Tuesday, 7 May 2024
ชัยวุฒิ

‘ชัยวุฒิ’ ลั่น ยังเร็วไป พท.ตั้งเงื่อนไขร่วมรัฐบาลไม่เอา ‘บิ๊กตู่’ ชี้ ให้รอดูเลือกตั้ง มั่นใจ ‘พปชร.’ ยังเป็นพรรคแกนนำ เชื่อ ‘นายกฯ’ ไม่เป็นสมาชิกพรรค ไม่ใช่จุดอ่อน หวังปชช.ยังเลือก ยัน ไม่ทิ้งพปชร.ซบพรรคอื่น

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่สนามกีฬาอบจ.สิงห์บุรี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคเพื่อไทยยื่นข้อเสนอให้พรรคที่จะจับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยตั้งเงื่อนไข ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา พรรคพปชร.รับได้หรือไม่ ว่า  เรื่องแบบนี้ตอบกันไม่ได้หรอก

ผู้สื่อข่าวถามว่าการยื่นเงื่อนไข หากไม่มีการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  ก็อาจจะจับมือ กับพรรคเพื่อไทยได้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า มองว่าเรื่องนี้ยังเร็วไปที่จะคุย ที่จะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอผลการเลือกตั้งก่อน รวมไปถึงเสียงส.ส.ในสภา และนโยบายของแต่ละพรรค แต่โดยหลักการของพรรคพปชร.จะเน้นทำงานเพื่อประชาชนและทำตามนโยบายที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน อะไรที่สร้างปัญหาให้กับประชาชน หรือสร้างความแตกแยก เราจะไม่เอาด้วยอยู่แล้ว 

เมื่อถามย้ำว่าฟังจากเงื่อนไขแล้วสามารถรับเงื่อนไขได้หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมารับหรือไม่ เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งแล้วค่อยมาคุยกันอีกทีดีกว่า แต่ถ้าเป็นพรรคใหญ่ที่จะจับมือร่วมกับรัฐบาลคงเป็นไปได้ยาก เพราะการเมืองต้องรอการตรวจสอบ แต่ตนมั่นใจว่าพรรคพปชร.ยังเป็นพรรคใหญ่  เพราะขณะนี้ยังเป็นอยู่  

เมื่อถามว่าหากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สมัครเป็นสมาชิกพรรคพปชร. ถือเป็นจุดอ่อนหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ขออย่าใช้คำว่าไม่ชัดเจน เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ส่วนแคนดิเดตนายกฯในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะมีใครบ้าง คงยังไม่ถึงเวลา และต้องดูอยู่ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร โดยพล.อ.ประยุทธ์ สามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.ได้เนื่องจากยังมีเวลาอยู่

‘ชัยวุฒิ’ โยนถาม ‘บิ๊กตู่’ ยังอยู่กับ พปชร.หรือไม่ หลังลือสะพัดเตรียมย้ายซบ ‘รวมไทยสร้างชาติ’

‘ชัยวุฒิ’ โยนสื่อถาม ‘บิ๊กตู่’ ยังอยู่กับ พปชร.หรือไม่ หลังมีลือสะพัดเตรียมย้ายซบ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ แจงลูกพรรคบอกชื่อ ‘ประยุทธ์’ ขายไม่ได้ เป็นความเห็นส่วนตัว แต่เชื่อยังไงทุกคนก็อยู่กับ 3 ป.

นายชัยวุฒิ ธนาคณานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสยุบสภา รวมไปถึงการเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ว่า ข่าวที่สื่อมวลชนออกมาบางครั้งก็ไม่มีแหล่งข่าวที่ชัดเจน เป็นสิ่งที่คาดการณ์กันไป ซึ่งวันนี้คิดว่าทุกคนก็ตั้งใจทำงานเพื่อให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง ก็ยังพอมีเวลาที่จะพูดคุยกันว่าใครจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ 

‘ชัยวุฒิ’ เผย รบ.เล็งออก พรก.สกัดบัญชีม้า ช่วยอายัดเงินได้เร็วขึ้น หากพบการโอนผิดปกติ

รัฐบาล จ่อ ออกพรก.แก้ปัญหาฉ้อโกงออนไลน์ ตัดช่องทางเปิดบัญชีม้า-อายัดเงิน ให้ได้รวดเร็ว เตรียมชงเข้าครม. สัปดาห์หน้า

