Monday, 20 May 2024
นิพนธ์บุญญามณี

‘นิพนธ์’ ร่วมเปิดงาน ‘MONEY EXPO HATYAI 2023’ ครั้งที่ 13 ชี้!! เป็นช่องทาง ‘SME-เกษตรกร’ เข้าถึงแหล่งทุนต่อยอดธุรกิจ

(7 ก.ค. 66) นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ ครั้งที่ 13 MONEY EXPO HATYAI 2023 โดยมีนายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo Hatyai 2023 นางสาวภาคนี ประธานจัดงานร่วม ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน ผู้ประกอบการภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมในพิธีเปิด ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 และหาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่  อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

นายนิพนธ์กล่าวว่า “รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ ครั้งที่ 13 MONEY EXPO HATYAI 2023 ที่ วารสารการเงินธนาคาร ได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Green Finance for Green Living’ การเงินสีเขียว เพื่อชีวิตสีเขียว”

“ปัจจุบันความมั่นคงและความมั่งคั่งทางการเงินถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง หลังจากที่เราได้ฟื้นตัวจากภาวะที่ได้ชะลอตัวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่เราต้องเจอกับสภาวะของเศรษฐกิจ ดังนั้นการที่จะให้พี่น้องประชาชนได้เข้าถึงในภาวะเศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนการเงินในช่วงต่าง ๆ ที่สำคัญการที่จะให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจเราเริ่มฟื้นตัว” นายนิพนธ์ กล่าว

นายนิพนธ์กล่าวต่อว่า “งานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ในครั้งที่ 13 ที่วารสารการเงินได้จัดขึ้น จึงเป็นโอกาสดี ที่จะทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางได้มีโอกาสพบกับแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะเกษตรกรซึ่งถือว่ายังเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคใต้ ทั้งยางพารา ปาล์ม และพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ที่คิดว่าพืชเศรษฐกิจที่จะเป็นดาวรุ่งตัวหนึ่ง เพราะพื้นที่ในจังหวัดสงขลาเริ่มมีการปลูกทุเรียนกันมากขึ้น ซึ่งจังหวัดยะลาเริ่มที่จะนำร่องไปก่อนแล้ว และก็จะทำให้ยะลาเป็นฮับ หรือศูนย์กลางการของทุเรียนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรามีสินค้าทุเรียนส่งออกไปยังจีน มูลค่าแสนกว่าล้านในขณะนี้ ฉะนั้นพืชเศรษฐกิจเหล่านี้จะเป็นรายได้หลักในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป ฉะนั้นการที่จะได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนต่าง ๆ ของเกษตรกรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะมีโอกาสมากขึ้น ดังนั้นการจัดงานครั้งนี้จึงส่งผลดีให้เกิดรายได้ในทุกภาคทั้งเกษตร อุตสาหกรรม เพราะหลาย ๆ พื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นพื้นที่ภาคเกษตร ดังนั้นการกระจายแหล่งเงินทุนเข้าระบบอย่างนี้ จะทำให้เศรษฐกิจในภาคใต้มีความเข้มแข็งมากขึ้น การกระจายรายได้ การกระจายเงินเข้าสู่ภาคต่าง ๆ ก็จะทำให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น”

นอกจากนี้ ยังกล่าวอีกว่า “ผมเชื่อว่าวันนี้เรา มีคนที่เข้าสู่วัยแรงงาน มากขึ้น มีคนที่จบการศึกษาเข้าสู่แรงงานมากขึ้น แต่คนที่เป็นแรงงานใหม่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดังนั้นทำอย่างไรให้คนเหล่านี้เข้าถึงแหล่งเงินทุนให้มากขึ้น ผมเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ ที่เข้ามาก็จะให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ คน จบจากสถาบันต่าง ๆ ลดความต้องการที่จะไปเข้ารับราชการ มีแนวโน้มที่จะทำงานในกิจการของตนเองมากขึ้น ดังนั้นการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เอสเอ็มอีต่างๆจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเหล่านี้ และก็สร้างโอกาสให้กับแรงงาน หรือกิจการใหม่ ๆ ซึ่งการที่วารสารการเงินการธนาคารได้จัดกิจกรรมเหล่านี้ จึงเป็นประโยชน์ในพื้นที่อย่างยิ่งในการอำนวยความสะดวกทั้ง แหล่งเงินทุน และคนที่คิดจะหาที่อยู่อาศัย ซึ่งก็จะใช้โอกาสนี้เข้าถึงแหล่งเงินทุนต่าง ๆ”

