Monday, 6 May 2024
วิโรจน์

‘กรุงเทพฯ แบบไหนที่ 'ผม' ต้องการ?’ | Click on Clear THE TOPIC EP.198

🔥Rerun🔥 
📌 ‘กรุงเทพฯ’ ในฝันต้องเป็นแบบไหน? หาคำตอบไปกับ ‘วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฝีปากกล้าแห่งพรรคก้าวไกล! 
📌ใน Topic : ‘กรุงเทพฯ แบบไหนที่ 'ผม' ต้องการ?’ 

ในรายการ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

'วิโรจน์' ลงพื้นที่บางมด ขอคะแนนเสียงโค้งสุดท้าย ชูนโยบาย 'ลอกท่อทั่วเมือง ลอกคลองทั่วกรุง' แก้น้ำท่วมขัง

เมื่อวันที่ 7 พ.ค. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่า กทม. เบอร์ 1 และนายธัญธร ธนินวัฒนาธร ผู้สมัคร ส.ก. เขตจอมทอง เบอร์ 4 พรรคก้าวไกล เดินตลาดเช้าบริเวณหมู่บ้านสินทวี บางมด ถนนพระราม 2 ซอย 43 ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ตั้งอยู่สองฝั่งถนนในหมู่บ้าน เพื่อทักทายพี่น้องประชาชน ขอคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ 

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนมีความมั่นใจเต็มร้อยในศึกเลือกตั้ง แม้เหลือเวลาอีกประมาณ 10 วันก็ตาม โดยเมื่อค่ำวันที่ 6 พ.ค. ได้ขึ้นเวทีปราศรัย Flash Meet ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดเป็นประจำในทุกสัปดาห์ เน้นการสื่อสารสั้น กระชับ และได้ใจความของนโยบาย เพราะตนต้องการเปลี่ยนแปลง กทม. และเร่งเปิดเมืองเพื่อกระตุ้นเศรษกิจ ความเป็นอยู่และปากท้องของคนกทม. วันนี้ก็มีพ่อค้าแม่ขายจำนวนมากในตลาด แสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งตนให้คำสัญญากับพี่น้องประชาชนว่า พร้อมเปิดเมืองเพื่อให้คนกทม.ได้ใช้ชีวิตปกติ โดยอันดับแรกจะต้องทำให้ประชาชนมั่นใจในการจัดการโรคระบาดเสียก่อนจึงจะกล้าออกมาใช้ชีวิต กล้าจับจ่ายใช้สอย เมื่อถึงวันนั้นเศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวกลับมา

'วิโรจน์-สก. ก้าวไกล' แท็กทีม 'ชัชชาติ' ลุยสำรวจปัญหาคลองลาดพร้าว

วิโรจน์ ควง ส.ก. ก้าวไกล ลาดพร้าว-จตุจักร เริ่มลุยงานร่วมกับชัชชาติ ผู้ว่า กทม. คนใหม่ทันทีหลังการเลือกตั้ง โดยลงเรือดูปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่รอบคลองลาดพร้าว พร้อมหารือแนวทางแก้ปัญหา พร้อมประสานความร่วมมือเพื่อประโยชน์ของประชาชน

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่า กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ประสานงาน ส.ก.  พรรคก้าวไกลทั้ง 14 เขต ร่วมลงพื้นที่หารือปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากรอบคลองลาดพร้าว กับชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่า กทม. พร้อมกับณภัค เพ็งสุข ว่าที่ ส.ก. เขตลาดพร้าว พรรคก้าวไกล และอภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย ว่าที่ ส.ก. เขตจตุจักร พรรคก้าวไกล ในฐานะ ส.ก. พรรคก้าวไกลในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาคลองลาดพร้าว พร้อมกับว่าที่ส.ก. จากพรรคเพื่อไทยอีกสองเขต

