Saturday, 11 May 2024
พรรคการเมือง

เสี่ยงถูกเท!! ‘ไพศาล’ ฟัน!! ถ้าไม่ยุบสภา รทสช. กระทบสุด ชี้!! หมดวันกำหนดสังกัดพรรค ‘รทสช.’ ยังมีไม่ถึง 15 คน

ฟันเปรี้ยง! ถ้าไม่ยุบสภา พรรคไหนกระทบมากสุด แคนดิเดตนายกฯ เสี่ยงถูกเท

(12 มี.ค.66) นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายและอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นส่วนตัวทางการเมือง ผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol มีเนื้อหาดังนี้...
 

จับตา ครม.จะให้ยุบสภาหรือไม่?

1.รัฐธรรมนูญบัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจอธิปไตย "โดยทางคณะรัฐมนตรี" ดังนั้นในการตราพระราชกฤษฎีกา คณะรัฐมนตรี จึงต้องมีมติให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อขอรับพระบรมราชโองการให้ทรงตราพระราชกฤษฎีกา 

2.การเสนอร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภา ต้อง "ระบุเหตุที่เสนอยุบสภา" ตามรัฐธรรมนูญมาตรา103

เหตุที่จะขอเสนอยุบสภา ต้องเป็นเหตุขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับสภาผู้แทนราษฎร จะไปอ้างเหตุอื่นเช่น ตกปลาในอ่างไม่ทัน หรือ กกต. กำหนดการเลือกตั้งไม่ถูกใจ หรือศาลตัดสินให้รัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้ เพราะไม่ใช่เหตุตามรัฐธรรมนูญมาตรา103
 

ห้ามโหนสถาบัน 'เลขา กกต.' ร่อนหนังสือแจ้งพรรคการเมือง ควบคุมสมาชิกพรรค ห้ามดึงสถาบันมาหาเสียง

(13 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)​ ได้ลงนามในหนังสือ เรื่อง การควบคุมและกำกับดูแลมีให้สมาชิกพรรคการเมืองกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย แจ้งต่อหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค โดยระบุว่าด้วยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 22 กำหนดให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคการเมือง มีหน้าที่ควบคุมและกำกับดูแลมิให้สมาชิกพรรคการเมืองกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ รวมตลอดทั้งระเบียบ ประกาศ และคำสั่งของ กกต. และเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภาแล้วแต่กรณี คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมือง มีหน้าที่ควบคุมและกำกับดูแลมีให้สมาชิกพรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองกระทำการในลักษณะที่อาจทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรืออาจเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใดซึ่งสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม นายทะเบียนพรรคการเมือง พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้พรรคการเมืองปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้น 

จึงขอให้พรรคการเมืองแจ้งให้สมาชิกพรรคการเมืองได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ รวมตลอดทั้งระเบียบ ประกาศ และคำสั่งของ กกต.โดยเฉพาะระเบียบ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในส่วนของการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง และเมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือเมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองได้รับแจ้งจากนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าสมาชิกพรรคการเมืองกระทำการอันอาจมีลักษณะเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 22 วรรคหนึ่ง

หรือวรรคสอง ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีมติหรือสั่งการให้สมาชิกพรรคการเมืองยุติการกระทำนั้นโดยพลัน และกำหนดมาตรการหรือวิธีการที่จำเป็นเพื่อมิให้สมาชิกพรรคการเมืองผู้ใดกระทำการ อันอาจมีลักษณะดังกล่าวอีก แล้วแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีมติ

‘ภูมิใจไทย’ ครองที่ 1 ผลโพล LINE TODAY พรรคที่ ปชช. จะเทคะแนนให้ในการเลือกตั้ง 66

(21 มี.ค.66) ไลน์ทูเดย์ได้เปิดเผยผลโหวต ในหัวข้อ ‘เลือกตั้งปี '66 คุณจะลง
คะแนนให้ ‘พรรคการเมือง’ ใด ? (เปิดโหวตสัปดาห์ที่ 1 วันที่ 14-20 มีนาคม)’ มีร่วมโหวตทั้ง
สิ้น 96,558 คน โดยผลการสำรวจ อันดับ 1 ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย 45,655 คะแนน หรือคิดเป็น
47.28%

อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย 19,061 คะแนน คิดเป็น 19.74% 
อันดับ 3 พรรคก้าวไกล 9,838 คะแนน คิดเป็น 10.19% 
อันดับ 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ 7,885 คะแนน คิดเป็น 8.17% 
อันดับ 5 พรรคพลังประชาชน 6,898 คะแนน คิดเป็น 7.14%

กกต. แจ้ง 10 ข้อห้ามทำในช่วงเลือกตั้ง ฝ่าฝืนเจอโทษหนัก ‘เพิกถอนสิทธิ-ยุบพรรค’

(7 เม.ย.66) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เน้นย้ำเกี่ยวกับ ‘ข้อห้าม’ ไม่ให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการ

1.จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด

2.ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์หรือสถาบันอื่นใด

3.ทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ

4.เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด

5.หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง

เตือนภัยชักศึกเข้าบ้านหลังเลือกตั้ง 'รัฐบาลเสียงข้างน้อย' ทางเลือกสุดท้าย

อีก 8 ทิวาราตรีกาลก็จะถึงวันชี้ชะตาอนาคตประเทศไทยกันแล้ว สารพัดโพลว่าด้วยการเลือกตั้งรีบแถลงกันคึกโครมคึกคัก เพราะสัปดาห์หน้าถูกห้ามเผยแพร่ตามกฎ กติกา มารยาท...

เล็ก เลียบด่วน...ก็พยายามติดตามทุกโพลด้วยความสนใจ บางโพลนั้นดูแล้วออกอาการเว่อร์ ๆ และย้อนแย้งสุด ๆ ขอไม่พูดถึง...แต่ท้ายสุดก็ต้องขอบอกว่าที่ถูกจริตและสอดคล้องกับความรู้สึกและข้อมูลที่ 'เล็ก เลียบด่วน' พอมีอยู่ในมือก็คือ...นิด้าโพล ที่มี ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ เป็นผู้อำนวยการ...

นิด้าโพล ล่าสุดระบุว่า คนที่ชาวบ้านอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีคือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เบียดแซง 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร ชินวัตร ในสัดส่วนร้อยละ 35 ต่อ 29 เป็นการสวนทางไปกลับในอัตราส่วนที่สูงมาก...ส่วนส.ส.ระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อนั้น 3 อันดับแรกยังเป็น พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติ...แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้หนา ๆ ก็คือพรรคก้าวไกลหายใจรดต้นคอพรรคเพื่อไทยในระดับ 2-4% เท่านั้น...ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งหัวหน้าและเลขาฯพรรคก้าวไกลจะพูดถึงตัวเลขเป้าหมาย ตัวเลขในฝัน 160 ที่นั่ง...พร้อม ๆ กับการปั่นแคมเปญโค้งสุดท้าย...คาราวาน 5 สาย มุ่งสู่ทำเนียบ...

ขณะที่ เนชั่นโพล...ชี้เปรี้ยงว่าสองพรรคคือเพื่อไทยกับก้าวไกลทะลุ 300 เสียง...แต่ นิด้าโพล ที่ 'เล็ก เลียบด่วน' คุยทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์กับคนทำโพล ได้ตัวเลขว่า...เพื่อไทย 200 ก้าวไกล 70 ภูมิใจไทย 80 รวมไทยสร้างชาติ/ประชาธิปัตย์/พลังประชารัฐ เฉลี่ยพรรคละ 45...ทั้งหมดบวกลบ 5

