Sunday, 19 May 2024
ต่างด้าว

รวบผู้ต้องหาต่างด้าวหนีคดีฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายร่วม 600 ล้านบาท

ตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พิจารณาดำเนินการกับนายจง (นามสมมติ) คนต่างด้าวซึ่งเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับและต้องการตัวไปดำเนินคดี ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน โดยมีพฤติการณ์กระทำผิด คือ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา นายจง ได้ร่วมกับเพื่อนเปิดบริษัทและจ้างพนักงานมาทำหน้าที่โทรศัพท์หาลูกค้าเพื่อหลอกให้มาร่วมลงทุน โดยอ้างว่าบริษัทเป็นบริษัทที่สามารถทำบัตรเครดิตได้จำนวนมาก มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 600 ล้านบาท และนายจงได้หลบหนีมายังประเทศไทย กก.1 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนและตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า 

นายจง ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทางด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2562 ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว 60 วัน และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปถึงวันที่ 20 ก.ย. 2566 จึงได้เสนอขอเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายจง

‘สืบสวน ตม.1 - สันติบาล’ บุกรวบแก๊งแรงงานเถื่อน พร้อมพบต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองถูกกักขัง 7 ชีวิต

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สรร พูลศิริ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.และ พล.ต.ต.ปิยอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.1 

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้บูรณาการกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล กก.3 บก.ส.2 ประชุมสืบสวน หาข่าวการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ และความผิดอาญา จนได้รับข้อมูลเชิงลึก จากสายข่าว (ขอปกปิดนาม) ว่ามีคนต่างด้าวกลุ่มหนึ่ง ได้นำคนต่างด้าว สัญชาติ เมียนมา ชาย-หญิง จำนวนหนึ่งมาหลบซ่อนและอาจมีการกักขังหน่วงเหนี่ยว ในสถานที่พักแห่งหนึ่งมีลักษณะเป็นห้องเช่าสองชั้นในเขตพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ข้อมูลตามแนวทางการสืบสวน จนสืบทราบว่าสถานที่นำคนต่างด้าวไปกักขังนั้น
อยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงได้รายงานข้อมูลให้ผู้บังคับบัญชาทราบ 

พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 (ชุดปฏิบัติการสืบสวน ๒) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ สืบสวน บก.ตม.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล กก.3 บก.ส.2 ไปตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดตามอำนาจ หน้าที่ เมื่อไปถึงพบสถานที่พักดังกล่าวฯ ลักษณะเป็นห้องพักให้เช่าสูง 2 ชั้น ชั้นล่างมีห้องพัก 4 ห้อง ชั้นบนมีห้องพัก 5 ห้อง ซึ่งห้องพักเป้าหมายที่คาดว่าได้มีการนำคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมามาหลบซ่อนและกักขัง หน่วงเหนี่ยวคนต่างด้าวน่าจะอยู่บริเวณชั้นล่าง ซึ่งจากการสังเกตมีห้องพักห้องหนึ่งต้องสงสัยมีแม่กุญแจล็อกอยู่บริเวณด้านนอก แต่จากการสังเกตพบว่าด้านหน้าประตูมีรองเท้าวางอยู่หน้าห้องจำนวนหลายคู่และมีเสียงพูดคุยสำเนียงเป็นภาษาเมียนมาออกมาจากด้านใน คาดว่าน่าจะมีคนต่างด้าวถูกกักขังอยู่ด้านในห้องพักดังกล่าวฯ 

