Saturday, 25 May 2024
ศุภชัยใจสมุทร

‘ตรีชฎา’ ตอก ‘ศุภชัย’ หยุดเพ้อพักหนี้เกษตรกร 3 ปีเป็นของ ภท. โว!! ตั้งไข่ตั้งแต่ ‘ไทยรักไทย’ สมัย ภท. ยังไม่เป็นวุ้น

(7 มี.ค. 66) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิไทยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่ามีพรรคใหญ่พรรคหนึ่ง เอานโยบายเรื่องการพักหนี้ 3 ปีไม่เกิน 1 ล้านบาท หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย ใช้หาเสียง เคลมนโยบายไปใช้แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ นั้น หากนายศุภชัยหมายถึงพรรค พท. ต้องชี้แจงว่า คนไทยทั้งประเทศรวมถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล สมาชิกพรรคในขณะนั้นและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในปัจจุบัน ย่อมรู้ดีว่านโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ต้นตำรับผู้ดำเนินนโยบายนี้คือ พรรคไทยรักไทยในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาตั้งแต่ปี 2544 และประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาหนี้สิน

จากนั้นมาเมื่อพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ เมื่อปี 2554 ก็ต่อยอดนโยบายพักหนี้ให้ครอบคลุมมากขึ้น และการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาปี 2562 พรรค พท.ก็ประกาศนโยบายพักหนี้ แต่พรรค พท.ไม่ได้เป็นรัฐบาล นโยบายจึงไม่มีโอกาสได้นำมาแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

พูดแล้วทำ!! ‘ศุภชัย’ ยัน!! ‘ภท.’ พร้อมผลักดันมาตรการดูแล ‘ผู้สูงอายุ’ ลั่น!! ถ้าได้เป็นแกนนำ รบ. จะทำให้ระบบดูแลสุขภาพดีกว่าเดิม

“ศุภชัย” ยัน “ภูมิใจไทย” มอง “ผู้สูงอายุ” เป็นพลังสังคม ไม่เป็นภาระ อาสาขอดูแลให้อายุยืนอย่างมีคุณภาพ เผย “อนุทิน” ผลักดันมาตรการสนับสนุนผ่าน สธ.ไปแล้วหลายเรื่อง ลั่นได้กลับมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล จะทำให้ระบบการดูแลสุขภาพพี่น้องชาวไทย​ทุกวัยดีขึ้นกว่าเดิม

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวผ่านรายการ “พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ” เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ยูทูป และ TikTok พรรคภูมิใจไทย ถึงแนวนโยบายดูแลผู้สูงอายุของพรรคภูมิใจไทยว่า ปี 2566 เป็นปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จนถึงวันนี้จำนวนผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปในประเทศไทย​มีมากกว่า 12 ล้านคน ในมุมมองของ พรรคภูมิใจไทย ไม่มองว่า ผู้สูงวัย ผู้สูงอายุ เป็นภาระ แต่เป็นพลังสังคม ซึ่ง​พลังผู้สูงอายุต้องอยู่บนพื้นฐานของพลังกาย และพลังใจที่แข็งแรง ก่อนหน้านี้ ​กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้การกำกับดูแลของ พรรคภูมิใจไทย ได้มอบของขวัญแก่ผู้สูงวัยไปแล้ว 5 เรื่อง อาทิ การคัดกรองสุขภาพกายและใจเชิงรุกในชุมชน, การมอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่, แว่นสายตา, และเปิดบริการคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาลทั่วประเทศ เป็นต้น

“ในเรื่องของระบบการคัดกรองผู้สูงอายุเชิงรุกในชุมชนผ่านแอปพลิเคชัน “Smart อสม.” ​เราใช้พลังงานอันแข็งแรงของ อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) ซึ่งมีกว่า 1 ล้านคน ​ที่เราเรียกท่านเหล่านี้ว่า เป็นหมอคนที่หนึ่ง ​ซึ่งเป็นอยู่ภายใต้นโยบาย 3 หมอ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ออกไปค้นหาคัดกรองสุขภาพ 9 ด้าน ให้กับผู้สูงอายุทั่วประเทศอย่างน้อย 10 ล้านคน” นายศุภชัย ระบุ