“ผมขอขอบคุณ คุณสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ได้จัดงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณ ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ ธนาคารของรัฐ สถาบันการเงินทุกท่าน ที่เข้าร่วมงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ในครั้งนี้ ที่ได้ร่วมกันสร้างความตื่นตัวแก่ธุรกิจและประชาชนในภาคใต้ ซึ่งจะมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคใต้ให้ก้าวหน้าต่อไป” นายนิพนธ์ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับการจัดงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ ครั้งที่ 13 MONEY EXPO  2023 HATYAI จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 กรกฎาคม 2566 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 และ หาดใหญ่ ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่ ภายใต้แนวคิด ‘Green Finance For Green Living การเงินสีเขียว เพื่อชีวิตสีเขียว’ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชน และธุรกิจเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการภาครัฐ และเอกชน สามารถเข้าถึง Green Financing มากที่สุด เพื่อร่วมกันฟื้นฟูโลกของเราให้กลับคืนมาเป็น ‘โลกสีเขียว’ ที่ยั่งยืนตลอดไป โดยผู้เข้าชมงานจะได้เลือกใช้บริการอย่างครบวงจรจากธนาคาร สถาบันการเงินที่เข้าร่วมงาน ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต สินเชื่อเอสเอ็มอี สินเชื่อเพื่อการส่งออก และนำเข้า เงินฝากทุกประเภท ประกันชีวิต ประกันภัย ประกันสุขภาพ รวมถึงการลงทุนในหุ้น พร้อมด้วยแคมเปญโปรโมชันพิเศษสุดในรอบปี สิทธิประโยชน์ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ และผลตอบแทนที่คุ้มค่าอีกมากมาย

‘นิพนธ์’ ยัน!! ‘วสันต์’ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ทนาย ว่าความคดี ป.ป.ช. ฟ้องฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่

ข่าวลอยลมปั่นกระแสผิด ๆ ทำเอา ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องออกมาตอบโต้ว่า ‘นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์’ ถอนตัวจากการเป็นทนายความคดีที่ตนตกเป็นผู้ต้องหาคดีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฟ้องฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่ตั้งเรื่องเบิกจ่ายค่ารถอเนกประสงค์ ในการซ่อมบำรุงทางขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) 

นิพนธ์ กล่าวยืนยันหนักแน่นว่า “วสันต์ไม่ได้ถอนตัวจากการเป็นทนายความในคดีนี้แน่นอน วันนี้คุณวสันต์ยังมาศาล และยังขึ้นว่าความอยู่ตามปกติ เป็นเจตนาของคนเขียน ที่ต้องการทำลายกันทางการเมือง เวลานี้ผมทำงานการเมืองก็มีคู่แข่งเยอะ บางคนเจตนาร้าย ต้องการทำลายกัน แต่ข้อเท็จจริงมี พิสูจน์กันได้”

วันนี้ ศาลทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดสืบพยานทั้งโจทก์และจำเลย เป็นการนัดสืบพยานต่อเนื่อง 3 วัน (อังคาร-พุธ-พฤหัสบดี) และเป็นการนัดสืบพยานนัดสุดท้ายแล้ว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวก็ได้รายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นต้นมานายวสันต์ ได้เดินทางไปยังศาลทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และขึ้นว่าความด้วยตัวเอง ซักพยานด้วยตัวเองตลอด ส่วนข่าวที่บอกว่า ‘วสันต์’ ถอนตัวเป็น fake news (ข่าวปลอม) หรือเรียกง่ายๆ ว่า โกหกทั้งเพ!!

