Tuesday, 7 May 2024
ปีใหม่

‘ไทยสมายล์’ ยืดเวลาให้บริการรถเมล์ 24 ชม. พร้อมเปิดเดินเรือถึงตี 3 รับเทศกาลปีใหม่

(21 ธ.ค. 66) นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทย สมายล์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการรถเมล์และเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขที่พี่น้องประชาชนจำนวนมากจะออกเดินทางท่องเที่ยว เพื่อชื่มชมความงดงามของกิจกรรมงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 โดยเฉพาะสถานที่ไฮไลท์ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพ-ปริมณฑล เช่น ไอคอนสยาม ที่มีการจัดงาน Thailand Amazing Countdown

ดังนั้น บริษัทจึงได้ขยายเวลาให้บริการรถเมล์ไฟฟ้า ไทย สมายล์ บัส ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพิ่มเติม (เฉพาะคืนวันปีใหม่) จำนวน 2 เส้นทาง ได้แก่ สาย 4-1 ท่าเรือพระประแดง-บางลำพู (เลขสายเดิม 6) กับสายรถ 3-45 พระรามสาม - หมอชิต2 (เลขสายเดิม 77) ซึ่งจะมีรถให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการตามแนวทางของกรมการขนส่งทางบก และนโยบาย Quick Win ‘คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน’

ขณะเดียวกันทางบริษัทยังมีรถเมล์ไฟฟ้าที่คอยบริการตลอดคืนอยู่แล้วอีก 6 เส้นทาง ได้แก่ 1-3 (34) บางเขน-หัวลำโพง, 1-2E (34E) รังสิต-หัวลำโพง (ทางด่วน) ผ่านสามย่านมิตทาวน์, 1-37 (27) มีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผ่านเดอะมอลล์บางกะปิ, 1-39 (71) สวนสยาม - คลองเตย ผ่านเอ็มควอเทียร์, 3-1 (2) ปากน้ำ-ท่าเรือสะพานพุทธ ผ่านเอ็มสเฟียร์, และ 4-36 (7) โรงเรียนศึกษานารีวิทยา 2 - หัวลำโพง ผ่านห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ซีคอนบางแคร์

ด้านบริษัท ไทย สมายล์ โบ้ท จำกัด ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ได้ขยายระยะเวลาให้บริการยาวถึงตี 3 ทั้ง เรือข้ามฟาก ไอคอนสยาม - ท่าเรือสี่พระยา - ท่าเรือแคททาวเวอร์, เรือรับส่ง Shuttle Boat บุคคโล - ไอคอนสยาม ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมกับเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าสายสีเขียว (City Line) สาทร-พระปิ่นเกล้า และเพื่อรองรับพี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านหลังงานเคาท์ดาวน์ข้ามปี เพื่อเฉลิมฉลองค่ำคืนแห่งความสุข

กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ผนึกกำลัง 12 หน่วยงาน สร้างความเชื่อมั่นท่องเที่ยวไทยช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

เมื่อวันที่ (20 ธ.ค.66) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) เป็นประธานการแถลงข่าว ร่วมกับ 12 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กรมการท่องเที่ยว, กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, กรมการขนส่งทางบก, กรมเจ้าท่า, ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล, กรมการปกครอง, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, และ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 ณ ห้องประชุมกระทรวง  การท่องเที่ยวและกีฬา ถนนราชดำเนินนอก

รมว.สุดาวรรณ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการแถลงข่าวร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในวันนี้ว่าเป็นไปตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติ เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ดังนั้นการแถลงครั้งนี้จะเป็นการเน้นย้ำว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวจะร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวโดยจะเปิดโอกาสให้แต่ละหน่วยงาน  ได้กล่าวถึงภารกิจด้านการบริการ การดูแลอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองที่จะมีการเดินทางท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก

รมว.สุดาวรรณ กล่าวว่า โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้ง 12 หน่วยงาน จะมีการนำภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวของแต่ละหน่วยงานมาบูรณาการในการทำงานร่วมกัน อาทิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มีการนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการดำเนินงาน เช่น ระบบเช็คอินด้วยตนเอง ระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีมาตรการวีซ่าฟรี แก่นักท่องเที่ยว และการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยใช้ระบบช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automatic Channel) , กรมการขนส่งทางบก จะดำเนินการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ถูกรถโดยสารสาธารณะ (แท็กซี่) เอารัดเอาเปรียบ, กรมเจ้าท่า มีการปรับปรุงท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเรือทุกลำต้องมีทะเบียนเรือและผ่านการตรวจสภาพความปลอดภัยจากกรมเจ้าท่า ท่าเรือต้องมีความปลอดภัยพร้อมรับผู้โดยสาร มีการจัดชุดเฉพาะกิจออกตรวจความปลอดภัยโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยต่างๆ พร้อมทั้งติดตั้งระบบควบคุมสถานีเรือ smart pier 

ตลอดจนพัฒนาเส้นทางเดินเรือในคลองเชื่อมต่อ การเดินทางจากแม่น้ำเจ้าพระยาสู่ลำคลองต่างๆ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัย (สกชย.) และหน่วยงานต่างๆ จัดทำแผนความร่วมมือ (Plan For Cooperation) เพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทางทะเล ตามมาตรฐานที่องค์การระหว่างประเทศ (IMO) กําหนด, กรมการปกครองจะกำชับเจ้าหน้าที่ในการดูแลความเรียบร้อยด้านกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรการขยายระยะเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4  ด้านกรมการท่องเที่ยว มีการดำเนินการเกี่ยวกับธุรกิจ นำเที่ยวและมัคคุเทศก์ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรเพื่อตรวจติดตามการประกอบธุรกิจนำเที่ยว ที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งการป้องกันธุรกิจนอมินี (ตัวแทนอำพราง) ดำเนินการตรวจปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย กำชับให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมัคคุเทศก์และผู้นำเที่ยวที่มีใบอนุญาตถูกต้องให้บริการนักท่องเที่ยวโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและให้บริการอย่างมีมาตรฐาน ,กระทรวงสาธารณสุข จะร่วมดูแลกรณีเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุฉุกเฉินต่างๆ โดยเฉพาะการรักษาพยาบาลและการส่งต่อให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (Tourist Assistance Center :TAC) ประจำศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยเป็นศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 17 แห่ง ศูนย์ประสานงาน 61 แห่ง รวมเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 246 คน 

นอกจากนี้ยังดำเนินการช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ประสบเหตุบาดเจ็บและเสียชีวิต กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว มีการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้ปลอดภัย (แบบตรวจมาตรฐานด้านความปลอดภัย โครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง S.T.C) รวมถึงจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมในการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวโดยประสานการปฏิบัติกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีความพร้อมทั้งเครื่องมือและอัตรากำลังในทุกพื้นที่เพื่อสร้างความอบอุ่นใจในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางการประสานงานของหน่วยงานต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมในการเป็นผู้ประสานงานกรณีเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ อุบัติเหตุอุบัติภัยหรือการก่อการร้าย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะดำเนินการด้านการสื่อสารผ่านแคมเปญ “Thais Always Care หรือคนไทยใส่ใจเสมอ” โดยจัดทำคอนเทนต์นำเสนอเนื้อหาข้อมูลข่าวสารที่ดีของประเทศไทยผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลความปลอดภัย ความพร้อมให้บริการของเจ้าหน้าที่ การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและมาตรฐานของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งมิติด้านการประชาสัมพันธ์เชิงรุกนำเสนอความสวยงามของประเทศไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางท่องเที่ยวโดยจัดทำในรูปแบบคอนเทนต์โดย KOLs ชาวต่างชาติ เผยแพร่ในแพลตฟอร์มชั้นนำโดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติ และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเป็นตลาดหลักที่สำคัญของไทย

คาดว่าจากการแถลงของทุกหน่วยงานในวันนี้จะสามารถเพิ่มความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ได้เกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยของประเทศไทย และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับและดูแลนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เดินทางท่องเที่ยวอย่างมีความสุข เกิดความประทับใจตลอดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย

ตม.สนามบิน สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว ปล่อยแถวต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส - ปีใหม่ 2567

ตามที่นายกรัฐมนตรีมีนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย
แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยให้หน่วยงานความมั่นคงดำเนินการเชิงรุกสนองตอบตามนโยบายดังกล่าว