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เฝ้าสังเกตการณ์จนในเวลาต่อมาพบ นายชิ ทูย โช (Mr.Si Thu Soe) อายุ 45 ปี สัญชาติเมียนมา (ผู้ถูกจับที่ 1) และ นายขาน ไม โก โก (Mr.Chan Myae Ko Ko) อายุ 29 ปี สัญชาติ เมียนมา (ผู้ถูกจับที่ 2) (ทราบชื่อภายหลัง) ได้เดินมาที่ห้องพักและได้ใช้กุญแจไขห้องพัก เจ้าหน้าที่ ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้แสดงบัตรประจำตัวให้ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงให้เปิดประตูห้องพัก ปรากฎว่าพบคนต่างด้าว สัญชาติ เมียนมา 7 คน เป็นผู้ชาย 5 คน เป็นผู้หญิง 2 คน อยู่ภายในห้องพักดังกล่าว จากการสอบถามผ่านล่าม คนต่างด้าวชาวเมียนมาผู้เสียหายทั้ง 7 คน ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่า ถูกผู้จับที่ 1-2 เป็นผู้ร่วมกันนำคนต่างด้าวจำนวน 7 คน มาพักที่ห้องเช่าที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวทั้ง 7 คนได้ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรทางช่องทางธรรมชาติเมื่อวันที่ 7 ที่รอยต่อชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อประมาณต้นเดือน ม.ค.66 เพื่อจะมาทำงานโดยคิดค่าดำเนินการรายละ 2,500,00 จ๊าด (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 40,000 บาท) แต่ผู้เสียหายมีเงินไม่พอ ผู้ถูกจับที่ 1 และ 2 จึงกักขังผู้เสียหายไว้ เป็นเวลา 9 วัน จนกระทั่งเจ้าหน้าชุดจับกุมมาพบ

'พงศพรหม' โพสต์!! 'ต่างชาติ-ต่างด้าว' ไม่ได้มาแย่งงานคนไทย แต่คนยุคใหม่ หนักไม่เอา เอาแต่เงินเดือนเกินความสามารถ

ไม่นานมานี้ นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pongprom Yamarat ระบุว่า...

ทานอาหารร้านคนรู้จัก ตั้งแต่กรุงเทพยันศรีราชา เดี๋ยวนี้เจอแต่คนเสิร์ฟ และผู้จัดการร้านชาวต่างชาติ

ร้านท้องถิ่นหน่อยก็พม่า ร้านแพงหน่อยก็ฟิลิปปินส์, จีน, อินเดีย, ศรีลังกา, อิตาเลียน หรือฝรั่งเศส อังกฤษโน่น

เน้นว่าพนักงานนะครับ ไม่ใช่เจ้าของร้าน!!

มองผิว ๆ ก็อาจมีคนบอกว่าต่างชาติมาแย่งงานคนไทย

แต่เปล่าเลย!!

ยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย

กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ทำการสืบสวนคนต่างด้าวที่มีหนังสือเดินทาง 2 สัญชาติขึ้นไป โดยได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบสารสนเทศ สตม. พบว่ามีคนต่างด้าวที่ถือหนังสือเดินทาง 2 สัญชาติ เดินทางเข้ามาพำนักอาศัยในประเทศไทย จำนวน 117 ราย จากนั้นกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ได้ประสานไปยังสถานทูตตามหนังสือเดินทางของคนต่างด้าวเหล่านั้น เพื่อขอทำการตรวจสอบประวัติ จากการตรวจสอบประวัติของคนต่างด้าวดังกล่าวทั้ง 117 ราย พบว่า เป็นบุคคลที่รัฐบาลต่างประเทศได้มีการออกหมายจับไว้ที่ประเทศต้นทาง จำนวน 17 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวกับ แชร์ลูกโซ่ และ ฉ้อโกง ซึ่งทั้ง 17 ราย ได้หลบหนีและเข้ามาพำนักในประเทศไทย  

