Wednesday, 15 May 2024
สุพรรณบุรี

'วราวุธ' เผยชาวบ้านถาม 'พิธา' เป็นสุพรรณบุรีแล้วเสียหายตรงไหน?  ยัน!! ยุค 'บรรหาร' เป็นรัฐบาล ก็บริหารประเทศให้พัฒนาทั่วถึง

(9 พ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวพาดพิงว่ากังวลประเทศไทยจะเป็นสุพรรณบุรีว่า มีชาว จ.สุพรรณบุรีบางส่วนส่งข้อความมาหาตนว่าเป็นสุพรรณบุรีแล้วมันเสียหายตรงไหน แต่อย่างไรก็ตาม จากการที่เคยทำงานร่วมกับนายพิธาและพรรคก้าวไกลในสภาผู้แทนราษฎร ได้เห็นว่าพวกเขาเชื่อมั่นในเรื่องความเสมอภาคและความเท่าเทียม ตนคิดว่าเขาคงไม่ได้หมายความไปตามสิ่งที่พูด และจากการที่ตนและนายพิธาได้ร่วมเวทีดีเบตกันมาแล้วหลายครั้ง เห็นว่านายพิธาคงไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ จึงคิดว่าอย่าเอาเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมาทำให้เป็นเรื่องดีกว่า เพราะอีกไม่กี่วันจะถึงวันเลือกตั้งอยู่แล้ว ขอให้มุ่งเน้นกันที่นโยบาย เพราะบางครั้งอาจจะมีเรื่องที่ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจและพลาดพลั้ง จึงอยากให้ปล่อยไปดีกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดูแลความรู้สึกของชาวสุพรรณบุรีอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราได้ทำงานอย่างต่อเนื่องใน จ.สุพรรณบุรี ซึ่งอาจมีหลายคนที่เกิดข้อกังขาว่า จ.สุพรรณบุรีมีการพัฒนา โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ขอชี้แจงว่าตอนที่นายบรรหารดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ จนถึงตอนดำรงตำแหน่งนายกฯ ทุกคนสามารถไปตรวจสอบได้ว่าการทำงานของนายบรรหารในช่วงเวลาเหล่านั้นได้ทำงานให้กับคนไทยทั้งประเทศ แม้กระทั่งตอนได้รับตำแหน่งนายกฯ จุดแรกที่ท่านเริ่มไปลงพื้นที่คือ ภาคใต้ ไม่ได้มาที่ จ.สุพรรณบุรีก่อน 

นอกจากนี้ ในยามที่นายบรรหารเป็นเพียง ส.ส. ท่านก็ยังทำงานให้ จ.สุพรรณบุรี ถือเป็นเรื่องปกติของการเป็น ส.ส. ส่วน ส.ส.แต่ละคนจะทำงานได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับศักยภาพแต่ละคน อย่างไรก็ตาม อยากทำความเข้าใจกับชาวสุพรรณบุรีว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ใน จ.สุพรรณบุรี พวกเรายังทำงานเหนียวแน่นกันดี

เมื่อถามว่า ดูเหมือนการปราศรัยในระยะหลังของพรรคก้าวไกล จะพูดแซะตระกูลหรือบ้านใหญ่ในจังหวัดต่าง ๆ นายวราวุธ กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ต้องขอบคุณที่มองเราเป็นบ้านใหญ่ เพราะสำหรับบ้านศิลปอาชาและพรรค ชทพ. ถือว่าสุพรรณบุรีเป็นบ้านใหญ่ของเรา ขณะเดียวกัน เราเข้าใจดีว่าการพูดบนเวทีบางครั้งอาจจะมีกลอนพาไป จึงอย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นเรื่องดีกว่า และอย่าเอามาเป็นประเด็นทางสังคมเลย เราควรไปโฟกัสนโยบายของแต่ละพรรคดีกว่า และอีก 3-4 วัน จะได้เวลาไปลงคะแนนเลือกตั้งกัน