‘ครอบครัวบุญญามณี’ รับโล่เกียรติคุณ เนื่องในวันมหิดล ปี 66 ในฐานะผู้บริจาคให้คณะแพทยศาสตร์ รพ.สงขลานครินทร์

(22 ก.ย. 66) ที่ห้องประชุมชั้น 14 อาคารเฉลิมพระบารมี โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนางกัลยา บุญญามณี ภริยา ร่วมพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้อุปการคุณมูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.)

โดยภายในมีการแสดงวีดิทัศน์ ‘พระราชประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชกรม พระบรมราชชนก’ และวีดิทัศน์ ‘ภารกิจของมูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์’ มอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้อุปการคุณมูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2566

ทั้งนี้ ครอบครัวบุญญามณี ได้ร่วมสมทบทุนบริจาคร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย การบริจาคสมทบทุนก่อสร้างศูนย์ผ่าตัดหัวใจรัฐบุรุษ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ สมทบทุนก่อสร้างอาคารเย็นศิระ 3 ที่จัดสร้างขึ้น เพื่อเป็นที่พักของผู้ป่วยและญาติที่ขาดแคลนทุนทรัพย์จากต่างจังหวัด ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ตามแนวพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ผ่านมูลนิธิ รพ.สงขลานครินทร์ และสมทบทุนโครงการก่อสร้างอาคาร ‘เกิดมาต้องตอบ แทนบุญคุณแผ่นดิน’ ซึ่งจะเปิดเป็นศูนย์บริจาคอวัยวะ 99 ปี รัฐบุรุษ ‘พลเอกเปรม ติณสูลานนท์’

นอกจากนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงมหาดไทย ได้ประสานขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 604 ล้านบาท ในวงเงินก่อสร้าง 1,499 ล้านบาท ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์ความเป็นเลิศและรองรับโรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์อีกด้วย

จับยามสามตา ทิศทางการเมือง ‘บุญญามณี’ เมื่อ ‘สรรเพชญ’ เปรย “ต้องทบทวนของตนเอง”

(10 ธ.ค. 66) น่าสนใจยิ่งกับบทบาทต่อไปของ ‘บุญญามณี’ ซึ่งหมายถึง ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ‘สรรเพชญ บุญญามณี’ สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ทายาททางการเมืองของนิพนธ์ บุญญามณี

น่าสนใจเพราะทั้ง ‘นิพนธ์’ และ ‘สรรเพชญ’ อยู่คนละขั้วกับทีมที่ชนะการเลือกตั้งในศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทีม ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ เข้ามาบริหารพรรคชุดใหม่ และตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ‘เดชอิศม์ ขาวทอง’ สส.สงขลา ที่อาจจะกล่าวได้ว่า ‘อยู่คนละฝั่ง’ กับนิพนธ์ ก็เข้ามานั่งเป็นเลขาธิการพรรค

ท่องยุทธภพไปเจอ ‘สรรเพชญ’ โพสต์ข้อความน่าสนใจยิ่งขึ้น

สจฺจํ เว อมตา วาจา
“คำสัตย์แล เป็นวาจาไม่ตาย”

คำขวัญที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…

วันนี้ท่านอดีตหัวหน้าอภิสิทธิ์ฯ ได้พิสูจน์ให้ชาวประชาธิปัตย์เห็นแล้วว่า คำว่า ‘สัจจะ’ มีความหมายเพียงใด ท่านไม่เพียงแค่พูด แต่ท่านได้แสดงให้เห็น วันนี้คงเป็นอีกหนึ่งวันที่ชาวประชาธิปัตย์หลายๆ คนรวมถึงตัวผมเองต้องคิดทบทวนบทบาทของตัวเองอีกครั้งหนึ่งครับ

และขอให้พี่น้องมั่นใจว่า ผมจะยังคงทุ่มเททำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนต่อไปครับ