กองบังคับการสืบสวนสอบสวน จึงได้นำข้อมูลคนต่างด้าวทั้ง 17 ราย มาตรวจสอบโดยละเอียดรวมทั้งขอหนังสือยืนยันและสำเนาหมายจับจากสถานทูตเพื่อนำมาประกอบการขออนุมัติเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยในระหว่างการประสานข้อมูลกับสถานทูตนั้น ได้มีคนต่างด้าวบางส่วนได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปแล้ว คงเหลืออยู่ในราชอาณาจักรไทยเพียง 3 ราย เมื่อได้รับการยืนยันและสำเนาหมายจับจากสถานทูต กองบังคับการสืบสวนสอบสวนจึงได้ทำการอนุมัติเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทย ของคนต่างด้าวทั้ง 3 ราย ดังกล่าว และได้ออกสืบสวนติดตามคนต่างด้าวทั้ง 3 ราย เพื่อนำตัวมาผลักดันส่งออกนอกราชอาณาจักรไทย  

นอกจากนี้ จากการสืบสวนยังพบว่า คนต่างด้าว ใน 117 ราย ที่ถือหนังสือเดินทาง 2 สัญชาติ และยังไม่ได้เดินทางออกไปจากราชอาณาจักไทย เป็นผู้ที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดอนุญาต (Overstay) อีกจำนวน 58 ราย  

ต่อมาวันที่ 9 ก.พ. 2566 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้สั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน เปิดปฏิบัติการ ยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ขึ้น โดยได้ทำการจับกุม คนต่างด้าวที่ถือหนังสือเดินทาง 2 สัญชาติ และมีหมายจับของประเทศอื่น ซึ่งกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ได้ทำการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยไปแล้ว ได้จำนวน 3 ราย ซึ่ง คนต่างด้าวทั้ง 3 รายนี้ เป็นผู้ที่หลบหนีการกระทำผิดมาพำนักและอยู่ในประเทศไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้  

1.) นาย เสี่ยว (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี มีหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อหา ความผิดเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ จับกุมได้ที่คอนโดหรูย่านพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
2.) นาย ลี (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี มีหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อหา ฉ้อโกง จับกุมได้ที่บ้านพักย่านพัฒนาการ เขตสานหลวง กรุงเทพฯ  
3.) นางสาว เฉิน (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี มีหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อหา ฉ้อโกง จับกุมได้ที่หน้าร้านอาหารย่านสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 

แต่ละจังหวัดมี ส.ส.ได้กี่คน?

หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่แต่ละจังหวัดกำหนดให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐาน การทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง นั้น คำว่า “ราษฎร” ไม่หมายความรวมถึงผู้ไม่ได้สัญชาติไทย


 

ไม่เข็ด!! ‘ตม.ปทุมฯ’ รวบ 3 คนไทย ช่วย ‘ชาวจีน’ ลักลอบเข้าเมือง 1 ใน 3 สารภาพ เพิ่งถูกจับข้อหาเดียวกันเมื่อเดือนที่แล้ว

(6 มี.ค. 66) ตามนโยบายของ ผบ.ตร., ผบช.สตม.และ ผบก.ตม.3 ในการกวาดล้างอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคนต่างด้าว โดยเฉพาะในความผิดและผู้ช่วยเหลือสนับสนุนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2566 พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จังหวัดปทุมธานี สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนปราบปราม ตม.จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.บช.ปส.และ สภ.คลองหลวง ร่วมตรวจสอบคนต่างด้าวสัญชาติจีน 1 ราย พร้อมด้วยคนไทย ซึ่งให้การช่วยเหลือให้คนต่างด้าวดังกล่าว ซึ่งเข้าเมืองมาผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม

ผู้ถูกจับรับว่า ได้เดินทางมาจากพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อนำคนต่างด้าวไปส่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับค่าจ้าง 20,000 บาท โดยใช้รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์เป็นยานพาหนะ และรถยนต์เก๋งเป็นรถนำทาง ซึ่งมีการให้สัญญานระหว่างรถทั้งสองคันตลอดการเดินทาง เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับแจ้งพฤติการณ์ต้องสงสัยรถคันดังกล่าว จึงได้ติดตามอย่างกระชั้นชิด และเข้าตรวจค้นยานพาหนะทั้งสองคัน พบการกระทำความผิด จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 
หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม. พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.สิทธิ์ศิริ กังวาลกุล รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.กฤษฎากรณ์ กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.กฤชมงกุฎ บูรณะภักดี ผกก.ตม.จว.หนองคาย, พ.ต.ท.ธียาฌพัตท์ รังสิพราหมณกุล รอง ผกก.ตม.จว.หนองคาย ร่วมแถลงข่าวการจับกุมบุคคลตามหมายจับคดีสำคัญ