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  แถลงผลการประชุมการแก้ไขปัญหาฉ้อโกงออนไลน์ ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่า ปัญหาฉ้อโกงออนไลน์นั้นมีหลายประเภท ทั้งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลงทุนหลอกซื้อของ รวมถึงการพนันออนไลน์ บัญชีม้า ซึ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันมาก ซึ่งรัฐบาล โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ในที่ประชุมวันเดียวกันนี้ มีการประชุมโดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือกัน 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สำหรับเรื่องบัญชีม้านั้นเราต้องหยุดให้ได้ หากพบพฤติกรรมการโอนเงินที่ผิดปกติ ก็ต้องปิดและบล็อกให้ได้ รวมถึงต้องอายัดบัญชีให้ได้รวดเร็ว ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าจะต้องมีการแก้กฎหมายโดยจะออกเป็นพระราชกำหนด เพื่อความรวดเร็ว ซึ่งจะสามารถเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ภายในสัปดาห์หน้า 

ทั้งนี้ต้องสรุปรายละเอียดทั้งหมดเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมครม. โดยจะมีการเขียนกฎหมายให้ชัดเจนว่า การรับจ้างเปิดบัญชีม้าทำไม่ได้ ถือว่ามีความผิดและต้องมีบทลงโทษโดย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)จะเข้ามาดูในเรื่องนี้โดย เพื่อตัดกระบวนการบัญชีมาให้ได้ เพราะถ้าไม่มีบัญชีม้าคนร้ายก็จะไม่มีบัญชีที่จะใช้โอนเงิน ประชาชนก็จะไม่ถูกหลอก 

นอกจากนี้ที่ประชุมมีการพูดถึง ความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานให้มากยิ่งขึ้น เพราะมีข่าวดีจำนวนมากโดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานว่า มีคดีแจ้งความเรื่องฉ้อโกงออนไลน์ถึง 1 แสนกว่าคดี มีมูลค่าความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้จะมีการดูแลเรื่องการประชาสัมพันธ์ การให้ความรู้กับประชาชนเพื่อไม่ให้ถูกหลอกลวงได้ง่าย ซึ่งรัฐบาลจะรับไปดูแล แจ้งเตือนผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น อาจจะใช้แอพพลิเคชั่นเป๋าตัง เป็นช่องทางในการให้ข้อมูล ขณะเดียวกันธนาคารทุกแห่งก็ต้องไปปรับปรุงระบบโมบายแบงก์กิ้ง ให้มีการแจ้งเตือนก่อนโอนเงิน ตรวจสอบการโอนเงินผิดปกติ หรือการถูกรีโมทแอพพลิเคชั่นเข้ามาในเครื่องมือถือของเรา เพื่อดูดข้อมูลหรือดูดเงินเราไป ซึ่งตรงนี้ธนาคารจะต้องไปปรับปรุงระบบให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นประชาชนจะขาดความเชื่อมั่นและไม่กล้าใช้ระบบของธนาคาร ดังนั้นต้องมีระบบป้องกันที่ดี

สำหรับประเด็น การนำซิมมือถือไปใช้ กันในหลายรูปแบบ เช่น บัญชีม้านำไปใช้เพราะยืนยันตัวตนไม่ได้ นั้น ที่ผ่านมามีการนำซิมไปขายต่อกันเป็นพัน ๆ เบอร์ จนเป็นช่องทางนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง จึงมีการหารือให้กสทช. เข้ามาดูเรื่องนี้ โดยเฉพาะการควบคุมซิมที่ใช้ต่อคน ต้องไม่เกิน 5 ซิม

พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าการปราบปรามบัญชีม้าสามารถทำได้โดยกฎหมายปกติฐานรวมกันฉ้อโกงประชาชน เพียงแต่กฎหมายบางอย่างยังไม่ครอบคลุมทุกอย่าง โดยที่ประชุมเสนอให้เป็นพระราชกำหนด เพื่อความรวดเร็วและให้เสร็จทันรัฐบาลนี้ พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ทุกหน่วยร่วมมือกันอย่างเต็มที่ แต่การทำงานเป็นไปได้ยากเนื่องจากตัวการใหญ่อยู่ที่ต่างประเทศ สำหรับในประเทศไทยตนเชื่อว่าจากการทำงานร่วมกันทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด รวมถึงการที่จะออก พรก. จะสามารถทำเรื่องนี้คลี่คลายได้ 