‘ศุภชัย’ ตอกกลับ ‘ธีระชัย’ ปมพักหนี้ 3 ปี ใครแบกภาระ ชี้ เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องดูแลประชาชนอยู่แล้ว

(10 มี.ค. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งถามเรื่อง ‘ภูมิใจไทยพักหนี้ ใครแบกภาระ?’ ว่า นโยบายพักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่เห็นว่าประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยากคนจนที่เป็นหนี้เป็นสิน มีความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 และอุทกภัย จึงต้องการให้ประชาชนหยุดพักหายใจบ้าง ผ่อนแรง มีโอกาสในการฟื้นตัวเองเพื่อทำมาหากิน ได้อย่างสะดวกมากขึ้น ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้ประชาชน

“อันที่จริง คุณธีระชัย น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ เพราะตอนที่คุณธีระชัยเคยทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน 56 ไฟแนนซ์ล้ม ธนาคารแห่งประเทศไทยก็เข้ามารับประกันผู้ฝากเงินทุกบัญชี ก็ด้วยเงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของประชาชน แต่นโยบายของภูมิใจไทยไม่ได้ทำแบบมักง่ายแบบนั้น กล่าวคือ เงินที่นำมาเพื่อการนี้ นำมาจากพันธบัตรรัฐบาล ที่นำออกมาจำหน่ายให้กับประชาชนผู้มีกำลัง แทนที่จะฝากกับธนาคารที่ดอกเบี้ยต่ำ มาซื้อพันธบัตรที่มีผลตอบแทนสูงกว่ามาก ซึ่งถ้ามองอีกมุมหนึ่งการที่มีนโยบายนี้ออกมาก็เป็นการสร้างการบริโภคของประชาชนที่มีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ” นายศุภชัย กล่าว

‘ศุภชัย’ วอน แยกแยะกรณีพบบ้องกัญชาในเหตุ ‘สารวัตรคลั่ง’ ยืนยัน!! ผลศึกษาไม่มีใครพี้กัญชาแล้วคลุ้มคลั่ง

(16 มี.ค. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ ‘สารวัตรคลั่งสายไหม’ มีบ้องกัญชาอยู่ในที่เกิดเหตุ ว่า อยากฝากสังคมให้แยกแยะระหว่างแก่นกับกระพี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าว มีอาการป่วยทางจิต จึงมีความเป็นไปได้ที่จะหาทุกอย่างในสากลโลกมาเสพก็ได้ และบ้องกัญชาที่มีอยู่เขาอาจไม่ได้เสพก็ได้

ดังนั้น ภาพที่ปรากฏมันไม่ได้แสดงว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์ของกัญชาที่มีอยู่มากมายมหาศาล จะกลายเป็นสิ่งไม่ดีไป เพียงเพราะบ้องกัญชาที่อยู่ข้างสารวัตรคนดังกล่าว

‘ศุภชัย’ เดือด!! ร้อง กกต. สอบ ‘ชูวิทย์’ ชี้!! ใช้สิทธิไม่สุจริต - รับงานโจมตี ภท.