เมื่อประมาณต้นเดือน ตุลาคม 2566 ผู้แทนรับมอบอำนาจจากโรงรับจำนำแห่งหนึ่งใน ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี  ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อ พงส.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.จีรวรรณ  อายุ  30 ปี สัญชาติไทย และ น.ส.ศรินทิพย์  อายุ 32 ปี สัญชาติไทย พนักงานของโรงรับจำนำดังกล่าว ที่มีหน้าที่ในการทำบัญชีและเก็บรักษาของรับจำนำ  โดยเฉพาะสร้อยคอทองคำ เนื่องจากตรวจพบว่าจำนวนสร้อยคอทองคำ และทองคำแท่ง ที่รับจำนำมีมูลค่าน้อยกว่าจำนวนเงินที่จ่ายในการจำนำให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังพบว่ามีสร้อยคอทองคำปลอมปะปนอยู่ห้องเก็บรักษาของรับจำนำ โดยพบว่าพนักงานทั้งสองรายเมื่อรับจำนำทองแล้ว จากนั้นจะลักเอาทองที่รับจำนำของโรงรับจำนำไว้แล้วข้างต้น มามอบให้หน้าม้านำมาเวียนจำนำกับโรงรับจำนำอีกครั้ง เมื่อได้เงินมาแล้วจะแบ่งให้หน้าม้าครั้งละ 1,000 -2,000 บาท จากนั้นจะนำเงินสดไปเข้าบัญชีของตนเองโดยมีการทำในลักษณะดังกล่าวอยู่เป็นเวลากว่า 2 ปี ได้เงินรวมกว่า 170 ล้านบาท ต่อมา  ศาลจังหวัดนนทบุรีได้อนุมัติหมายจับบุคคลทั้งสอง ในความผิด “ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง” ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี 1038/2566

และ 1039/2566 ลง 26 ธ.ค.2566 เบื้องต้นสามารถจับกุม  น.ส.ศรินทิพย์  มาดำเนินคดีแล้ว แต่ น.ส.จีรวรรณ  ได้หลบหนีออกนอกประเทศก่อนที่ศาลจะมีการอนุมัติหมายจับ และได้ไปกบดานที่ สปป.ลาว  ชุดสืบสวน ภ.1 ได้ประสานมายัง ชุดสืบสวน ตม.จว.หนองคาย เพื่อประสานกับทางการ สปป.ลาว เพื่อกดดันให้กลับมามอบตัว พร้อมกับเฝ้าระวังตามแนวชายแดนป้องกันการลักลอบเข้าทางช่องทางธรรมชาติ จนกระทั่ง วันนี้ (3 ม.ค.2567) เวลาประมาณ 12.30 น. น.ส.จีรวรรณ  ได้เดินทางกลับเข้ามาทางด่านพรมแดน สะพานมิตรภาพไทย – ลาว จ.หนองคาย ร้อยเวรงานตรวจบุคคลและพาหนะ จึงได้ประสานชุดสืบสวน ตม.จว.หนองคาย ควบคุมตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบ เบื้องต้น น.ส.จีรวรรณ รับว่าได้ร่วมกันลักทรัพย์ของโรงรับจำนำตามแผนประทุษกรรมดังกล่าวจริง   โดยเงินที่ได้มาได้นำไปเล่นการพนันออนไลน์จนหมดตัว จากนั้น จนท.ได้ควบคุมตัวนำส่ง พงส.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดกรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษาเลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเดินหน้าปราบปรามจับกุมต่างด้าวที่กระทำผิดในไทย ล่าสุดจับกุม 4 คดี

