Monday, 29 April 2024
ราชบุรี

บุกบ้านโป่ง!! ‘ลุงตู่’ ลงพื้นที่ราชบุรี ไหว้พระ-เยี่ยมชมสถานที่ ชาวบ้านแห่ต้อนรับ พร้อมชูป้าย ‘ลุงตู่ อยู่ต่อ’

(13 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ว่า เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ในนามนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี โดยมี พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายสุชาติ ชมกลิ่น ร่วมคณะ 
.
โดยเมื่อเวลา 09.00 น.นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม.2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ โดยจุดแรก เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด สีขาวทะเบียน กค 9 ราชบุรี มายังวัดหุบกระทิง ตำบลเบิกไพร อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยทันทีที่มาถึงนายกฯได้ทักทายกับนักเรียนโรงเรียนวัดหุบกระทิงที่มารอเจอนายกฯที่บริเวณรั้วโรงเรียน โดยนายกฯกล่าวกับเด็กๆว่า ให้รักสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้ สำหรับลุงยึดและรักทั้ง 3 สถาบัน และรักประชาชน ขอให้เด็กทุกคนเป็นคนดีรู้รักสามัคคี และตอนหนึ่งนายกฯหยอกล้อเด็กๆให้รักษาฟันให้ดีๆ ขณะที่เด็กๆบอกว่าเคยเห็นนายกฯแต่ในติ๊กต๊อกเพิ่งเคยเจอตัวจริงวันนี้ 

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ สักการะพระประธานอุโบสถ หลวงพ่อสมปรารถนา และนมัสการพระมหาสงกรานต์ (สันติ กะ โร) เจ้าอาวาสวัดหุบกระทิง

ทั้งนี้ ในพื้นที่ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่เตรียมย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่เตรียมย้ายมาอยู่พรรค รทสช. เดินทางมาต้อนรับ รวมทั้งมีชาวบ้านมารอต้อนรับพร้อมชูป้ายข้อความ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” , เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตรย์แบะประชาชน ลุงตู่สู้ๆ , หนีเมียมาเชียร์ลุง , ลุงตู่อยู่ยาวๆ เป็นต้น ขณะเดียวกันได้มีการซักซ้อมประชาชนว่าห้ามหอมแก้มและจับมือบีบมือนายกฯเนื่องจากมือนายกฯยังเจ็บอยู่ ขณะที่นายกฯเองก็พยายามยกมือข้างขวาขึ้นสูงเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกมือที่ยังอักเสบอยู่ ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าไปลูบหัวสุนัขที่ชาวบ้านอุ้มมาต้อนรับ พร้อมกล่าวว่า “น่ารักแข็งแรงนะลูก”

จากนั้น นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้เกษตรวิถีพุทธ ภายใต้สโลแกน "คุณลุงทำนา คุณป้าทำสวน" ซึ่งเป็นวิถีความร่วมมือในการพัฒนาระหว่างวัดกับชุมชน เยี่ยมชมร้านกาแฟ มา-หา กาแฟบุญผลกำไรนำไปช่วยเหลือด้านสาธารณะสงเคราะห์ และเยี่ยมชมตลาดร่มสักส่งเสริมให้ชาวบ้านได้มีอาชีพสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชน โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้สนทนาธรรมกับจะอาวาสว่า วัดนอกจากเป็นที่พึ่งของพุทธะศาสนิกชนแล้วเป็นที่สั่งสอนพระพุทธศาสนาให้ความร่มเย็นแล้วส่วนหนึ่งที่วัดหุบกระทิง ได้ทำคุยสร้างเศรษฐกิจชุมชนซึ่งถือเป็นเรื่องดีก็ขอให้มีการพัฒนาต่อไปเรื่อยเรื่อย

‘จุรินทร์’ พร้อมคณะ บุก ‘บ้านโป่ง’ ขอคะแนนเสียงกา ปชป. เผย เสียดายคนเก่าออกไป แต่ไม่ท้อ ยังมีคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูง

(19 เม.ย.66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย น.ส.รัศมี ทองสิริไพรศรี รองโฆษกพรรค พร้อมคณะ เดินทางไปขอคะแนนเสียงสนับสนุนให้นายธนากร เลี้ยงฤทัย ผู้สมัครส.ส. เขต 4 หมายเลข 4 ที่บริเวณหอนาฬิกาบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่าเชื่อว่าคะแนนที่จังหวัดราชบุรีเราจะได้ดีมาก และเราสู้ทุกเขตทั้ง 5 เขต ซึ่งผู้สมัครทุกคนล้วนมีคุณสมบัติที่ดี มีศักยภาพสูง สู้กับคู่แข่งของพรรคการเมืองอื่นได้ ขอฝากทั้งคนทั้งพรรค และขอฝากสมาชิกพรรคทุกคนที่เป็นฐานกำลังสำคัญที่จังหวัดราชบุรี ช่วยกันหนักแน่นมั่นคง ยืนหยัดอยู่กับพรรค แล้วช่วยกันหาเสียงพาคนใหม่ๆ มาช่วยกันลงคะแนนให้กับพรรคด้วย

“ที่ผ่านมาในการเลือกตั้งซ่อมประชาธิปัตย์ก็ชนะ แต่เสียดายที่คนของเราจากไป ย้ายไปอยู่พรรคอื่น แต่พรรคก็ไม่ท้อแท้ ท้อถอย ไม่เป็นไร เรามีคนรุ่นใหม่ สิ่งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญให้ ซึ่งเป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสของประชาธิปัตย์ และของพี่น้องชาวบ้านโป่ง ที่จะได้ผู้แทนคนใหม่ที่มีศักยภาพไม่แพ้ใคร” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

'กกต.-ตร.ราชบุรี' บุกตรวจสอบบ้านต้องสงสัยจ่ายเงินซื้อเสียง พีก!! เจอ 'ปารีณา ไกรคุปต์' นั่งอยู่ในบ้าน เจ้าตัวบอกมาทำบุญ

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 66 ดร.สุชัญญา วิมุกตายน ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง จ.ราชบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัชชน นราวุฒิพร ผกก.สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เข้าตรวจสอบที่บริเวณบ้านเลขที่ 35 หมู่ 4 ต.หนองโพ อ.โพธาราม หลังได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า ที่บ้านหลังนี้อาจจะมีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบว่าที่บ้านหลังดังกล่าวกำลังมีการเตรียมจัดงานทำบุญกระดูกให้บรรพบุรุษในวันนี้ (12 พ.ค. 66) และในบ้านหลังนี้ก็มี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตส.ส.ราชบุรี นั่งอยู่ในบ้านด้วย

โดย ส.ส.ปารีณา ได้ให้สื่อเข้าไปตรวจสอบในบ้านแต่ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ กกต.เข้าไปในบ้าน พร้อมทั้งบอกว่ามาร่วมงานบุญ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามมาคุกคามจนทำให้เกิดความกลัวและขอความเป็นธรรม และในบริเวณบ้านหลังที่เกิดเหตุก็มีการจัดเตรียมนำรูปบรรพบุรุษที่เสียชีวิตแล้วมาเช็ดทำความสะอาดและมีคนมาช่วยงานเพียงไม่กี่คน

นอกจากนี้บริเวณด้านนอกบ้านตั้งแต่ปากซอยเข้ามาเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ กกต. ได้ขอตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่ขี่เข้ามาในซอยพร้อมทั้งสอบถามว่ามาจากไหน ซึ่งคนที่ขี่รถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่ก็บอกว่ามาจากต่างตำบล และต่างหมู่บ้าน จะมาร่วมงานทำบุญที่บ้านหลังนี้ แต่ไม่รู้จักเจ้าของบ้าน แต่บางคนก็บอกว่ามีคนบอกให้มาพร้อมกับนำบัตรประชาชนมาด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้ขอเบอร์โทรศัพท์และทำการบันทึกภาพวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งตลอดเวลาที่เจ้าหน้าที่ไปดักรอตรวจสอบก็ยังพบว่ามีรถจักรยานยนต์เข้าออกบ้านหลังนี้ตลอดเวลา

