณในเรื่องของตัวเลขการใช้จ่ายทางด้านเศรษฐกิจ หรือนโยบายในเรื่องของการลดค่าใช้จ่าย ที่จะประกาศเร็วๆ นี้ ว่าจะลดราคาไฟฟ้า ลดราคาน้ำมัน รวมทั้งในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องมาตรการการท่องเที่ยว และเมื่อรัฐบาลได้มีการแถลงนโยบายแล้ว จากนี้ไปคงจะเห็นมาตรการ เห็นการทํางานในการเข้าไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป"

‘สุวัจน์’ ขอบคุณ ‘เศรษฐา’ แต่งตั้ง ‘เทวัญ’ นั่งที่ปรึกษานายกฯ ย้ำ!! ชพก.ยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการทํางานร่วมกับรัฐบาล

(16 ก.ย.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ได้กล่าวขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขอบคุณพรรคแกนนําพรรคเพื่อไทยที่ได้กรุณาให้เกียรติให้นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้เข้าไปเป็น 1 ใน 9 ของคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี 

“พรรคชาติพัฒนากล้าเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร เมื่อบ้านเมืองมีวิกฤตก็ได้ร่วมมือกันทำให้งานที่ยากลําบากผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เป็นความร่วมมือของ 11 พรรคร่วมรัฐบาลในการที่จะสานต่อรวมพลังกันทํางานในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้ประสบความสําเร็จ ฉะนั้น พรรคชาติพัฒนากล้า ยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการทํางานร่วมกับรัฐบาล” นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวว่า การทํางานของรัฐบาล ‘เศรษฐา 1’ ทำได้รวดเร็ว อะไรทําได้ทําทันที ถูกใจและตรงกับปัญหาของพี่น้องประชาชน ถ้าสามารถรักษาอัตราความเร็วของการทํางานบวกกับประสิทธิภาพแล้วสามารถจะแก้ไขปัญหาของประเทศได้ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายระยะสั้น ระยะยาวที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน คือ เรื่องสินค้าราคาแพง, เรื่องลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ค่าแก๊ส ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน, การพักหนี้เกษตรกร, การพักหนี้ SME, การกระตุ้นเศรษฐกิจในเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ส่วนระยะยาว คือ การสร้างรายได้ สร้างโอกาส และการรักษาคุณภาพชีวิต โดยการเพิ่มรายได้การส่งออกเป็นหลัก, การสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล, การหาตลาดการค้าใหม่, การปรับโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม แสงแดดทำให้ต้นทุนไฟฟ้าถูกลง, การแสวงหา แก๊ส น้ำมัน ในอ่าวไทย, การกำหนดโครงสร้างค่าการกลั่นน้ำมัน, การสร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชนในเรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ทำกิน, การหยิบ soft power มาเป็นพลังในการต่อยอดเศรษฐกิจ ต่อยอดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มีการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ Soft Power 

“โดยภาพรวมถ้ารัฐบาลสามารถที่จะขับเคลื่อนนโยบายที่ได้แถลงต่อสภาทั้งระยะสั้น ระยะยาวให้เป็นไปตามกรอบ ตามแนวทาง พร้อมรับข้อเสนอของฝ่ายค้านได้จะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ” นายสุวัจน์ กล่าว

‘สุวัจน์’ ชื่นชม ‘ลุงเปีย’ ครูช่างเรือฉลอมจิ๋วมงคลรายแรกของไทย ยกเป็น ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ วิถีชาวประมงไทย ที่ควรอนุรักษ์สืบต่อไป

(7 พ.ย. 66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘สุวัจน์ ลิปตพัลลภ - Suwat Liptapanlop’ ระบุว่า…

ชื่นชม 'ลุงเปีย' ครูช่างเรือฉลอมจิ๋ว เรือมงคลรายแรกของไทย

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้เจอกับคุณธนเดช บุญนุ่มผ่อง หรือลุงเปีย ครูช่างเรือฉลอมจิ๋ว เรือมงคล รายแรกของประเทศไทย ที่ห้างบลูพอร์ต หัวหิน

ลุงเปีย เป็น 1 ในครูช่างศิลปหัตถกรรมไทย ซึ่งเกิดมาในครอบครัวชาวประมง และมีความหลงใหลในการต่อเรือมาตั้งแต่เด็ก จนเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 40 ลุงเปียได้หันกลับมาศึกษาการต่อเรือจิ๋วอย่างจริงจัง และยึดเป็นอาชีพจนถึงปัจจุบัน