วันนี้ (22 ก.พ.67) เวลา 11.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.กต.10 ปฏิบัติราชการ บก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พ.ต.ท.รัฐไกร ประยูรศร รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 และ พ.ต.ท.วิรชา สนั่นศิลป์ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

1. สตม.รวบนักลงทุนชาวจีนตามหมายจับเลี่ยงภาษีมูลค่าเกือบ 20 ล้านบาท : ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.2 บก.ปอศ. จับกุม Mr.Wang (นามสมมุติ) อายุ 53 ปี สัญชาติจีน ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 60/2567 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันเคลื่อนย้ายของออกไปจากเขตปลอดอากรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ภายในบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี  

พฤติการณ์แห่งคดี Mr.Wang ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้ร่วมกันกับพวกนำสินค้าเบ็ดเตล็ด อาทิเช่น กระเป๋า ผ้าพันคอ ชุดผ้าปูที่นอน กรอบโทรศัพท์ เก้าอี้ กล่องพลาสติก โคมไฟ ไม้เซลฟี่ ข้าวโพด (ป๊อบคอร์น) ฯลฯ เข้ามาในราชอาณาจักร ตามใบขนสินค้าขาเข้า จำนวน 31 ฉบับ โดยสำแดงการใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำเข้าไปในเขตปลอดอากร ตามมาตรา 151 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 จำนวน 31 ฉบับ เป็นใบขนสินค้าสั่งการตรวจ "ให้เปิดตรวจ" เพื่อนำไปทำการตรวจปล่อยที่เขตปลอดอากรเอ็มที ฟรีโซน โดยวิธีการมัดลวด และพนักงานศุลกากรที่กำกับดูแลเขตปลอดอากรได้บันทึกการตรวจรับของดังกล่าวเข้าไปเก็บในเขตปลอดอากรแล้ว แต่ในระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2562 พนักงานศุลกากรได้เข้าทำการตรวจสอบหลังการตรวจปล่อย ณ เขตปลอดอากร เอ็มที ฟรีโซน ในบริษัทดังกล่าว พบข้อเท็จจริงว่าสินค้าเบ็ดเตล็ดที่บริษัทฯ ได้นำเข้ามาตามใบขนสินค้าขาเข้าทั้ง 31 ฉบับนั้น ไม่ได้มีการเก็บรักษาไว้หรือคงเหลืออยู่ในเขตปลอดอากร เอ็มที ฟรีโซน และจากการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าและส่งออกของบริษัทฯ จากระบบ CUSTOMS INFORMATION SYSTEM (CIS) ไม่พบว่าบริษัทฯ ได้มีการจัดทำใบขนสินค้าขาเข้าโอนย้ายชำระภาษีอากร (ประเภท P) เพื่อนำของออกจากเขตปลอดอากรเพื่อใช้หรือจำหน่ายในราชอาณาจักร และไม่มีการจัดทำใบขนสินค้าขาออก เพื่อส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร อีกทั้งไม่พบหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากรหรือหลักฐานการชำระภาษีอากรสำหรับของดังกล่าวเพื่อนำของออกจากเขตปลอดอากรในกรณีอื่นใด โดยได้ประเมินราคาและค่าภาษีอากร สินค้าตามใบขนสินค้าขาเข้า จำนวน 31 ฉบับ ดังกล่าวมีราคารวมทั้งสิ้น 15,337,963.62 บาท อากรขาเข้ารวม 2,701,946.79 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มรวม 1,262,793.72 บาท ซึ่งพนักงานศุลกากรได้แจ้งให้บริษัทฯ จัดส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อชี้แจงในประเด็นดังกล่าวแล้ว แต่บริษัทฯ ก็ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อพนักงานศุลกากรเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงได้ และได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของบริษัทฯ เป็นความผิดฐานเคลื่อนย้ายของออกไปจากเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร ตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 เมื่อบริษัทฯ ได้รับทราบผลการตรวจสอบแล้ว มิได้แจ้งความประสงค์จะขอทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร แต่บริษัทฯ เพิกเฉย ไม่มาติดต่อขอทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร กรมศุลกากรจึงร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบริษัทฯ และ Mr.Wang รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งในฐานะนิติบุคคลและฐานะส่วนตัว หลังจากที่ศาลจังหวัดพัทยาได้ออกหมายจับแล้ว จากการสืบสวนของ ตม.จว.ชลบุรี ทราบว่า Mr.Wang ได้เดินทางไปที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกับ กก.2 บก.ปอศ. ไปตรวจสอบ    ผลการตรวจสอบพบ Mr.Wang จึงได้แสดงหมายจับและทำการจับกุม