ด้าน ดร.สุชัญญา กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเรื่องของการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งก็มาทำการตรวจสอบ เนื่องจากในพื้นที่เขต 3 นี้ มีการแข่งขันกันค่อนสูง มีการรายงานข่าวเรื่องของการซื้อสิทธิ์ขายเสียง จึงได้มาลงพื้นที่ตรวจสอบก็พบว่ามีรถเข้าออกในซอยนี้ค่อนข้างมากเป็นที่น่าผิดสังเกตว่าอาจจะมีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งเป็นคนจากหมู่บ้านอื่นที่เข้ามาจึงได้เก็บพยานหลักฐานไว้หมดแล้ว โดยอ้างว่าเข้ามาร่วมงานบุญที่บ้านหลังนี้ แต่บางคนกลับไม่รู้จักเจ้าของบ้าน เพราะมีคนบอกให้มาตรงนี้ ซึ่งการที่เรามาดูก็เพื่อเป็นการป้องปรามไว้ก่อนเพื่อให้มีการกระทำความผิดให้น้อยที่สุด ซึ่งวันนี้อาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะซอยไม่สามารถนำรถเข้ามาได้ก็ต้องเดินเข้ามา ทั้งนี้ก็เพื่อให้การเลือกตั้งในครั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์และยุติธรรมให้ได้มากที่สุด

"เท่าที่เข้ามาตรวจสอบก็พบว่ามีพฤติกรรมแปลกๆทั้งที่มีบัตรประชาชนของคนอื่นอยู่ด้วย และเมื่อสอบถามแล้วก็ได้บันทึกทุกอย่างไว้หมดแล้ว และในพื้นที่ก็มี น.ส.ปารีณา อดีต ส.ส. นั่งอยู่ในนั้นด้วยตามที่ได้สอบถามชาวบ้านที่เข้าไปในบ้านมาแล้ว และในขั้นตอนต่อไปทางตำรวจก็จะได้รวบรวมพยานหลักฐานและอาจจะต้องมีการตั้งเรื่องสอบสวน แต่ขณะนี้ขอเก็บหลักฐานก่อน"ดร.สุชัญญา กล่าว

สำหรับพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 3 ของจ.ราชบุรี นั้นมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ระหว่างนายสีหเดช  ไกรคุปต์ พี่ชายของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส. ส่งพี่ชายลงสมัครพรรคภูมิใจไทย ได้เบอร์ 1 กับนายจตุพร กมลพันธุ์ทิพย์ ลงสมัครพรรคพลังประชารัฐ  ได้เบอร์ 4  ซึ่งนายจตุพร นั้นเป็นหลานของนายชัยทิพย์ กมลพันธุ์ทิพย์  อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 ที่ลงสมัครแทนน.ส.ปารีณา และเป็นคู่ปรับเก่าของ ส.ส.ปารีณา  ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้นายชัยทิพย์  ได้ย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ  และไปลงสมัครในเขต 4 จ.ราชบุรี แข่งกับนายบุญลือ  ประเสริฐโสภา จากพรรคภูมิใจไทย  และให้นายจตุพร ผู้เป็นหลานชายลงแข่งกับพี่ชายปารีณาแทน ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีการเดิมพันสูงแพ้กันไม่ได้  หมดเท่าไหร่ก็จะต้องสู้ให้ถึงที่สุด

‘พ่อเฒ่า 5 แผ่นดิน’ อายุ 105 ปี เข้าคูหาเลือกตั้ง 66 ด้านเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกใกล้ชิด

(14 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการใช้สิทธิเลือกตั้งของแต่ละหน่วยในพื้นที่ จ.ราชบุรี เป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่ยังไม่เปิดหีบเลือกตั้ง โดยมีประชาชนมาเข้าคิวต่อแถวรอใช้สิทธิเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่หน่วยเลือกตั้งที่ 3 ม.3 ต.คลองข่อย อ.โพธาราม หลังเปิดหีบเลือกตั้งประชาชนก็เริ่มทยอยกันเข้ามาใช้สิทธิของตนเอง