สำหรับเรือฉลอม ในอดีตนิยมใช้เป็นเรือประมงพื้นบ้าน หรือบรรทุกสินค้าไปขายตามหัวเมืองชายทะเล รูปร่างลำเรือคล้ายเรือโป๊ะแต่มีประทุนโค้งกลางลำ ทำจากไม้ไผ่สานขัดแตะมุงด้วยจาก มีต้นกำเนิดในแถบภาคกลาง หรือที่เราคุ้นหูกันกับท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร เพราะมีเรือฉลอมจอดอยู่จำนวนมาก 

เรือฉลอม ไม่มีเครื่องยนต์ ใช้ธรรมชาติคือลม และใบเรือในการแล่นเรือ 

ความพิเศษของเรือฉลอมจิ๋วลำนี้ คือ ลุงเปีย ได้นำเอาเลข 9 ใส่เข้าไปเป็นองค์ประกอบของเรือ คือแต่ละด้านของเรือ จะใช้ไม้ทั้งหมด 9 แผ่น เมื่อรวมกัน 2 ด้าน จะเป็น 18 แผ่น ซึ่ง 1 รวมกับ 8 เท่ากับ 9 ความยาวจากเรือไปท้ายเรือ 36 ซม. 3 รวมกับ 6 เท่ากับ 9 ไม้ที่ใช้ต่อเรือทั้งหมดมี 27 แผ่น 2 รวมกับ 7 เท่ากับ 9 ทำให้ทุกสัดส่วนของเรือ คือเลข 9 เลขมงคลทั้งลำ 

เรือฉลอมนี้จึงเป็นเรือฉลอมมงคลรายแรกของประเทศไทย เพราะทุกสัดส่วนตกเลข 9 ทั้งหมด

ไม่เพียงเท่านั้น วิธีการสร้างเรือฉลอมก็ไม่ธรรมดา เพราะใช้ไม้สักทั้งลำ และต้องเป็นไม้สักลายเดียวกันในการประกอบ เพื่อให้ลายไม้ต่อกัน หากวันไหนทำพลาด ต้องทิ้งทั้งแผ่น แล้วทำใหม่ อีกทั้งยังใช้ไม้ไผ่แทนตะปู เพื่อไม่ให้เกิดสนิม ก่อนจะลงแลคเกอร์เป็นขั้นตอนสุดท้าย

เรือฉลอมลำนี้ นอกจากจะเป็นเรือมงคล ที่มีความหมายมงคล ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวที่ผมประทับใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ลุงเปีย เปิดสอนให้ผู้ที่สนใจมาเรียนฟรี เพื่ออนุรักษ์การต่อเรือฉลอมจำลองให้คงอยู่ตลอดไป และยังเป็นอาชีพ สร้างรายได้อีกด้วย 

ผมขอแสดงความชื่นชมลุงเปีย ที่สร้างสรรค์ผลงานอันน่าทึ่ง ผมว่านี่จะเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่แสดงถึงวิถีชีวิตของชาวประมงไทย และทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักเมืองไทยมากยิ่งขึ้น จากเรือจิ๋วลำนี้ 

'สุวัจน์' ยินดี 'แอนโทเนีย' หลานย่าโม คว้ารอง 1 มิสยูนิเวิร์ส 2023 พร้อมขอบคุณที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเวทีระดับโลก

(19 พ.ย.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า แสดงความยินดีกับ น.ส.แอนโทเนีย โพซิ้ว มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 ตัวแทนประเทศไทย ที่สามารถคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่ 1 Miss Universe 2023 ในการประกวดนางงามจักรวาล ครั้งที่ 72 รอบตัดสิน (Final Competition) ที่จัดขึ้น ณ ยิมเนเซียมแห่งชาติ ในกรุงซานซัลวาดอร์ ประเทศเอลซัลวาดอร์ เช้าวันนี้ (ตามเวลาประเทศไทย)