เมื่อวานนี้ (21 ธ.ค.66) พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย รอง ผบช.สตม.ได้มาเป็นประธานประชุมแถวกำลังพล ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ ที่อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมี พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 พร้อมด้วยข้าราชการในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เข้าร่วมพิธี

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้จัดทำมาตรการในการรองรับการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองภายใต้หลักความมั่นคง ซึ่งป็นการปฏิบัติตามแผนอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองในช่วงเทศกาลคริสต์มาส - ปีใหม่ 2567 
โดยจะมีการปฏิบัติในช่วงวันที่ 24 ธ.ค.66 – 1 ม.ค.67 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในช่วงเวลาดังกล่าว จำนวนกว่าวันละ 70,000 คน

โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้มีมาตรการในการเตรียมความพร้อมรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทาง
เข้ามาในประเทศไทยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ทาอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ที่สำคัญ ดังนี้
1. มีการจัดกำลังพลเต็มอัตราทุกช่องตรวจในช่วงที่มีเที่ยวบินหนาแน่น เพื่อเร่งระบายผู้โดยสารที่สะสม
ในโถงพักคอยให้ได้ภายในเวลา 30 นาที
2. รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่อาสา เพื่อจัดเตรียมเอกสารและให้คำแนะนำแก่นักท่องเที่ยว เพื่อลดระยะเวลาในการตรวจหนังสือเดินทางไม่เกิน 45 วินาที/คน
3. เพิ่มศักยภาพในการระบายผู้โดยสารโดยมีการเปิดใช้เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ Automatic channel นำร่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ได้มอบของที่ระลึกเป็นสเปรย์แอลกอฮอลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในช่วงวันหยุดยาว เป็นที่ระลึกเพื่อสร้างความประทับและสร้างสีสันให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา

เช็กลิสต์ 9 วัดดัง ที่สายไหว้พระขอพรห้ามพลาด ช่วยเสริมความมงคล อิ่มบุญต้อนรับปีใหม่ 2567

ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับเทศกาล ‘ปีใหม่ 2567’ ที่หลายคนรอคอย หนึ่งในกิจกรรมที่ชาวไทยส่วนใหญ่นิยมทำคงหนีไม่พ้น ‘การเดินสายไหว้พระ อิ่มบุญต้อนรับปีใหม่’ วันนี้จึงได้รวบรวมพิกัดวัดดัง 9 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้อ่านได้เตรียมตัวไปไหว้เสริมความมงคลกัน

>>วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) จ.กรุงเทพฯ

วัดเก่าแก่ชื่อดังอันเป็นที่รู้จักของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ผู้คนนิยมเดินทางมาสักการะขอพรพระ ‘แก้วมรกต’ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของไทย ซึ่งนอกจากจะได้ความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังสามารถเดินชมความงดงามของวัดพระแก้วได้อีกด้วย พิกัด https://maps.app.goo.gl/xaMWjZdKSS4W5H1U7

>>วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) จ.กรุงเทพฯ

วัดประจำรัชกาลที่ 1 มีสถาปัตยกรรมและประติมากรรมโดดเด่นมากมาย ที่สำคัญยังมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ยักษ์ พระพุทธปฏิมากรสำคัญของไทย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพร

นอกจากนี้ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามยังเป็นหนึ่งใน 10 วัดที่เข้าร่วมกิจกรรม ‘อารามอร่าม 10 วัดและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ’ เปิดให้เยี่ยมชมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และชมความงดงามของวิหารที่ประดับด้วยไฟ แสง สีจัดเต็ม พิกัด https://maps.app.goo.gl/MXMPqfrrZMtcPtDX7

>>วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม

วัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอัมพวา ถือเป็นวัดดังที่มีพุทธศาสนิกชนที่หลั่งไหลกันมาไหว้พระขอพรรับปีใหม่กันเนืองแน่น ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของทางวัดที่ได้รับแรงศรัทธาอย่างล้นหลามคือ ‘องค์ท้าวเวสสุวรรณ’ พิกัด https://maps.app.goo.gl/A5UgAN78sDWXTu8X8

>>วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา

วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือที่เรียกทั่วไปว่า ‘วัดหลวงพ่อโสธร’ วัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแปดริ้วและประชาชนทั่วไป นอกจากจะไหว้เพื่อความมงคลแล้ว ยังเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องขอการขอพรสมปรารถนาด้วย พิกัด https://maps.app.goo.gl/Ky9D5A9ub5zoo16k7

