Monday, 17 June 2024
พรรคเพื่อไทย

ทวนความจำชาวสยามในวันที่ 'พรรคเพื่อไทย' ลั่นต้าน ‘รัฐประหาร’ บทลงเอยมีแค่ 'ทำวันนี้เพื่อชาติ' หรือ 'ผิดพลาดเช่นในอดีต'

ทันทีที่แถลงการณ์ '10 ปีที่ผ่านไป จากรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ยุติวงจรรัฐประหาร ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน' ของพรรคเพื่อไทยปรากฏออกมา...

ฉับพลันทันใดก็เกิดคำถามต่างๆ ตามมามากมาย โดยเฉพาะคำถามที่มุ่งไปถึงเหตุอันทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมากต้องออกมาเดินถนนเพื่อประท้วงรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ใต้เงาแห่งทุจริตคอร์รัปชันที่คลุมรัฐบาลในขณะนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ 'โครงการจำนำข้าว' 

พูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องขอหยิบยกข้อมูลที่ย้อนไปเมื่อ 1 มิถุนายน 2565 โดยมี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ซึ่งเปิดโปงการทุจริต ‘โครงการจำนำข้าว’ ได้มีการโพสต์ในเฟซบุ๊กไว้ดังนี้...

ในอภิปรายงบประมาณถึงโกงจำนำข้าว "ตั้งแต่ปี 54 โครงการจำนำข้าว ขาดทุน 9.5 แสนล้านบาท รัฐบาลชุดนี้ ตั้งงบประมาณชำระหนี้ไปแล้ว 7.8 แสนล้านบาท คงเหลือเงินต้นและดอกเบี้ยอีก 3 แสนล้านบาท" เป็นคำพูดของพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ตอบนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กรณีกล่าวหาตั้งงบประมาณส่อโกง และวันนี้คนที่เกี่ยวข้องกับการโกงจำนำข้าวถูกตัดสินจำคุกนับสิบคน รวมทั้งนายบุญทรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น เสี่ยเปี๋ยง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ฯลฯ รวมถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งหลบหนีไปอยู่ในต่างประเทศจนทุกวันนี้

พรรค ‘เพื่อไทย’ (เริ่มตั้งแต่พรรค ‘ไทยรักไทย’ ถูกยุบ ตั้งพรรคใหม่เป็นพรรค ‘พลังประชาชน’ ถูกยุบและตั้งพรรคใหม่อีกเป็น ‘เพื่อไทย’) เป็นพรรคการเมืองที่มีรัฐมนตรีติดคุกด้วยคดีทุจริตประพฤติมิชอบมากที่สุด ได้แก่...

(1) บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณินย์ และ (2) ภูมิ สาระผล อดีตรมช.พานิชย์ จากคดีทุจริตจำนำข้าว 

(3) วัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร 

(4) เบญจา หลุยเจริญ อดีตรมช.คลัง จากคดีทุจริตช่วย 'โอ๊ค-เอม' ซื้อหุ้นชินคอร์ปโดยไม่ต้องเสียภาษี 

(5) ยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรมว.มหาดไทย มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากคดีที่ดินอัลไพน์ 

(6) ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรมว.ทรัพยากรฯ มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากคดีการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมในกระทรวงทรัพยากรฯ ขณะเป็นปลัดกระทรวงฯ 

(7) ชูชีพ หาญสวัสดิ์ อดีตรมว.เกษตรฯ มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากคดีฮั้วประมูลจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ 

(8) สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา 157 กรณีที่มีการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) จำคุก 1ปี 

(9) ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก 

(10) ประชา มาลีนนท์ อดีตรมช.มหาดไทย จากคดีทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิง (อยู่ระหว่างการหลบหนีคดี)