เลาดาแอร์’ สายการบินของประเทศออสเตรีย เครื่องตกที่ป่าพุเตย จ.สุพรรณบุรี คร่า 223 ชีวิต

เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 767 ของสายการบินเลาดาแอร์ ประเทศออสเตรีย เส้นทางบิน ฮ่องกง-กรุงเทพฯ-เวียนนา บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือรวม 223 คนทะยานออกจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

หลังบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้เพียง 16 นาทีเศษ ก็เกิดเสียงระเบิดกึกก้องเหนือท้องฟ้าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติ พุเตย หมู่ 7 ตำบลห้วยขมิ้น อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อเวลา 23.20 น. ชาวบ้านแถวนั้นเห็นดวงไฟขนาดใหญ่ตกจากท้องฟ้าพุ่งลงสู่พื้นดิน ทั้ง 223 คน เสียชีวิต เป็นชาวต่างชาติ 184 คน ชาวไทย 39 คน

จากการตรวจพิสูจน์กล่องดำ พบสาเหตุสำคัญที่สุดคือกลไกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘ทรัสต์ รีเวิร์สเซอร์’ (Thrust Reverser) ที่เครื่องยนต์หมายเลข 1 ซึ่งทำหน้าที่ชะลอความเร็วของเครื่องบินขณะบินลงเกิดทำงานขึ้นกะทันหันอย่างไม่รู้สาเหตุ ขณะที่เครื่องบินยังอยู่สูงบนท้องฟ้าที่ระดับความสูง 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

ประกอบกับนักบินที่ 1 ไม่เชื่อไฟสัญญาณเตือนภัยที่กระพริบขึ้นมาในระยะที่เครื่องบินกำลังบินสูงราว 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แล้วไม่ตรวจสอบแก้ไข จึงก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมสลดครั้งนี้

13 มิถุนายน พ.ศ. 2535 ราชินีลูกทุ่ง ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’ เสียชีวิตด้วยโรคเอสแอลอี

พุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นชื่อการแสดงของ รำพึง จิตรหาญ หรือ ผึ้ง เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งขวัญใจคนไทย โดยได้รับฉายาว่าเป็น "ราชินีลูกทุ่ง"

พุ่มพวง ดวงจันทร์  เกิดที่จังหวัดชัยนาท ต่อมาเติบโตที่ จังหวัดสุพรรณบุรี ครอบครัวเป็นชาวไร่ฐานะยากจน เมื่ออายุได้ 15 ปี บิดาได้ฝากให้เป็นบุตรบุญธรรมของไวพจน์ เพชรสุพรรณ ซึ่งแต่งเพลงและอัดแผ่นเสียงชุดแรกชื่อ "แก้วรอพี่" ก่อนจะมีชื่อเสียงทั้งในวงการร้องเพลงและการแสดงในเวลาต่อมา

ปลายปี พ.ศ. 2534 พุ่มพวง ดวงจันทร์  ป่วยด้วยโรคเอสแอลอี โดยเธอพำนักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช และที่จันทบุรี ในช่วงวาระสุดท้ายเธอย้ายมาพำนักอยู่ที่บ้านพักของน้องสาว (สลักจิต ดวงจันทร์) ที่พุทธมณฑลสาย 2 เนื่องจากเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปที่เชียงใหม่

เพื่อไปเยี่ยมบุตรชายทั้งที่อาการของเธอแย่มากแล้ว ทุกคนต่างทำใจไว้ว่าเธอคงจะไม่รอดแล้ว และระหว่างทางเกิดอาการกำเริบจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก และเสียชีวิตในคืนวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เวลา 21:30 น. ด้วยวัยเพียง 30 ย่าง 31 ปี พิธีรดน้ำศพของเธอถูกจัดขึ้นที่วัดมกุฏกษัตริยารามเมื่อเย็นวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2535 และพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ณ วัดทับกระดาน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินไป ในการพระราชทานเพลิงศพครั้งนั้นด้วย