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ กสทช. ระบุว่าต้องเข้มงวดกับคนที่ลงทะเบียนใช้ซิมการ์ดเป็นจำนวนมาก และต้องมาชี้แจงว่านำซิมการ์ดไปใช้ทำอะไรบ้าง และจะส่งข้อมูลให้ สตช. แต่จะไปบังคับว่า 1 คนสามารถมีซิมได้เพียง 5 ซิม ไม่ได้ เพราะเป็นการลิดรอนสิทธิประชาชน  

ส่วนกรณีการส่งเอสเอ็มเอสหลอกลวงประชาชนนั้น เรื่องนี้ได้ให้โอเปอเรเตอร์ ของผู้ประกอบการต่างๆที่ดำเนินการเรื่องเอสเอ็มเอสต่างๆเป็นฝ่ายตรวจสอบ โดยเฉพาะหากจะมีคนมาจดขอส่งเอสเอ็มเอสให้ประชาชนรายใหม่ ต้องมาเช็คชื่อกับ กสทช. ก่อนว่าติดแบล็กลิสต์หรือไม่ ก่อนที่จะเข้าไปประกอบการ  ทั้งนี้ยอมรับว่าจากการตรวจสอบพบว่ามีเอสเอ็มเอสหลอกลวงลดลงไปมากกว่า 7 หมื่นรายการ หลังมีมาตรการออกมา
 

‘วลัยพร รัตนเศรษฐ’ ส้มหล่น! เสียบ ส.ส. พปชร. หลัง ‘ชัยวุฒิ ลาออกจาก ส.ส. แล้ว

ชัยวุฒิ รมว.ดีอีเอส ยื่นลาออกจากส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ น้องสาววิรัช ขยับขึ้นแทน

วันนี้ (25 พฤศจิกายน) มีรายงานว่า ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากส.ส.กับสภาฯ แล้ว โดยหนังสือลาออกลงวันที่ 24 พฤศจิกายน ทำให้การลาออกถือว่ามีผลในวันนี้

‘เพื่อไทย’ จวก รัฐจัดการหลอกลวงออนไลน์ช้า จี้ ‘รมต.ชัยวุฒิ’ ควรปราบแก๊งต้มตุ๋นให้จริงจัง

(25 ม.ค. 66) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ม.ค. อนุมัติร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ว่า เหตุใดรัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อยู่มา 8 ปีเพิ่งจะคิดทำเอาตอนนี้ ทั้งที่การออก พ.ร.ก.เป็นอำนาจเต็มของรัฐบาลที่ทำได้ทันที และทุกภาคส่วนก็เรียกร้องให้ดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจังมานานมากแล้ว ที่ผ่านมาเกิดปัญหาภัยไซเบอร์มากมาย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอสที่มีอำนาจอยู่เต็มมือ ต้องอธิบายกับสังคมให้ได้ว่าจงใจปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการให้เด็ดขาดหรือไม่ หรือดำเนินการล่าช้าเพราะอยู่ภายใต้รัฐบาลที่ทำงานไม่เป็น จนเกิดเป็นหลักฐานความล้มเหลวคาตาประชาชนมากมาย ทั้งแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์หลอกลวงและพนันออนไลน์ แอปพลิเคชันฝังมัลแวร์ล้วงข้อมูลประชาชน ตลอดจนคดีออนไลน์กว่า 114,000 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 22,000 ล้านบาท

นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า ตนเห็นด้วยกับเนื้อหาหลายส่วนใน พ.ร.ก.แต่ยังมีข้อกังวล 2 ประการเกี่ยวกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีว่า 

1. มีหน้าที่และอำนาจอย่างไรบ้าง เพราะควรมีความพอดีในอำนาจสิทธิ์ขาด อย่าให้เกิดการให้อำนาจล้นจนละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชน

'ชัยวุฒิ' แจง รบ.กำลังเร่งปราบธุรกิจสีเทา ชี้ มีมานานแล้ว ป้อง 'บิ๊กป้อม' ไม่มีเอี่ยวทุนสีเทา หลังรูปถ่ายคู่เพื่อนตู้ห่าวโผล่

(16 ก.พ. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายวันแรก โดยเฉพาะปัญหาต่าง ๆ ที่ฝ่ายค้านเสนอแนะ ว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาอยู่ จะนำไปสู่นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ด้วย ในการที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในรัฐบาลหน้า เพราะรัฐบาลนี้คงทำไม่ทัน หลายเรื่อง