...ตามโพลนี้รวมเสียงของฝ่ายเดิมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 280 ซึ่งเกิน 250 หรือเกินครึ่งสภาไปไม่น้อย...และตามตัวเลขนี้ขั้นตอนแรกที่จะทำคือการเลือกประธานสภา ก็ต้องบอกว่าน่าจะเรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทย ได้ 'พ่อมดดำ'! เป็นประธานสภา...แต่ในขั้นตอนต่อไป เลือกนายกรัฐมนตรีต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาหรือสองสภารวมกันคือไม่น้อยกว่า 376 เสียง...แน่นอนว่า 250 เสียงของ ส.ว.คือเสียงชี้ขาด...เกมอาจพลิก...พลิกไปหาขั้วอำนาจเดิม

แม้บอกว่าไม่ได้เป็นการชี้นำใด ๆ และไม่มีใครอยากให้เกิด...แต่ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เล่าให้ฟังถึงประวัติศาสตร์รัฐบาลเสียงข้างน้อยเมื่อปี 2518 และโยงมาถึง พ.ศ.นี้ ว่ามีโอกาสเกิดขึ้น แม้ช่วงแรกนายกรัฐมนตรีที่เป็นฝ่ายเสียงข้างน้อย แต่ที่สุด 'เวลา' ก็จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้เป็นเสียงข้างมากได้...ตามสูตรนี้ก็พอจะมองกันออกว่า โอกาสของ 'บิ๊กตู่' ที่จะไปต่อรอบสามนั้นยังมี...ถ้าขั้วอำนาจเดิมไม่แพ้ขาดกระจุย...

ศลต.ตร.ย้ำเตือนประชาชนงดสวมใส่เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย มีสัญลักษณ์พรรคการเมือง - ผู้สมัคร เข้าคูหาเลือกตั้ง ส่วนภารกิจขนส่งบัตรเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว ถึงที่หมายทั่วประเทศอย่างปลอดภัย

วันนี้ (10 พฤษภาคม 2566) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติศลต.ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศลต.ตร. มีความห่วงใยเรื่องการหาเสียงของพรรคการเมือง และผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศลต.ตร. จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนว่าการหาเสียงขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2561 มาตรา 79 ห้ามมิให้ผู้ใดทำการโฆษณาหาเสียงโดยวิธีการใดไม่ว่าจะเป็นหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง นับตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนการเลือกตั้งหนึ่งวัน จนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง นั่นคือสามารถโฆษณาหาเสียงได้ถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 เท่านั้น

นอกจากนี้ ศลต.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ตามที่กรมประชาสัมพันธ์ได้ประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบ โดยเน้นย้ำในเรื่องของการงดเว้นแสดงสัญลักษณ์ที่เข้าข่ายเป็นการโฆษณาหาเสียง โดยการสวมใส่เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย กระเป๋า หมวก ที่มีโลโก้ หมายเลข สัญลักษณ์พรรคการเมือง หรือผู้สมัคร ส.ส. ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 โดยเฉพาะเมื่อเข้าไปในบริเวณหน่วยเลือกตั้ง และคูหาเลือกตั้ง เพราะอาจถือเป็นการโฆษณาหาเสียง เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.ท.นิธิธร ฯ กล่าวด้วยว่า วันนี้ (10 พฤษภาคม 2566) ภารกิจในการขนส่งบัตรเลือกตั้งเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จากศูนย์ไปรษณีย์ เขตหลักสี่ กทม. ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว โดยตั้งแต่เช้าวันนี้รถตำรวจทางหลวงได้นำขบวนรถไปรษณีย์ขนบัตรเลือกตั้งไปยังจังหวัดภาคกลาง กทม. และปริมณฑล ซึ่งเป็นชุดสุดท้าย ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยแล้ว โดยรถไปรษณีย์ขนบัตรเลือกตั้งทุกคันมีตำรวจตระเวนชายแดน พร้อมอาวุธ และเสื้อเกราะทำหน้าที่ดูแลคุ้มกัน มีรถตำรวจทางหลวงนำ และปิดท้ายขบวน มีกำลังตำรวจท้องที่คอยดูแลระหว่างจอดพัก และคอยดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง และยังควบคุมการเดินทางโดยระบบ GPS ติดตาม แจ้งพิกัดแบบเรียลไทม์ อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (11 พฤษภาคม 2566) จะเป็นวันแรกของการส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่ลงคะแนนแล้ว ผ่านการคัดแยกเรียบร้อยไปยังหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ โดย ศลต.ตร.สนับสนุนภารกิจด้านการรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน   

