Sunday, 19 May 2024
บิ๊กเด่น

ศลต.ตร.ปรับแผนอำนวยการจราจร รับเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 ตำรวจพร้อมดูแล จับตาความเคลื่อนไหว เฝ้าระวังการซื้อเสียง - ก่อกวน – พื้นที่แข่งขันสูง

วันนี้ (9 พฤษภาคม 2566 ) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมาย ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศลต.ตร. ร่วมในภารกิจการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป พ.ศ.2566 ในด้านการรักษาความปลอดภัย การรักษาความสงบเรียบร้อย และการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการ ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ทำหน้าที่ โฆษก ศลต.ตร.เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศลต.ตร. ได้เตรียมกำลังตำรวจกว่า 145,000 นาย เพื่อดูแลความปลอดภัย สืบสวนหาข่าว รักษาความสงบเรียบร้อย และอำนวยการจราจร โดยที่ประชุม ศลต.ตร.ได้สรุปผลการปฏิบัติ ปัญหา ข้อขัดข้องต่าง ๆ จากการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมา

“ผบ.ตร. และ ผอ.ศลต.ตร.สั่งการให้นำปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 มาปรับใช้ในการปฏิบัติในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 โดยเฉพาะเรื่องการจัดการจราจร ในจุดที่มีประชาชนไปลงคะแนนเลือกตั้งจำนวนมาก ให้หัวหน้าสถานีตำรวจอำนวยการการบริการจัดการจราจร และประสานงานเรื่องจุดจอดรถ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบโดยทั่วกัน และให้ตรวจสอบสภาพภูมิอากาศในวัน เวลาดังกล่าว เพื่อกำหนดแผนการจราจร การรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยให้ประสานผู้จัดสถานที่เลือกตั้ง จัดพัดลมระบายอากาศ เพื่อระบายความร้อนให้พียงพอรองรับสถาพอากาศที่ร้อนจัดด้วย” โฆษก ศลต.ตร.กล่าว

พล.ต.ท.นิธิธร ฯ กล่าวด้วยว่า ศลต.ตร. ได้ติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ ที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อย และการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง อาทิ เฝ้าระวังการซื้อเสียง โดยเฉพาะในคืนวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 หรือคืนหมาหอน เร่งประชาสัมพันธ์การกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยเฉพาะการถ่ายรูปบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว การฉีก ทำลายบัตรเลือกตั้ง รวมทั้งติดตามความเคลื่อนไหวเฝ้าระวังกลุ่มผู้ไม่หวังดีก่อกวนการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย ทั้งนี้ ผบ.ตร. กำชับให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษในพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง และให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศอย่างเข้มข้นช่วงก่อนเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ศลต.ตร.ประชุมติดตามสถานการณ์ทั่วประเทศที่กระทบต่อการเลือกตั้งทุกวัน เพื่อให้การดูแลความปลอดภัย รักษาความสงบเรียบร้อยในการจัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน

ทั้งนี้หากประชาชนมีเบาะแส ข้อมูล สามารถส่งมาได้ที่เฟซบุ๊กศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. หรือสามารถแจ้งตำรวจได้ที่สถานีตำรวจนครบาล สถานีตำรวจภูธร ทุกแห่ง หรือ โทร.191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ แจ้งสายด่วน กกต. 1444

ตำรวจ ปส.(NSB) ลุยหนักจับ 4 ผู้ต้องหาเครือข่ายลำน้ำโขง พร้อมด้วยยาบ้า 7 ล้านเม็ด ผ่านทางเรือด้าน จ.นครพนม เพื่อส่งต่อปลายทางประเทศที่ 3

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย รวมทั้งสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดที่ขบวนการค้ายาเสพติด นำยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านเข้ามาในประเทศไทย   ไปยังปลายทาง ให้หมดสิ้นโดยเร็ว พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดในประเทศอย่างเด็ดขาด  โดยในห้วงที่ผ่านมา ตำรวจ ปส.(NSB)  ได้เฝ้าติดตามเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามลำน้ำโขง บริเวณตะเข็บชายแดนในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อส่งต่อให้กับผู้ค้าในภาคกลางและภาคใต้ ก่อนไปสู่ประเทศที่ 3
 
พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เฉลิมชัย ไวยสุระสิงห์ ผกก.3 ปส.2 นำกำลังตำรวจ ปส.2  สืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวขบวนการค้ายาเสพติดข้ามแม่น้ำโขง จนกระทั่งทราบว่าจะมีการขนลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่จากประเทศเพื่อนบ้าน ข้ามฝั่งโขงมาส่งให้ขบวนการค้ายาเสพติดในประเทศไทย จึงได้วางกำลังตำรวจ ปส.2 เฝ้าระวังตลอดพื้นที่ที่เป็นจุดผ่านยาเสพติดตามแนวชายแดน จ.นครพนม และ จ.สกลนคร  ต่อมาวันที่ 16 พ.ค.66 เวลาประมาณ 04.00 น. ได้มีกลุ่มรถกระบะต้องสงสัย วิ่งไปตามเส้นทางริมลำน้ำโขง ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีรถนำสำรวจเส้นทาง เพื่อสำรวจด่านตรวจรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีรถที่ขับตาม  ตำรวจ ปส.2 ได้ติดตามไปจนกระทั่งรถกระบะ 2 คัน ขับขี่เข้าไปในปั้มน้ำมัน ปตท.สมเด็จ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ตำรวจ ปส.2 จึงได้สกัดจับกุม 4 ผู้ต้องหา พร้อมรถกระบะ 2 คัน หมายเลขทะเบียน บน -6XX นครพนม มีนายสุริยันต์ เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.พลา นั่งไปด้วย และ รถกระบะหมายเลขทะเบียน บว -54XX สกลนคร  มีนายชิณวัตร เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.ปรียาพร นั่งไปด้วย จากการตรวจค้นรถกระบะหมายเลขทะเบียน บน -6XX นครพนม พบยาบ้า 14 กระสอบ รวม 7 ล้านเม็ด ตำรวจ ปส. ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ทราบว่า “ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1(เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจานในกลุ่มประชาชน” จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ยึดยาเสพติดและรถกระบะ 2 คันไว้เป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี โดย ตำรวจ ปส.2 จะขยายผลติดตามจับกุมผู้สั่งการซึ่งเป็นชาวไทยที่หลบหนีคดียาเสพติดไปอาศัยในประเทศเพื่อนบ้านต่อไป
 
สำหรับยาเสพติดของกลางที่ตรวจยึดมาได้นั้น พนักงานสอบสวนจะส่งไปตรวจพิสูจน์ยังหน่วยที่กำหนดไว้ อาทิ สำนักงาน ป.ป.ส., กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จากนั้นยาเสพติดของกลางจะถูกเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการทำลายต่อไป

‘บิ๊กเด่น’ สั่งลุย!! เร่งสืบค้นเครือข่าย ‘กำนันนก’ จ่อเอาผิดผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างเด็ดขาด

(13 ก.ย. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร เปิดเผยถึงกรณีที่ช่วงเช้าวันนี้ ตำรวจภูธรภาค 7 ได้สนธิกำลังตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่เป็นเครือข่ายของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ จำนวน 15 จุด ในจังหวัดนครปฐมกว่า 10 จุด ว่าได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากคดีนี้เป็นที่จับตามองและสนใจของสังคม ซึ่งในการทำคดีจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การขยายผลตรวจค้นเครือข่ายของผู้มีอิทธิพล และอีกส่วนคือ คดียิงสารวัตรศิวกร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนหาพยานหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับกำนันนก และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและพลเรือนให้ได้

รวมถึงความเกี่ยวเนื่องที่มีตำรวจเข้าไปพัวพันกับผู้มีอิทธิพล ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากการกู้ข้อมูลเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดจากบ้านกำนันนก พร้อมกันนี้ ยังได้มอบหมายให้ พล.ต.อสุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร รับผิดชอบดูแลและติดตามความคืบหน้าในคดีอย่างต่อเนื่อง

ส่วนเรื่องการเยียวยา พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 การสองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวงนั้น เบื้องต้นทางต้นสังกัด คือกองบังคับการตำรวจทางหลวง และเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจก็ได้รวบรวมเงินเพื่อช่วยเหลือครอบแล้ว รวมถึงกรณีของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง นั้นผู้บังคับบัญชาก็ได้รวบรวมเงินเพื่อให้การช่วยเหลือแล้วเช่นกัน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหลักเกณฑ์ในการเยียวยาสำหรับผู้ที่เสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ แม้กรณีของพันตำรวจตรีศิวกรจะไม่เข้าข่าย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีสวัสดิการด้านอื่นๆ ในการช่วยเหลือดูแลครอบครัวอย่างเต็มที่ และยังได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาของตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว จับตาดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อไม่ให้เกิดความเครียด ป้องกันการเกิดเหตุซ้ำรอยกรณี พ.ต.อ วชิรา

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่าในความคิดเห็นส่วนบุคคลนั้น เชื่อว่าตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นั้นเป็นเพียงส่วนน้อย ส่วนใหญ่ยังเป็นตำรวจที่ดีและไม่อิงกับผู้มีอิทธิพล อยากขอความเป็นธรรมให้กับตำรวจส่วนใหญ่ด้วย แม้แต่ตำรวจที่ไปร่วมงานเลี้ยงก็ใช่ว่าจะมีความผิดทุกคน ขอให้รอผลการสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน

ทิ้งทวนก่อนเกษียณ ผบ เด่น นำทีมรวบคอลเซนเตอร์อ้างเป็นพนักงานธนาคาร เสียหายหลักล้าน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ประสานงาน พล.ต.อ.ซอ เทศ ผบ.ตร.กัมพูชา  นำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT5 ผนึกกำลังตำรวจกัมพูชา ตามรวบพนักงานคอลเซนเตอร์คนไทย 3 ราย คาตึกพาณิชย์ที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการ เมืองโอเสม็ด จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา โดยจุดดังกล่าว เป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ที่แอบอ้างเป็นพนักงานเร่งรัดหนี้สินของธนาคารแห่งหนึ่ง โทรป่วนคนไทยด้วยกัน เสียหายจำนวนมาก