>>วัดบางจาก จ.นนทบุรี

วัดมอญศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ของจังหวัดนนทบุรี ประชาชนมักไหว้สักการะหลวงพ่อหนุนดวง-ค้ำดวง และพระพุทธรูปหลวงพ่อโต หรือสมเด็จพระพุทธมงคลชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดหน้าตักกว้าง 19 เมตร อีกทั้งยังมี ‘รูปปั้นไอ้ไข่’ ให้ผู้คนที่นับถือเดินทางมากราบไหว้ พิกัด https://maps.app.goo.gl/jBb9CJWwMq7K8phd8

>>วัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา

วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นสมัยอยุธยาตอนต้น ซึ่งถือเป็นวัดยอดนิยมที่มักถูกจัดอยู่ในโปรแกรมเดินสายไหว้พระในจังหวัดอยุธยา ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ชัยมงคล สัญลักษณ์ชัยชนะแห่งยุทธหัตถีขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ สายบุญห้ามพลาด พิกัด https://maps.app.goo.gl/nCpECZNhwGTQoFGz5

>>วัดพระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง

วัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีสถาปัตยกรรมล้านนาที่หาชมได้ยาก อีกทั้งยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู และเป็นที่ประดิษฐาน ‘พระแก้วดอนเต้า’ (พระแก้วมรกต) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง พิกัด https://maps.app.goo.gl/bD4AovJXzoHvjWL28

>>วัดป่าเขาน้อย จ.บุรีรัมย์

วัดป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บรรยากาศสงบร่มรื่น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ยังมี ‘พระบรมธาตุเจดีย์ศรีสุวจคุณานุสรณ์’ ซึ่งมีรูปทรงคล้ายกับปราสาทหินในสมัยขอม ภายในเป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นที่ปฏิบัติภาวนาและมีส่วนที่แสดงภาพประวัติของหลวงปู่สุวัจน์ ชั้นสองเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนและเก็บอัฐบริขารของหลวงปู่สุวัจน์ ไว้ให้ประชาชนได้สักการะ พิกัด https://maps.app.goo.gl/YYU6tGyfrYMMGLQ8A

>>วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (พระบรมธาตุเมืองนคร) จ.นครศรีธรรมราช

วัดดังแห่งภาคใต้ มีสัญลักษณ์ที่สำคัญคือ ‘องค์พระบรมธาตุเจดีย์ยอดทองคำ’ ที่บรรจุพระทันตธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้คนได้สักการะเสริมสร้างความมงคล

นอกจากนี้ ทางวัดยังกำหนดจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี บูชาพระบรมธาตุ ตักบาตรขึ้นปีใหม่ 2567 ขึ้นในระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ต่อเนื่องถึงวันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 อีกด้วย พิกัด https://maps.app.goo.gl/Akjouna3wURh611UA

‘ปตท.’ ตรึงราคา NGV รถแท็กซี่-รถโดยสารสาธารณะ  ราคา 14.62 บาท/กก. ต่ออีก 6 เดือน เป็นของขวัญปีใหม่

ปตท. เตรียมความพร้อมด้านพลังงานอย่างเต็มที่ มั่นใจประเทศมีพลังงานเพียงพอใช้ตลอดช่วงเทศกาล พร้อมมอบของขวัญปีใหม่ ช่วยลดค่าใช้จ่ายเดินทางให้แก่ประชาชน ตามพันธกิจสร้างความมั่นคงทางพลังงาน รวมมูลค่าการช่วยเหลือ NGV ในช่วงวิกฤตราคาพลังงานผันผวน 2 ปีที่ผ่านมาแล้วกว่า 17,000 ล้านบาท (ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2564 ถึง 30 พฤศจิกายน 2566)  

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 มีมติเห็นชอบแผนช่วยเหลือราคา NGV ในระยะ 2 ปี โดยช่วงแรก (มกราคม ถึง มิถุนายน 2567) ปตท. ลดราคา NGV ให้กับกลุ่มรถแท็กซี่และกลุ่มรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ถือบัตรสิทธิประโยชน์ฯ ที่ 14.62 บาท/กิโลกรัม มีผลตั้งแต่ มกราคม 2567 และกุมภาพันธ์ 2567 ตามลำดับ 