และ (11) ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากคดีทุจริตจำนำข้าว (อยู่ระหว่างการหลบหนีคดี) ทั้งนี้ยังไม่รวมนักการเมืองและผู้เกี่ยวข้องในสังกัดของพรรค ‘เพื่อไทย’ พรรค ‘ไทยรักไทย’ และพรรค ‘พลังประชาชน’ อีกหลายคนที่ถูกตัดสินจำคุกจากคดีที่เกี่ยวข้องการทุจริตประพฤติมิชอบ 

มูลเหตุในการรัฐประหารทุกครั้งที่ผู้ก่อการหยิบยกมาเป็นเหตุผลคือ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ เมื่อมีการตรวจสอบโดยไม่มีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองเข้าแทรกแซง แล้วผลการตรวจสอบก็พบว่า มี ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ เกิดขึ้นจริง ทั้งยังเป็นการสร้างความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างมากมายมหาศาล ดังนั้นหากไม่สามารถกำจัด ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ โดยนักการเมืองและพรรคการเมืองให้หมดสิ้นไปได้แล้ว ย่อมมีโอกาสที่จะทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมากออกมาเดินถนนประท้วงรัฐบาลที่มีพฤติการณ์และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ อีกอย่างแน่นอน จึงต้องเกิด ‘รัฐประหาร’ อีกเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็น ‘วงจรอุบาทว์’ โดยมี การเลือกตั้ง -> จัดตั้งรัฐบาล -> เกิดวิกฤตการณ์จาก ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ของนักการเมือง -> เกิดการรัฐประหาร  -> ยกเลิกรัฐธรรมนูญ -> ร่างรัฐธรรมนูญ -> กลับเลือกตั้งอีก ทั้งนี้หากไม่สามารถที่จะหยุดยั้ง ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ได้ก็จะไม่สามารถป้องกัน ‘วงจรอุบาทว์’ ในอนาคตได้เลย

การหยิบยกเอา ‘รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน’ ป้องกัน ‘การรัฐประหาร’ เพื่อหยุดยั้ง ‘วงจรอุบาทว์’ ไม่มีทางสำเร็จอย่างแน่นอนหากไม่จัดการป้องกัน ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ อย่างเด็ดขาดจนหมดสิ้นไป เพราะผู้ก่อการ ‘การรัฐประหาร’ ย่อมเป็น ‘รัฏฐาธิปัตย์’ (ผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจสูงสุดในรัฐ) เสมอ หากพรรค ‘เพื่อไทย’ มีความตั้งใจจริงในการกำจัด ‘วงจรอุบาทว์’ ด้วยไม่ต้องการให้ ‘การรัฐประหาร’ เกิดขึ้นอีกนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องอ้างถึงการร่าง ‘รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน’ แต่อย่างใดเลย เพราะเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั้นที่ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้มีความเข้มข้นและชัดเจนในเรื่องของการป้องกันและปราบปราม ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ของนักการเมืองและพรรคการเมือง มากอยู่แล้ว 

หากรัฐบาลโดยพรรค ‘เพื่อไทย’ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงตรง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนและพวกพ้อง มีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างที่สุดในการต่อต้านและปฏิเสธ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ของนักการเมืองและพรรคการเมือง เพียงเท่านี้ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ของนักการเมืองและพรรคการเมืองก็จะค่อย ๆ หมดไป ทำให้ไม่มีเหตุผลให้พี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมากต้องออกมาเดินถนนประท้วงรัฐบาลอีก และไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่ผู้ก่อการ ‘รัฐประหาร’ จะนำเอาเรื่องของ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ มาเป็นความชอบธรรมในการก่อการได้อีกเลย 

แต่สิ่งที่รัฐบาลโดยพรรค ‘เพื่อไทย’ ทำอยู่ขณะนี้กลับทำให้เกิดความรู้สึกน่าสงสัยและเคลือบแคลง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามเพื่อ ‘ฟอกขาว’ คดีทุจริตจำนำข้าว หรือ โครงการ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย ฯลฯ ต่างก็ไม่เห็นด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ตรรกะของพรรค ‘เพื่อไทย’ อาจจะผิดเพี้ยน ด้วยเน้นแต่การต่อต้านการ ‘รัฐประหาร’ แต่กลับไม่กล่าวถึงการต่อต้าน คัดค้านการ ‘ทุจริตคอร์รัปชัน’ อันเป็นสาเหตุต้นตอที่มาของ ‘วงจรอุบาทว์’ ในระบบการเมืองของไทยอย่างแท้จริงแต่ประการใด