โดยเฉพาะธุรกิจสีเทาและมาเฟียต่าง ๆ รัฐบาลดำเนินการปราบปรามอยู่แล้ว วันนี้ที่เป็นข่าวเยอะ ๆ เพราะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปปราบปรามจริงจัง มีการจับกุมดำเนินคดี จริง ๆ แล้วทุนสีเทา ธุรกิจพวกนี้มันทำมานานแล้ว เป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ไม่ได้เพิ่งมามีสมัยนี้ สมัยรัฐบาลในอดีตก็มี เสธ.คนนั้น เสธ.คนนี้ ใครจะทำธุรกิจสีเทาต้องไปคุยกับ เสธ.คนนี้ จำชื่อไม่ได้แล้ว เนื่องจากเสียชีวิตแล้ว เป็นเพื่อนอดีตนายกรัฐมนตรีด้วย

“มันมีมานานแล้ว อย่าไปคิดมากเลย ปัญหานี้มันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง รัฐบาลไหนมามันก็วิ่งเข้ามาหา พวกทุนสีเทาชอบวิ่งมาหาผู้มีอำนาจ เพราะฉะนั้น เราต้องแก้ที่กฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อจะลดปัญหาเหล่านี้” นายชัยวุฒิ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เนื้อหาการอภิปรายโยงไปถึง พปชร.หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ ไปตรวจสอบแล้วกัน คิดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องตรวจสอบไป ผิดถูกว่าอย่างไรว่าไปตามกฎหมาย แต่ว่าหลักการที่อยากจะพูดให้ฟังคือ วันนี้ปัญหาในสังคมไทย มันคือเรื่องของกฎหมายและระเบียบที่มันเอื้อให้เกิดธุรกิจสีเทา มันมีกฎหมายที่บางทีปฏิบัติไม่ได้ ทำธุรกิจแล้วมันผิดกฎหมาย เขาต้องไปจ่ายส่วยเพื่อให้ทำธุรกิจนี้ได้ ดังนั้น หน้าที่ของเราคือ ต้องเอากฎหมายมาดู อะไรที่ล้าสมัยก็ปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ธุรกิจไปได้และไม่ต้องมาจ่ายส่วย นี่คือสิ่งที่กำลังผลักดันเรื่องนี้ และคุยกันใน พปชร.อยู่ คิดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวจะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถามประชาชน แต่คิดว่าธุรกิจสีเทามันมีมาทุกยุคทุกสมัย เขาจะวิ่งหาผู้มีอำนาจ รัฐบาลในอดีต อดีตนายกฯ ทุกคนก็มีความไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ทุกยุคทุกสมัย ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้

ยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้มีหลักฐานที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา แต่ธุรกิจสีเทาพวกนี้พยายามวิ่งหาผู้มีอำนาจอย่างที่นำมาอภิปรายกัน มีภาพไปถ่ายรูปกับคนดังคนนั้นคนนี้ พวกนี้เขาทำธุรกิจกันมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาตั้งตัวกันได้ในสมัยรัฐบาลนี้ ไปดูเอาเถอะ ประวัติเขาแต่ละคน

'ชัยวุฒิ' ขอบคุณฝ่ายค้าน ชี้ข้อเสนอแก้กลุ่มทุนสีเทา ยันรัฐบาลเร่งแก้อยู่ แนะ!! ต้องมี 'กม.-ระเบียบ' เอื้อ

'รมว. ดีอีเอส' ขอบคุณฝ่ายค้านที่ให้ข้อเสนอแนะหลายด้าน โดยเฉพาะประเด็นกลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งรัฐบาลได้เร่งแก้ปัญหา ด้วยการออก พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

(16 ก.พ.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันแรก ว่า ขอบคุณฝ่ายค้านที่ได้พูดประเด็นปัญหาหลายอย่าง ซึ่งหลายเรื่องเป็นเรื่องที่สะสมมานาน รัฐบาลพยายามแก้ไขอยู่ นำไปสู่นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนในรัฐบาลสมัยหน้า โดยเฉพาะธุรกิจสีเทา ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการปราบปรามมาอย่างต่อเนื่อง และที่มีข่าวในช่วงนี้ เนื่องจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจไปปราบปรามและดำเนินคดีอย่างจริงจัง แต่ธุรกิจสีเทาเหล่านี้ได้ทำมานานแล้วกว่า 10 ปี ไม่ได้พึ่งมีในสมัยนี้ ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง เพราะทุนจีนสีเทาเหล่านี้มักชอบวิ่งไปหาผู้มีอำนาจ ดังนั้น ต้องแก้ที่กฎหมาย และกฎระเบียบ เพื่อลดปัญหาดังกล่าว