ทั้งนี้ สำหรับผู้สมัครใหม่เริ่มมีผลกุมภาพันธ์ 2567 พร้อมกำหนดราคาขายปลีก NGV กลุ่มผู้ใช้รถทั่วไป ไม่เกิน 19.59 บาท/กิโลกรัม เป็นระยะเวลา 6 เดือน (ตั้งแต่มกราคม ถึง มิถุนายน 2567) 

ทั้งนี้ ปตท. จะเปิดรับสมัครผู้ถือบัตรสิทธิประโยชน์ฯ เพิ่มเติมในกลุ่มรถแท็กซี่ และรถโดยสารสาธารณะเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line OA : PTT NGV

สำหรับผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงปีใหม่ ปตท. ขอให้ทุกท่านเดินทางปลอดภัยในทุกเส้นทาง พร้อมเชิญเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและร่วมกิจกรรมต่าง ๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (ปิดทำการวันที่ 1 มกราคม 2567) ได้แก่ ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี จ.ประจวบคีรีขันธ์  สำหรับผู้เดินทางท่องเที่ยวใน จ.ระยอง สามารถเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ สำหรับผู้ที่ฉลองเทศกาลในกรุงเทพมหานคร สามารถเข้าชมศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง ได้อีกด้วย 

ติดต่อสอบถามข้อมูลการเข้าชมได้ที่
- ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี : https://www.facebook.com/mangrovepranburi
- ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ : https://www.facebook.com/Wangchanforest
- ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง : https://www.facebook.com/pttmetroforest

ปีใหม่นี้ เตือนสายแว้น โชว์ยกล้อ ขับขี่ประมาทหวาดเสียว บิ๊กไบค์ยกล้อชลบุรี โดนแล้ว! ศาลสั่งริบรถ จำคุก 1 เดือน

วันนี้ (27 ธ.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร ในฐานะคณะทำงานศูนย์ป้องกันและปราบปราบการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องของ ตร. เปิดเผยถึงกรณี จับกุมดำเนินคดี “โต้ง เมืองไทย” ขับขี่บิ๊กไบค์โชว์ยกล้อ เป็นกระแสในโซเซียลมิเดีย ถูกศาลพิพากษาสั่งริบรถบิ๊กไบค์ของกลาง จำคุก 1 เดือน โทษจำรอ 2 ปี

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้ปรากฎภาพจากเพจเฟซบุ๊คของ “โต้ง เมืองไทย” ต่อมาคณะทำงานได้สืบสวนข้อมูลพิสูจน์ทราบได้ว่า คือ นายอิศรายุทธ สงวนนามสกุล ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อ Yamaha รุ่น R7 ในลักษณะยกล้อ บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 มุ่งหน้า จว.ชลบุรี พร้อมข้อความ “ใกล้ถึงวันแล้ว เอาหน่อยๆ” เชิญชวนชาวแก๊งค์สองล้อออกมารวมตัวในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2567 คณะทำงานฯ จึงได้มีการบูรณาการร่วมกับ ภ.จว.ชลบุรี โดย พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และ พ.ต.อ.อรรถพล อิทธโยภาสกุล ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ ท้องที่เกิดเหตุสืบสวนสอบสวนจนสามารถติดตามนำตัว นายอิศรายุทธฯ เจ้าของเพจเฟซบุ๊ค และเป็นเจ้าของรถบิ๊กไบค์ในคลิปวีดีโอดังกล่าว ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่งฟ้องต่อศาลพัทยา ต่อมาศาลมีคำพิพากษาลงโทษปรับ 2,400 บาท จำคุก 1 เดือน โทษจำรอ 2 ปี และริบรถจักรยานยนต์ของกลาง  

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฯ กล่าวว่า ในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน มีพี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนากันมาก ทำให้อาจมีการรวมตัวกันเพื่อแข่งรถ หรือขับขี่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในวงกว้าง คณะทำงานป้องกันและปราบปราบการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ได้ขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยทั้งการโพสชักชวน เชิญชวน บนสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆก็ดี ทั้งการรวมตัวบนท้องถนนก็ดี จึงอยากประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร ให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา รวมถึงการป้องปรามไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมายการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุ โดยจะปฏิบัติงานตลอดช่วงเทศกาลไม่มีวันหยุด ประชาชนสามารถแจ้งเหตุร้ายที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top