ด้วยเพราะ รัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งนำโดยพรรค ‘เพื่อไทย’ นั้น มีความชอบธรรมในการจัดตั้งตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันอย่างถูกต้องทุกประการ ทั้งยังมีความมั่นคงทางการเมืองที่เข้มแข็งในระดับที่น่าพอใจ ทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยต่างก็มีความหวังว่า ตลอดอายุของสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ ‘นายกฯ นิด เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรี จะสามารถสร้างผลงานเพื่อนำพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าสู่อนาคตด้วยความมั่นคงและยั่งยืน เหมือนดังเช่นนโนยายที่พรรค ‘เพื่อไทย’ ได้นำมาใช้ในการหาเสียง 

ดังนั้นในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน ทีมบรรณาธิการของ THE STATES TIMES จึงขอเป็นกำลังใจและเอาใจช่วยให้ ‘นายกฯนิด’ ทำงานเพื่อประเทศชาติได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และเมื่อตอนนี้มีโอกาสช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยแล้ว ก็ขอให้ทำให้เต็มที่และทำให้ดีที่สุด โดยอยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบัน อย่าได้ย้อนทำในเรื่องที่เคยผิดพลาดและไม่ถูกต้องเช่นในอดีตอีก 

ทั้งนี้หากรัฐบาล ‘พรรคเพื่อไทย’ จะได้ถือเอา “ความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงตรง เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนและพวกพ้อง” เป็นที่ตั้งได้แล้ว ความดีต่าง ๆ เหล่านี้จะทำหน้าเป็นเสมือนเกราะป้องกันภัยทางการเมืองต่าง ๆ รวมทั้ง ‘การรัฐประหาร’ ไปจนถึง ‘วงจรอุบาทว์’ ในระบบการเมืองของไทยที่พรรค ‘เพื่อไทย’ ไม่ปรารถนาได้เป็นอย่างดีที่สุด 

‘ทักษิณ’ รู้ ใครอยู่เบื้องหลังสั่ง ‘สว.’ ให้ร้อง ‘นายกฯ’ มองแค่สร้างความวุ่นวาย แต่ไม่น่าล้มได้ หากชี้แจงได้ก็ผ่าน

(25 พ.ค.67) ที่ร้านส้มตำพันล้าน จ.นครราชสีมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง 40 สว. วินิจฉัยคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จนทำให้มีการมองกันว่ามีกระบวนการวางยาพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า ในพรรคเพื่อไทย ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ภายนอกการเมืองก็ยังเป็นการเมืองมีความลี้ลับอยู่ พอสมควร ส่วนใหญ่เราจะดูความเคลื่อนไหว เพราะประเทศไทยใครเคลื่อนไหวอะไร ก็จะรู้ว่าคนนี้เป็นคนของใคร เคลื่อนไหวด้วยเหตุอะไร แต่แน่นอนในฐานะนายกรัฐมนตรีก็มีหน้าที่ต้องตอบ ซึ่งท่านต้องเตรียมตอบคำถามของท่าน และไม่ว่าใครจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็แล้วแต่ หากเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ชี้แจง 

เมื่อถามว่า นักวิชาการให้จับตานายใหญ่ที่จะเช็กบิล 40 สว.นั้น นายทักษิณร้องโอ๊ะ ก่อนจะกล่าวว่า 

“ผมจะไปมีสิทธิ์อะไร วันนี้ผมเป็นคนแก่คนหนึ่ง ที่ให้คำปรึกษารุ่นน้อง ๆ ให้ช่วยกันให้บ้านเมืองเจริญดีกว่า ก็คงไม่มีน้ำยาอะไรหรอก แก่แล้ว” 