โดยนายสุวัจน์ ได้แสดงความชื่นชมและขอบคุณแอนโทเนีย โพชิ้ว ซึ่งเป็นชาวโคราช หลานย่าโม ที่ได้ทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทยอย่างดีที่สุด จนสามารถคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่ 1  Miss Universe 2023 มาครอง นอกจากนี้แอนโทเนียยังได้เผยแพร่ซอฟต์พาวเวอร์วัฒนธรรมไทยที่งดงามโดดเด่นแก่สายตาชาวโลก โดยเฉพาะชุดแต่งกายประจำชาติ ‘เทพธิดาอาณาจักรอยุธยา’ ที่ได้รับแรงบันดาลจากรูปปั้นพระแม่ธรณีในช่วงยุคสมัยอยุธยาของอาณาจักรสยามที่มีอยู่ในช่วงทศวรรษที่ 14 ถึง 18 

“ปีนี้เป็นปีครบ 555 ปี เมืองโคราช การได้ครองตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ครั้งนี้ของแอนโทเนีย นับเป็นเรื่องที่ชาวโคราชภาคภูมิใจและมีความสุขกับความสำเร็จของหลานย่าโมคนนี้ ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเวทีระดับโลก ได้ใจคนโคราชและคนไทยทั้งประเทศ” นายสุวัจน์ กล่าว

สำหรับ แอนโทเนีย โพซิ้ว เธอเกิดเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 1996 (พ.ศ. 2539) ปัจจุบันอายุ 27 ปี เป็นเจ้าของแฮชแท็ก #หลานย่าโมจะGOจักรวาล มารดาของแอนโทเนียเป็นคนไทยและเป็นชาวโคราช บิดาเป็นชาวเดนมาร์ก ก่อนการประกวด เธอได้เข้าสักการะกราบเท้าย่าโม ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และยังเข้ากราบขอพรที่วัดศาลาลอย ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่ท้าวสุรนารีสร้างขึ้น นอกจากนี้ แอนโทเนีย ยังชอบทำและชอบกินผัดหมี่โคราชด้วย

‘สุวัจน์’ ขอบคุณ ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ ช่วยสร้างชื่อให้ประเทศ ถือโอกาสมอบรูปหล่อคุณย่าโม-หลวงพ่อคูนเป็นขวัญกำลังใจ

(7 ธ.ค.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ให้การต้อนรับ ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ รองอันดับ 1 Miss Universe 2023 และ คุณปุ้ย- ปิยาภรณ์ แสนโกศิก กรรมการผู้จัดการบริษัททีพีเอ็น โกลบอล จำกัด (TPN Global) ที่บ้านพัก ถนนราชวิถี 

นายสุวัจน์ กล่าวแสดงความยินดีและขอบคุณแอนโทเนีย ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย  และเป็นความสุข ภาคภูมิใจของชาวโคราช ในฐานะที่แอนโทเนียเป็นหลานย่าโมที่ได้รับตำแหน่งในปีที่โคราชครบรอบ 555 ปีพอดี โดยนายสุวัจน์ได้มอบรูปหล่อคุณย่าโม ที่สร้างในโอกาสที่โคราชมีอายุครบ 555 ปี และมอบพระยอดธง รุ่น 9 ของหลวงพ่อคูณ จัดทำขึ้นในโอกาส ครบรอบวันเกิด 90 ปี โดยหลวงพ่อคูณปลุกเสกเอง ให้กับแอนโทเนียและคุณปิยาภรณ์  เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำหน้าที่รองอันดับ 1 Miss Universe 2023 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้เศรษฐกิจบ้านเราต้องอาศัยเรื่องวัฒนธรรม เรื่องการท่องเที่ยว เรื่องอาหาร เรื่องการแสดงโชว์มวยไทย ชมโขน ชมละคร อันนี้คือ เสน่ห์ของซอฟต์พาวเวอร์ของคนไทย เรามีผู้แทนการค้าเศรษฐกิจแล้ว แอนโทเนีย ก็สามารถจะเป็นตัวแทนในการเผยแพร่ด้านวัฒนธรรมและซอฟต์พาวเวอร์ได้ จึงขอให้แอนโทเนียช่วยประเทศชาติด้วยการเป็นพรีเซนเตอร์ด้านวัฒนธรรมและซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทยให้ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก เพราะแอนโทเนียจะต้องเดินทางไปทำภารกิจอีกในหลาย ๆ ประเทศ ตนเชื่อมั่นในบุคลิกภาพ ความรู้ ความสามารถ ของแอนโทเนีย ที่โชว์ความเป็นไทย ทั้งด้านการแต่งกาย อาหาร วัฒนธรรม ภาษา และการไหว้ ซึ่งทั้งหมดมีอยู่ในตัวของแอนโทเนีย   