ท้าวเวสสุวรรณ หน้าทองคำ เทวรูปศักดิ์สิทธิ์ แห่งวัดเดิมบาง โชคลาภสมปรารถนา พลังเสน่ห์เมตตามหานิยม

‘ท้าวเวสสุวรรณ หน้าทองคำ’ เทพแห่งโภคทรัพย์สมบัติ บันดาลความรุ่งเรือง ความร่ำรวย ที่สำคัญก็คือมีใบหน้าเป็นทองคำ บันดาลฤทธิ์พลัง สายเสน่ห์เมตตามหานิยมแกผู้คนที่มากราบไหว้ นอกจะได้โชคลาภ สมปรารถนาแล้ว  ยังได้พลังเสน่ห์เมตตามหานิยม ดุจดั่ง ได้รับพลังวิเศษ นะหน้าทอง จากท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ

ท้าวเวสสุวรรณองค์นี้ ที่วัดเดิมบาง จัดสร้างโดย ท่านพระครูบาวชิริล สร้างถวายเพื่อประดิษฐานไว้ที่วัดแห่งนี้ สาเหตุที่สร้างเป็นหน้าทองคำก็เนื่องจากหลังพิธีเททองหล่อ ท่านพระครูบาฯ ได้นิมิตฝันว่า "ได้ยินเสียงดังขึ้นว่า ใบหน้าฉันเป็นทองคำนะ หน้าทอง" จึงเป็นปฐมเหตุให้สร้าง ท้าวเวสสุวรรณเป็นหน้าทองคำขึ้นมา ตามความประสงค์ของท่านท้าวเวสสุวรรณ ที่มาเข้าฝัน เพื่อเป็นศุภนิมิตมงคลสืบไป

ผู้ที่ต้องการตั้งจิตอธิษฐานไหว้ ท่านท้าวเวสสุวรรณจะนิยมไปไหว้กันในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ โดยของไหว้หลักๆ ที่จะต้องเตรียมไว้บูชานั้นก็ได้แก่ ธูป 9 ดอก และดอกกุหลาบ 9 ดอก รวมทั้งต้องเตรียมผลไม้ 5 อย่าง ที่สื่อถึงความหมายมงคล เช่น ผลไม้ที่มีสีแดง แก้วมังกร หรือทับทิมเป็นต้น และวิธีขอพราท่านท้าวเวสสุวรรณเพื่อเรียกทรัพย์นั้น ก็จะนิยมนำกระเป๋าสตางค์ที่ใช้ใส่เงินของตัวเอง ไปวนขวารอบกระบองของท่านท้าวเวสสุวรรณ จำนวน 9 รอบ หลังจากนั้นก็จะตั้งจิตอธิษฐานในสิ่งที่ตนเองปรารถนา

‘กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม’ ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน จ.สุพรรณบุรี พร้อมเรียนรู้ ‘ผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติก-ทำดินปลูกสร้าง BCG model’

เมื่อไม่นานมานี้ คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดย นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่ 4 พร้อมด้วย พลเรือเอก ชัยวัฒน์ เอี่ยมสมุทร กรรมาธิการ และคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับด้านทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ณ ศูนย์การเรียนรู้การบริหารจัดการขยะ สวนพุทธชาติ ตำบลบางปลาม้า อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีนางพีรดา ปฏิทัศน์ ประธานวิสาหกิจชุมชนแนวร่วมปฏิวัติขยะสุพรรณบุรี และคณะให้การต้อนรับ 

ในการนี้ คณะเดินทางได้รับฟังบรรยายสรุปและลงพื้นที่เยี่ยมชมฐานเรียนรู้ผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติก ด้วยกระบวนการไพโรไลซิส ฐานเรียนรู้ทำดินปลูกสร้าง BCG model ฐานเรียนรู้ชุมชนเครือข่ายสร้างสวัสดิการชุมชนด้วยขยะจากชุมชนหัวเขา เดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี

‘กัญจนา’ แจงปม ‘มาสคอตปลานีโม่-ฉลาม บึงฉวาก’ สภาพทรุดโทรม ชี้!! มุมดีๆ ปลาสวย-น้ำใส ก็มี วอนทุกคนใจกว้าง-เป็นกำลังใจให้ จนท.

