Friday, 10 May 2024
สืบนครบาล

สืบนครบาลรวบป๋าตือ วัย 70 ปีเจ้าของคณะเชิดสิงโตล่วงละเมิดเด็กหญิง 8 ขวบ

เสียงร้องไห้ที่ชวนขนหัวลุกในทุกค่ำคืน เสียงที่ไม่มีที่มาที่ไปเป็นเวลาหลายปี นำมาสู่การไขคดีสุดแสนสะเทือนใจไม่ใช่เรื่องอาถรรพ์ในบ้านแต่มันเป็นเสียงร้องไห้ของ 'น้องเอ' (นามสมมุติ) วัย 13 ปี ที่แอบร้องไห้ตลอดระยะเวลา 4 ปี จุดเริ่มต้นเมื่อพ.ศ.2561 ขณะนั้นน้องอายุ 8 ปี ได้ถูกป๋าตือ” ผู้เฒ่าวัย 70 ปีเจ้าของคณะเชิดสิงโตย่านดินแดงล่วงละเมิด แล้วหลบหนีไป จึงมาขอความช่วยเหลือต่อผู้การจ๋อ  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ให้สืบสวนจับกุมตัวคนร้าย เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อครอบครัวน้องผู้เสียหาย

เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.เอกศิษฐ์  วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น.  , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกกฯ , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น.,  , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว กก.4 บก .สส.บช.น. , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.ฯ ,  ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว กก.1 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว ฝอ บก.สส.บช.น.  , ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ   อันชูฤทธิ์ รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์  รอง สว.ฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว

นายปิ๋ว แจ่มน้อย อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/47 ซ.เทียนทะเล 28 ถ.บางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1210/2567 ลงวันที่ 22 มี.ค. 67 

โดยกล่าวหาว่า “พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร , กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี , กระทำชำเราแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี และพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร”

จับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 810 หมู่บ้านการเคหะ ซ.นวมินทร์45 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์กล่าวคือ เสียงร้องไห้กระซิกเบาๆที่ชวนขนหัวลุกในทุกค่ำคืน ภายในบ้านหลังหนึ่งย่าน จ.นนทบุรี โดยหญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและลูกๆที่พักอาศัยอยู่ในบ้านต่างสัมผัสได้ถึงเสียงที่ไม่มีที่มาที่ไปนี้มาเป็นเวลาหลายปี แต่ก็ไม่สามารถทราบถึงต้นตอของเสียงได้ จนกระทั่งกลางปี พ.ศ.2566 จุดเริ่มต้นของเรื่องราวแสนหดหู่ได้แดงขึ้น เมื่อบุตรสาวคนสุดท้องที่พักอยู่ในบ้านหลังนี้กับเธอได้มาพูดว่า “หนูอยากย้ายบ้าน” โดยมีใบหน้าและท่าทางที่สุดแสนจะเศร้าหมอง เธอเริ่มถามไถ่สาเหตุจากบุตรสาวจนได้ทราบว่า แท้จริงแล้วเสียงที่ชวนขนหัวลุกทุกค่ำคืนนั้นไม่ใช่เรื่องอาถรรพ์ในบ้านของเธอ แต่มันเป็นเสียงร้องไห้ของ “น้องเอ” (นามสมมุติ) บุตรสาวคฃวัย 13 ปี ของเธอที่แอบร้องไห้ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา สัญชาตญาณผู้เป็นแม่สัมผัสได้ถึงเรื่องเลวร้าย โอบกอดผู้เป็นแม่ทำให้น้องเอพร้อมระบายความอัดอั้นกว่า 3 ชั่วโมง จุดเริ่มต้นเรื่องราวย้อนกลับไปตั้งแต่ พ.ศ.2561 ขณะนั้นน้องเออายุ 8 ปี ผู้เป็นแม่ได้พบกับความรักครั้งใหม่และมักจะเดินทางไปมาหาสู่ที่บ้านของแฟนคนใหม่ย่านดินแดง กรุงเทพฯอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งแม่ก็จะพาน้องเอไปอยู่ด้วย โดยภายในบ้านฝ่ายชายนั้นดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยใด เพราะนอกจากตัวเขาแล้วก็มีเพียงผู้เฒ่าวัยชราอีก 2 คน ที่เป็นพ่อและแม่ของฝ่ายชายพักอาศัยอยู่ในบ้านด้วย จุดเริ่มต้นของนรกบนดินได้เริ่มขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2561 

ขณะนั้นแม่และแฟนคนใหม่ได้ออกไปข้างนอก ภายในบ้านเหลือเพียงเธอกับผู้สูงอายุอีก 2 คน ที่ยังอยู่ในบ้าน ในวันนั้น “ป๋าตือ” ผู้เฒ่าวัย 70 ปี ได้ชักชวนเธอลงจากบ้านเพื่อไปซื้อขนม แต่เมื่อถึงบ้านชั้นล่างกลับลวงเธอเข้าไปในห้องครัวก่อนจะจับเธอถอดเสื้อผ้าแล้วลงมือข่มขืนเธอในห้องครัวอย่างรุนแรง เธอเจ็บมากแต่ก็ไม่กล้าขัดขืนเพราะตาเฒ่าได้หยิบมีดในห้องครัวมาข่มขู่ว่าหากบอกใครจะถูกฆ่า ซึ่งหลังจากวันนั้นบ้านพักที่ดินแดงนี้ก็เหมือนเป็นนรกสำหรับน้องเอ น้องถูกคนร้ายนี้ข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ตั้งแต่อายุ 8 ปี 

จนถึงปัจจุบันเธออายุ 13 ปี  ไม่กล้าบอกใครเพราะคำขู่ฆ่าเป็นภาพจำ น้องเอทำได้เพียงร้องไห้เบาๆเพื่อมิให้ใครได้ยินทุกค่ำคืน มันไม่ใช่เสียงอาถรรพ์ใดๆ แต่มันเป็นเสียงของความอัดอั้นตันใจ ของเด็กสาวคนหนึ่งที่ถูกกระทำย่ำยีมาตลอด 5 ปี จากเรื่องอาถรรพ์กลายเป็นเรื่องราวที่แสนสะเทือนใจถ่ายทอดผ่านน้ำตาเด็กสาวกว่า 3 ชั่วโมง สะท้านไปทั้งหัวใจผู้เป็นแม่ พาเธอเข้าแจ้งความดำเนินคดีก่อนจะหอบข้าวของทิ้งทุกสิ่งอย่างออกจากบ้านฝ่ายชายในทันที ซึ่งล่าสุดตาเฒ่าตัณหากลับรายนี้ถูกออกหมายจับแล้ว คือ นายปิ๋ว หรือตือ อายุ 70 ปี พ่อใหญ่แห่งตระกูลดัง และยังเป็นถึงเจ้าของคณะเชิดสิงโตย่านดินแดง แต่เจ้าตัวไหวตัวทันหลบหนีขนของออกจากบ้านพักแล้วหายเข้ากลีบเมฆไปในทันที อีกทั้งเจ้าตัวยังมีเส้นสายคอยส่งซิกให้ ทำให้เจ้าตัวแคล้วคลาดรอดตัวได้จนถึงปัจจุบัน จนเรื่องนี้ถึงหูของ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบนครบาลลงพื้นที่ไล่ล่าในทันที แต่งานนี้ไม่ง่ายเพราะคนร้ายรู้จักการต่อต้านการสืบสวนเป็นอย่างดี ทำเอาเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์ จนกระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 5 เม.ย. 67 ขณะที่ชุดสืบสวนนั่งแวะพักเหนื่อยในตลาดแห่งหนึ่งย่านนวมินทร์ เสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจ ขณะที่ชุดสืบสวนจะจ่ายค่าอาหารได้ทำเงินเหรียญร่วมไปบนพื้น และขณะก้มเก็บได้เห็นขาของวัยรุ่นคนหนึ่งสวมเกี๊ยว (อุปกรณ์กันกระแทกของคนเชิดสิงโต) สะกิดใจให้ชุดสืบสวนสะกดรอยไป นำมาสู่การพบและจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด

ในชั้นจับกุม นายปิ๋วฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเป็นคนกรุงเทพฯ โดยก่อนหลบหนีได้อาศัยอยู่ที่บ้านเช่าใกล้ศาลเจ้า ย่านดินแดง ซึ่งตนมีความคลุกคลีกับคณะแสดงเชิดสิงโตที่ศาลเจ้ามาตั้งแต่เด็ก จนช่วงอายุ 7 ขวบ ตนได้มีโอกาสได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดเชิดสิงโตที่คณะสิงโตชื่อดังและได้พัฒนาฝีมือจนได้แสดงในงานเทศกาลและงานสำคัญต่างๆเรื่อยมา จนย่างเข้าอายุ 30 ปี ตนได้เปิดคณะเชิดสิงโตเป็นของตนเอง นับแต่ก่อตั้งคณะตนได้ส่งเสียดูแลเด็กๆและคนในคณะห้าสิบกว่าชีวิตจนกระทั่งลูกชายคนโตของตนได้รู้จักกับ น.ส.บี (นามสมมติ) ซึ่งเป็นนักแสดงในคณะ (มารดาของผู้เสียหาย) และตกลงใช้ชีวิตกันฉันสามีภรรยาโดยที่ น.ส.บี ได้พา ด.ญ.เอ (นามสมติ) ซึ่งเป็นลูกสาว (ผู้เสียหาย) มาอาศัย ที่บ้านเช่าย่านดินแดงซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ฝึกงานแสดงของคณะและใช้เป็นบ้านพักอาศัยของคนในครอบครัวของตน ทำให้ตนได้รู้จักกับ ด.ญ.เอ จนกระทั่งเกิดเรื่องที่ตนถูกกล่าวหาว่า ข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.เอ ตนได้ทราบจากคนรู้จักว่าถูกออกหมายจับคดีอนาจารเด็ก ทำให้ตนจำเป็นต้องหนีเนื่องจากกลัวความผิด และได้ย้ายไปอยู่อาศัยกับคนรู้จักที่อยู่ในแวดวงคณะเชิดสิงโตเรื่อยมา 

จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2567 ตนได้ย้ายมาอยู่อาศัยกับคนรู้จักที่เป็นเจ้าของคณะเชิดสิงโตย่านลาดพร้าว ซึ่งตนได้พักอาศัยที่บ้านของคนรู้จักเป็นระยะเวลา 4 วัน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2567 เรื่องทางคดีตนเองถูกแบล็คเมล เพราะแม่ของเด็กนั้นร้ายกาจ ชอบให้ลูกของตัวเองไปอยู่ใกล้ผู้ชายแล้วไปเรียกเงินจากเขา ส่วนที่ตนเองหนีนั้นเพราะทราบว่าตนเองถูกแจ้งความและถูกออกหมายจับ ตนก็เลยหนีมาแอบที่เซฟลับที่ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งญาติสนิทของตนเอง โดยจะตั้งหลักเพื่อรอเคลียกับทางฝ่ายเด็กผู้หญิงให้ถอนแจ้งความ”

หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนร้าย ถึงแม้คนร้ายเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือในวงคณะเชิดสิงโต ไม่มีเหตุผลใดที่เด็กสาวผู้เสียหายจะต้องโกหกอีกทั้งมีพยานหลักฐานอื่นๆยืนยันถึงการกระทำผิดของคนร้าย จึงนับว่าน่าหดหู่ใจอย่างยิ่งที่สถานที่ปลอดภัยที่สุดของเด็กๆ กลับกลายเป็น “นรกบนดิน” ที่สร้างสมฟูมฟักบาดแผลหยั่งลึกลงในใจของเด็กน้อยไปนานแสนนาน ผมขออวยพรให้น้องผู้เสียหายมีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต และขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้สอดส่องพฤติกรรมของบุตรหลานท่าน อย่าได้นิ่งดูดายเพราะพวกเขาอาจจะประสบอยู่กับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้อยู่ก็เป็นได้ และหากทราบเบาะแสโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท. ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

กำไรที่ไม่มีอยู่จริง…สืบนครบาลรวบอารียาบางไผ่ บัญชีม้า 300 บาทโดนคุกอ่วม

นโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร.  ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์  ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เร่งทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ตามหมายจับเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการฉ้อโกลหลอกลวงประชาชนในสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึง บัญชีม้า ที่เป็นโรคระบาดเชื้อร้ายทำร้ายความสงบสุขของประชาชนในสังคมในวงกว้าง

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งให้พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส.บช.น, พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ รอง ผบก.สส.บช.น , พ.ต.อ.อดุลย์ ดอกพวง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. ,พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง รอง ผกก.สส.4ฯ , พ.ต.ท.รัฐนันท์ สมวงศ์ รอง ผกก.สส.4ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ภัทร  บุญอารักษ์ สว.กลุ่มงานสอบสวนฯ ช่วยราการ กก.4ฯ , ร.ต.อ.ณพวิทย์ ดิษฐ์ป้าน รอง สว.กก.สส.4ฯ , ร.ต.ต.เด่น ภูมิคอนสาร รอง สว. ดำเนินการจับกุม น.ส.อารียา อัมระนันท์ อายุ 20 ปีอยู่ที่  ม.7 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม.ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอ่างทอง ที่ 64/2567 ลงวันที่ 15 มีนาคม 2567