โดยวิโรจน์กับชัชชาติและคณะ ร่วมกันลงเรือสำรวจสภาพพื้นที่ จากจุดวัดลาดพร้าวไปจนถึงประตูระบายน้ำคลองลาดพร้าว ก่อนย้อนกลับไปถึงประตูระบายน้ำคลองบางซื่อ ชุมชนบ้านมั่นคง รวมทั้งจุดกักขยะในคลอง และดูระบบการคัดแยกขยะโดยบริษัทเอกชน โดยมี ส.ก. จากพรรคก้าวไกล ร่วมนำการสำรวจปัญหาพร้อมบรรยายลักษณะปัญหาของพื้นที่

ซึ่งทั้งว่าที่ ส.ก. เขตลาดพร้าว และว่าที่ ส.ก. เขตจตุจักร ของพรรคก้าวไกล ที่ติดตามปัญหาดังกล่าวมาตั้งแต่ก่อนลงสมัครเป็น ส.ก. ระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากปริมาณขยะที่อยู่ในคลอง ทำให้การระบายน้ำติดขัด ในเบื้องต้นได้หารือกับผู้ว่าฯ แล้ว ว่าสิ่งที่สามารถแก้ไขได้ในเบื้องต้นทันที คือการปรับระดับน้ำในคลอง เช่น การขุดลอกเพื่อให้สามารถรองรับการระบายน้ำได้มากขึ้น และการนำเอาสิ่งกีดขวาง เช่น ประตูระบายน้ำที่ไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว ซึ่งเป็นจุดที่มีปริมาณขยะมาสะสม ออกไปให้การระบายน้ำเป็นไปโดยสะดวกขึ้น

‘วิโรจน์’ แฉงบสำนักระบายน้ำกทม. 7,700 ล้าน ซัดมีแต่โครงการใหญ่ แต่ไร้ผู้รับเหมารับงาน

วิโรจน์ แฉงบสำนักระบายน้ำ กทม. 7,700 ล้าน ผู้ว่าคนก่อนทำทิ้งไว้มีแต่โครงการใหญ่ จ้างที่ปรึกษา เบิกจ่ายช้า หาผู้รับเหมาไม่ได้ แต่ก็ยังตั้งงบไว้ เหมือนล็อกสเป็ครอผู้รับเหมารายใดรายหนึ่งเฉพาะ

วันที่ 21 ก.ค. 65 เวลา 00.20 น. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อสังเกตถึงงบ กทม. ปี 66 ว่ามีปัญหาจำนวนมากที่ต้องเข้าไปจัดการแก้ไขเพื่อให้ผู้ว่าชัชชาติแก้ปัญหาเส้นเลือดฝอยได้

โดยนายวิโรจน์กล่าวว่า หนี่งในปัญหาที่สำคัญที่สุดของกรุงเทพในช่วงเวลานี้ คือการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากปีนี้สภาพอากาศโลกมีความแปรปรวนเป็นพิเศษ และปัญหาน้ำท่วมแบบที่เกิดในวันนี้อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของปีนี้ เพราะอย่าลืมว่าเราเพิ่งผ่านวัน "เข้าพรรษา" มาแค่ไม่กี่วัน 

หัวใจของปัญหาน้ำท่วมที่ต้องเร่งแก้ไข นอกจากเส้นเลือดใหญ่ หรือเส้นเลือดฝอยแล้ว สิ่งที่สำคัญที่เปรียบประหนึ่งกระดูกสันหลัง ก็คือ การจัดสรรงบประมาณของ กทม. ว่าถูกจัดสรร และนำไปใช้ได้อย่างตรงจุดหรือไม่

พรรคก้าวไกลมีข้อสังเกตงบประมาณสำนักระบายน้ำ ปี 66 จำนวน 7,704.48 ล้านบาท ที่ผู้ว่าคนก่อนทำทิ้งไว้ ซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้วพบได้ว่า

1. มีโครงการการก่อสร้างจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นโครงการอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ โครงการสร้างพื้นรับน้ำ หรือโครงการสร้างอาคารรับน้ำสำหรับการระบาย ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ตามแผนที่ตั้งไว้ ทำให้เกิดการก่อสร้างล่าช้า ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนอย่างมาก หลายโครงการที่เลยกำหนด ผู้รับเหมาก็ทิ้งงาน งบประมาณก็ขาดแคลนไม่ต่อเนื่อง ทำให้โครงการถูกลากยาว สร้างไม่จบไม่สิ้น