(14 ม.ค.67) จากกรณีคลิปไวรัลมาสคอตปลาการ์ตูน สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติฯ สุพรรณบุรี อยู่ในสภาพเก่าและสีซีดมาก ชุดเปื่อย ครีบจะขาดอยู่แล้ว ก่อนจะมีคนเข้ามายืนยันหลายเสียงว่าปัจจุบันบึงฉวากทรุดโทรมมากจริง ๆ ไปแล้วดูเงียบเหงามาก ไม่มีคนเลย ต่างจากสมัยหลายสิบปีก่อน

ล่าสุด น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ‘NuNa Silpa-archa’ ระบุว่า ขอพื้นที่นี้ ช่วยทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลอควาเรียมบึงฉวาก ชี้แจงเรื่องที่คนโซเชียลบางคนเอาไปลงว่า มาสคอตของบึงฉวากเก่าแก่มาก และบางสื่อเอาไปขยายผล…

ความเป็นจริง คือ มาสคอตของทางอควาเรียมมีหลายตัว ยังแบ่งเอาไปช่วยที่งานวันเด็กของเทศบาลเดิมบางด้วย (เขาอยู่แบบช่วยเหลือกันค่ะ) ซึ่งเกือบทั้งหมด มีสภาพใหม่…

ทว่า ที่คนโซเชียลคนนั้นเอาไปลง ก็ได้กรุณาเลือกเอาตัวเก่าที่สุด คือ ‘ปลานีโม่และฉลาม’ ซึ่งทางนี้ก็มีส่วนผิดแหละ ไม่ควรเอาตัวเก่า 2 ตัวออกมาใช้ ควรเปลี่ยน…

เขาโพสต์วันที่ 11 ม.ค. ต่อมาในวันที่ 12 ม.ค. เจ้าหน้าที่ก็เปลี่ยนทันที…

ก็ต้องขอบคุณคนโพสต์นะคะที่สนใจ แต่จะขอบคุณมากขึ้น ถ้าจะโพสต์เรื่องที่ทางนี้เขาทำดีมาตลอดด้วย…

นํ้าใสสะอาดทุกตู้ ทุกแท็งก์ ปลาสวยงามมากมาย สถานที่ก็จัดภูมิทัศน์ดีมาก…

โซนอควาเรียม ดิฉันไปดูไม่บ่อยเท่าโซนสวนสัตว์ที่ไปทุกเดือน เพราะเขาทำดีอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่สวนสัตว์ทำไม่ดีนะคะ เพียงแต่ต้องการไปเยี่ยมพูดคุยกับสัตว์ (ยังไม่ได้บ้านะคะ แต่ดิฉันคุยกับทุกตัวจริงๆ เพียงแต่ไม่มีตัวไหนคุยตอบ…)

สรุป… ส่วนที่เป็นแก่นของสถานที่คือ การดูแลสัตว์ ที่อยู่สัตว์ สวัสดิภาพสัตว์ เขาทำได้ดี คนหลายคนก็คอมเมนต์ชื่นชม…

ส่วนคุณที่เอาไปโพสต์เรื่องมาสคอตเก่า และสื่อบางสื่อที่เลือกขยายผลเฉพาะเรื่องนี้ เราก็ต้องขอบคุณเขา ทำให้เรามาอุดจุดบกพร่องเล็กๆ ของเรา… แต่ถ้าคุณจะใจกว้างกว่านี้ พูดสิ่งดีบ้างถ้าไม่ยากไปนัก ก็จะดีนะคุณ…

ดิฉันขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่บึงฉวากทุกคน ทั้งโซนอควาเรียม สวนสัตว์ อุทยานผักพื้นบ้าน รีสอร์ต ที่ช่วยดูแลทุกอย่างสมเจตนารมณ์ที่ ‘พ่อบรรหาร’ ต้องการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ศึกษา ของคนทั่วไปที่ราคาไม่แพง…

และขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยและเทศ มาเที่ยวบึงฉวากนะคะ… จบค่ะ… ขอบคุณค่ะ

‘รมว.ปุ้ย’ เสียใจ เหตุระเบิดโรงงานพลุ จ.สุพรรณบุรี ลั่น!! แม้ไม่ใช่โรงงาน แต่ก็สั่งดูแลความปลอดภัยรอบด้าน

(18 ม.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ระเบิดสถานประกอบการผลิตพลุ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว 

และได้สั่งกำชับหน่วยงานในสังกัด อก. ในการป้องกันการเกิดเหตุอุบัติภัยและอัคคีภัยจากสถานประกอบการและเหมืองแร่ อก. ได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้ประกอบกิจการรายนี้มีใบอนุญาตเกี่ยวกับดอกไม้เพลิง ซึ่งเป็นการออกให้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 โดยสถานประกอบการดังกล่าวมีเป็นการผลิต ประกอบประทัดลูกบอลไล่นก ชนวนดำใช้กับพลุ โดยวัตถุดิบที่ใช้ประกอบ ได้แก่ ถ่านดินปืน ซึ่งบด ผสม มาจากที่อื่น และมีโพแทสเซียมคลอเรต (POTASSIUM CHLORATE) ที่เป็นสารประกอบหลัก ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในการควบคุมภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 มีคนงานในการประกอบกิจการทั้งหมด ประมาณ 30 คน ไม่มีเครื่องจักรในการประกอบกิจการ จึงไม่ได้อยู่ในขอบข่ายการเป็นโรงงาน ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 

“แม้การประกอบกิจการดังกล่าว จะไม่เป็นโรงงานตามกฎหมายโรงงาน แต่กระทรวงอุตสาหกรรมจะประสานบูรณาการกับหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความรอบคอบรัดกุม และไม่ให้เกิดเรื่องทำนองนี้อีก โดยกระทรวงฯ จะเข้าไปมีส่วนในการกำหนดเงื่อนไขการประกอบกิจการ เพื่อกำกับดูแลให้เป็นไปตามหลักวิศวกรรม ทั้งด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ได้อย่างเหมาะสมต่อไป” นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด อก. แจ้งเตือนและกำชับทุกสถานประกอบกิจการและเหมืองแร่ให้ระมัดระวังการประกอบกิจการในทุกขั้นตอน รวมถึงบริเวณที่มีการผลิต การจัดเก็บวัตถุดิบ สารเคมีและผลิตภัณฑ์ ต้องไม่มีแหล่งกำเนิดประกายไฟ หรืออยู่ใกล้กับเชื้อเพลิงและสารไวไฟทุกชนิด รวมถึงกำชับพนักงานให้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติงาน และปฏิบัติตามขั้นตอนการดำเนินงานอย่างปลอดภัยและเคร่งครัด ก่อให้เกิดประกายไฟขึ้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของสถานประกอบกิจการ ตลอดจนประชาชนในบริเวณใกล้เคียง และ อก. ได้จัดทำข้อปฏิบัติฯ และคู่มือความปลอดภัยด้านต่าง ๆ สามารถดาวน์โหลดข้อมูลดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) http://www.diw.go.th 

‘วราวุธ’ เดินหน้าช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต เหตุ ‘โรงงานพลุระเบิด’ ห่วงสุดเด็ก 8 ขวบ สูญเสียทั้งพ่อแม่ กำชับ!! จนท.ประกบ 24 ชม.