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นผู้อื่น,โดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี,โอนรับโอนหรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้นและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่บุคคลสองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ”สถานที่จับกุมบริเวณ หน้าบ้าน ม.7 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม. พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2566 ผู้เสียหาย ได้เห็นโฆษณาใน Facebook ที่ใช้ซื้อบริษัท Facebook Shop ซึ่งอ้างว่าเป็นงานสั่งซื้อขายสินค้าในระบบ เพียงแค่เปิดหน้าเว็บไซต์ รอระบบ AI ทำการสั่งซื้ออัตโนมัติ 3-5 นาที ก็สามารถรับเงินปันผลเป็นกำไรได้ และได้รับค่าคอมมิชชั่น 10-50 % ของเงินฝาก โดยฝาก 1 ครั้ง และถอน *1 ครั้ง (เงินต้น + เงินปันผล) โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการชื่อ น.ส.พิไลรัตน์ ชาลีชาติ เป็นผู้แนะนำระบบการทำงานการสร้างรายได้ และให้ทำการลงทะเบียนในเว็บ https://coupangthai666-job.com และผูกบัญชีเงินฝากของธนาคารกสิกรไทยไว้ในระบบ ในครั้งที่ 1 โดยลงทุนไป 500 บาท สามารถถอนเงินลงทุนและเงินปันผลกำไรได้ 610 บาท ในครั้งที่ 2 และ 3 เป็นเงิน 1,800 บาท และ 2,499 บาท  ถอนเงินลงทุนและเงินปันผลกำไรในแต่ละครั้งกลับเข้าบัญชีที่ผูกไว้กับระบบได้เป็นเงิน 2,070 บาท และ 3,080 บาท ในครั้งที่ 4 เป็นเงินลงทุน 3,888 บาท ซึ่งจะได้เงินทุนและเงินปันผลกำไรคืนเป็นเงิน 5,054 บาท ซึ่งระหว่างระบบรอรับยอดเข้า ทาง คนร้ายได้แจ้งว่า ขณะนี้มีลูกค้าจำนวนมากเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกท่าน คนร้ายทำภารกิจงานคู่ระดับเดียวกัน  พอทำภาระกิจคู่ไปแล้ว ในครั้งที่ 4 ก็ไม่สามารถถอนเงินได้ ต้องทำภาระกิจต่อโดยการลงทุนเป็นเงิน 8,888 บาท จะได้เงินลงทุนและเงินปันผลกำไรคืน 18,386 บาท แต่เมื่อโอนเงินเพื่อทำภาระกิจให้เสร็จ ก็ยังไม่สามารถถอนเงินคืนได้ เพราะว่ายังเหลือภาระกิจสุดท้ายเป็นการโอนเงินยอด 28,888 บาท ซึ่งจะได้ผลตอบแทนเป็นเงิน 61,718 บาท ซึ่งเมื่อโอนเงินจำนวน 28,888 บาท ไปแล้ว ก็ยังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ต้องชำระค่าขนส่งอีก 59,990 บาท ก่อนซึ่งจะสามารถถอนเงินคืนได้ทั้งหมดเป็นเงิน 151,703 บาท แต่แล้ว หลังจากโอนค่าขนส่งไปแล้วก็ยังไม่สามารถถอนเงินคืนได้ อ้างว่าลูกค้าถอนเงินไม่ตรงจำนวนกับระบบ ต้องทำอีก 2 ภารกิจเพื่อ ทำกการปลดล็อคระบบ โดยภาระกิจแรกต้องโอนเงิน 98,000 บาท และภาระกิจที่ 2 ต้องโอนเงินอีก 145,000 บาท ซึ่งหลังจากจบทั้งสองภาระกิจนี้แล้ว จะสามารถถอนเงินออกได้ทั้งหมดเป็นเงิน 428,703 บาท แต่เมื่อทำจบภาระกิจ ก็ยังไม่สามารถถอนเงินทั้งหมดออกมาได้ เนื่องจากระบบปฏิเสธการถอนเงิน โดยอ้างว่าได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่าลูกค้าทำการสั่งซื้อเกินเวลา ต้องทำอีก 2 ภาระกิจเพื่อทำการปลดเป็นเงินทั้งหมด 196,000 บาท ซึ่วการกระทำดังกล่าวของคนร้ายเป็นการหลอกลวงให้โอนเงินโดยมีเงินปันผลกำไรเป็นสิ่งล่อใจ ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับคนร้าย  จนกว่าคดีถึงที่สุด ความเสียหายในคดี  346,453 บาท นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกษไชโย ภ.จว.อ่างทอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ

ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าตนเองได้เปิดบัญชีให้กับคนร้าย  โดยรู้จักกันผ่าน Facebook เมื่อผู้เปิดบัญชีให้คนร้ายแล้วได้รับค่าจ้างจึงได้ส่งบัญชีไปให้คนร้าย ได้รับค่าตอบเเทนเป็นเงิน 300 บาท ด้าน พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวแจ้งเตือนภัย ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่าหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งแฝงตัวมา ส่วนเจ้าของบัญชีม้าหรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากไม่แน่ใจหรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดมายังเพจ สืบนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที

สืบนครบาล ตามรวบใหญ่บางเขน เจ้าของเพจขายรถมือสอง นำรถที่ยังติดไฟแนนซ์มาขายให้ผู้เสียหาย

จากนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เร่งทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ตามหมายจับเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการฉ้อโกลหลอกลวงประชาชนในสื่อสังคมออนไลน์

โดยเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ,พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ    พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฎิบัติการที่ 2ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ศศรินทร์ หรือใหญ่ อายุ 34 ภูมิลำเนา ถ. พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. บุคคลตามหมายจับศาลอาญามีบุรี ที่ 660/2566 ลง 28 มิ.ย.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง ” จับกุมได้ที่บริเวณปากซอยแจ้งวัฒนะ 1 แยก 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม.

พฤติการณ์ในคดี ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้ติดต่อทางแอปพลิเคชั่นไลน์กับผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาใช้ไลน์ชื่อ Rin Ben ซึ่งเป็นพนักงานขายรถยนต์(เซลล์)ได้เสนอขายรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ Cls 250 ปี2012 ดีเซล ราดา 1,259,000 บาท ผู้เสียหายได้ตกลงซื้อ ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ต.ค.2565 ผู้ต้องหานัดหมายให้ผู้เสียหายไปทำสัญญาซื้อขายรถที่ศุนย์อาหารแถววัชรพล ตกลงกันโดยผู้เสียหายได้มอบรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์รุ่น S300 ราดา 80.,000 บาท คงค้างชำระอีกจำนวน 450,000 บาท และผู้ต้องหาได้มอบรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์รุ่น CIs 250 ปี 2012 ให้กับผู้เสียหาย ต่อมาผู้เสียหายได้ชำระส่วนที่เหลือให้ผู้ต้องหาโดยการโอนเข้าบัญชีผู้ต้องหาจำนวน 3 ครั้ง รวมจำนวน 200,000 บาท คงเหลือค้างชำระอีกจำนวน 250,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายจะชำระให้แต่ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อกับ ชื่อผู้ครอบครองรถคันดังกล่าว จึงทราบว่ารถยนต์ดันดังกล่าวยังค้างค่างวดกับธนาคาร เป็นเงิน 1,209,438.23 บาท จึงเชื่อว่าถูกผู้ต้องหาหลอกลวง และได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

จากการตรวจสอบประวัติจากฐานข้อมูลระบบ พบผู้ต้องหาเคยมีคดีดังนี้
1. ปี 2564 คดีฉ้อโกง ของ สภ.บางบัวทอง
2. ปี 2565 คดีพรบ.เช็ค เจตนาที่จะไม่มีให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ของ สน.วังทองหลาง
3. ปี 2566 คดีฉ้อโกง ของ สน.คันนายาว (ในคดีที่ถูกจับนี้)

จากนั้นได้นำส่งพนักงานสอบสวน  สน. คันนายาว เพื่อเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ขอฝากเตือนภัยไปยังประชาชน หากซื้อรถมือสองโดยไม่ทราบที่มา หรือรถที่มีการประกาศขายลักษณะเป็นการโอนลอย ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นรถหนีไฟแนนซ์ หรือรถที่ถูกโจรกรรมมา ซึ่งผู้ซื้อรถมีความเสี่ยงถูกดำเนินคดีความผิดทางอาญาข้อหายักยอกทรัพย์หรือรับของโจร วิธีที่ง่ายและถูกต้องตามกฎหมาย ควรซื้อรถจากเจ้าของโดยตรง แล้วโอนกรรมสิทธิ์ชื่อครอบครองเป็นของตนให้ถูกต้อง

สืบนครบาล ร่วมสืบ114 รวบสาวสองกระชากสร้อยหลังหลบหนีกบดานสำนักสงฆ์กว่า 2 ปี

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท. ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนผู้สุจริต โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่ามีคนร้าย ข้อหา วิ่งราวทรัพย์ ได้ไปอาศัยใบบุญสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมาปิดบังความผิด หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกือบ 2 ปี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้สั่งกำชับให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล ดำเนินการจับกุมตัวให้ได้

ต่อเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 10.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  สั่งการพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, ปฏิบัติราชการ  สว.กก.สส.1 พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 2 พร้อมนักเรียนสืบสวนคดีอาญา รุ่น 114 (ชป.2) ดำเนินการจับกุมตัว

นายอมรเทพ อาทะ อายุ 29 ปี ที่อยู่ 74 หมู่ที่9 ตำบลหนองอึ่ง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ ที่ จ.98/2565 ลงวันที่ 2 พ.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” จับกุมได้ที่บริเวณ สำนักสงฆ์ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

