Tuesday, 30 April 2024
ซีเรีย

‘ไบเดน’ กร้าว!! ปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ถล่มซีเรีย ‘จำเป็น-สมน้ำสมเนื้อ’ เพื่อตอบโต้หลังกำลังพลสหรัฐฯ ถูกโจมตีด้วยโดรน-จรวดหลายครั้ง

(29 ต.ค. 66) ‘ประธานาธิบดีโจ ไบเดน’ ยืนยันว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ถล่มภาคตะวันออกของซีเรียในสัปดาห์นี้มีความชอบธรรมทางกฎหมาย ระบุปฏิบัติการต่างๆ เหล่านั้นเป็นการตอบโต้ที่เหมาะสมต่อเหตุใช้โดรนและจรวดเล่นงานกำลังพลสหรัฐฯ รอบแล้วรอบเล่าในภูมิภาคแถบนี้

ในหนังสือที่ส่งถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (27 ต.ค.) ที่ผ่านมา ทางทำเนียบขาวระบุว่า ปฏิบัติการทางอากาศเป็นไปตามกรอบอำนาจทำสงครามของประธานาธิบดี และมีขึ้นตามหลังเหตุโจมตีกำลังพลและที่ตั้งทางทหารของสหรัฐฯ ในซีเรียและอิรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเดือนที่ผ่านมา

“ตามคำสั่งของผม ในค่ำคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2023 กองกำลังสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมาย เล่นงานที่ตั้งต่างๆ ทางภาคตะวันออกของซีเรีย” ไบเดนกล่าว พร้อมระบุว่า โกดังทั้งหลายที่ถูกโจมตีนี้ถูกใช้งานโดยกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน และกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

“การโจมตีมีเจตนาเพื่อตั้งมั่นป้องกันตนเองและดำเนินการในแนวทางที่จำกัดความเสี่ยงของสถานการณ์ลุกลามบานปลาย และหลีกเลี่ยงไม่ให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต” หนังสือระบุ พร้อมบอกว่าปฏิบัติการนี้ “เป็นสิ่งจำเป็นและสมน้ำสมเนื้อ”

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) แถลงปฏิบัติการทางทหารดังกล่าวครั้งแรกเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) โดยบอกว่ามันเป็นภารกิจป้องกันตนเองและมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเพื่อปกป้องและคุ้มกันบุคลากรของสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรีย

ทั้งนี้ ทาง ‘พลจัตวา แพท ไรเดอร์’ แห่งกองทัพอากาศ บอกในเวลาต่อมา ว่า เครื่องบินรบของอเมริกาโจมตีโกดังเก็บอาวุธและกระสุน ใกล้เมืองอัล-บูคามาล ตามแนวชายแดน พร้อมอ้างว่าโกดังทั้ง 2 ถูกทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

‘จอห์น เคอร์บี’ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เน้นว่า พวกเจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ระหว่างประเมินปฏฺิบัติการ และเตือนว่ากองกำลังอเมริกาจะไม่ลังเลที่จะใช้มาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมในการป้องกันตนเอง

ฐานทัพต่างๆ ของสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียถูกโจมตีมาแล้วอย่างน้อย 16 รอบ นับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมเป็นต้นมา จากข้อมูลของกองบัญชาการสหรัฐฯ มีทหารหลายนายได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตีเหล่านั้น นอกจากนี้ ยังมีพนักงานสัญญาจ้างที่เป็นพลเรือนรายหนึ่งเสียชีวิต สืบเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลว ระหว่างที่ถูกโจมตี

ปัจจุบันมีทหารสหรัฐฯ ราว 1,000 นาย ประจำการอยู่ในซีเรีย ยึดครองบ่อน้ำมันสำคัญๆ และทางข้ามแม่น้ำยูเฟรทีสหลายแห่ง ภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มติดอาวุธที่นำโดยพวกเคิร์ด แม้ว่ารัฐบาลในดามัสกัส ส่งเสียงประท้วงซ้ำๆ ว่า การปรากฏตัวของทหารสหรัฐฯ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