(16 มี.ค. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรค แถลงกรณีที่มีบุคคลโจมตีกล่าวหารัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีการทำเป็นขบวนการเพื่อปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีผลต่อคะแนนนิยมว่า กรณีดังกล่าวพรรคขอยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะที่รัฐมนตรีของพรรคได้ปฏิบัติหน้าที่มีกระบวนการทางนิติบัญญัติในการตรวจสอบ และมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ อาทิ การร้องกล่าวหานายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม แต่กรณีที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามเกินกว่าการตรวจสอบทั่วไป แต่เป็นการสร้างระบบศาลเตี้ยเข้ามาเพื่อทำการปลุกปั่นสังคมให้เกิดความเข้าใจผิด โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงเรื่องความผิดถูกที่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ทั้งนี้ พรรคได้ปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯ หรือในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลในกระทรวงต่างๆ เราได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท ไม่มีการโกงบ้านเมืองอย่างที่มีคนออกมาพยายามกล่าวหา

ทั้งนี้ เราจึงต้องออกมายืนยันว่า การกล่าวหานั้นเป็นการกล่าวร้ายพรรคโดยมีวาระซ่อนเร้นอยู่ ที่ผ่านมาเราพยายามปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งแน่นอนว่าการดำเนินการของพรรคอาจกระทบคนบางคน บางกลุ่ม หรือนิติบุคคลบางแห่ง แต่เรายืนหยัดเสมอมาว่าเราได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งเป็นการปฏิบัติทุกอย่างภายใต้กฎหมาย ดังนั้น เรื่องถูกผิดต้องดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย

“แต่วันนี้กรณีของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่มีการประกาศอย่างชัดเจนว่ารับงานมาเพื่อมุ่งร้ายทำลายพรรคภูมิใจไทย กรณีนี้เป็นการใช้สิทธิที่ไม่สุจริตในฐานะประชาชนที่จะติชมด้วยความเป็นธรรม แต่มีเจตนาซ่อนเร้น ซึ่งเป็นการใช้เสรีภาพของประชาชนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการพูดอาฆาตมาดร้าย และมีการแสดงออกตามพื้นที่ต่างๆ” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นถามว่ารับงานจากใคร ก็มีข่าวปรากฏออกมาค่อนข้างชัด ว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่เสียประโยชน์ในสิ่งที่พรรคออกมาปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้น ในวันนี้พรรคจะดำเนินการกับบุคคลใดก็ตามที่เข้ามากล่าวร้าย บิดเบือน พรรคภูมิใจไทยในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง เราเชื่อมั่นในหลักนิติรัฐ นิติธรรม จะไม่ยอมให้กระบวนการที่ทำเหมือนเป็นศาลเตี้ยเข้ามาจนทำให้กระบวนการทางกฎหมายสั่นคลอน วันนี้นายชูวิทย์หรือใครก็ตามที่นำเรื่องที่นายชูวิทย์แถลง ไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง มุ่งร้าย บิดเบือนพรรคภูมิใจไทย เราจะดำเนินการทุกคดีกับใครก็ตามที่ใส่ร้ายพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสีย โดยพรรคยึดหลักการเคารพกฎหมาย ฉะนั้น เมื่อมีบุคคลที่ไม่เคารพกฎหมายมาทำแบบนี้ เราก็จำเป็นต้องปกป้องศักดิ์ศรี และคะแนนนิยมของพรรค โดยจะดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรมทุกเรื่องกับทุกฝ่ายกับบุคคลทุกคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยว

นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า นี่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พรรคจะดำเนินคดีเพื่อปกป้องสิทธิของเรา โดยยึดหลักบ้านเมืองที่ต้องมีขื่อมีแป เราไม่ได้ปิดปากนายชูวิทย์ เพราะถ้าจะใช้เสรีภาพติชมเราไม่มีปัญหา แต่ถ้าใส่ร้ายป้ายสีถือว่าเป็นการล่วงละเมิดต่อพรรค วันนี้ (16 มี.ค.) พรรคจะยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาตรา 22 ระบุว่า กกต.ต้องมีหน้าที่ในการกำกับดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ให้เกิดความเรียบร้อย ไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม รวมถึงพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 73 ระบุว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ซึ่งมีผลทำให้ประชาชนมีความเข้าใจหลงผิดในคะแนนนิยม ซึ่งทั้งหมดเป็นโทษทางอาญา บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนายชูวิทย์จะมีการดำเนินคดีด้วยเช่นกัน เช่น พรรคจะมีการดำเนินคดีโดยหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรค หากพบว่าผิดก็จะดำเนินคดี รวมถึงหน่วยงานราชการ เช่น กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่นายชูวิทย์ไปดำเนินการหมิ่นประมาทใส่ร้าย ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะดำเนินคดีต่อไป