ทั้งนี้ หากประชาชนมีเบาะแส ข้อมูล สามารถส่งมาได้ที่เฟซบุ๊ก ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. หรือสามารถแจ้งตำรวจได้ที่สถานีตำรวจนครบาล สถานีตำรวจภูธร ทุกแห่ง หรือ โทร.191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ แจ้งสายด่วน กกต. 1444

เหตุผลสำคัญในการเลือกพรรคการเมือง พรรคเพื่อใคร ไม่สำคัญเท่าทำงานแค่ไหน?

(12 พ.ค. 66) อ.พลกฤษณ์ จิตร์โต แห่งคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Ponlakit Jitto’ ระบุว่า…

การเลือกพรรคการเมือง ขึ้นกับจริตแต่ละคน แต่เชื่อว่าทุกคนเป้าหมายไม่ต่างกันมาก คือ หวังประเทศชาติเจริญ เพื่อความเป็นอยู่ตัวเราเองดีขึ้น

ผมเองใครๆ ดูคงรู้ ว่าเลือกใคร แต่ผมก็มีเหตุผลของผมนะ

เหตุผลของผมก็ง่ายๆ อยากเห็นประเทศไทยเจริญ โดยเฉพาะอีสานบ้านเรา อยากเห็นอีสานเราเจริญ อยากให้เด็ก ลูกศิษย์เรามีงานทำ ในภาคอีสานไม่ต้องจากบ้านไปไกลเหมือนสมัยก่อน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจอีสานดีขึ้น

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมไม่เชื่อว่าพรรคไหนเพื่อใคร มันไม่เคยมีจริง พรรคนี้ของคนอีสาน คนเหนือ พรรคนั้นของคนใต้ พรรคนี้สำหรับคนรุ่นใหม่ (ปล.30 ปีที่แล้วก็มีพรรคลักษณะนี้นะ) มันเพียงวาทะกรรมเพื่อสร้างกลุ่มและความจงรัก ให้กับหัวหน้าพรรคโดยไม่จำเป็นต้องดูผลงาน

สำหรับผมเอง ผลงานสำคัญ กว่าการยึดถือในตัวพรรค พรรคไหน ‘ชนะ-แพ้’ ผมเฉยๆ 

ประเทศเจริญ-ถดถอย ผมสนใจในส่วนนั้น

ใน 8 ปีนี้ ผมเห็นอะไร กับการทำงานรัฐบาล ส่วนการเลือกตั้งหนนี้ หากจะวิเคราะห์นโยบาย ผมขอไม่พูดถึงแล้วกัน เพราะปกติ ชอบมองสิ่งเขาพัฒนา และนำมาคิดตามว่า ทำไปทำไม สิ่งเกิดขึ้น จะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป ดังนี้...