‘สฺจจํ เว อมตะวาจา’ เป็นคำขวัญประจำพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน อันเป็นการสะท้อนว่า “พลพรรคค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ต้องรักษาสัจจะ รักษาคำพูน การพูดความจริง จะเป็นอมตะ ไม่ตาย”

การที่สรรเพชญยกคำนี้ขึ้นมากล่าวอ้างในสถานการณ์นี้ จึงน่าสนใจ น่าคิดกับถ้อยคำที่ตามมากับคำว่า “ทบทวนบทบาทของตนเอง” จะตีความว่าอย่างไรกับวลี “ทบทวนบทบาทของตัวเอง” ก็ไม่อยากตีความ หรือคิดเอาเอง

เช่นเดียวกับบทบาททางการเมืองในอนาคตของ ‘นิพนธ์’ จะเดินหน้าภารกิจทางการเมืองอย่างไร หรือวางไว้เท่านี้ และให้ทายาททางการเมืองเดินหน้าต่อ

จับตาดูนะครับ ทิศทางทางการเมืองของ ‘บุญญามณี’ จะไปทางไหน และเป็นอย่างไร…

‘นิพนธ์-สรรเพชญ’ ขึ้นป้ายสวัสดีปีใหม่ 67 ทั่วสงขลา แต่ไร้โลโก้ ปชป. คอการเมืองลือสนั่น!! หรือเลือกตั้ง อบจ.ปี 68 บ้านใหญ่จะหวนคืนสังเวียน?

(27 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวบรรยากาศการเมืองในจังหวัดสงขลา ก่อนการเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 มีการพูดถึงพรรคการเมืองที่อยู่คู่ภาคใต้และจังหวัดสงขลามาอย่างยาวนานอย่าง ‘พรรคประชาธิปัตย์’ (ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม) ที่ภายหลังการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจบริหารในพรรค โดยทีมบริหารชุดเก่าแพ้ให้กับทีมบริหารชุดใหม่ ภายใต้การนำของ ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแทน มี ‘เดชอิศม์ ขาวทอง’ สส.สงขลา ขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรค พร้อมกับวลี ‘ตระบัดสัตย์’ เพราะเฉลิมชัยเคยลั่นวาจาไว้ว่า “ถ้าผลการเลือกพรรคประชาธิปัตย์ได้น้อยกว่าเดิม (52 ที่นั่ง) จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต”

แต่เฉลิมชัยกลับเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งหมายถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคต แปลความได้ว่า ไม่ได้เลิกเล่นการเมืองจริง สมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งจึงทยอยลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค

แฟนคลับประชาธิปัตย์ต่างมีความเห็นแตกต่างกันไปหลายฝ่าย โดยในจังหวัดสงขลามีการจับตาไปที่ ‘บ้านบุญญามณี’ ซึ่งถือเป็นบ้านใหญ่การเมืองในจังหวัดสงขลา ที่ขณะนี้ มีการขึ้นป้ายสวัสดีปีใหม่ 2567 ไปทั่วเมือง ในขณะที่เจ้าตัวเดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัว จ.แม่ฮ่องสอน

ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า รูปภาพสวัสดีปีใหม่ของนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต สส.ประชาธิปัตย์หลายสมัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น ไม่ปรากฎรูปโลโก้พรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด รวมทั้งเมื่อสำรวจไปพื้นที่เขตอำเภอเมืองสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ สส.ของ นายสรรเพชญ บุญญามณี เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ และเป็นลูกชายของนายนิพนธ์ก็ไม่มีโลโก้พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผมเช่นเดียวกัน ทำให้เป็นที่พูดคุยกันในกลุ่มคอการเมือง ผู้บริหารท้องถิ่น รวมถึงเครือข่ายการเมืองต่างพูดคุยกันว่า มีความไม่ปกติใดเกิดขึ้นหรือไม่ หรืออนาคตจะไม่มี ‘บุญญามณี’ อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์?