‘ศุภชัย ’ เผย ‘ภท.’ หนุน กม.กัญชาเพื่อการแพทย์ หลัง ‘ภาคประชาชน’ เตรียมล่ารายชื่อทั่วประเทศ

(29 มี.ค. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แถลงว่า จากที่ผลการเสวนาของพรรคภูมิใจไทย เรื่อง ‘ทิศทางกฎหมายกัญชาเพื่อสุขภาพ และการแพทย์หลังการเลือกตั้ง’ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนที่จะให้มีกฎหมายเฉพาะมาคุ้มครองเพื่อการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องมีการผลักดันกฎหมายต่อไป
.
โดยทางภาคประชาชนจะมีการรณรงค์พร้อมล่ารายชื่อในทุกภาค ทั้งจากในพื้นที่จริง และทางระบบออนไลน์ เพื่อแสดงจุดยืนดังกล่าว นอกจากนี้ ภาคประชาชนจะมีการจัดสัมมนาในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป  อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานี้ที่มีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านคัดค้านเรื่องกัญชา รวมถึงจะนำกลับไปเป็นยาเสพติด โดยขาดความรู้ และความเข้าใจ ทำให้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนที่ยังเห็นว่า กัญชาสามารถเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการรวมตัวของภาคประชาชนทุกภาคส่วน

#THESTATESTIMES
#ElectionTime
#NewsFeed
#ภูมิใจไทย
#ศุภชัยใจสมุทร
#กัญชา
#กัญการแพทย์

‘ศุภชัย’ เผยศาลสั่งห้าม ‘ชูวิทย์’ ยุ่งเรื่องกัญชาพรรค ‘ภท.’ ชี้!! มีเจตนาบิดเบือนความเข้าใจของประชาชน

‘ศุภชัย’ เผยศาลสั่งห้าม ‘ชูวิทย์’ จ้อ-แสดงการกระทำด้วยวิธีใด ๆ เกี่ยวกับปม ‘กัญชา’ ที่เกี่ยวข้อง ‘พรรคภูมิใจไทย’ อีก

(5 เม.ย.66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า วานนี้ (4 เม.ย.66) พรรคภูมิใจไทย มอบอำนาจให้ตนยื่นคำฟ้องต่อศาลแพ่ง กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กระทำละเมิดต่อ พรรคภูมิใจไทย ในการแพร่ข่าว ไขข่าว ฝ่าฝืนต่อความเป็นจริงทำให้พรรคเสียหาย เป็นการฟ้องละเมิดและเรียกค่าเสียหาย และยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว และไต่สวนฉุกเฉิน ห้ามมิให้นายชูวิทย์ ดำเนินการตามที่ถูกฟ้อง คือ การกล่าวหาบิดเบือน กับพรรคภูมิใจไทย 

ทั้งนี้ เมื่อวาน (4 เม.ย.66) หลังจากคณะตุลาการพิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องเป็นการร้อง ห้ามมิให้พูด อาจจะเป็นการฟ้อง ซึ่งอาจจะเป็นผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำร้องไม่เป็นการเฉพาะเจาะจง เป็นการยื่นคำร้องทั่วไป จึงยกคำร้อง แต่วันนี้พรรคภูมิใจไทย ได้ไปยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ขอไต่สวนฉุกเฉิน อีก และมีการไต่สวนจนเสร็จสิ้นเมื่อช่วงบ่าย ออกมา