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค. 67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ว่า จากรายงานล่าสุดของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยืนยันผู้เสียชีวิต 23 ราย และครอบครัวที่เสียชีวิตทั้งบิดามารดา จำนวน 3 ครอบครัว ซึ่งทางกระทรวง พม. ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนลำดับต้น เด็กเล็กสุดที่เสียทั้งคุณพ่อคุณแม่อายุเพียง 8 ขวบ เรียนป.2 และยังมีเยาวชนอายุ 16 ปี-ม.4 และ อายุ 18 ปี-ม.6 ซึ่งตนได้คุยกับ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา แล้วว่าทางมูลนิธิ จะดูแลเรื่องการศึกษาของน้อง 3 ครอบครัวที่ที่อยู่ในวัยเรียนให้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วง และที่สำคัญตน ขอขอบพระคุณ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และ นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ที่ได้ให้เกียรติลงพื้นที่ช่วยเป็นกำลังใจและดูแลพี่น้องประชาชนที่สุพรรณบุรี รวมไปถึงขอขอบคุณทุกหน่วยงานราชการ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย ที่ได้ระดมสรรพช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่

นายวราวุธ กล่าวว่า ยืนยันว่าทางกระทรวง พม. จะมีการทำบุญครบ 7 วันให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ และระดมให้ความช่วยเหลือในส่วนของการซ่อมแซมบ้าน ซึ่งทางกระทรวง พม. กำลังเร่งสำรวจ และเร่งดำเนินการให้ นอกจากนี้ได้จัดให้มีนักสหวิชาชีพ และนักจิตวิทยา ประกบญาติทั้ง 23 ราย ซึ่งตัวเลขคือ 17 ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ โดยให้มีเจ้าหน้าที่ประกบตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 10 วันแรก และเจ้าหน้าที่พม.ระดม กำลังจากทุกจังหวัด ภายใต้โครงการ พม.หนึ่งเดียว อาทิ กาญจนบุรี นครปฐม ชัยนาท อยุธยา ระดมสรรพกำลังทั้งหมดเข้ามาช่วยดูแลพี่น้องประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง เพราะความสำคัญนอกจากเรื่องเงินชดเชยแล้วคือเรื่องการเยียวยาจิตใจ ฃ

“นักสหวิชาชีพและนักจิตวิทยารายงานเคสที่หนักหน่อยคือกรณีน้องเด็กเล็ก 8 ขวบ ที่ยังสั่นอยู่ ซึ่งขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เห็นใจอย่างยิ่ง เพราะจู่ ๆ ก็ต้องสูญเสียทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ดังนั้นจึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. ประกบตลอด 24 ชั่วโมง” นายวราวุธ กล่าว

‘มูลนิธิบรรหาร-แจ่มใสฯ’ เตรียมมอบเงินเยียวยาครอบครัวเหยื่อพลุระเบิด พร้อมเกื้อหนุนค่าเล่าเรียนเด็กที่สูญเสียพ่อแม่ จนจบปริญญาตรี

(19 ม.ค.67) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ในวันที่ 23 ม.ค.67 ซึ่งจะครบ 7 วันของเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดที่ ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย ทางกระทรวงพม.จึงจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ รวมทั้งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้สูญเสีย และพี่น้องประชาชนในบริเวณใกล้เคียง รวมถึงประชาชนทั่วไป เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นโศกนาฏกรรมที่กระทบกระเทือนจิตใจของทุกๆ คนเป็นอย่างมาก และเมื่อเสร็จจากทำบุญแล้วจะเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อให้กำลังใจ โดยเฉพาะ 3 ครอบครัวที่สูญเสียทั้งพ่อและแม่ซึ่งเป็นเสาหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว 

น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ในนามตัวแทนของมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา จะได้มอบเงินให้กับ 17 ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย เพราะบางครัวเรือนมีผู้เสียชีวิตมากกว่าหนึ่งราย โดยจะมอบให้ครัวเรือนละ 20,000 บาท อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบข้อมูลเบื้องต้น มีเด็กเยาวชนที่อยู่ในวัยศึกษาซึ่งสูญเสียทั้งพ่อและแม่อยู่ประมาณ 4 ราย ดังนั้นมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา จะช่วยสนับสนุนทุนการศึกษาอย่างน้อยถึงระดับปริญญาตรี