2. สตม.รวบนักท่องเที่ยวไต้หวัน “OVERSTAY” (32 วัน) หนีหมายจับคดีคอลเซ็นเตอร์ มากบดานเมืองพัทยา  : ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.2 บก.ทท.1 จับกุม MR.LIU (นามสมมติ) อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม พื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
​ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลจากอาสาสมัคร (volunteer) ว่าพบคนต่างด้าวมีพฤติการณ์น่าสงสัยซึ่งอาจเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึกเบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ MR.LIU (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (Overstay) และมักจะลักลอบกบดานใน พื้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จ.ชลบุรี จึงได้ตรวจสอบข้อมูลไปยัง สำนักเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (ไต้หวัน) รับแจ้งว่า MR.LIU เป็นบุคคลตามหมายจับของทางการไต้หวัน ในความผิด ฉ้อโกง โดยมีพฤติการณ์เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้ร่วมกับ กก.2 บก.ทท.1 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกสืบสวนติดตามจับกุม จากการสืบสวนทราบว่า MR.LIU จะมาท่องเที่ยวในย่านถนนคนเดินวอล์คกิ้งสตรีท (WAILKING STREET) ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้ร่วมกันไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบ MR.LIU จึงได้ทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

3. สตม.รวบแม่ค้าออนไลน์ชาวเมียนมาแอบไลฟ์สดขายของหนีภาษีของกลาง 200 รายการ : ตม.จว.สมุทรสาคร จับกุม นางมิ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้, ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ด้วยประการใด ๆ ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักย่าน ถ.เจษฎาวิถี ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร  จ.สมุทรสาคร

ตม.จว.สมุทรสาคร ได้สืบสวนทราบว่า มีคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา มีพฤติการณ์ลักลอบขายสินค้าหนีภาษีทางช่องทางออนไลน์ จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึก เบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าว พักอาศัยอยู่ในบ้านพักย่าน     ถ.เจษฎาวิถี ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร โดยได้มีการไลฟ์สดและโพสต์ขายสินค้าทางเฟซบุ๊ก ซึ่งตัวสินค้า มีความผิดทางกฎหมาย จึงขอหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรสาครเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบนางมิ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลาง เป็นกลุ่มสินค้าประเภทอาหารเสริม วิตามิน น้ำมันหรือสเปรย์    ฉีดเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งไม่มีฉลากภาษาไทย และเครื่องหมาย อย. ร่วม 200 รายการ และจากการตรวจสอบเอกสารของนางมิ พบใบอนุญาตทำงานระบุประเภทกรรมกร แต่มาลักลอบขายสินค้าออนไลน์ และไม่ได้ทำงานตามประเภทที่ได้รับอนุญาตไว้ตามกฎหมาย จึงได้ทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