พฤติการณ์แห่งคดี คือ เมื่อประมาณวันที่ 29 เมษายน 2565 เวลากลางวัน นายอมรเทพ ได้ขับรถจักรยานยนต์ Honda Wave สีเขียว ของน้องสาว ไม่ทราบป้ายทะเบียน มายังร้านขายก๋วยเตี๋ยว บริเวณหมู่บ้านบ้านเงี่ยง ขณะจอดซื้อก๋วยเตี๋ยว เห็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวสวมสร้อยคอทองคำ หนักประมาณ 1 บาท บริเวณคอ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบอาศัยช่วงเวลาที่แม่ค้าเผลอกระชากสร้อยคอทองคำฯ แล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

จากการตรวจสอบในฐานระบบ ยังพบมีหมายจับติดตัวอีก 1 หมาย เป็นหมายจับศาลแขวงปทุมวัน ที่ 191/2563 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2563 ในการกระทำความผิดฐาน “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”

ในชั้นจับกุมสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตามวันเวลาดังกล่าวได้ทำการกระชากสร้อยคอทองคำฯ ของแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวไปจริง จากนั้นได้นำส่งสภ.อุทุมพรพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สถานที่จับกุมบริเวณ สำนักสงฆ์ป่ามะขาม ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 
นำส่งสภ.อุทุมพรพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวทิ้งท้ายว่าผู้กระทำความผิดทั้งหลาย ที่เป็นมารร้ายในสังคม ทำผิดแล้วไปชุบตัว แสร้งทำดี แอบแฝงตัวในสำนักสงฆ์ เวรกรรมมันตามทัน โปรดอย่าใช้วัดหรือสถานปฏิบัติธรรมเป็นสถานที่ล้างมลทิน สร้างความเสริมศรัทธาแก่ชาวบ้าน ยิ่งหนียิ่งไม่รอด

สืบนครบาล จับ บัญชีม้าแก๊งหลอกให้กู้ยืมออนไลน์ หลอกมีพัสดุผิดกฎหมาย พบมีหมายจับ 6 หมาย

นโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.67 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี  รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ,พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.วิเคราะห์ฯ,ร.ต.อ.พีระเกียรติ ศิริฤทัยวัฒนา ร.ต.ท.ณรงณ์ศักดิ์ สนิทไทย ร.ต.ท ไพโรจน์ บุรีรักษ์ และเจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ สืบนครบาล จับกุม

นายสมเกียรติ อายุ 32 ปี ภูมิลำเนา แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานครหมายจับศาลอาญารัชดา ที่ 4306/2566 ลงวันที่ 22 พ.ย.66 ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"

โดยจับกุมได้ที่บริเวณ ถนนช่างแสง-วัดพระญาติ จ.พระนครศรีอยุธยา 
ตรวจสอบในฐานระบบข้อมูล พบหมายจับอีก 5 หมาย ดังนี้
1. หมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 403/2566 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของ ประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน,ฉ้อโกงประชาชน”
2. หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 283/2566 ลงวันที่ 7 เมษายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกงประชาชน”
3. หมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 769/2565 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
4. หมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 669/2565 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกง,ร่วมกันในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
5. หมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 403/2565 ลงวันที่ 15 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ผู้สนับสนุนในข้อหากระทำความผิดฐานฟอกเงิน”

พฤติการณ์กล่าวคือ แก๊งมิจฉาชีพได้เอาบัญชีของผู้ต้องหาไปหลอกผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งหลอกให้กู้ยืมออนไลน์แต่ให้ผู้เสียหายค่าธรรมเนียมในการทำสัญญา เมื่อโอนเงินค่าธรรมเนียมเสร็จก็ติดต่อไม่ได้ , หลอกว่ามีพัสดุมีชื่อผู้เสียหายและในพัสดุมียาเสพติดจากนั้นให้ผู้เสียหายโอนเงินบัญชีดังกล่าวไปตรวจสอบ ความเสียหายจำนวนหลายราย บางรายมีหลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน แล้วแต่เคส

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับว่า ได้กระทำความผิดจริงโดย ได้ขายบัญชีธนาคารต่างๆ แต่จำเลขบัญชีไม่ได้ ได้ขายไปให้นางชลดา  (ซึ่งปัจจุบันถูกจับกุมไปแล้ว)ซึ่งเป็นเพื่อนของน้า โดยได้ขายไปในราคา บัญชีละ 1,500 บาท ร่วมเป็นเงิน 4,500 บาท จากนั้นได้ตัวผู้ต้องหานำส่ง พงส.สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบนครบาลสืบสวนติดตามคนร้ายที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผ่านการหลอกลวงมีหลายรูปแบบ แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อผู้เสียหาย และสำหรับผู้ที่ขายบัญชีธนาคารนั้น ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ระบุว่า เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

การเผยแพร่นี้ เพื่อสาธารณประโยชน์ในการเตือนภัยประชาชน

สืบนครบาล หน่วยงานของประชาชนทุกคน

สืบนครบาลวางแผนรวบ คุณหมอ(ทิพย์)ปลา อ้างเป็นศัลยแพทย์ระบบสมองตุ๋นบุคคลากรทางการแพทย์และข้าราชการ สูญเงินหลักล้าน

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มหรือบุคคลที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบ ที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โรงพยาบาลย่านพญาไท ตรวจสอบพบมีบุคคลแอบอ้างเป็นแพทย์ โดยใช้ชื่อว่าหมอปลา และมีการหลอกลวง

ผู้เสียหายต้องใช้เงินในการชดใช้ให้ญาติคนตายที่ ตนได้เป็นคนผ่าตัดแล้วเสียชีวิตลง ผู้เสียหายโอนรวมเป็นเงินมูลค่าเสียหายทั้งสิ้น 1,283,620 บาท ซึ่งต่อมาผู้เสียหายพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับโรงพยาบาล

เมื่อวันที่ 24 เม.ย.67 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรีรอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์, พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.ปรินทร์ ส่วนบุญ รอง สว.กก.สส.3ฯ, ร.ต.อ.นิคม นาชัยภูมิรอง สว.กก.สส.3ฯ, ร.ต.อ.ชัยยุทธ ศักดิ์เพชร รอง สว.กก.สส.3ฯ กับพวกจับกุมตัว 

น.ส.สุวรรณอำภา หรือปลา อินทยาวงค์ อายุ 35 ปี ที่อยู่ 62/310 ซอยเสรีไทย 72 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลแขวงราชบุรี ที่ จ.52/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน 2567 

ความผิดฐาน “ฉ้อโกง และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น”

โดยก่อนการจับกุม สืบนครบาลได้รับข้อมูลว่า คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลย่านพญาไท พบผู้ที่ใช้ชื่อว่า สุวรรณอำภา อินทยาวงศ์ ปลอมบัตรประจำตัวบุคลากรของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ ซึ่งบัตรประจำตัวที่ปลอมขึ้นมานั้น เป็นบัตรรุ่นเก่าของคณะฯ ซึ่งไม่ได้ใช้แล้วในปัจจุบัน โดยนำบัตรดังกล่าวไปใช้ในการแอบอ้างตนว่าเป็นศัลยแพทย์ระบบสมองของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ และนำไปหลอกลวงเอาเงินจากคนไข้และเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลฯ หลายราย โดยคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ ดำเนินการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีบุคคลที่ใช้ชื่อดังกล่าวเป็นบุคลากรของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ และไม่ใช่ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ ซึ่งทำให้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลฯ ได้รับความเสียหาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ได้ตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าคือ น.ส.สุวรรณอำภา หรือปลา อายุ 35 ปี ซึ่งมีหมายจับติดตัวของศาลแขวงราชบุรี โดยพฤติการณ์คือ เมื่อประมาณเดือน มกราคม 2563 ขณะที่ผู้เสียหายใช้เฟสบุ๊คและได้มีบัญชีผู้ใช้งาน เฟสบุ๊คชื่อ“ข้อมูล ส่วนตัว” ได้เพิ่มเพื่อนทางเฟสบุ๊คของผู้เสียหาย จากนั้นเฟสบุ๊คดังกล่าวได้ทักข้อความมาพูดคุยและได้แนะนำตัวว่าเป็นแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี ชื่อว่า น.ส.สุวรรณอำภา หรือปลา ผู้เสียหายก็พูดคุยกันมาเรื่อยๆจนได้คบหากัน โดย น.ส.สุวรรณอำภา หรือปลา จะเดินทางมาหาผู้เสียหายที่ อ.เมืองราชบุรี ทุกๆสัปดาห์ ครั้งละประมาณ 2 วันแล้วก็จะนั่งรถโดยสารกลับไปกรุงเทพฯ โดยบอกผู้เสียหายว่าจะไปทำงานที่โรงพยาบาลดังกล่าว และบางสัปดาห์ผู้เสียหายจะขับรถไปรับที่หน้าโรงพยาบาล แล้วก็ไปส่งด้วย เป็นเช่นนี้อยู่ตลอดเวลาที่คบหากัน 