นอกจากนี้ ยังพบว่า ภาพป้ายสวัสดีปีใหม่ 2567 ของนายนิพนธ์ บุญญามณี นั้น ยังปรากฏทั่วจังหวัดสงขลา จึงมีการจับโยงวิจารณ์ถึงวาระนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ที่จะหมดวาระลงในเดือนธันวาคม ปี 67 และจะมีการเลือกตั้งในต้นปี 68 วงร้านกาแฟวิจารณ์กันสนั่นว่า เป็นไปได้หรือไม่? ที่นายนิพนธ์จะย้อนกลับมาลงชิงนายกฯ อบจ.สงขลาอีกครั้ง โดยละทิ้งจากพรรคประชาธิปัตย์

กล่าวสำหรับนายกฯ อบจ.สงขลา ปัจจุบัน ‘ไพเจน มากสุวรรณ์’ นั่งบริหารอยู่ และถือได้ว่าเป็นทีมเดียวกับนายนิพนธ์ โจทย์ของคอการเมืองจึงยากขึ้น ในขณะที่มีการวางตัวคนที่จะมาสืบทอดต่อจากนายไพเจนแล้วด้วย รอเพียงให้เกษียณอายุราชการเท่านั้น

แต่อย่าลืมว่า ‘การเมือง’ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป มีเหตุผลอธิบายได้

‘นิพนธ์’ ลุยญี่ปุ่นเจรจาคู่ค้า ตลาดผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋อง ต่อยอด-แตกไลน์ เพิ่มการผลิตอาหารแมว-สุนัข ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

(9 มี.ค.67) นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีต สส.สงขลา และอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ว่างเว้นจากภารกิจทางการเมือง ก็เดินสายพบคู่ค้าฝนต่างประเทศ เสนอขายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และขอบคุณคู่ค้าที่ให้การสนับสนุนด้วยดีเสมอมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นิพนธ์ว่างเว้นจากภารกิจทางการเมือง เพราะไม่ได้เป็น สส.ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นนายกฯอบจ. และไม่ได้มีตำแหน่งในการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ จึงมีเวลาว่างมากพอในการเดินสายต่อยอดธุรกิจ

น้องเพชญ สรรเพชญ บุญญามณี ก็เข้มแข็งพอในการดูแลตัวเองในทางการเมืองกับการทำหน้าที่สืบทอดต่อจากบิดาในฐานะ สส.สงขลา โดยพ่อยังทำหน้าที่แค่พี่เลี้ยงอยู่ห่างๆ เป็นลมใต้ปีกให้เหาะเหินไปได้ จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จะมีห่วงอยู่ก็แต่ประชาธิปัตย์จะเดินต่อไปอย่างไรท่ามกลางพายุฝนหนัก พายุหมุน พายุฤดูร้อน ภายใต้การบริหารของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่มี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าพรรค มีเดชอิศม์ ขาวทอง เป็นเลขาธิการพรรค แต่เมื่อขับอาสาเข้ามาแล้ว ก็ต้องทำเต็มกำลังความสามารถในการฟื้นฟูพรรค พลิกหาอุดมการณ์พรรคที่จางหายไปบ้าง พร้อมระดมทุกสรรพกำลังมาช่วยกันหอบหิ้วประชาธิปัตย์หนีตกชั้นในดิวิชั่น 1-2-3 และถีบตัวไปในระดับพลีเมี่ยลีก ตามความใฝ่ฝันของ “ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคภาค กทม.