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า โดยเนื้อหามีดังนี้ วิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน หลายสาขา ทั้งทางวิทยุ โทรทัศน์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งใช้เครื่องกระจายเสียงประกาศข้อเท็จจริงต่างๆ ตามคำฟ้องในที่สาธารณะ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า โจทก์มีนโยบายที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และสมาชิกของโจทก์ไม่เหมาะสมที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งข้อเท็จจริง ตามที่จําเลยกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายต่อบุคคลทั่วไปนั้น ยังมิได้มีการพิสูจน์ว่าเป็นความจริงตามที่จําเลยกล่าวอ้างหรือไม่ จึงเป็นการกระทําซ้ำ และกระทําต่อไป ซึ่งการที่โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าจําเลยกระทําละเมิด

‘ศุภชัย’ เมิน!! ‘ชูวิทย์’ โพสต์คลิปซื้อเสียง พบแผ่นพับ ‘หมอมิลล์’ ลั่น!! ไม่รู้จักคนในคลิป เชื่อ!! มีขบวนการจ้องใส่ร้ายป้ายสี

‘ภท.’ ไม่ให้ ราคา ‘ชูวิทย์’ โพสต์ซื้อเสียง ลั่นสอบแล้ว ไม่จริง เชื่อมีกระบวนการใส่ร้าย ด้าน ผู้สมัครในคลิป โร่ แจ้งความตำรวจ-กกต.หนองคาย ยันถูกใส่ร้าย ไม่รู้จักบุคคลในคลิป

(20 เม.ย.66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์คลิประบุว่า อสม. เริ่มเดินสายจดรายชื่อตามบ้านเพื่อซื้อเสียง พร้อมระบุเป็นส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล โดยคลิป เป็นแผ่นพับของ นางจิดาภา สุนทรธนากุล ผู้สมัครส.ส.หนองคาย เขต 2 เบอร์ 4 พรรคภูมิใจไทย ว่า พรรคได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ยืนยันว่า ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย ที่อ้างว่า มีชื่ออยู่ในคลิปนั้น รวมทั้งผู้ช่วยหาเสียงทั้งหมดไม่มีพฤติการณ์ทำตามที่ปรากฏอยู่ในคลิป และมั่นใจว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการใส่ร้าย ถ้าเจ้าตัวไม่ได้ทำ ซึ่งก็ได้ไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ กกต.จว.หนองคายแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีกระบวนการจ้องทำลาย นายศุภชัย กล่าวว่า เมื่อเจ้าตัวไม่ได้ทำ แล้วมีความพยายามว่าทำ ตรงนี้ก็เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ถือเป็นความไม่ประสงค์ดี ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เกิดขึ้นเป็นประจำ เป็นระยะๆ แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ซื้อเสียง มีการถ่ายคลิป แล้วมีการสะบัดๆ ให้เห็นชื่อ เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ทำให้คะแนนเสีย นายศุภชัย กล่าวว่า คงไม่ เพราะผู้สมัครได้ลงพื้นที่อย่างหนักและเต็มที่ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. ก็ได้ลงนามประกาศพรรค ห้ามผู้สมัครทุกคนกระทำการใดๆที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งทุกคนก็ถือปฏิบัติ เคร่งครัด แล้วจู่ ๆ ก็มีเรื่อง แล้วก็มีคนออกมาแฉแบบ ทันทีทันใด และเชื่อว่าจะเกิดขึ้นใน ทุกๆ ที่ เพราะทำกันง่ายเหลือเกิน

“ผมไม่ให้ราคาคนโพสต์ วันนี้มีพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาแบบนี้ ก็ควรมาช่วยกันปกป้องว่ามีการใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่ ควรมาช่วยกันใช้สติ ปัญญา ตรึกตรองว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ เพราะอาจถูกกลั่นแกล้ง แต่ก็ไม่เป็นไร ซึ่งผู้สมัครส.ส.ก็ไปแจ้งความแล้ว และก็จะไปแจ้งต่อกกต. ต่อไป”นายศุภชัย กล่าว