ซึ่งต่อมาประมาณเดือนเมษายน 2566 ผู้เสียหายและ น.ส.สุวรรณอำภา หรือปลาฯ ได้เลิกรากันแต่ปรากฎว่าช่วงก่อนที่จะเลิกกันนั้น น.ส.สุวรรณอำภา ได้มาขอให้ผู้เสียหายหาเงินจำนวนประมาณ 300,000 บาท อ้างกับผู้เสียหายต้องใช้เงินในการชดใช้ให้ญาติคนตายที่ ตนได้เป็นคนผ่าตัดแล้วเสียชีวิตลง ผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงจึงเอาเงินผู้เสียหายโอนให้ไปจำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงินมูลค่าเสียหายทั้งสิ้น 1,283,620 บาท ซึ่งต่อมาผู้เสียหายพบว่า น.ส.สุวรรณอำภา ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับโรงพยาบาลรามาธิบดีและไม่ได้เป็นแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลรามาธิบดีแต่อย่างใด ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยื่นต่อศาลขออนุมัติหมายจับ และสืบนครบาลได้ติดตามจับกุมตัว ผู้ต้องหาขณะที่แต่งกายในชุดบุคคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลฯและมีชื่อของผู้ต้องหาเป็นภาษาอังกฤษที่หน้าอกเสื้อด้านซ้ายอีกด้วยได้ จากนั้นได้นำตัวส่ง สภ.เมืองราชบุรี ครับดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้ต้องหาให้การ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดย จบ มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน ในจังหวัดนครราชสีมา ไม่เคย ประวัติการตั้งโทษหรือเคย ถูกจับ มาก่อน

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น กล่าวว่า การหลอกลวงมีหลายรูปแบบ แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สายอาชีพต่างๆ จึงขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ และฝากเตือนประชาชนเกี่ยวกับการถูกหลอกลวง หลอกให้รัก ผ่านการพูดคุยในสื่อสังคมออนไลน์ในแอพพลิเคชั่นต่างๆ ถึงแม้จะมีการนัดพบเจอทำความรู้จักกันแล้ว แต่มิจฉาชีพยังสามารถมีวิธีการในการหลอกลวงปกปิดตัวตนที่แท้จริง หรืออวดอ้างหน้าที่การงานที่ดี ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและเสียทรัพย์สินมูลค่าสูงได้ 

สืบนครบาลรวบเกมส์โซว็อทช่างสักล่วงละเมิดลูกค้าเด็กวัย 13 ปี จนต้องตัดมดลูก

“หนูมาทราบทีหลังว่าหมอตัดมดลูก” คำพูดของมารดาเด็กสาววัย 13 ปี ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากถูกช่างสักชื่อดังย่านพระราม 2 ลวงไปว่าจะสักลายให้แบบมินิมอล แต่กลับข่มขืนเธอข้ามคืนในร้านสักนั้น ซึ่งหลังเกิดเหตุเธอยังคงเจ็บช้ำร่างกาย จนกระทั่ง 1 เดือนหลังเกิดเหตุเธอปวดท้องอย่างหนักและต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วนจากอาการป่วยขั้นรุนแรง โดยเมื่อพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้ช่างสักรายนี้เข้ามาให้ปากคำ แต่เจ้าตัวกลับเผ่นหนีไปอย่างสุดชีวิตล่าสุดไปจนมุมชุด ดรีมทีมสืบนครบาลที่ จังหวัดภูเก็ต โดยเจ้าตัวลั่นว่า “ผมไม่ได้เจ้าชู้ แค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ ที่น้องคนนี้ต้องไปรักษาเพราะน้องเอง”

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนผู้สุจริต

เมื่อวันที่ 24 เมษายน  2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.ฯ ,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น.  พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.สส บก.น.5 พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้วสว.ฝอ.บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว. กก.4 บก .สส.บช.น. ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.สส.2 ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว กก.1 บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ บก.สส.บช.น. ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อ้นชูฤทธิ์ รอง สว.สอบสวน สน.ดินแดง ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว

นายวศิน กิจนพศรี หรือเกมส์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 10 ตำบล บางหลวง อำเภอ บางเลน จังหวัด นครปฐม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาธนบุรีที่ จ.316/2567 ลงวันที่ 11 เมษายน 2567 ข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม , พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม , ปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา เพื่อการอนาจาร”

ประวัติเคยถูกดำเนินคดีข้อหา “พรากผู้เยาว์ฯ” ที่ สน.ท่าข้าม เมื่อ พ.ศ.2559จับกุมได้ที่ ห้องพักในซอยโป๊กุ่ยถ.แม่หลวน ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พฤติการณ์กล่าวคือ “ช็อก...จนใจสลาย” เด็กสาววัย 13 ปี ฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบหลังออกจากห้องผ่าตัดแล้วทราบว่าตนเอง “ถูกตัดมดลูก”ความรู้สึกที่เจ็บปวดเกินบรรยายจากการถูกลวงไปกระทำย่ำยีนั้นก็บอบช้ำเกินต้านแล้ว ยังถูกซ้ำด้วยการสูญสิ้นความเป็นหญิงไปอย่างไม่มีวันหวนคืน กว่า 3 สัปดาห์ที่เธอต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาลเรื่องราวสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2566 เมื่อเมื่อเด็กสาววัย 13 ปี  มารดาเล่าให้ตำรวจฟังว่า คนร้ายซึ่งเป็นช่างสักชื่อดังที่มีผู้ติดตาม 7 พันคน ได้ติดต่อเธอผ่านทางเฟสบุ๊ค การสนทนาแนะนำจนเธอยอมตกลงที่จะสักแบบมินิมอลในราคา 400 บาท ครั้งเมื่อถึงเหตุการณ์ในร้านสักเมื่อเด็กสาวย่างกรายเข้าถ้ำเสือแล้วช่างสักหื่นก็ปิดร้านทันที โดยอ้างว่าต้องการสมาธิก่อนจะชักชวนขึ้นไปบนชั้น 2 ทำทีจัดท่าทางการนอนสักให้เด็กสาว จากนั้นช่างสักก็เริ่มล่วงเกินเด็กสาวจนลุกลามไปถึงการกระทำชำเราข้ามคืน ซึ่งหลังเกิดเหตุเธอยังคงเจ็บช้ำร่างกายเรื่อยมาอย่างผิดปกติ กระทั่ง 1 เดือน 