ซึ่งมี นายปุ่น นิลบดี อายุ 105 ปี บ้านเลขที่ 63/1 ม.3 ต.คลองข่อย อ.โพธาราม หรือที่เรียกกันว่า “คุณตา 5 แผ่นดิน” ได้นั่งรถเข็นโดยมีลูกสาว อายุ 66 ปี เข็นคุณตา 5 แผ่นดิน มาใช้สิทธิ หลายคนที่ไปใช้สิทธิตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้มีการถ่ายภาพบรรยากาศตามสถานที่เลือกตั้ง รวมถึงจำนวนคนที่ไปรอคิว เพื่อใช้สิทธิเลือกตั้งกันอย่างคับคั่ง

รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ และน้อง ๆ รด.จิตอาสาคอยอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้ได้ใช้สิทธิอย่างถูกต้อง หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งตรวจสอบรายชื่อ ดูลำดับมาแล้วจะทำให้รวดเร็วขึ้น

ชวนปีนป่าย พิกัด Unseen แห่งใหม่ ในราชบุรี ความท้าทาย ที่สาย Soft Adventure ห้ามพลาด

เขาทะลุมิติ หรือ ถ้ำเขาทะลุ ตั้งอยู่ตำบลรางบัว ด้านข้างแกรนด์แคนยอนราชบุรี ด้านบนของเขาทะลุมิติ นั้นมีลักษณะเป็นถ้ำ ซึ่งเพดานถ้ำทะลุลงมาเป็นช่อง เกิดเป็นซุ้มประตูหินโค้งขนาดใหญ่ 2 โพรง เส้นทางขึ้นจากเชิงเขาถึงปากถ้ำระยะทางประมาณ 200 เมตร เป็นเส้นทางเดินธรรมชาติ มีต้นไม้น้อยใหญ่ปกคลุมตลอดทางเดิน ใช้แรงปีนป่ายไม่ยากนักแค่ 10-15 นาทีก็ถึงแล้ว แนะนำให้สวมรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าที่เหมาะสมกับพื้นหินขรุขระ เพื่อความสะดวกสบายในการเดิน และเพื่อความปลอดภัย ตามทางขึ้นนั้นก็จะมีเชือกผูกไว้ตามทางเป็นแนวยาว เราสามารถเกาะเพื่อทรงตัวในการเดินปีน ตลอดทางขึ้นนั้นหินที่พื้นจะเป็นหินเล็กคลุกผสมหินใหญ่

ที่เขาแห่งนี้ เหมาะแก่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกิจกรรม Soft Adventure เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนเขาและมองลอดผ่านกรอบซุ้มประตูหิน สามารถมองเห็นทัศนียภาพของธรรมชาติและวิวเทือกเขาสลับซับซ้อนอยู่ไกล ๆ จนทำให้มีความรู้สึกเหมือนมองทะลุไปอีกมิติ จึงเป็นที่มาของชื่อ 'เขาทะลุมิติ' ซึ่งเป็น 1 ใน 25 แหล่งท่องเที่ยว Unseen New Series  ช่วงเวลาที่แนะนำคือ เวลา 16.00-18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเราจะมองเห็นแสงอาทิตย์ส่องมาตรงช่องเขาพอดี จึงทำให้ที่นี่เป็นอีกจุดหนึ่งในการชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามของจังหวัดราชบุรี พื้นที่ด้านบนเขานั้นไม่กว้างใหญ่มากนัก แต่มีมุมถ่ายภาพหลายมุม วิวต้นไม้ทิวเขาสวยมาก ได้ภาพสวยคุ้มค่ากับการเดินทางมาเยือนอย่างแน่นอน

การเดินทางมาท่องเที่ยวที่ ถ้ำเขาทะลุนั้นง่ายมาก ที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจาก กทม. ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง สามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3087 (ราชบุรี-สวนผึ้ง) ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร จะถึงปากบึง ให้เลี้ยวขวาใช้ถนนสายบ้านบึง ขับรถมาอีกสักพักก็ถึงแล้ว

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : ตำบล รางบัว อำเภอ จอมบึง จังหวัด ราชบุรี 
พิกัด : https://goo.gl/maps/vhqDHtshSUoVjsjFA
เลาเปิด - ปิด : 8.00 - 18.00 น.
สอบถามข้อมูล องค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว โทร. 0 3273 9046