เมื่อถามว่า จากประสบการณ์มองว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม 40 สว. มีเบื้องหลังจากกลุ่มอำนาจไหน นายทักษิณ กล่าวว่า สังคมการเมืองเขารู้ว่าใครเป็นคนของใคร อย่างไร เป็นเรื่องธรรมดา มีเช่นนี้มาช้านานแล้ว 

เมื่อถามว่า เป้าหมายคือการล้มนายเศรษฐาเลยหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า คงไม่ถึงขั้นล้มได้ แต่อาจเป็นการสร้างความวุ่นวาย บ้านเมืองชะงักบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่มองว่าจะไม่มาก เพราะหากชี้แจงได้ก็ไม่เป็นอะไร 

เมื่อถามว่า บางฝ่ายยังมองว่าเป้าหมายของการเคลื่อนไหวครั้งนี้คือนายทักษิณ นายทักษิณ ย้อนถามสื่อว่า จะเล่นงานผมน่ะหรือ โอ๊ย ผมไม่มีอะไรให้เล่นแล้วแก่แล้ว ต่างคนต่างอยู่เถอะ

เมื่อถามต่อว่า กรณีนี้ พรรคเพื่อไทย ต้องเตรียมรับมืออะไรบ้าง นายทักษิณ ก็กล่าวทิ้งท้ายว่า “ไม่มีอะไรครับ ก็ทำอะไรให้ถูกต้อง ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปหวั่นไหวมาก” 

‘สมคิด’ ฟาด ‘โรม’ มาแอ็กชันที่ ‘ทำเนียบ’ เพื่อให้ตัวเองเป็นข่าว ไม่เหมาะสม ชี้!! ควรไปทำหน้าที่ในสภาฯ ย้ำ!! เพื่อไทยไม่ไร้มือกฎหมาย ใครเก่งก็เชิญมาช่วย

(1 มิ.ย.67) นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ระบุว่าถึงการที่นายกรัฐมนตรี ตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เพราะพรรคเพื่อไทยขาดมือกฎหมายที่เข้าใจการบริหารราชการแผ่นดิน ว่า จริง ๆ แล้วนายรังสิมันต์ โรม เป็นสส.อยู่แล้ว ถ้านายกฯทำอะไรไม่ถูกต้อง ก็มีสิทธิ์ตั้งกระทู้ถามในสภาได้ หรือถ้าไม่ไว้วางใจก็สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อยู่แล้ว แต่การที่จะมาไล่ยื่นที่ทำเนียบเพื่อให้เป็นข่าว เอาแอ็กชันตัวเองนั้น เป็นการกระทำที่ไม่สมควร เหมือนว่ามาบุกทำเนียบแล้วทวงถาม คุณเป็นฝ่ายค้านมีสิทธิ์ถามเต็มที่อยู่แล้ว และรัฐบาลก็พร้อมจะตอบคำถามในสภา อยากให้ต่างคนต่างทำหน้าที่ สังคมการเมืองจะได้น่าอยู่

ส่วนเรื่องที่นายกรัฐมนตรี จะตั้งนายวิษณุ หรือตั้งใคร ก็เป็นอำนาจนายกฯ เพราะคงจะมองว่าใครที่ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ เราก็ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ใครจะอยู่ฝ่ายไหนไม่สำคัญ สำคัญว่าเข้ามาช่วยประเทศชาติก็ดีทั้งนั้น อย่าไปตั้งอคติจนเกินไป อย่าไปคิดทางการเมืองมากนัก บ้านเมืองเราจะเดินไม่ได้

"ไม่เกี่ยวว่ารัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทยไม่มีความพร้อมด้านมือกฎหมาย แต่เกี่ยวที่ใครมีความสามารถก็เชิญมาช่วยงานกัน เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ได้เพื่อใครเลย ฉะนั้นหน้าที่ฝ่ายค้านถ้าไม่วางใจยังไงค่อยว่ากันในสภา นายกฯพร้อมจะไปตอบ" นายสมคิด กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top