หลังเกิดเหตุ จู่ๆเธอเกิดปวดท้องอย่างหนักจนครอบครัวเธอต้องพาเธอไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แล้วเมื่อแพทย์ได้ตรวจร่างกายก็ทำให้ครอบครัวเธอทราบว่าเธอผ่านการถูกกระทำชำเรามาอย่างหนัก และที่น่าตกใจคือการติดเชื้อขั้นรุนแรงในระบบอวัยวะเพศทำให้ต้องทำการผ่าตัดออกในทันที ซึ่งหลังจากการรักษาที่โรงพยาบาลกว่า 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นครอบครัวได้พาเด็กสาวไปขอความช่วยกับทางมูลนิธิสายเด็ก ก่อนจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ท่าข้าม ซึ่งต่อมาวันที่ 11 เม.ย. 67 พนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ก็ได้ออกหมายจับช่างสักรายนี้คือ “เกมส์โซว็อท” หรือ นายวศิน อายุ 25 ปี แต่ระหว่างทางของกระบวนการสอบสวนที่พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้คนร้ายมาให้ปากคำ คนร้ายก็เริ่มไหวตัวทันแล้วหลบหนีอย่างสุดชีวิต ซึ่งล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบนครบาลไล่ล่าติดตาม โดยได้เบาะแสว่าเจ้าตัวคุยโวว่าห้อยพระเต็มคอทำให้แคล้วคลาด นำไปสู่การสืบทราบว่าเจ้าตัวหลบหนีไปกบดานอยู่บนเกาะภูเก็ต ซึ่งต่อมาวันที่ 24 เม.ย. 67 ชุดสืบนครบาลก็สามารถจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ได้ในที่สุด โดยจับได้ขณะกำลังจะวันไน้แสตนด์กับหญิงสาวรายใหม่ และเป็นเรื่องบังเอิญที่เป็นวันครบรอบวันเกิด อายุ 25 ปี วัยเบญจเพศของคนร้ายอย่างพอดิบพอดี ซึ่งสารวัตรแจ๊ะได้กล่าวสุขสันต์วันเกิดให้กับคนร้ายก่อนจะแนะนำให้ไปฉลองวันเกิดในคุก

ในชั้นจับกุม นายวศินฯ ให้การรับสารภาพข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “คำคมประจำใจ ตอนเด็กอยากเป็นเศรษฐี โตมาติด…หเศรษฐีไม่ได้เป็นส่วนคดีนี้ตนเองยืนยันว่าตนเองรักเด็กคนนี้จริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เล่นพิเรนท์เอาน้ำหมึกมาชะโลมแต่อย่างใด ตนเองผ่านเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 คน โดยส่วนใหญ่ไม่ได้สวมถุงยาง นัดผ่านแอพ เบื่อง่าย ชอบวันไนท์แสตนมาก ตนเคยเป็นโรคหนองใน ซิฟิลิส แต่รักษาแล้ว ตนไม่ได้เจ้าชู้ แค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ ส่วนที่ผู้เสียหายในคดีนี้ต้องเข้ารับการรักษานั้นไม่น่าจะเกิดจากตนเอง โดยตนเคยมีอะไรเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวอายุ 17 ปี แล้วถูกดำเนินคดี แต่ได้จ่ายค่าสินไหมไป 70,000 บาท จนฝ่ายเค้ายอมความ และคดีนี้ที่ตนเลือกหนีมาที่ภูเก็ตเพราะได้ยินว่าที่นี่เงินดีและหลบง่ายเพราะนักท่องเที่ยวเยอะ และล่าสุดผู้ใหญ่ก็ทักมาว่าเมื่ออายุ 25 เบญจเพสจะมีสิ่งที่น่ากลัวมาเยือน แล้วก็มาถูกจับจริงๆ”

หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “ทางคดีเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะคำพูดของเด็กนั้นบริสุทธิ์มากกว่า และยังมีพยานหลักฐานอื่นเชื่อมโยงทำให้ศาลอนุมัติหมายจับ จากพฤติการณ์ในคดีนี้ ผมขออวยพรให้น้องผู้เสียหาย  มีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต และเติบโตอย่างมีความสุข ในวันข้างหน้าให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องจัดการกับผู้กระทำผิด จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ปกครองทั้งหลาย โปรดเพิ่มความใส่ใจในตัวบุตรหลานของท่าน อย่าไว้วางใจและคลาดสายตา แม้แต่กระทั่งคนใกล้ชิด ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

เกือบรอด! หนีหมายจับ 19 ปี สืบนครบาล ตามรวบ ผู้ต้องหาคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย หนีกบดาน 19 ปี อีก 5 เดือนหมดอายุ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยเฉพาะปราบปราบผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่บ่อนทำลายประชาชนในสังคมและประเทศชาติ

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์  รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฎิบัติการที่ 2 ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.สุนิสา จงจิตร สหาวุธ อายุ 43 ปี ที่อยู่ 6 ม.9 ต.ตระค้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 814/2547 ลง 15 พ.ย.2547

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ พรบ.ยาเสพติดให้โทษ (เมทแอมเฟตามีน-ครอบครอง เพื่อจำหน่าย) ”

โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้าน ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี

ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่สืบนครบาล สืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้กำลังหลบหนีหมายจับคดียาเสพติด ผู้ต้องหากับกลุ่มเพื่อนได้ถูกตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ทำการล่อซื้อยาเสพติด และได้ถูกจับกุม เมื่อปี พ.ศ. 2546 ซึ่งในชั้นศาลผู้ต้องหากับพวก ได้ทำการประกันตัวในชั้นศาล และได้หลบหนีจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านหรือลูกจ้างตามที่ต่างๆ ที่ไม่มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมเป็นเวลายาวนานกว่า 19 ปี ก่อนที่จะจนมุมถูกสืบนครบาลรวบก่อนหมายจับหมดอายุความเพียง 5 เดือน จากนั้นได้นำส่งไปยังที่ทำการศาลอาญากรุงเทพใต้ ในเวลาเปิดทำการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ทำการหลบหนีจริง เพราะไม่ต้องการติดคุก โดยระหว่างหลบหนีทำอาชีพรับจ้างเป็นแม่บ้าย หรือลูกจ้างที่ต่างๆ ที่ไม่ตรวจสอบประวัติ ก่อนที่สุดท้ายจะหลบหนีไปอยู่ที่กาญจนบุรี

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่าคดีนี้ผู้ต้องหามีประวัติคดีจำหน่ายยาเสพติดโดยอาศัยโอกาส หลบหนีคดีจากเจ้าหน้าที่ถึง 19 ปี การแจ้งข้อมูลข่าวสารของประชาชนต่างๆของเพื่อนสืบนครบาลเราจะทำให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงาน สูงสุด ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

ร่วมพลังสืบไล่ล่าอันธพาลรุ่นจิ๋ว….สืบนครบาล สืบ บก 6. สืบนนท์ ร่วมกันจับกุมแก็ง จิ๊กโก๋ท่าน้ำนนท์ ปล้นทรัพย์ และทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย

ด้วยนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนผู้สุจริตสร้างความหวาดกลัว พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์  ผบก.สส.บช.น. ร่วมกับ พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6  บูรณาการชุดปฏิบัติการสืบสวน สืบนครบาล สืบ บก 6. และ สน. สำราญราษฎร์ดำเนินการจับกุมในครั้งนี้ 

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6.  พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.บช.น.,  พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์   ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สำราญราษฏร์, พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6บช.น.กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก .สส.บช.น. สืบ บก 6. สืบจังหวัดนนทบุรี และ สน. สำราญราฏร์ สืบสวนจับกุมตัว 

นายบี (นามสมมติ )อายุ 16 ปี ที่อยู่ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัว ที่ 51/2567 ลงวันที่ 24 เมษายน 2567 กระทำความผิดฐาน ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธในเวลากลางคืน “เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น เพื่อความสะอวกในการที่จะกระทำผิดอย่างอื่นหรือเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน และร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร”