เหตุโจมตีด้วยจรวดและโดรนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่สถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับนักรบปาเลสไตน์เป็นไปอย่างดุเดือด เข่นฆ่าชีวิตในทั้ง 2 ฟากฝั่งแล้วมากกว่า 9,000 ราย

วอชิงตันตอบสนองสถานการณ์ความตึงเครียดที่พุ่งสูง ด้วยการประจำการทหารอย่างมีนัยสำคัญ ในนั้นรวมถึงกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี 2 กอง ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เช่นเดียวกับเรือยกพลขึ้นบกจู่โจม ที่บรรทุกกำลังพล 2,000 นาย ใกล้กับชายฝั่งอิสราเอล

นอกจากนี้ ยังมีทหารสหรัฐฯ อื่นๆ อีก 900 นาย ถูกส่งเข้าไปประจำการในจุดต่างๆ ที่ไม่มีการเปิดเผยในตะวันออกกลาง เจ้าหน้าที่อเมริกาอ้างว่าความเคลื่อนไหวนี้มีเจตนาเสริมการป้องกันกองกำลังของตนเองในภูมิภาค และป้องปรามไม่ให้ตัวละครภายนอกเข้าเกี่ยวพันในสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส

วิบากกรรมหนุ่ม 2 สัญชาติ ผู้เฝ้ารอวีซ่าลี้ภัยจากดินแดนใหม่ หลังหนึ่งประเทศไฟสงครามไม่เคยดับ ส่วนอีกหนึ่ง ศก.ลาลับ

ไม่นานมานี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘GO GALA แคมป์ปิ้งออสเตรเลีย’ ได้โพสต์เรื่องราวชีวิตของ Oday ชายหนุ่มชาวซีเรีย อยู่ออสเตรเลียมามากกว่า 10 ปี แต่ไม่เคยได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนเลย โดยมีเนื้อหาดังนี้...

แอดแม่อยากให้เรื่องของ Oday เป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนที่อยู่ต่างประเทศ สู้ต่อ 

เมื่อวานระหว่างนั่งรอทำธุระในเมือง แอดแม่สั่งกาแฟกิน และมีเวลานั่งชิว เลยได้มีโอกาสนั่งคุยกับบาริสต้าหนุ่ม ผู้มีเรื่องราวชีวิตที่โคตรเหลือเชื่อ 

บทสนทนาเริ่มต้นจากเรื่องทั่วๆ ไป มาจากไหน ได้กลับบ้านบ่อยรึป่าว เขาบอกว่าไม่ได้กลับบ้านมา 10 ปีแล้ว เพราะต้องใช้เงินเยอะ กลับไม่ได้ ถ้ากลับแล้วไม่รู้ชีวิตจะเป็นยังไง 

นั่นทำให้แอดแม่เริ่มต้นคุยกับ Oday อย่างจริงจัง

แม่ของ Oday เป็นคนเวเนซุเอลา ได้มาพบรักกับพ่อที่ประเทศซีเรีย

Oday เกิดมาแบบมีสองสัญชาติ มีสอง Passport ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ปรากฏว่าสองประเทศที่เป็นตัวเลือกในชีวิตของ Oday หนึ่งประเทศมีสงครามกลางเมือง อีกหนึ่งประเทศประสบความล้มเหลวทางเศรษฐกิจจนหาทางฟื้นขึ้นมาไม่ได้

ย้อนกลับไปเกิน 10 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ปี 2011 ประเทศซีเรียเริ่มเกิดสงครามกลางเมือง ถ้า Oday ไม่ออกนอกประเทศเขาจะต้องไปเป็นทหาร เขาเลือกที่จะไม่เป็น และหาทางออกนอกประเทศ