2. มีการตั้งโครงการก่อสร้างยักษ์ใหญ่จำนวนมาก แต่ไม่สามารถหาผู้รับจ้างได้ แต่ก็ตั้งงบประมาณในส่วนนี้คาเอาไว้เสมอ เหมือนกับจะล็อคสเป็ครอผู้รับเหมารายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะ ทำให้แผนการระบายน้ำไม่ถูกดำเนินการให้แล้วเสร็จ ปัญหาเดิมก็ค้างอยู่อย่างนั้น

3. โครงการก่อสร้างของสำนักระบายน้ำคิดแต่การทำการใหญ่ที่มีผลกระทบสูง แต่ไม่มีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่อย่างการทำประชาพิจารณ์ 

4. สำนักระบายน้ำเสียเงินจำนวนมากไปกับการจ้างที่ปรึกษาในการก่อสร้าง แถมที่ผ่านมาการตรวจรับงาน ก็มีปัญหางานด้อยคุณภาพหลุดออกมาเต็มไปหมด แต่ที่ปรึกษารายเดิม ๆ ก็ยังถูกจ้างอยู่วันยังค่ำ ไม่เคยคิดจะเปลี่ยน

'วิโรจน์' ตั้ง 8 ข้อสงสัยผู้บริหารกทม.ชุดเก่า ปมหนี้ BTS ทั้งที่เงินสะสมมีพอ แต่เหตุใดจึงปล่อยให้หนี้พอก

ภายหลังจากที่มีการฟ้องร้องข้อพิพาทรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ BTSC ฟ้องกรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม (KT) ที่ศาลปกครอง ในกรณีที่ BTSC เรียกร้องให้ กทม. จ่ายเงินที่ค้างชำระค่าเดินรถและค่าซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 เป็นเงิน 11,755 ล้านบาท ซึ่งค้างมาตั้งแต่ผู้บริหาร กทม. ชุดที่แล้ว

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่ากทม.พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่าตนและทีมงานพรรคก้าวไกลก็ได้เข้าไปสังเกตการณ์ในกรณีนี้ด้วย ซึ่งวิโรจน์ ได้ตั้งข้อสังเกตต่อกรณีนี้ 8 ประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้...

1. ผู้บริหาร กทม. ชุดก่อน ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร คสช. เคยร้องขอต่อสภา กทม. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐประหาร คสช. ให้มีการอนุมัติเงินสะสมของ กทม. มาจ่ายหนี้ค่ารถไฟฟ้า แต่สภา กทม. ในขณะนั้นกลับไม่อนุมัติให้นำเอาเงินสะสมมาจ่ายหนี้ให้แก่ BTSC ทำให้หนี้ค่าจ้างเดินรถ และค่าซ่อมบำรุง สะสมทบต้นทบดอก จนเป็นภาระหนี้สินที่หนักมากขึ้น ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่น่าสงสัยมาก เพราะ กทม. มีเงินสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก เพียงพอต่อการใช้หนี้ ไม่จำเป็นต้องเบี้ยวหนี้ จนดอกเบี้ยทบต้นทบดอก

2. มีสัญญาระหว่างกรุงเทพธนาคม กับ BTSC อยู่ 2 ฉบับ ที่เป็นสาระสำคัญ ที่ กทม. ควรพิจารณาเปิดเผยต่อสาธารณะ ได้แก่ สัญญาจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุง ส่วนต่อขยายที่ 1 ที่ กทส.006/55 ลงวันที่ 3 พ.ค. 2555 และสัญญาจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุง ส่วนต่อขยายที่ 2 ที่ กทส.024/59 ลงวันที่ 1 ส.ค. 2559 ซึ่งตัวเลขหนี้สินต่าง ๆ ที่ กทม. และกรุงเทพธนาคม ค้างจ่ายให้กับ BTSC ล้วนคำนวณมาจากสัญญา 2 ฉบับนี้

3. สัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นหลัก ที่มีอายุสัญญาสัมปทาน 30 ปี จะสิ้นสุดลง ณ วันที่ 4 ธ.ค. 2572 แต่สัญญาจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุง ทั้ง 2 ฉบับข้างต้น ยังคงผูกพัน กทม. และกรุงเทพธนาคม ไปจนถึงปี พ.ศ. 2585 นั่นหมายความว่าสัญญาทั้ง 2 ฉบับนี้ มีผลกระทบอย่างมากต่อการเปิดประมูลสัมปทานใหม่ ดังนั้นการอ่านทานสัญญาทั้ง 2 ฉบับนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

'วิโรจน์' แจง มือถือหลายเครื่องไม่ได้ทำไอโอ แค่ให้พี่ที่ทำการตลาดสาธิตเฉยๆ

วิโรจน์ อดีต ส.ส.ก้าวไกลแจงกรณีภาพมือถือหลายเครื่อง อ้างไปเยี่ยมชมพี่ที่ทำการตลาด ขอความรู้ทำการตลาดไลฟ์สด ไม่ได้มีไอโอจริง แต่ถูกไอโอรุมหนัก ส่วนที่ลบรูปเพราะติดชื่อคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง

วันนี้ (13 ต.ค.) จากกรณีที่ทวิตเตอร์ @wirojlak ของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและอดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล โพสต์ภาพโทรศัพท์มือถือ 19 เครื่อง แขวนไว้กับราวเหล็ก ที่เปิดหน้าติ๊กต็อกของตัวเอง ภายในร้านจำหน่ายเครื่องเพชรแห่งหนึ่ง พร้อมโพสต์ข้อความระบุว่า...

"ผมเข้าสู่โลก Tiktok มาได้สักพักแล้วนะครับ ท่านใดสนใจคอนเทนต์ Tiktok ของผม ก็สามารถติดตามได้ที่ tiktok.com/@wirojlak ได้เลยครับ" ปรากฏว่ามีชาวเน็ตซูมเข้าไปบริเวณแผ่นกระดาษ มีข้อความในลักษณะที่เป็นโพย ทำให้ชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยว่ามีการทำปฏิบัติการข่าวสาร (ไอโอ) หรือไม่? ภายหลังนายวิโรจน์ได้ลบภาพและข้อความดังกล่าวออก พร้อมกับลงภาพใหม่ อ้างว่าภาพเดิมไปพาดพิงคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง

ปรากฎว่า ทวิตเตอร์ของนายวิโรจน์ ได้โพสต์ข้อความชี้แจงว่า "ถ้าใครทำการตลาด Live สด ก็จะรู้ดีว่ามือถือหลายเครื่อง เอาไว้ Live ผ่านหลายกลุ่ม ในเวลาเดียวกัน ผมไปเยี่ยมชมขอความรู้ พี่เขาก็สาธิตให้ดู แนะนำว่าการตลาดจริงๆ จังๆ เขาทำกันยังไง เผื่อว่าผมจะเอาไปปรับปรุง เท่านั้นเอง ไม่ได้มี IO อะไรเลยครับ ปรากฏว่าพี่เขาโดน IO รุมหนักเลยครับ"

นอกจากนี้ นายวิโรจน์ยังกล่าวไปถึงผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ที่แชร์ภาพมือถือหลายเครื่องก่อนหน้านี้ ระบุว่า "ถ้าฟลุ้คอยากจะแชร์ แชร์ทวีตนี้ ... เพราะไม่ได้มีปัญหาอะไร พี่ที่ทำการตลาด Tiktok เขาสาธิต และแบ่งปันความรู้ให้พี่ครับ จอหลายจอเขาใช้ Live ผ่านหลายกลุ่ม รูปที่ฟลุ้คแชร์พี่ลบไป เพราะติดชื่อคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง อยากให้ฟลุ้ครับผิดชอบกับคนอื่นสักนิดครับ