ด้านนางจิดาภา สุนทรธนากุล ผู้สมัคร ส.ส. หนองคาย เขต2 พรรคภูมิใจไทย ที่ปรากฏแผ่นพับหาเสียงในโลกโซเชียล และถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำมาโพสต์ ถึงการซื้อเสียงว่า ถูกใส่ร้าย ซึ่งได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. โพนพิสัยแล้ว เมื่อช่วงเวลา 11.00น. ใน 2 เรื่องคือ ป้ายถูกทำลายและคลิปที่เผยแพร่ทางโซเชียล และขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการตามกฎหมาย ที่เจ้าหน้าที่จะไปดำเนินการ ตำรวจและ กกต. ก็ดำเนินการสืบสวนสอบสวน

‘ศุภชัย’ จวก ‘กก.อิสลาม’ กระบี่ ปมออกจดหมายหนุนบางพรรค จี้!! กกต.เร่งตรวจสอบด่วน ชี้ เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง

‘ศุภชัย’ จี้!! กกต.ตรวจสอบ ปม กก.อิสลาม กระบี่ ออกจดหมาย ให้สนับสนุนพรรคประชาชาติ ชี้ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ระบุไม่ควรนำ เรื่องการเมืองไปแปดเปื้อน ขอให้ยุติการกระทำ

(11 พ.ค. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยนำภาพเอกสารของ สำนักงานคณะกรรมการอิสลาม จังหวัดกระบี่ ที่ กอจ.กบ.072/2566 ลงวันที่ 9 พ.ค.66 ลงนามโดย อัสนาวี มุคุระ ประธานคณะกรรมการอิสลาม ประจำจังหวัดกระบี่ เรื่องแจ้งเพื่อทราบ โดยส่งไปที่อิหม่ามทุกมัสยิดในพื้นที่จังหวัดกระบี่ พร้อมแนบเอกสารคุตะบะฮ์ วันศุกร์ เรื่องข้อพึงสังวรการเลือกตั้งในมิติอิสลาม 1 ฉบับ

มีข้อความว่า เพื่อให้สัปปุรุษทุกท่านที่มีอายุครบ 18 ปีขึ้นไป ได้ปฏิบัติตามกฎหมายไปใช้สิทธิ์กันอย่างทั่วถึงทุกคน และให้หลีกเลี่ยงการซื้อสิทธิ์ขายเสียงโดยเด็ดขาด และขอความร่วมมือทุกคนสนับสนุนพรรคการเมืองมุสลิม คือพรรคประชาชาติ หมายเลข 11 อย่างพร้อมเพรียงกัน จึงเรียนมาเพื่อทราบและปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน

นายศุภชัย ระบุว่า วันนี้ตนได้รับข้อมูลตามเอกสารที่โพสต์แล้ว น่าตกใจยิ่ง เพราะหากเป็นจริง การกระทำของท่านย่อมทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศที่ท่านได้รับในตำแหน่งโดยเฉพาะ และการกระทำของท่าน เป็นการกระทำที่ผิดหน้าที่อำนาจตามกฎหมาย และประการสำคัญท่านกำลังทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และมัสยิดใดไปดำเนินการดังกล่าว ย่อมสุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายเช่นกัน จึงขอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว

“ผมขอเรียกร้องมายังทุกจังหวัดที่มีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ที่จะกระทำผิดในลักษณะนี้ขอจงยุติการกระทำเสีย การเทศนาธรรมของมุสลิมในการละหมาดวันศุกร์เป็นช่วงเวลาที่ทรงคุณค่าต่อมุสลิมที่ไปร่วมกันละหมาด จึงไม่ควรนำเรื่องการเมืองไปแปดเปื้อน อันมิใช่หลักการอิสลามที่จะกระทำ” นายศุภชัย ระบุ