‘ราชบุรี’ จัดเต็ม!! ต้มยำกุ้ง 4 พันตัว ปรุงในกระทะยักษ์ 3 เมตร แจกให้ชิมฟรี ในงาน ‘หอการค้าแฟร์ 2023’ ตั้งแต่ 3-11 ก.ย.นี้

(5 ก.ย. 66) ที่บริเวณเขื่อนรัฐประชาพัฒนา ริมแม่น้ำแม่กลอง เทศบาลเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ได้มีการจัดงาน ‘หอการค้าแฟร์ 2023’ จังหวัดราชบุรี ระหว่างวันที่ 3 – 11 กันยายน 2566

โดยหอการค้าจังหวัดราชบุรี ร่วมกับ ภาครัฐ และเอกชน กลุ่ม YEC (Young Enterpreneur chamber of commerce) นักธุรกิจรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนาเครือข่ายสมาชิกและธุรกิจ โดยนำร้านค้าทั้งในชุมชน และกลุ่มภาคธุรกิจต่างๆ ร้านค้าชื่อดังทั้งสื่อโซลเชียล facebook สื่อ Tiktok และ ร้าน ที่มีชื่อออกผ่านรายการทีวี นำของฝาก ของที่ระลึก สินค้าเครื่องอุปโภค บริโภค ของกินขึ้นชื่อ มาออกร้าน ที่มีมากกว่า 300 ร้านค้า ตลอด 9 วัน 9 คืน เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ และกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดราชบุรี ตลอดจนกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดให้กลับมาคึกคัก

โดยเมื่อวันที่ 4 กันยายน เป็นคืนที่ 2 ของการจัดงาน นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วย นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี และนายโกมล ตันติวรนุกูล กรรมการหอการค้าไทย ประธานที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดราชบุรี ร่วมกันเปิดงาน ‘หอการค้าแฟร์ 2023 จังหวัดราชบุรี’ อย่างเป็นทางการ

พร้อมทั้ง ร่วมกันปรุงต้มยำกุ้งกระทะยักษ์ ซึ่งใช้วัตถุดิบจากทั้ง 10 อำเภอในจังหวัดราชบุรี อาทิ กุ้งก้ามกราม จาก อ.บางแพ, ผักชี มาจาก อ.ปากท่อ, พริก มาจาก อ.เมืองราชบุรี, เห็ดฟาง มาจาก อ.บ้านโป่ง, ข้าวสารจาก อ. บ้านโป่ง, ต้นข่า มาจาก อ.ปากท่อ, ใบมะกรูด มาจาก อ.บ้านคา, มะนาว จาก อ.ดำเนินสะดวก, พริก มาจาก อ.จอมบึง, ตะไคร้ มาจาก อ.วัดเพลง และ เห็ดหอม มาจาก อ.สวนผึ้ง นำมาปรุงรสในกระทะยักษ์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร หนัก 3 ตัน พร้อมใช้น้ำจำนวน 600 ลิตร กุ้งสดจำนวน 100 กิโล ประมาณ 4,000 ตัว

โดยร่วมกันใช้ตะหลิวขนาดใหญ่ คนให้เข้ากัน ซึ่งต่างคนต่างก็วาดลีลาในการปรุงต้มยำกุ้งกันอย่างเต็มที่ โดยมี ‘น้องโอลีฟ’ เจ้าของวลีเด็ด “โตเกียวเนยกรอบไหมคะ” แม่ค้าเซ็กซี่โนบราขายโตเกียวเนยกรอบคนดังมาร่วมปรุงรสต้มยำกุ้ง เพื่อสร้างสีสันทำเอาเสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนคลับ และหนุ่มๆ ที่มายืนเชียร์

สำหรับการทำต้มยำกุ้งใช้เวลาประมาณ 15 นาที ต้มยำกุ้งกระทะยักษ์สุก ได้รสชาติ พร้อมเสิร์ฟ โดยให้เจ้าหน้าที่ได้ตัดข้าวใส่ถ้วยแจกจ่ายให้กับนักท่องเที่ยว และชาวราชบุรีที่มาเดินเที่ยวงานได้ชิมฟรี สำหรับต้มยำกุ้งกระทะยักษ์ครั้งนี้ หากคิดเป็นตัวเลขมีมูลค่าประมาณ 50,000 บาท นับเป็นการส่งเสริมกิจกรรมในงานหอการค้าแฟร์ให้เป็นที่น่าสนใจ

พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้จักของดี โดยเฉพาะ ‘กุ้งก้ามกรามบางแพ’ เป็นสินค้า GI ของจังหวัด โดยปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามบางแพแล้วกว่าหนึ่งพันราย สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยกว่า 2,500 ล้านบาทต่อปี และการส่งออกมากที่สุดของประเทศไทย

ส่วนบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดราชบุรี และ ต่างจังหวัด เดินทางมาเที่ยวจำนวนมาก ทำให้ร้านค้าต่างๆ หลายร้านสินค้าหมดก่อนตั้งแต่ช่วงค่ำ นอกจากนี้นยังมีร้านค้าที่น่าสนใจหลากหลาย

อาทิ ร้านปังเวอร์ ที่โด่งดังในเรื่องของขนมปังใส้ครีมฮอล และ ขนมปังใส้แน่น , ข้าวเกรียบเห็ดหอม ข้าวเกรียบ โนริสาหร่าย ที่มีลูกค้าต่อคิวซื้อ, กาละแมแม่สุนันท์ กาละแมของดีจาก อ.เขาย้อย เพชรบุรี ที่นำกาละแมรสชาติใหม่มาเปิดตัว รสชาไทย ที่ทานกาละแมแล้วนึกถึงดื่มชานมเย็น และรสกาแฟ ที่ให้รสชาติหอมหวานถึงรสกาแฟ, ร้านทะเลดองซีอิ้ว, ปังแลบลิ้น ขนมปังใส้แน่นนุ่มอร่อยพอดีคำ นอกจากนี้ ยังมีร้านของดีของเด่นอีกกว่า 300 ร้านค้า

นายศักด์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี กล่าวว่า งานหอการค้าแฟร์ 2023 จังหวัดราชบุรี ในปีนี้คึกคักเป็นอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายซื้อของและเดินเที่ยวงานกันจำนวนมาก เกินความคาดหมาย อีกทั้งผู้จัดยังได้ยกทัพร้านเด็ดร้านดังทางโซลเชียล และรายการทีวีมาตั้งภายในงาน ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างก็ให้ความสนใจ พากันเดินทางมาเดินเที่ยวกันจำนวนมาก ส่งผลให้ 2 วันเงินสะพัดจากการจับจ่ายซื้อของภายในงานสูงกว่า 5 ล้านบาท

ตนจึงยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดราชบุรี และ ต่างจังหวัดเดินทางมาเที่ยวในงาน โดยงานจะสิ้นสุดในวันที่ 11 กันยายนนี้

ขายฝีมือ!! โซเชียลแห่ชม ชายนั่งเป่าลูกโป่งด้วยใจรัก เขียนป้ายบอก “แล้วแต่จะให้ ไว้เป็นค่าข้าว ดีกว่าเป็นโจร”

(7 ก.ย. 66) ทุกอาชีพมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ขอแค่ไม่ไปปล้น จี้ ใครมา อย่างเช่นผู้ชายคนนี้ ที่กำลังถูกแชร์บนโลกโซเชียล โดยเฟซบุ๊กชื่อว่า ‘Rainbow Six’ ได้เผยภาพชายคนหนึ่ง นั่งอยู่บริเวณข้างร้านสะดวกซื้อในพื้นที่จังหวัดราชบุรี พร้อมเล่าว่า…

“#ความสุขของเขาจริงๆ ทำผมอิจฉาชีวิตเขานะ นั่งดูเขาเกือบชั่วโมง อดใจไม่ไหว ต้องเข้าไปคุย สรุปคือ ผู้ชายคนนี้ผ่านครับ ใช้ฝีมือแลกเงินของแท้ แล้วชิ้นงานลุงเขาสวย น่ารักมาก เขาบอกมันคือความสุขของเขา #เมืองราชบุรี ใครเจอตรงไหนก็อุดหนุนเขาได้เลย ชีวิตคนเรามันก็แค่นี้แหละครับ สุดจริงชายคนนี้…”