“นึกถึงผู้หญิงไทยนึกถึงความเก่ง นึกถึงซอฟต์พาวเวอร์ โดยเฉพาะชุดประจำชาติที่แอนโทเนียใส่ตอนประกวด คือชุด ‘เทพธิดาอาณาจักรอยุธยา’ เป็นการโชว์ถึงความยิ่งใหญ่ของความเป็นไทย และในโอกาสที่ยูเนสโก ประกาศขึ้นทะเบียน สงกรานต์ในประเทศไทยให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ซึ่งแอนโทเนียก็ได้รับเลือกให้เป็นนางสงกรานต์ประจำปี 2567 นับได้ว่าการได้รับตำแหน่ง ของแอนโทเนีย มาตรงกับจังหวะและสถานการณ์ ของประเทศพอดี เป็นประโยชน์อย่างมาก ขอให้ประสบความสำเร็จทุกเรื่อง และในวันที่ 11 ธันวาคม แอนโทเนียเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมา จะมีการต้อนรับอย่างอบอุ่น พอดีผมติดภารกิจในวันนั้น วันนี้จึงดีใจมากที่ได้พบกัน” นายสุวัจน์ กล่าว 

'สุวัจน์' เป็นประธานถวายหุ่นขี้ผึ้งเสมือน สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ปางปัญญาบารมี ณ วัดอินทรวิหาร พร้อมเปิดให้ 'ปชช.-นทท.' เข้าชมทุกวัน

เมื่อวานนี้ (16 ม.ค. 67) พระโสภณธรรมวงศ์ (เจ้าคุณน้อย) เจ้าคณะแขวงสามพระยา เจ้าอาวาสวัดอินทรวิหารฯ กรุงเทพ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีสมโภชบวงสรวงรูปเหมือนเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ปางปัญญาบารมี ณ มณฑลพิธีศักดิ์สิทธิ์ หน้าหลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร พระอารามหลวง (บางขุนพรหม) กทม. 

โดยมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาสและเจ้าภาพ 'ปอ' นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ ผู้บริหารเครือ TNP Group บริษัทนำเข้ารถรายใหญ่ของไทย ร่วมกับแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก 

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ปางปัญญาบารมี องค์นี้ ... เป็นหุ่นขี้ผึ้ง ขนาดสูง 178 ซม. ดำเนินการจัดสร้างโดย 'สันติ พิเชฐชัยกุล' ประติมากรเอกระดับโลก

สำหรับหลวงปู่โตองค์นี้เป็นไฟเบอร์กลาส ไม่ได้เป็นหุ่นขี้ผึ้งเบอร์กลาส ทนความร้อนได้ รายละเอียดเส้นจะเก็บได้คมชัดกว่า ซึ่งอาจารย์สันติ พิเชฐชัยกุล ท่านนี้คือคนเดียวกับที่ปั้นรูปหล่อเหมือนในหลวง ร.9

สำหรับ สมเด็จฯ โต องค์นี้ จะตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ปางปัญญาบารมี ณ ศาลาสังฆานุสรณ์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ซึ่งภายในจัดให้มีบรรยากาศแบบย้อนยุค สมัยรัชกาลที่ 4 พร้อมกับการรับชมชีวประวัติ โดยสมเด็จฯ โต 'อิ่มบุญ อิ่มใจ' เปิดให้ประชาชน นักท่องเที่ยว เข้าชมได้ทุกวัน ณ วัดอินทรวิหาร พระอารามหลวง 

ทั้งนี้ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) มีความผูกพันกับวัดอินทรวิหารฯ มาตั้งแต่เยาว์วัย กล่าวคือ ตั้งแต่เริ่มหัดเดินจนได้บวชเรียนเป็นสามเณรหลวง จากนั้นท่านได้มาสร้าง หลวงพ่อโต (พระพุทธศรีอริยเมตไตรย) เป็นพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร ขนาดใหญ่ สูง 32 เมตร เมื่อ พ.ศ.2410 สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ท่านได้มรณภาพลงขณะที่สร้างไปได้ถึงบริเวณพระนาภี (สะดือ) การก่อสร้างจึงหยุดชะงักลง และได้มีการก่อสร้างต่อจนสำเร็จในปี พ.ศ.2467 สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้จัดให้มีงานสมโภชเป็นครั้งแรกเป็นเวลาสามวัน คือวันที่ 4-6 มีนาคม พ.ศ.2471 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top