‘ศุภชัย’ ข้องใจ!! ขับ ‘รองอ๋อง-2 สส.คุกคาม’ 2 มาตรฐาน เตรียมยื่น กกต. สอบ หากพบผิดมีโทษถึง ‘ยุบพรรค’

(8 พ.ย. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล ดำเนินการขับ 2 สส.พรรคก้าวไกล นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. และนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี กรณีการคุกคามทางเพศ ออกจากพรรค ซึ่งมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย การดำเนินการเปิดเผยทุกกระบวนการ แตกต่างจากกรณีการขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกจากพรรคก้าวไกล เพราะไม่มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน

“ผมจึงได้ยื่นเรื่องถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ของนายปดิพัทธ์ โดยขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบว่าพรรคก้าวไกลได้ดำเนินกระบวนการทางวินัยกับนายปดิพัทธ์ ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และตามกฎหมายถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ โดยส่งแถลงการณ์พรรคก้าวไกล ลงวันที่ 28 ก.ย. 2566 เป็นเอกสารประกอบ” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวอีกว่า หากพิจารณาจากคำแถลงการณ์พรรคก้าวไกล คณะกรรมการบริหารชุดใหม่และผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลได้ประชุมร่วมกัน โดยให้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคคนใหม่ รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และมีข้อความในแถลงการณ์ว่าให้นายปดิพัทธ์ ออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลโดยมิได้มีการแถลงว่ามีการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อ 119 วงเล็บใด มีการดำเนินการทางวินัยสมาชิกตามข้อบังคับพรรค ก้าวไกลอย่างไร

นายศุภชัย กล่าวว่า ได้มีการริเริ่มกระบวนพิจารณาทางวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 122 และมีการแสวงหา ข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานประกอบขึ้นเป็นสํานวนคํากล่าวโทษ ตามข้อ 123 หรือไม่ และได้ เรียก นายปดิพัทธ์ มาให้ถ้อยคําหรือโต้ยังคํากล่าวโทษตามข้อ 124 หรือไม่ มีการสรุปข้อเท็จจริง การพิจารณาและเหตุผลในการวินิจฉัยประกอบการทําคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 129 ถึงข้อ 131 หรือไม่ อีกทั้งยังไม่ปรากฏมติของพรรคก้าวไกลด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคก้าวไกลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 101 (9)

“หากยังมิได้ดำเนินการดังกล่าวตามข้อบังคับ การดำเนินการของพรรคก้าวไกล ยังไม่ถูกต้องครบถ้วน นายปดิพัทธ์ ยังคงสภาพเป็นสมาชิกพรรค ก้าวไกล ไม่อาจไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้และจากแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล ชี้แจงในทำนองว่า นายปดิพัทธ์ ลาออก โดยที่พรรคไม่ได้มีมติขับออกจากพรรคเพราะทำผิดวินัยร้ายแรง จะส่งผลให้สมาชิกภาพความเป็น สส.ของนายปดิพัทธ์ สิ้นสุดลงในทันที” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกล มิได้มีการดําเนินการตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลและกฎหมาย การกระทําดังกล่าวเป็นการสมคบคิดหรือ แสดงเจตนาลวง ระหว่างพรรคก้าวไกลกับนายปดิพัทธ์ อันเข้าข่ายกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัย ว่าเพียงแค่อาจเป็นปฏิปักษ์ ก็ต้องห้ามแล้วหาจําต้องมีเจตนา ประสงค์ต่อผล หรือต้องรอให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงขึ้นจริงเสียก่อนไม่

“หากนายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบแล้ว พรรคก้าวไกลมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย และเป็นการสมคบคิดหรือแสดงเจตนาลวง โดยหวังผลเพื่อให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้รับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ นายปดิพัทธ์ ยังคงดํารงตําแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป อันเป็นการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายซึ่งเป็นการกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกรณีเป็นความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ขอท่านได้โปรดยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ สั่งยุบพรรคก้าวไกลต่อไป” นายศุภชัย กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top