ด้วยเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 06.30 น. สน.สำราญราษฎร์ ได้รับแจ้งเหตุกลุ่มคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 3 คน สวมเสื้อแต่งกายมิดชิดร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้เสียหายเป็นคนขับรถรถแท็กซี่ โดยคนร้ายได้ใช้อาวุธมีดแทง และชกต่อย บริเวณ หน้าซอยตรอกไข่ ถนนบำรุงเมือง แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กทม. ได้เงินสด พร้อมโทรศัพท์มือถือไป จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัสนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา หลังจากกลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุ ช่วงเวลาระหว่างหลบหนีพบผู้เสียหายอีกรายนึงซึ่งเป็นเด็กปั้มฯ ที่เดินผ่านมา ได้ใช้อาวุธมีดจี้ไปที่ลำคอ และชกต่อยบริเวณหลังศาลาว่าการกรุงเทพ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. ปล้นโทรศัพท์มือถือ แล้วขึ้นรถสาธารณะที่ขับผ่านมาหลบหนีไป สืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุ มี 3 คน ชายสวมเสื้อแจ๊คเก๊ทสีขาว ,ชายสวมเสื้อสีขาว-เทา แบะชายสวมเสื้อฮูดสีดำ 1 คน หลบหนีขึ้นรถเมลล์สาย 12  ไป

เมื่อทราบเหตุแล้ว พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ไม่ยอมนิ่งนอนใจได้สั่งการให้รวมนักสืบ ของ บช.น. เร่งสืบสวนติดตามพิสูจน์ทราบเพื่อจับกุมคนร้ายโดยเร็วไวต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบสวนทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุดังกล่าวมี นายบี ผู้ต้องหา อายุ 16 ปี, นายซี อายุ 18 ปี และนายนพพร หรืออาร์ม ทองภิลา อายุ 23 ปี เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับคดีได้รัดกุมจนสามารถยื่นคำร้องให้ศาลพิจารณาออกหมายจับกลุ่มคนร้ายทั้ง 3 คนได้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รอช้าวันนี้ 25 เมษายน 2567 เวลา 13.30 น. ได้ทำการจับกุมตัวนายบี อายุ 16 ปี ซึ่งเป็น 1 ใน 3 คนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุได้ที่ริมถนนราชพฤก์-นนทบุรี1 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ขณะกำลังจะหลบหนี เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด

เหตุเกิดที่ บริเวณ หน้าซอยตรอกไข่ ถนนบำรุงเมือง แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กทม. ต่อเนื่องบริเวณหลังศาลาว่าการกรุงเทพ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม.

จับกุมสอบถามให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันปล้นทรัพย์คนขับรถแท็กซี่พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน จริง โดยที่ตนเองเป็นผู้ใช้อาวุธมีดจ้วงแทงคนขับรถแท็กซี่ และใช้อาวุธมีดจี้ลำคอเด็กปั้มฯ ก่อนที่จะหลบหนี โดยนายบี ยินยอมสมัครใจพาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจยึดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในวันก่อเหตุที่ห้องพักของตน ส่วนอาวุธมีดนั้นรับว่าได้โยนทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระราม 7 ในวันก่อเหตุ ส่วนคนร้ายอีก 2 คน คือ นายซี (นามสมมติ) อายุ 18 ปี และนายนพพร หรืออาร์ม ทองภิลา อายุ 23 ปี เมื่อตรวจสอบกับฐานระบบพบว่า นายซี เป็นบุคคลตามหมายจับศาลเยาวชนจังหวัดนนทบุรี ที่ 2/2567 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และทำให้เสียทรัพย์” และนายนพพร หรืออาร์ม เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 324/2567 ลง 30 มีนาคม 2567 ในข้อหา “ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทราบว่าทั้ง 2 มีหมายจับอยู่แล้ว จึงเร่งติดตามจับกุมตามหมายจับ และนำตรวจยึดสิ่งของ เครื่องแต่งกายที่ใช้ในวันก่อเหตุก่อนที่จะจับกุมตัวนายบี  ผู้ต้องหาในคดีนี้ หลังถูกจับกุม ทั้ง 3 รายให้การรับสารภาพว่าคืนก่อเหตุได้เกิดความคึกคะนองชักชวนกันไปปล้น

จากการตรวจสอบยังพบอีกว่าภายในวันเดียวกัน (22 เม.ย.67) กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ ได้ก่อเหตุในลักษณะแผนประทุษกรรมเดียวกัน ปล้นทรัพย์สิน ในพื้นที่เขต สภ.เมืองนนทบุรี อีก 2 ครั้งต่อเนื่องกันไป ซึ่งกลุ่มคนร้ายทั้ง 3 เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มีประวัติโชกโชนตั้งแต่อายุยังน้อย เข้าออกสถานพินิจเป็นอาจิน  มีพฤติกรรมชอบรวมกลุ่มกันเสพยาเสพติดทั้งวันทั้งคืน เมื่อมีอาการมักจะคึกคะนอง ชอบใช้ความรุนแรงทะเลาะต่อยตีผู้คนไม่เลือกหน้า มีคู่อริไล่ทำร้าย ใช้อาวุธมีดไล่ฟันอยู่เป็นประจำ จนคนในระแวกท่าน้ำนนท์ จ.นนทบุรี รู้จักกันเป็นอย่างดีถึงวีรกรรมของวัยรุ่นกลุ่มนี้

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ควบคุมงานสืบสวนสั่งให้ สืบนครบาล และ สืบ บก 6. บูรณาการไล่ล่าแก็งอันธพาลเยาวชนนี้ ได้เข้ามาก่อนเหตุในย่านสำราญราษฎร์ จึงได้ประสานข้อมูล และการปฏิบัติกับสืบจังหวัดนนทบุรี จึงพบว่ามีประวัติสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งในพื้นที่นนทบุรี และเขตกรุงเทพฯ พฤติกรรมอุกอาจประสงค์ต่อทรัพย์ และทำร้ายเหยื่อ และฝากเตือนให้ พ่อ แม่ ผู้ปกครองช่วยควบคุมบุตร หลานของท่านให้อยู่ภายในกรอบ ไม่ควรปล่อยบุตร หลาน ของท่าน ให้มีการรวมตัว และชักชวนกันไปกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กระทั่งก่อผลเสียให้กับสังคม นอกจากจะต้องเสียอนาคตก่อนวัยอันควร จะเป็นเหตุให้ผู้ปกครองต้องถูกดำเนินคดีอีกด้วย

สืบนครบาลรวบ 'นิค หอยชนะ แอดมินกลุ่มVK ขายคลิปซื้อยาเสพ' เผยแพร่ ขายคลิปสื่อลามก อนาจารเด็ก

จากนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก
โดย กก.สส.3 บก.สส.บช.น. สืบสวนพบ ผู้กระทำผิดขายคลิปโป้ สื่ออนาจารลามกเด็ก ให้แก่ประชนเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก เยาวชน และสังคมไทย

วันที่ 29 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 07.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส.ฯ, พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.สัญญลักษ์ สังขะภักดี สว.กก.สส.3ฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา 114  ประกอบด้วย ร.ต.อ.เอกชัย เติมพงษ์ รอง สว.สส.สภ.ดำเนินสะดวก, ร.ต.อ.ฤชุวัจน์ ยินดี รอง สว.กก.4 บก.ปคบ., ร.ต.อ.สหรัฐ เติมต่อวัฒนกุล ร่วมกันจับกุมตัว