4. ตม.3 ระดมเข้ม X-RAY พื้นที่เสี่ยง 25 จุด ปูพรมตรวจค้นสถานบริการ ร้านอาหาร คาราโอเกะ รวบ 4 คนไทย 7 ต่างด้าว ลอบทำงานผิดกฎหมาย : บก.ตม.3 มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดในภาคตะวันตก ภาคกลาง ภาคตะวันออก ของประเทศไทย รวม 25 จังหวัด ได้ดำเนินการสืบสวน รวบรวมข้อมูล การกระทำผิดกฎหมายของคนต่างด้าวรวมถึงคนไทย ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบกระทำผิดกฎหมาย ลักลอบทำงาน เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต รับคนต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย รวมถึงการค้ามนุษย์ หลบหนีเข้าเมือง อยู่เกินกำหนดอนุญาต ซึ่งคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย อาจก่ออาชญากรรมอื่น ๆ สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนได้ บก.ตม.3 จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อวางแผนระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิด
​หลังได้รับรายงาน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด บก.ตม.3 ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด  ซึ่งในห้วงเดือน มกราคม 2567 - ปัจจุบัน ได้ดำเนินการตรวจค้น ตรวจสอบ เป้าหมายในพื้นที่ทั้งหมด 25 จุดเสี่ยง มีผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น 11 ราย แบ่งเป็น คนต่างด้าวสัญชาติลาว 4 ราย สัญชาติกัมพูชา 3 ราย และคนไทย จำนวน 4 ราย

ซึ่งผู้กระทำผิดทั้ง 11 รายข้างต้น ถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหา เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน, ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยได้ประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตพ้นจากการจับกุม รวมถึงความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของคนต่างด้าวยังถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และนอกจากนี้ในส่วนของเจ้าของสถานที่ที่ให้คนต่างด้าวพักอาศัย แต่ไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 38 ก็ได้ถูกจับกุมดำเนินคดีด้วย

​บก.ตม.3 ได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และจะยังคงดำเนินมาตรการเข้มข้น ต่อเนื่องในการป้องกัน ปราบปราม สืบสวน จับกุม การกระทำผิดกฎหมายในทุกรูปแบบ 

'เชียงราย' ส่งกลับ!!ปกครองแม่สายร่วมกับสืบสวน ตม.เชียงรายผลักดันต่างด้าวสัญชาติเมียนมากลับประเทศ

วันที่ 9 เมษายน2567 นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย มอบหมายให้นายปวเรศ ปัญญายงค์ ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง พร้อมด้วยสมาชิก อส.อ.แม่สายที่ 5 ผู้ใหญ่บ้านชุมชนร่มโพธิ์งาม หมู่ 9 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ร่วมกับฝ่ายสืบสวนด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จว.เชียงราย และตำรวจ สภ.แม่สาย จัดทำประวัติและผลักดันชาวต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวนมากออกนอกประเทศ ภายหลังจากค่ำวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่ชุมชนร่มโพธิ์งาม ว่าที่บ้านเช่าหลังหนึ่งในชุมชนมีคนอาศัยอยู่จำนวนมาก ส่งเสียงดังก่อความเดือดร้อน สร้างความรำคาญอย่างมาก

เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาเป็นจำนวนมากและสามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้ 41 คน ทั้งหมดมีเอกสารบัตรผ่านแดนชั่วคราวมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ 40 คน และมีเด็กติดตามอีก 1 คน 

ภายในบ้านพบมีอุปกรณ์ทำครัว ขยะ สัมภาระเดินทาง กองเกะกะอยู่เป็นจำนวนมาก สอบถามทราบว่าได้เข้ามาในราชอาณาจักร ในระหว่างวันที่ 6-8 เม.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นมีคนพาไปอยู่รวมกันที่บ้านพักหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเชื่อว่าเป็นการเตรียมเคลื่อนย้ายเข้าสู่ชั้นในของประเทศโดยผิดเงื่อนไขการอนุญาต จึงได้เชิญคนทั้งหมดไปยังด่าน ตม.จว.เชียงราย และผลักดันออกนอกประเทศดังกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top