โดยชายรายนี้ยังเขียนข้อความบนป้ายระบุว่า “แจกลูกโป่ง แล้วแต่จะให้ค่าข้าว ดีกว่าเป็นโจร”

ศาลพิพากษาให้ 'กรมที่ดิน' ชดใช้ 'ธนาธร' 4.9 ล้านบาท ปมสั่งเพิกถอน 'น.ส.3ก.' ราชบุรี เนื้อที่ 81 ไร่เศษ

‘ศาลปกครองกลาง’ พิพากษาให้ ‘กรมที่ดิน’ ชดใช้ค่าเสียหาย ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ 4.9 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ปมออกคำสั่งเพิกถอน ‘น.ส.3 ก.’ จ.ราชบุรี เนื้อที่ 81 ไร่เศษ ชี้แม้ที่ดินทั้ง 2 แปลง จะออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็น ‘บุคคลภายนอก’ ที่ซื้อที่ดินมาโดยสุจริต-เสียค่าตอบแทน

(27 ก.ย. 66) ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 2218/2565 คดีหมายเลขแดงที่ 1839/2566 ซึ่งเป็นคดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (ผู้ฟ้องคดี) ฟ้องกระทรวงมหาดไทย (มท.) กับพวกรวม (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการกระทำละเมิดอันเกิดจากคำสั่งทางปกครอง กรณีอธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ในพื้นที่ จ.ราชบุรี ของนายธนาธร

โดยศาลปกครองกลางพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (กรมที่ดิน) ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 4,912,311.21 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กำหนดใน พ.ร.ฎ.ซึ่งออกตามความในมาตรา 7 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ของต้นเงินจำนวน 4,785,782.98 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแต่ไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ ภายใน 60 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด คืนค่าธรรมเนียมศาลแต่บางส่วนตามส่วนของการชนะคดีแก่ผู้ฟ้องคดี ยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ 3 และที่ 2 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

เนื่องจากศาลฯเห็นว่า จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินของหน่วยงานต่าง ๆ ตามหลักวิชาการที่ดินประกอบกับเมื่อพิจารณาจากแผนที่แสดงตำแหน่งแปลงที่ดิน มาตราส่วน 1 : 30,000 ระวาง 4836 II 5006 แล้วเห็นว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดี อยู่ในแนวเขตที่ดิน ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2521 ได้กำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” หมายเลข 85

และต่อมาได้มีการประกาศกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี”ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 1,069 (พ.ศ.2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ซึ่งต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3. ก.) ตามข้อ 3 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2497) และข้อ 8 (2) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ.2497) ออกตามความพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497

จึงเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย รองอธิบดี ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มอบหมาย จึงมีอำนาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน สั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ได้

ดังนั้น คำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2565 ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3.ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดี จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี อาศัยข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และการใช้ดุลพินิจเช่นเดียวกัน จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน

อย่างไรก็ดี เมื่อหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 ออกให้แก่นาย อ. และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 159 ออกให้แก่นาย ช. เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2521 ตามโครงการเดินสำรวจโดยมิได้แจ้งการครอบครองที่ดินตามมาตรา 58 และมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน

ต่อมา นาย อ. และนาย ช. ได้จดทะเบียนขายให้แก่ บริษัท ร. เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2528 หลังจากนั้น บริษัท ร. ได้จดทะเบียนขายรวมสองแปลงให้แก่นาย ส. เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534 และนาย ส. ได้จดทะเบียนขายรวมสองแปลงให้แก่ผู้ฟ้องคดี เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2543

ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และได้รับความเสียหาย เมื่อนายอำเภอจอมบึงซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กระทรวงมหาดไทย) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง ความรู้ความชำนาญและความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบสภาพและที่ตั้งของที่ดินว่าเป็นที่ดินที่ต้องห้ามออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ตามกฎหมายหรือไม่

ซึ่งตามวิสัยและพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่เมื่อนายอำเภอจอมบึง ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงต้องไม่รับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอจอมบึง

แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (กรมที่ดิน) จึงต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอจอมบึงในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539

ส่วนในการพิจารณากำหนดค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดี จะต้องพิจารณาถึงความเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีได้รับ ณ วันที่ผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เมื่อผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคำสั่งเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 และไม่ปรากฏว่ามีราคาซื้อขายที่ดินกันตามปกติในท้องตลาดในวันดังกล่าว

จึงเห็นควรกำหนดค่าเสียหายโดยเทียบเคียงจากบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม รอบบัญชี ปี พ.ศ.2559–พ.ศ.2562 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดราชบุรี สาขาจอมบึง ประกาศกำหนด เนื่องจากอัตราดังกล่าวเป็นการกำหนดราคาที่ดินที่มีความเป็นกลางและใช้บังคับอยู่จนถึงวันที่มีการเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.)

เมื่อหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 มีเนื้อที่ 43 ไร่ 3 งาน มีราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ ราคาตารางวาละ 160 บาท คิดเป็นเงินจำนวน 2,800,000 บาท และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 159 มีเนื้อที่ 38 ไร่ 67 ตารางวา มีราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ ราคาตารางวาละ 190 บาท คิดเป็นเงินจำนวน 2,900,730 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 5,700,730 บาท

อย่างไรก็ดี ผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 4,785,782.98 บาท ศาลจึงไม่อาจพิพากษาเกินคำขอของผู้ฟ้องคดีได้ และผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ทำละเมิด คือ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 จนถึงวันที่ฟ้องคดี (10 ตุลาคม 2565) คิดเป็นดอกเบี้ยก่อนฟ้องคดีเป็นเงินจำนวน 126,528.23 บาท ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิได้รับค่าเสียหายรวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 4,912,311.21 บาท

ส่วนการที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีเป็นรายเดือน เดือนละ 13,666.67 บาท นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป จนกว่าคดีจะถึงที่สุด และค่าเสียหายจากการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดิน โดยค่าเสียหายตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 จนถึงวันฟ้องคิดเป็นเงินจำนวน 86,555.57 บาท นั้น เห็นว่า ผู้ฟ้องคดีไม่เคยเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดิน และไม่เคยมีรายได้จากที่ดินแปลงพิพาท อีกทั้งผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างลอยๆ ปราศจากพยานหลักฐานการให้เช่าที่ดิน กรณีจึงถือไม่ได้ว่า ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายตามที่กล่าวอ้าง ศาลจึงไม่กำหนดค่าเสียหายจากการทำประโยชน์ในที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดี

สำหรับคดีนี้ ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3. ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เนื้อที่ 43 ไร่ 3 งาน และเนื้อที่ 38 ไร่ 67 ตารางวา ตามลำดับ ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (อธิบดีกรมที่ดิน) ได้มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2565 ใช้อำนาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3. ก.) ทั้งสองแปลงของผู้ฟ้องคดี

เนื่องจากตำแหน่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3.ก.) พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85)” ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2512 จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ห้ามมิให้ดำเนินการในเขตป่าไม้ถาวรและเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3.ก.) ตามข้อ 3 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2497) และข้อ 8 (2) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2497) ออกตามความพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497

ผู้ฟ้องคดีไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวจึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 (ปลัดกระทรวงมหาดไทย) ได้มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า คำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2565 กรมที่ดิน โดยคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 747/2565 ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ในพื้นที่ ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 59 ฉบับ เนื้อที่รวม 2,111-1-69 ไร่ ที่ได้ออกเมื่อปี 2521 ตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยใช้ระวางรูปถ่ายทางอากาศมิได้แจ้งการครอบครองที่ดิน

เนื่องจากที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85)” ซึ่งต่อมาได้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เมื่อปี 2527 จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ห้ามดำเนินการในเขตป่าไม้ถาวร และเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออก น.ส.3 ก. ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2497) ข้อ 3 ซึ่งบังคับใช้อยู่ในขณะนั้น คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า น.ส.3 ก.ดังกล่าว ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย สมควรเพิกถอน น.ส.3 ก. ทั้ง 59 ฉบับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top