นายอณิกวิชญ์ ปะวะโข อายุ 40  ปี  ที่อยู่ 330/4 แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
พร้อมด้วยของกลาง จำนวน 4  รายการ  ดังนี้
1. คอมพิวเตอร์ DESKTOP-O6CI6KJ ซีพียู AMD Ryzen 9 3900X 12-Core Processor 3.80 GHz        
2. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อออปโป้ รุ่น A12 หมายเลขโทรศัพท์มือถือ 0810362632 IMEI 1 864036046640636 , IMEI 2 864036046640628
3. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อแอปเปิ้ล รุ่น ไอโฟน 11 โปรแม็กซ์ 
4. สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นายอณิกวิชญ์ ปะวะโข สาขาเอสพละนาด รัชดาภิเษก (ใช้ในการโอนเงินค่าเข้าร่วมกลุ่ม)
5.ยาเสพติดให้โทษประเภท๑ (ไอซ์) ชนิดเป็นผลึกใส บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส ชนิดรูดเปิด-กดปิด จำนวน ๑๒ ถุง น้ำหนักชั่งรวมถุง จำนวน   8.04    กรัม
6.ยาเสพติดให้โทษประเภท๑ (ยาบ้า) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส ชนิดรูดเปิด-กดปิด จำนวน 2 เม็ด
7.ยาเสพติดให้โทษประเภท๑ (ยาอี) บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส ชนิดรูดเปิด-กดปิด จำนวน ๔ ถุง รวมมียาอี จำนวน  ๖.๕ เม็ด

กระทำความผิดฐาน พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐
1.นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและ ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
2. เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มี
ลักษณะอันลามก ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕0 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 287 ผู้ใด (๑) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก

(๒) ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชน หรือให้เช่าวัตถุหรือสิ่งของเช่นว่านั้น
(๓) เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลาย หรือการค้าวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว โฆษณาหรือไขข่าวโดยประการใด ๆ ว่ามีบุคคลกระทำการอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าวัตถุ หรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใดต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287/1 ครอบครองสื่อลามกอนาจารเพื่อแสวงหาประโยนช์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่นประมวลกฎหมายยาเสพติด มียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) , (ยาบ้า) และ (ยาอี) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) , (ยาบ้า) และ (ยาอี) โดยผิดกฎหมาย

พฤติการณ์แห่งการจับกุม เมื่อวันที่ 26 เม.ย.67 เวลาประมาณ 17.30 น. สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บช.น.ได้ทำการสืบสวนกรณี การโฆษณา/ประกาศขายสื่อ ลามกอนาจาร/นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ได้พบว่ามีการโพสต์สื่อลามกพร้อมทั้งประกาศขายสื่อลามกอนาจารผ่านแพลตฟอร์ม VK https://vk.com/club212843922  ซึ่งใช้บัญชี VK ชื่อว่า “ไทยนะคะ” มีผู้ติดตาม 25,100 คน มีข้อความโฆษณาดังนี้ “ดูคลิปเต็มในกลุ่มน์ แอดไลน์มา ID : nickytime123 300 บาท ดูได้ทุกคลิป อัพเดทเรื่อยๆ คลิปเยอะมาก 700+” คลิปในกลุ่ม เป็นกรณีการโฆษณา/ประกาศขายสื่อลามกอนาจาร/นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จึงได้ทำการสืบสวนดำเนินการ         

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ให้สายลับทำการแฝงตัวสืบสวนและได้เพิ่มเพื่อนผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ไอดี “nickytime123” พบว่าเป็นผู้ใช้บัญชีไลน์ชื่อว่า “ชนะชนะ” จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้ส่งข้อความเพื่อสอบถามรายละเอียดในการเข้ากลุ่มไลน์ที่มีสื่อลามก อนาจาร ต่อมาผู้ใช้บัญชีไลน์ “ชนะชนะ” แจ้งว่า “สนใจเข้ากลุ่มดูคลิป 300 บาท (ตลอดชีพ) บัญชี 777-2180-416 กสิกรตรวจสอบพบว่าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี 777-2180-416 พบว่าชื่อบัญชีคือ นายอณิกวิชญ์ ปะวะโข สายลับจึงได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชีดังกล่าว จำนวน ๓๐๐ บาท เพื่อทำการเข้ากลุ่มคลิป และได้ส่งสลิปการโอนเงินให้ผู้ใช้บัญชีไลน์ชื่อว่า “ชนะชนะ” เพื่อยืนยันหลักฐานการโอนเงิน ภายหลังผู้ใช้บัญชีไลน์ชื่อว่า “ชนะชนะ” จึงได้เชิญสายลับเข้ากลุ่มไลน์ชื่อว่า “ชนะ” ปรากฏสมาชิกในกลุ่มจำนวน 461 บัญชี และ ผู้ใช้บัญชีไลน์ชื่อว่า “ชนะชนะ” แจ้งว่าคลิปอยู่ในโน้ตของกลุ่มต่อมาสายลับจึงได้ทำการตรวจสอบโน้ต (Notes) ของกลุ่มไลน์ชื่อว่า “ชนะ” พบว่ามีคลิปสื่อลามกอนาจารของผู้หญิงกับผู้ชาย สัญชาติไทยและสัญชาติอื่น จำนวนมาก อีกทั้งยังปรากฏภาพและคลิปสื่อลามกอนาจารของเด็กหญิงอีกด้วย

จากการสืบสวนเพิ่มเติมทราบว่าผู้ที่ดำเนินการในการจำหน่ายสื่อลามกอนาจารดังหกล่าวคือ นายอณิกวิชญ์ ปะวะโข ซึ่งพักอาศัยอยู่ ชีวาทัย ราชปรารภ คอนโด ห้อง 11/243 ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานครจึงทำการขอหมายค้นบ้านเพื่อหาพยานหลักฐาน เอาผิดนายอณิกวิชญ์ ปะวะโข จนวันที่ 29 เม.ย.67 เวลา 07.00 น. เจ้าหน้าที่ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา ได้ขออนุมัติหมายค้น ศาลอาญาที่ 404 /2567 เข้าค้นคอนโด ตามที่อยู่ดังกล่าว ซึ่งได้พยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้นมาดำเนินคดีกับนายอณิกวิชญ์ ปะวะโข จึงได้จับกุม และส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมทั้งให้การเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้ขายสื่อลามกอนาจารดังกล่าว เนื่องจากตนเองได้ตกงานช่วงสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ ไม่มีอาชีพ จึงได้หาช่องทางในการหาเงิน และเห็นช่องทางในการผู้ขายสื่อลามกอนาจารผ่านสื่อโซเชี่ยลและได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง จึงได้ใช้เป็นวิธีในการหาเงินแทนงานประจำที่ได้ตกงานไป โดยรายได้ที่ได้รับจะนำมาจ่ายค่าตอนโด ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และซื้อยาเสพติดมาเสพ 

โดยจากการเข้าทำการตรวจค้นจับกุมตามอำนาจของหมาค้นศาลอาญา พบว่ามีคลิปวีดีโอที่เกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารจำนวนมากกว่า 100,000 คลิป ที่เก็บไว้ใน CPU 1 เครื่อง , เอ็กทอลน่อลอีกฮาร์ดดิสจำนวน 3 ลูก (ลูกละ 8 เทราไบต์) และ เอ็กทอลน่อลอีกจำนวน 4 อัน

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกจับกุมและนำผู้ต้องหาส่ง สน.ดินแดง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า การลักลอบขายคลิปโป๊ เป็นต้นเหตุของอาชญากรรมทางเพศโดยเฉพาะกับเด็ก ซึ่งผู้ซื้อจะนำไปก่อเหตุเพราะเป็นการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศในการกระทำความผิด หากผู้ใดพบเบาะแสโปรดแจ้งผ่านเพจสืบนครบาล เพื่อปราบปรามให้สิ้นซากต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top