แต่ถนนสายประชาธิปัตย์ในสถานการณ์นี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบให้พลพรรคเดินไปอย่างสะดวกโยธินแน่นอน มันเป็นถนนที่ขรุขระ เต็มไปด้วยโขดหินแหลมที่พร้อมจะทิ่มแทง เจาะยางได้ตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นโขดหินที่แหลมคมจากก้าวไกล ปลายหอกจากภูมิใจไทย

กล่าวถึงนิพนธ์ นอกจากทำงานการเมืองตามที่ชอบแล้ว ยังเคยเป็นทนายความ เพราะเรียนจบนิติศาสตร์ จากรั้วรามคำแหง และยังทำธุรกิจอีกหลายอย่าง เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจผลิตอาหารกระป๋อง เป็นต้น

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา นิพนธ์จึงเดินสายไปพบคู่ค้าที่ประเทศญี่ปุ่น และขอบพระคุณที่สนับสนุน และขยายการตลาดผลิตภัณฑ์จากบริษัทของนิพนธ์ได้มีโอกาสเยี่ยมประธานบริษัทคู่ค้าที่เมือง Kurume, Fukuoka ประเทศญี่ปุ่น ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และเป็นมิตรภาพอันดียิ่ง
“ปีแรกเริ่มธุรกิจส่งออกอาหารกระป๋อง 1-2 ตู้คอนเท็นเนอร์ แต่ธุรกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว 4-5 ปีผ่านไปการค้าขายเพิ่มเป็น 100 ตู้ คอนเท็นเนอร์ มีสินค้าที่เราผลิต วางจำหน่ายอยู่ในทุกซุปเปอร์มาเก็ต เป็นความภูมิใจที่เคยตั้งความหวังไว้เมื่อ 18 ปีที่แล้วเมื่อก่อตั้ง SIF สยามอินเตอร์เนชั่นแนลฟู๊ด ว่าเราต้องผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน จำหน่ายในญี่ปุ่นให้ได้” นิพนธ์ กล่าวกับ #นายหัวไทร อย่างภาคภูมิใจ

บริษัทSIF สยามอินเตอร์เนชั่นแนลฟูดส์ จำกัด ตั้งอยู่ ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา ผลิตปลากระป๋อง แช่ในน้ำมัน เพื่อการบริโภคของคน และกำลังแตกลาย ขยายไปสู่การผลิตอาหารสัตว์ อาหารแมว อาหารสุนัข

ลูกค้ารายหนึ่งที่นิพนธ์ไปพบรับปากรับคำจะช่วยขยายตลาดอาหารแมว อาหารสุนัข ที่ตลาดกำลังเติบโตมากในญี่ปุ่น และอนาคตคู่ค้ากำลังจะขยายตลาดเข้าไปในเมืองใหญ่ “เข้าโตเกียว” มีทั้งอาหารคน อาหารแมว และอาหารสุนัข

สำหรับอนาคตทางการเมืองของนิพนธ์ เขายังเลี่ยงที่จะตอบ แค่พูดสั้นๆว่า “กำลังประเมินสถานการณ์ เพราะการเมืองเปลี่ยนตลอดเวลา แต่ตอนนี้ยังสนุกกับการทำธุรกิจ แต่มีขาเชียร์ให้กลับไปลงชิงนายกฯอบจ.สงขลา

‘นิพนธ์-มาดามเดียร์-สรรเพชญ’ เปิดเวทีระดมสมอง รับฟังความคิดเห็น จากปชช.  เพื่อนำข้อมูลไปพัฒนา นำปัญหาไปแก้ ย้ำ!! ทำตามอุดมการณ์ เป็นฝ่ายค้านให้ดีที่สุด

เมื่อวานนี้ 7 เม.ย.67 ที่ จ.สงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค อดีตประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต สส. และนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา เปิดเวทีระดมความคิดหัวข้อ “อยากเห็นสงขลาเป็นแบบไหน…แหลงได้เลยน้อง” โดย นายนิพนธ์ ถามนำว่า พี่น้องอยากเห็นอะไรในเมืองสงขลา และอยากเห็นประเทศไทยเดินไปทางไหนทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมฯ

น.ส.วทันยา กล่าวว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วและประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ส่วนใหญ่กระจายอำนาจและการสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นประเทศคอมมิวนิสต์หรือประชาธิปไตย เช่น จีนมีการปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ละมณฑลตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เช่น เซินเจิ้น พัฒนาเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยี ตัดสินใจเรื่องการใช้จ่ายเงินภาษีได้เอง สวิตเซอร์แลนด์มีการปกครองประชาธิปไตยแบบทางตรง ไม่ว่าจะเป็นเลือก สส. หรือผู้แทนรัฐ ประชาชนร่วมโหวตได้ทันที