กรณีที่ฟลุ้คแชร์ก็ดี พี่จะได้อธิบาย จอหลายจอ พี่เขาใช้ Live สด ผ่าน Facebook Group หลายกลุ่ม ในเวลาเดียวกันครับ ตอนพี่ไปเยี่ยมเขา เขาเปิด คลิป Tiktok พี่ ขึ้นมาโชว์ เพื่อเป็นการให้เกียรติ พี่เท่านั้นเอง พี่ก็ถ่ายรูปมา เพราะคิดว่ามันดู Grand ดี

พี่เขายังแนะนำต่อว่า Content ต้องมีคุณภาพ Tiktok ถึงจะเปิดการมองเห็น การวาน FC หรือใช้มือถือหลาย Account มาช่วยวิว ช่วยกดหัวใจ มันช่วยการมองเห็นในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ถ้า Content ไม่ดี คนดูไม่จบคลิป คนดูแล้วปัดทิ้ง การมองเห็นก็จะน้อย

พี่เขายังแนะนำอีกด้วยว่า สำหรับ Comment ที่เข้ามาชื่นชม เข้ามาบอกว่าขอแชร์ เราควรขอบคุณ หรือกดหัวใจให้เขา Engagement ระหว่างช่องกับคนที่เข้ามาดู นั้นมีผลต่อการมองเห็นด้วยครับ

พอเกิดเหตุการณ์ขึ้น มันกระทบกับตัวร้านของพี่เขา และกระทบกับงานของพี่เขาอย่างมาก จริงๆ พี่เขาไม่ได้ขอให้ผมลบทวีตนะครับ แต่ผมคิดว่าลบดีกว่า เพราะไม่อยากให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบ

พอลบไปแล้ว พี่เขายังโทรมาบอกว่า ให้พี่ทวีตใหม่ แต่ไหนๆ จะทวีตใหม่แล้ว ก็ให้ Crop รูปชื่อของคนอื่นออกก็แล้วกัน พี่เขายังย้ำกับผมเลยว่า พี่เขาทำ Tiktok marketing ไม่ได้เป็น IO ไปด่าใคร ดังนั้นเขาไม่กลัว พี่เขา Strong มากครับ

'ปฏิรูปกองทัพ-งบประมาณ-รัฐทหาร' เอาบุคคลไปรวมองค์กร วิบัติ!!

ถ้าจะมองว่า "ปลาเน่าตัวเดียวทำเหม็นท้้งข้อง" ก็คงไม่ผิด!! แต่ถ้ามองว่าปลาเน่าตัวเดียว จะทำให้ปลาทั้งหมดเน่าไปด้วย...มันก็แลดูใจร้ายเกินไปไม่น้อย...
 

เวทีระอุ!! ‘เสธ.หิ’ ซัด ‘วิโรจน์’ ปมดรามางานศพคุณพ่อนายพิธา

ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ถามนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กรณีดรามางานศพคุณพ่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล บนเวทีไทยรัฐดีเบต ที่จัดขึ้นที่ภาคเหนือ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 66 ว่า “ผมถามคุณวิโรจน์คำเดียว ตกลงหัวหน้าพรรคคุณไปงานศพทันหรือไม่ทันครับ...แต่ผมก็ชื่นชมคุณพิธาที่เป็นคนประนีประนอมนะครับ เพราะถ้าตอบทัน ก็เกรงคุณสรยุทธจะเสียใจ ถ้าตอบไม่ทัน ก็เกรงคุณแหม่มสุริวิภาจะเสียใจ ก็เลยตอบทันครึ่ง ไม่ทันครึ่ง”

เมื่อ 'วิโรจน์' อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ขิง 'ชัยวุฒิ' บอก 'กทม.' ไม่ใช่ 'ท้องถิ่น' แต่เป็นการปกครองพิเศษ

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.66 ไทยรัฐดีเบต เลือกตั้ง’66 #เริ่มใหม่ไทยแลนด์ กับไทยรัฐ ได้เริ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ดำเนินรายการโดย จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ ซึ่งครั้งนี้จัดดีเบตประชันวิสัยทัศน์และนโยบายแบบสัญจรที่ จ.เชียงใหม่ ตัวแทนทั้ง 7 พรรคการเมืองประกอบด้วย...

1. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
2. นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
3. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
4. นายสามารถ แก้วมีชัย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย
5. นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ประจำภาคเหนือ
6. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
7. น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย

โดยไฮไลต์เด็ดของดีเบตหนนี้อยู่ที่ 'ชัยวุฒิ' กับ 'วิโรจน์' ซึ่งคุณชัยวุฒิ ได้กล่าวถึงคุณวิโรจน์เกี่ยวกับระบบการปกครองของไทย โดยเฉพาะกับกรุงเทพมหานคร ว่า...

“พอดีคุณวิโรจน์ไม่เข้าใจเพราะไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. เป็นการปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ใช่การปกครองส่วนภูมิภาค ศักดิ์ศรีเหมือนนายก อบจ. เลือกมาเพื่อบริหารท้องถิ่น ที่เราพูดถึงคือการบริหารราชการระบบส่วนภูมิภาค ที่เคสเขาไม่เข้าใจเพราะเขาไม่เป็นผู้ว่าฯ กทม.ไง สอบไม่ผ่าน เข้าใจไหม คนละแบบ”

'วิโรจน์' รับ!! ด้วยความจำกัดของเวลา ทำให้พูดจาตกหล่น หลังลั่นใส่ 'ชัยวุฒิ' กลางเวทีดีเบต "กทม.เป็นการปกครองพิเศษ"

หลังจากเมื่อวันที่ 28 เม.ย.66 ในรายการไทยรัฐดีเบต เลือกตั้ง’66 #เริ่มใหม่ไทยแลนด์ กับไทยรัฐ ที่ จ.เชียงใหม่ ได้มีการปะทะคารมกันช่วงหนึ่งระหว่าง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ความว่า...

“พอดีคุณวิโรจน์ไม่เข้าใจเพราะไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. เป็นการปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ใช่การปกครองส่วนภูมิภาค ศักดิ์ศรีเหมือนนายก อบจ. เลือกมาเพื่อบริหารท้องถิ่น ที่เราพูดถึงคือการบริหารราชการระบบส่วนภูมิภาค ที่เคสเขาไม่เข้าใจเพราะเขาไม่เป็นผู้ว่าฯ กทม.ไง สอบไม่ผ่าน เข้าใจไหม คนละแบบ”

จากนั้น นายวิโรจน์ ขอกล่าวใช้สิทธิพาดพิงว่า “คุณชัยวุฒิพูดอีกแล้วว่ากรุงเทพมหานครเป็นท้องถิ่น นี่คือความไม่เข้าใจ กรุงเทพมหานครเป็นรูปแบบการปกครองพิเศษ คือคนละเรื่องนะ คุณไปดูดีๆ มิน่าถึงไม่ได้รับการคัดเลือกให้มาลงผู้ว่าฯ แข่งกับผมไง ผมจะได้ลงแข่งเนี่ย ขอโทษนะคุณไปอ่านหนังสือ กรุงเทพมหานครเป็นรูปแบบการปกครองพิเศษ เอางี้นะ แล้วถามว่าจะยังไง 1.ไม่มีใครตกงาน เพราะข้าราชการส่วนภูมิภาคจะถูกถ่ายโอนมายังท้องถิ่น และจะมีปลัดจังหวัดอย่างที่คุณศิธาพูด ปลัดจังหวัดก็จะทำหน้าที่ประสานงานกับราชการส่วนกลางได้ เคลียร์กันตรงนี้นะ ลูกๆ หลานๆ ที่ดูทีวี กรุงเทพมหานครไม่ใช้ท้องถิ่น เป็นรูปแบบการปกครองพิเศษ อย่าไปเชื่อคนกินไข่ต้ม 1 ซีกกับข้าวคลุกน้ำปลานะ”

ล่าสุด (1 พ.ค.66) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์แก้ต่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่า...

"มาดูคลิปย้อนหลังแล้ว ด้วยความจำกัดของเวลา ทำให้ผมพูดตกไป จึงขอแก้ให้ครบถ้วนถูกต้องนะครับ 

"กทม. เป็น 'การปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ' ไม่ใช่ 'การปกครองท้องถิ่นรูปแบบทั่วไป' ครับ

"จึงขอแก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้องครับ"


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top