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ ผอ.PCT ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. / รอง หน. PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์  ทองแพ , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี, ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ , ร.ต.ท.พุฒิพงศ์ กองแก้ว ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และ ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.)  ร่วมกับ พล.ต.อ.วรรณวีระ สม ผู้ช่วยผบ.ตร.กัมพูชา ,พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ เกียรติก้อง ผชท.ตร.ไทย ประจำประเทศกัมพูชา สืบสวนติดตามจับกุมตัว

1.นายภานุ มาลัย อายุ 22 ปี ที่อยู่ 36/4 หมู่ 01 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา 
ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 615/2566
2.นายกฤษณะ ศรียงค์  อายุ 20 ปี  ที่อยู่ 537 หมู่  04  ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 621/2566
3.นายพงศกร ศรียงค์  อายุ 20 ปี  ที่อยู่ 36/4 หมู่  01  ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา 

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 622/256 ในข้อหา “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซอ่งโจร, ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าข้อูมลสุ่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”

สืบเนื่องจากชุดปฏิบัติการที่ 5 ศปอส.ตร. (PCT 5) ได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากชาวไทย ที่เดินทางไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่อาคารแห่งหนึ่ง เมืองโอเสม็ด จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา โดยได้ให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนว่า ที่อาคารดังกล่าว มีพนักงานคอลเซนเตอร์เป็นชาวไทยทั้งหมด ไม่ต่ำกว่า 100 ราย ทำหน้าที่โทรหลอกผู้เสียหายโดยแบ่งหน้าที่กันทำดังนี้

สาย 1 อ้างตัวเป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สินธนาคารกสิกรไทย ออกอุบายสอบถามผู้เสียหายว่า เลขท้ายบัตรเครดิตสี่หลักนี้ เป็นของผู้เสียหายหรือไม่ ซึ่งเมื่อผู้เสียหายตอบว่าไม่ใช่ ก็จะแจ้งกับผู้เสียหายว่า ข้อมูลของท่านอาจรั่วไหล แนะนำให้แจ้งกับที่ สภ.เมืองตาก โดยให้กดปุ่มสี่เหลี่ยม (#) 2 ครั้ง ระบบจะโอนสายอัตโนมัติไปยัง สาย 2

สาย 2 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก (ยศ ส.ต.ต. ถึง ด.ต.) สอบถามผู้เสียหายว่าจะแจ้งความเรื่องอะไร และหลอกว่าข้อมูลของผู้เสียหายนั้น มีคนร้ายได้นำไปใช้ ทำให้ผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินและยาเสพติด และผู้เสียหายจะต้องโอนเงินมาตรวจสอบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ หากผู้เสียหายยังไม่หลงเชื่อ จะทำทีเดินไปเคาะประตูและให้คุยกับตำรวจระดับ ร.ต.อ. ขึ้นไป เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ
 
สาย 3 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก ระดับ ร.ต.อ. ขึ้นไป หลอกว่าจะดำเนินคดี กับผู้เสียหาย มีการส่งข้อมูลหลอกผู้เสียหายผ่านทางไลน์ เช่น หมายจับ (ปลอม) หรือบางครั้งใช้วิธีวิดีโอคอล และใช้เทคนิคตัดต่อ สร้างความน่าเชื่อถือว่าเป็นตำรวจจริง ๆ ในท้ายที่สุด ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปตรวจสอบความบริสุทธิ์ ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดใดๆ สร้างความเสียหายหลักล้านบาท ชุด PCT 5 จึงได้ประสานงานกับตำรวจกัมพูชา ล่าสุดวันที่ 28 กันยายน 2566 ได้รับรายงานว่าตำรวจกัมพูชา ได้เข้าตรวจค้นและจับกุมตัวพนักงานคอลเซนเตอร์ชาวไทย รายสำคัญได้ 3 ราย ซึ่งทุกคนมีหมายจับไทย ดังนี้
1.นายภานุ มาลัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 615/2566
2.นายกฤษณะ ศรียงค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 621/2566
3.นายพงศกร ศรียงค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 622/2566
ในข้อหา “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซอ่งโจร, ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าข้อูมลสุ่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างนำตัวกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า “เราได้ดำเนินการสืบสวนปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์มาโดยตลอด จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงคิดหาวิธีที่ใช้นำมาใช้หลอกลวงเอาเงินของคนไทยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เช่นในกรณีนี้ที่ถึงขั้นหลอกผู้เสียหายว่า ข้อมูลอาจรั่วไหล หรือ มีคนร้ายนำข้อมูลของท่านไปใช้ จึงอยากขอฝากเตือนพี่น้องชาวไทยทุกท่าน เมื่อมีเบอร์แปลกโทรหา อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือพนักงานบริษัทต่างๆ ให้ระมัดระวังมิจฉาชีพ ขอให้ยึดหลัก ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไมโอน ไว้ครับ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top