1 ด้านคมนาคม และ โครงสร้างพื้นฐาน >> ยอมรับว่า 50 ปีที่เกิดมา และ 30 ปีที่เริ่มสนใจการเมือง รัฐบาลนี้ สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ก้าวกระโดดมากๆ และสร้างไปทั้งประเทศ และสร้างเร็วกว่าที่เคยเป็นมา
1.1 รถไฟรางคู่ แทบทั่วประเทศ ที่ไม่เคยมีคนสนใจตั้งแต่สมัย ห้าสิบปี เหมือนเดิมมากๆๆๆ 
1.2 รถไฟความเร็วสูง แม้กู้เงินมาทำ แต่ทำให้ภาคอีสาน มากสุดเลยว่าไหม ยังมีภาคตะวันออกเชื่อมสนามบิน
1.3 รถไฟสายใหม่เชื่อมต่อให้คนอีสาน สายบ้านไผ่ นครพนม และ ภาคเหนือ เด่นชัย เชียงราย เชียงของ
1.4 การขยายถนนข้ามจังหวัด แบบเลนสวน เป็น สี่ หก เลน และ ขยายถนน เยอะมาก
1.5 กทม. มีประชากรหนาแน่น รถไฟฟ้า เพิ่มขึ้นจนเต็มพื้นที่ ทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคต ถ้าทำเสร็จเห็นว่าเป็นอันดับ 3 ของเอเชียทีเดียว
1.6 การเปลี่ยนรถเมล์ ประมูลใหม่ได้ ไทยสมายล์บัสมาเป็นรถไฟฟ้า และ ข้อดี เป็นรถที่ผลิตในไทย ตรงนี้แจ่มมาก
1.7 เปลี่ยนหัวลากดีเซลเดิม เป็นหัวลากใหม่สีแดง ลากดีขึ้นและลดมลพิษ สั่งมา 50 หัวลาก
1.8 ชอบเลย คือ พัฒนา ให้ไทยผลิตได้เอง ไม่ว่าจะเป็นหัวรถลาก EV ที่ตั้งไลน์ผลิต ตู้โดยสาร จนตู้โดยสารไฮเทค ที่ สจล. รัฐ สนับสนุน รถเมล์ไฟฟ้า เรือ ไฟฟ้า

พูดถึงทำไม? 
ถ้าผลิตรถไฟฟ้าได้มาก ก็มีคนมาลงทุนมากขึ้น ย้อนกลับไปก่อนหน้า รัฐบาลส่งเสริมให้ตั้งโรงงานแบตเตอรี ในไทย และ เซมิคอนดักเตอร์ในไทย ทำให้ การมีแบตเตอรีที่ผลิตได้ในไทยเป็นกลไก ในการขับเคลื่อน 

จุดสำคัญที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เกิดความน่าลงทุนในทุกภาค โดยเฉพาะภาคอีสาน

‘แทค ภรัณยู’ เดือดปุด สุดจะทน  คอมเมนต์ท้าชน ‘พี่ศรี’ ขอเจอที่เวทีมวย

จากกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้โพสต์ภาพข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “สงสัย เอก-ป๊อก-ช่อ ไปร่วมวงสนทนาการตั้งรัฐบาลในนามพรรคอะไร? ในเมื่อตนไม่ใช่สมาชิกพรรคการเมืองใด และหมดสถานะผู้ช่วยหาเสียงแล้ว”

พร้อมระบุด้วยว่า “เรื่องนี้ต้องถึง กกต.” อาจเข้าข่ายไปครอบงำ ชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมือง หรือพรรคการเมืองปล่อยให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคมาครอบงำ ชี้นำได้ อันอาจเป็นการฝ่าฝืน ม.28 ม.29 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 เป็นเหตุให้ กกต.สามารถเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองทั้ง 6 พรรคที่ร่วมหารือกันตั้งรัฐบาลได้ ตาม ม.92(3) ของกฎหมายข้างต้น

ล่าสุดทำเอา นักแสดงหนุ่มอย่าง “แทค ภรัณยู” สุดจะทน ได้เข้าไปคอมเมนต์ใต้โพสต์ดังกล่าวว่า “พี่ศรี ว่างมาเรียนเชิญ มาถ่ายรายการผมสักยกไหม เดี๋ยวจัดให้อย่างงามเลย พูดคุยเฉยๆ ข้างหลังเป็น เวทีมวย สนใจทักมานะพี่ศรี”

นอกจากนี้ยังได้แคปข้อความภาพของศรีสุวรรณ ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุข้อความอีกว่า “กูอยากนั่งถ่ายรายการกับพี่ศรีจริงๆ อยากจะลองสักยก มาเป็นไง ชีวิตเป็นแบบไหน โตมายังไง ตะบี้ตะบัน ฟ้องไปทั่ว” และ “มาพี่ อยากสุดมานี้ ทักไปละนะ แชร์ไปทุกคนอยากคุยด้วย”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top