‘วราวุธ’ ย้ำ!! เร่งช่วยเหลือครอบครัว 23 เหยื่อโรงงานพลุระเบิด พร้อมดูแลด้าน ‘กาย-จิตใจ-การศึกษา-รายได้และความเป็นอยู่’

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 67 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์กรณีได้รับรายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุโรงงานพลุระเบิด ที่ตำบลศาลาขาว อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ว่า ถือเป็นพระมหากรุณาที่คุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่ประชาชนผู้ประสบอัคคีภัย องคมนตรีได้เยี่ยมเยียน สอบถามความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย ซึ่งถือเป็นขวัญและกำลังใจ นอกจากผู้ได้รับผลกระทบแล้ว ยังเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วย

นายวราวุธ กล่าวว่า ขณะนี้สำหรับผู้เสียชีวิต 23 ราย เราได้รายละเอียดครบทุกคนแล้ว โดยทราบว่ามีใครเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องบ้าง เกี่ยวข้องอย่างไร เพราะบางคนผู้ได้รับผลกระทบที่สุดคือหลาน โดยมีลูกมีอาชีพรับจ้างรายได้ไม่แน่นอน ฉะนั้น คนที่เสียชีวิตจะเป็นเสาหลัก แต่บางบ้านผู้เสียชีวิตไม่ใช่เสาหลัก ดังนั้นจึงจะพิจารณาเป็นรายๆ ไป

นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า รายละเอียดทั้งหมด แบ่งเป็น 4 มิติ ได้แก่ สุขภาพกาย, สุขภาพจิต, เรื่องการศึกษา, รายได้และความเป็นอยู่ โดยในแต่ละมิติจะมีหลายหน่วยงานเข้ามา อาทิ เรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิต จะเป็นเรื่องของกระทรวงพม. กับกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการศึกษาก็จะมีทั้งเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ เข้ามา ด้านรายได้ก็จะมีเงินประกันสังคม จากกระทรวงแรงงาน ส่วนเรื่องความเป็นอยู่ก็จะมีกระทรวงมหาดไทย และภาคเอกชนเข้ามาช่วย

อย่างไรก็ตาม ตนย้ำกับทีม พม.หนึ่งเดียวแล้วว่า ขณะที่ พม.มีวอร์รูมแล้ว ขอให้มีการประสานงานที่ดีกับหน่วยงานอื่น เพราะจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่สับสน

นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ตอนนี้เคสที่หนัก คือ 3 ครอบครัว เด็กเยาวชนที่สูญเสียทั้งพ่อและแม่พร้อมกัน เนื่องจากเป็นเด็กเล็ก ยังเรียนหนังสือ ซึ่งขณะนี้มีหลายฝ่ายเข้าช่วยเหลือเรื่องทุนการศึกษา ทุกคนจะต้องได้เรียนต่ออย่างแน่นอน และต้องขอขอบคุณ ทุกหน่วยงาน ภาคเอกชนทุกราย และอีกหลายฝ่ายที่ยื่นมือเข้ามาช่วยสนับสนุน

“นักสหวิชาชีพ และนักจิตวิทยา รายงานกรณีเข้าประกบดูแลเคส ระบุว่า ตอนนี้ทุกคนอยู่ในภาวะเครียด เศร้าและซึม จิตใจย่ำแย่ ซึ่งในช่วง 7-10 วันแรกนี้ นักสหวิชาชีพ และนักจิตวิทยาจะประกบอยู่ทุกวันตลอดเวลา มีการประเมินสภาพจิตใจกันทุกวัน สถานการณ์หลังพูดคุยแล้วจิตใจเป็นอย่างไร และมีทีมแพทย์ ทีมนักจิตวิทยาจากโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี กระทรวงสาธารณสุข เข้ามาร่วมงานกันด้วย เราต้องตามติดกันทุกวัน เพราะในเบื้องต้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การดูแลสภาพจิตใจกันก่อน” นายวราวุธ กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top