“แม้ทั้งสองประเทศ มีระบอบการปกครองตรงข้ามกัน แต่ทั้งคู่กระจายอำนาจไปยังการปกครองท้องถิ่น สร้างความก้าวหน้าของประเทศ ย้อนกลับมามองที่ประเทศไทย ภาคใต้หารายได้เข้าประเทศมากมาย แต่รายได้กลับเข้าไปที่ส่วนกลาง และค่อยจัดสรรมาอีกที เราควรมีสิทธิร่วมกันออกแบบเมือง และชีวิตที่เราอยากได้ อีกไม่นานจะถึงการเลือกตั้ง อบจ. เป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราจะผลักดันเรื่องนี้ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ”

นายสรรเพชญ กล่าวว่า จะนำปัญหาไปหารือในสภา เพื่อย้ำถึงปัญหาและความต้องการของประชาชนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และย้ำว่า ไม่ลืมพี่น้องที่โหวตให้เข้าไปในสภา ไม่ว่าอะไรจะขึ้นก็จะอยู่ตรงนี้ ทำตามอุดมการณ์ เป็นฝ่ายค้านให้ดีที่สุด เพราะเชื่อว่าอยู่ตรงไหนก็ทำงานได้เหมือนกัน หากเราไม่ได้แสวงหาประโยชน์เราก็พร้อมทำหน้าที่ทุกแบบอยู่แล้ว “ขายวัวขายที่ ผมขายได้ แต่ศักดิ์ศรีผมไม่ขาย ให้สมกับชาวสงขลาที่ไว้ใจผม”

ด้านนายสามารถ กล่าวถึงการแก้ปัญหาภาคใต้โดยรัฐบาล ว่า โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลหาดใหญ่ที่ นายนิพนธ์ เสนอตั้งแต่เป็นนายก อบจ. จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้อนุมัติงบประมาณ แต่ตนกลัวว่ารัฐบาลจะเอางบไปสร้างที่เชียงใหม่ ทั้งที่สงขลา-หาดใหญ่ หาเงินเข้าประเทศได้เป็นล้านล้านบาท แต่งบประมาณหมื่นล้านเพื่อรถไฟฟ้าสายแรกในต่างจังหวัดกลับสร้างไม่ได้ ค่าตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ก็มีราคาแพงเพราะรัฐบาลตั้งเพดานราคาไว้สูง โครงการแลนด์บริดจ์ก็ไม่มีคนสนใจมาลงทุนเพราะมันจะไม่คุ้มทุน รัฐบาลต้องปรับโครงการด้วยการให้ความสำคัญกับการสร้างท่าเรือน้ำลึกและมอเตอร์เวย์ รวมไปถึงโครงการรถไฟทางคู่เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและโครงสร้างพื้นฐานของภาคใต้

ขณะที่เสียงจากภาคประชาชนสะท้อนว่าอยากให้ระดับด้านความปลอดภัย และพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวให้สะอาดสวยงามน่าเที่ยว ปรับภูมิทัศน์ด้วยการเอาสายไฟฟ้าลงดิน พร้อมทั้งพัฒนาระบบจราจรและขนส่งมวลนให้ง่ายต่อการเข้าถึงสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างอาชีพ และดูแลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยสวัสดิการ

ก่อนปิดการระดมความคิดเห็นนายนิพนธ์ บุญญามณีได้กล่าวสรุปว่าวันนี้คือความตั้งใจที่จะมารับฟังความคิด ความเห็นในแต่ละปัญหา ของแกนนำในอำเภอมืองสงขลาส่วนพื้นที่อื่นๆก็จะได้เปิดการรับฟังความคิดความเห็นในครั้งต่อๆไปเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาผ่านกลไกต่างๆต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top