เขาลองไปอยู่ประเทศเวเนซุเอลากับญาติพี่น้องฝั่งแม่อยู่ 7 เดือน หลังจากนั้นเขาเลือกที่จะมาออสเตรเลียด้วยวีซ่านักเรียน 

เรียนไปเรียนมาได้ห้าหกปี สงครามกลางเมืองซีเรียรุนแรงขึ้น ที่บ้าน Oday ไม่มีเงินจะส่งค่าเรียนแล้วเพราะสงครามไม่ดีขึ้น มีแต่แย่ลงทุกวัน รายได้ที่บ้านก็หดหาย

Oday ตัดสินใจไม่ไปเรียนหนังสือ เพราะเรื่องเงิน เมื่อคุณไม่ไปเรียนตามวีซ่านี่คุณต้องทำ แน่นอนวีซ่านักเรียนของ Oday โดนแคนเซิล 

Oday ต้องยื่นวีซ่า Protection เพราะทนายบอกว่าเป็นวีซ่าเดียวที่เขาจะยื่นได้ เขารอผลวีซ่า Protection ได้ ปีกว่าๆ ผลออกมาว่า Invalid เพราะ Oday มี 2 Passport มีทั้งซีเรียและเวเนซุเอลา เขาปรึกษาทนายว่าทำอะไรได้บ้าง 

ทนายคนแรกบอกว่าทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากต้องกลับซีเรีย...ทนายอีกคนหนึ่ง แนะนำให้เขาไปขอยกเลิก Passport เวเนซุเอลา ให้เหลือว่าเป็นคนซีเรียประเทศเดียว 

Oday ไม่มีทางเลือกอื่น เขา Give Up สัญชาติเวเนซุเอลาที่เขาได้มาจากแม่ เพื่อที่จะได้ยื่น Protection วีซ่าใหม่อีกรอบ

ถ้าออสเตรเลียให้วีซ่านี้กับ Oday พ่อแม่และน้องสาวของเขาก็จะได้ด้วย ครอบครัวจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง Oday คือตัวแทนของบ้านนี้เรื่องวีซ่าลี้ภัย 

ตอนนี้ Oday ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอ…

แอดบอกเขาว่าขอเขียนเรื่องเขาให้เพื่อนๆ อ่านได้มั้ย เขาบอกยินดี และขอบคุณ

สิ้นปีนี้อาชีพบาริสต้าของเขาก็ไม่รู้จะได้ทำรึป่าว ไม่รู้เจ้าของร้านจะเปิดร้านรึป่าว ไม่รู้เขาจะมีเงินรึป่าว

แอดแม่ชวนเขามากินข้าวที่ร้าน เขาบอกว่าอาจจะไปปีหน้า แอดแม่บอกว่า มาเลย เดี๋ยวเลี้ยงข้าว 

มิตรภาพของคนสองคนที่เกิดขึ้นในเวลาอันสั้น 

มันเกิดจากที่คนคนนึงประทับใจในเรื่องราวชีวิตและการต่อสู้ของคนอีกคนหนึ่ง 

ขอให้เรื่องราวของ Oday เป็นกำลังใจดีๆ ให้หลายๆ คน ค่ะ

ต้น กับ จิ๊บ

‘อิสราเอล’ บุกโจมตีทางอากาศใน ‘ซีเรีย’ เด็ดชีวิต!! ที่ปรึกษาระดับสูงกองทัพอิหร่าน

(26 ธ.ค.66) อิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่พื้นที่รอบนอกกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) สังหารที่ปรึกษาระดับสูงรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวด้านความมั่นคง 3 รายและสื่อมวลชนแห่งรัฐอิหร่าน ในเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง สืบเนื่องจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส

แหล่งข่าวบอกกับรอยเตอร์ว่า ที่ปรึกษารายดังกล่าวก็คือซายเยด ราซี มัวซาวี ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบประสานงานพันธมิตรทหารระหว่างซีเรียกับอิหร่าน

"ผมไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวของต่างประเทศ ในเรื่องเหล่านี้หรืออื่นๆ ในตะวันออกกลาง" พล.ร.ต.ดาเนียล ฮาการี โฆษกกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลกล่าว ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวรายหนึ่ง "แน่นอนว่ากองทัพอิสราเอลมีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของอิสราเอล"

สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของอิหร่าน แทรกรายงานข่าวปกติ ด้วยการออกอากาศคำแถลงแจ้งว่า มัวซาวี ถูกสังหาร พร้อมให้คำจำกัดความเขาว่าเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาเก่าแก่ที่สุดของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านในซีเรีย

นอกจากนี้แล้วสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของอิหร่าน ยังระบุด้วยว่า มัวซาวี เป็นหนึ่งในผู้ติดตามของ พล.ต.กาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ (Quds) แห่งกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน ซึ่งเสียชีวิตในอิรัก ในปฏิบัติการโดรนโจมตีของสหรัฐฯ เมื่อปี 2020

ฮอสเซน อัคบารี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำดามัสกัสให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ ว่า มัวซาวี มีตำแหน่งหน้าที่การงาน ณ สถานทูต ในฐานะผู้แทนทูต และถูกสังหารโดยจรวดของอิสราเอล ขณะเดินทางจากที่ทำงานมุ่งหน้ากลับบ้าน

เอบราฮิม ไรซี ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวว่าเหตุลอบสังหารมัวซาวี แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอในส่วนของอิสราเอล "การกระทำนี้เป็นสัญญาณถึงความผิดหวังและความอ่อนแอของระบอบไซออนิสต์ในภูมิภาค ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องชดใช้ราคาแพง"

กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน บอกว่าอิสราเอลจะต้องทุกข์ทรมานจากการสังหารมัวซาวี ซึ่งประดับยศนายพลจัตวาแห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติ "รัฐบาลไซออนิสต์ผู้แย่งชิงและป่าเถื่อน จำเป็นต้องชดใช้อาชญากรรมนี้"

นาสเซอร์ คานานี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน บอกกับสื่อมวลชนแห่งรัฐว่า "อิหร่านขอสงวนสิทธิ์ในการใช้มาตรการต่างๆ ที่จำเป็น เพื่อตอบโต้การกระทำนี้ ณ เวลาและสถานที่ที่เหมาะสม"

ในส่วนของญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ก็ประณามการสังหารมัวซาวีเช่นกัน โดยเรียกมันว่าเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดตาขาว พร้อมเผยว่ามัวซาวี มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนขบวนการต่อต้านในภูมิภาค เช่นเดียวกับประชาชนชาวปาเลสไตน์และเหตุผลของชาวปาเลสไตน์

เป็นเวลานานหลายปีแล้ว ที่อิสราเอลปฏิบัติการโจมตีในสิ่งที่พวกเขาให้คำจำกัดความว่าเป็นเป้าหมายต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับอิหร่านในซีเรีย ประเทศที่อิทธิพลของเตหะรานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ที่อิหร่านให้การสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ในสงครามกลางเมือง ที่ปะทุขึ้นในซีเรียเมื่อปี 2011

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน อิหร่านบอกว่าการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ได้สังหารสมาชิกกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน 2 นายในซีเรีย ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางทหารแก่ซีเรีย

อิหร่าน ส่งสมาชิกกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติหลายร้อยนาย ในฐานะที่ปรึกษา เข้าไปช่วยฝึกฝนและจัดระบบแก่พวกนักรบติดอาวุธชีอะห์หลายพันคนจากอิรัก อัฟกานิสถานและปากีสถาน เพื่อสนับสนุนรัฐบาลของประธานาธิบดีอัสซาด ในความขัดแย้งในซีเรีย ขณะที่นักรบจากกลุ่มฮิบบอลเลาะห์ในเลบานอน ก็ทำงานใกล้ชิดกับบรรดาผู้บัญชาการทหารของอิหร่านในซีเรียเช่นกัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top