'ชัยวุฒิ' ทวนความจำ '30 บาท' ยุค พปชร. ตอบโจทย์ อุดรอยรั่ว '30 บาท' ยุครบ.เสียอำนาจ ที่เอาแต่เคลม

'ชัยวุฒิ' ซัด บางพรรคย้อนอดีต เกลียดปฏิวัติ เหน็บ เพราะเสียอำนาจ เย้ย '30 บาท ตายทุกโรค' ทำวุ่น เคลม รัฐบาลปัจจุบัน ปลดล็อกได้

(19 มี.ค.66) ที่สนามกีฬาสมโภชน์ 700 ปี จ.เชียงใหม่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวปราศรัยตอนหนึ่ง ว่า บางพรรคพูดถึงผลงานตัวเองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว พูดแต่เรื่องเก่า เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค สมัยก่อนมีปัญหามากแถวบ้านตนเรียก 30 บาท ตายทุกโรค เพราะโรงพยาบาลและรัฐบาลเจ๊ง เงินไม่พอ กว่าจะแก้ปัญหามาได้เหนื่อยมาก แต่รัฐบาลนี้ทำมาแล้ว ไม่ต้องไปดูป้ายหาเสียงพรรคไหน เพราะ พรรคพปชร.ทำมาแล้ว 

'ปฏิรูปกองทัพ-งบประมาณ-รัฐทหาร' เอาบุคคลไปรวมองค์กร วิบัติ!!

ถ้าจะมองว่า "ปลาเน่าตัวเดียวทำเหม็นท้้งข้อง" ก็คงไม่ผิด!! แต่ถ้ามองว่าปลาเน่าตัวเดียว จะทำให้ปลาทั้งหมดเน่าไปด้วย...มันก็แลดูใจร้ายเกินไปไม่น้อย...
 

'พี่ยุทธ' ยอมใจ!! 'ชัยวุฒิ' ที่สุดแห่งตัวตึงการเมืองไทยช่วงนี้ ยก!! มือฟาดตัวจริงแห่ง พปชร. ไม่หวั่นแม้ทัวร์รอลงทุกซีน

'สรยุทธ' เอ่ยถึงตัวตึง 'ชัยวุฒิ' รองหัวหน้าพรรค (พปชร.) โพสต์คลิปสวนกระแส ชวนลูกชายกินไข่ต้ม ลั่น!! อร่อยดี มีประโยชน์ อาหารที่ไม่มีชนชั้น อยู่อย่างพอเพียง ปอกไข่ต้มกินข้าวคลุกน้ำปลา 

(24 เม.ย.66) สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าว รายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอก โชว์ปอกไข่ต้มกินข้าวคลุกน้ำปลา จากประเด็นร้อน ที่ทำเอา 'คนการเมือง-อินฟูลเอนเซอร์' ฟาดกันเดือด! จากหนังสือวิชาภาษาไทย ป.5 ให้ข้อคิดเรื่องคุณค่าชีวิต ผ่านเรื่อง 'ด.ญ.ใยบัว' กินข้าวคลุกน้ำปลา กับไข่ต้มครึ่งซีก 

โดยในระหว่างการปอกไข่ นายสรยุทธ์ได้กล่าวถึง  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค (พปชร.) ที่ช่วงนี้สามารถหยิบประเด็นสาธารณะมาโพสต์ ได้อย่างไม่กลัวกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องโดนกระแสสังคม พร้อมกันนี้ยังได้วิเคราะห์อีกด้วยว่า นายชัยวุฒิเปรียบเหมือนตัวตึงในวงการการเมืองช่วงนี้ พร้อมยังได้เปรียบเทียบกับพรรครวมไทยสร้างชาติว่ายังไม่มีใครจัดจ้านได้เท่าชัยวุฒิช่วงนี้แล้ว ที่กล้าไม่กลัว หยิบยกประเด็นคุณค่าของจิตใจสวนกระแสดราม่าในสังคม 

นอกจากนี้ นายสรยุทธ์ ยังได้กล่าวว่าถึงประเด็นพอเพียงตามแบบการเรียนการสอน "ใจความสำคัญของคำว่าพอเพียง คือการประมาณตนอย่างพอดี อยู่ที่คุณค่าของจิตใจ" แต่ประเด็นของเรื่องไม่ใช่ความพอเพียงแต่อยู่ที่เรื่อง โภชนาการที่เด็กคนหนึ่งจะได้รับจากการกินไข่แค่ครึ่งซีกกับน้ำปลา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top