Sunday, 5 May 2024
ชวนหลีกภัย

‘ชวน-นิพนธ์’ มอบเงินช่วยเหลือ-ตามติดการเยียวยาชาวมูโนะ วอนหน่วยงานเกี่ยวข้อง ช่วยเหลืออย่าง ‘เป็นธรรม-ทั่วถึง’

(17 ก.ย. 66) นายชวน หลีกภัย สส.พรรคประชาธิปัตย์, นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรประชาธิปัตย์, นายก อบต.มูโนะ, กำนันตำบลมูโนะ, นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก และฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุโกดังพลุระเบิด และโรงเรียนบ้านมูโนะ ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาและเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบ

นายนิพนธ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มาติดตามความคืบหน้าในการดูแลแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวมูโนะ และให้กำลังใจ หลังจากที่ได้ลงมาก่อนหน้านี้ พรรคประชาธิปัตย์ โดยมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้นำเงินมาเยียวยาและมอบผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ซึ่งบัดนี้ระยะเวลาผ่านไปพอสมควร และจากการสอบถามจากท่านนายก อบต. และท่านกำนัน ทราบว่าหลังจากนี้จะต้องมีการติดตามการดูแลเยียวยาให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม และดูแลเกณฑ์ที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะต้องเป็นอย่างรวดเร็ว

นายนิพนธ์ ยังกล่าวอีกว่า เราต้องมองวิกฤตเป็นโอกาส โดยการเปลี่ยนพื้นที่นี้ให้เป็นศูนย์กลางการค้าการขายของมูโนะ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ของมูโนะ จัดวางผังรองรับความเจริญ พร้อมทั้งการจัดการป้องกันน้ำท่วมไปด้วยในคราวเดียวกันเนื่องจากพื้นที่นี้เป็นพื้นที่น้ำท่วมทุกปี

ด้านนายชวน หลีกภัย ได้กล่าวถึงการช่วยเหลือตั้งแต่เกิดเหตุ ว่า ได้ติดตามและขอบคุณในการช่วยเหลือจากทุกระดับที่ลงมาในพื้นที่ทั้งท้องถิ่นและดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย

จากนั้น นายชวน หลีกภัย และคณะได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านโนะ ซึ่งได้รับผลกระทบจากพลุระเบิดเช่นเดียวกัน โดยได้มอบเงินจากมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ให้กับ ผอ.โรงเรียน จำนวน 20,000 บาท และมอบให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตซึ่งผู้เสียชีวิตนั้นเป็นอดีตกรรมการสาขาพรรคประชาธิปัตย์ อีก 20,000 บาท รวมจำนวนเงินที่มอบให้ทั้งสิ้น 230,000 บาท

‘แม่ค้าน้ำมะพร้าว’ ดีใจ!! ได้พบ ‘ชวน หลีกภัย’ ตัวเป็นๆ รีบเข้าสวัสดี นำน้ำมะพร้าวมาฝาก พร้อมถ่ายรูปชูมินิฮาร์ท

(30 พ.ย. 66) ผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานการเมืองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย ที่ อาคารรัฐสภาไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

เจอ FC ยามใกล้ดึก ในปั๊มน้ำมันที่เงียบสงบ..
ระหว่างเดินทางกลับจากฉะเชิงเทรา ปั๊มนี้ไม่มีร้านสะดวกซื้อ และมืดค่ำมาก แม่ค้าขายของต่าง ๆ พากันปิดร้านกลับบ้านกันแล้ว

ท่านชวนกรุณาให้จอดรถให้พวกเราเข้าห้องน้ำ ท่านชวนนั่งรออยู่ในรถ  
ตัวเองออกจากห้องน้ำมาเจอแม่ค้ารายสุดท้ายกำลังเก็บของ....เธอถามว่าในรถนั่นใช่ท่านชวน หลีกภัย ใช่หรือไม่ 

พอบอกว่าใช่....เธอดีใจมากบอกว่าเป็นวาสนาวันนี้ที่ได้เจอท่านชวนตัวจริง ๆ

เลยบอกกับเธอว่า มาไปด้วยกันจะพาไปสวัสดีท่านที่รถ แม่ค้าบอกรอแป๊บ ขอไปเอาน้ำมะพร้าวมาฝากท่านชวนด้วยความดีใจที่จะได้เจอ

เมื่อมาเรียนท่านว่า แม่ค้าดีใจที่ได้พบท่าน ขออนุญาตมาสวัสดีท่านที่รถ ท่านชวนกรุณาลงจากรถมารับน้ำมะพร้าว น้ำใจจากแม่ค้าและสนทนาด้วย โปรดสังเกตมือเธอ มินิฮาร์ท เธอทำเองจากใจ…

ขออนุญาตเผยแพร่ภาพ นายชวน ขวัญใจประชาชน

ที่ในงานศพที่เพิ่งจากมา ถ้าไม่เกรงใจว่ารถติด..ก็คงอีกนานกว่าจะได้ออกมา คนรอทักทายขอถ่ายรูปกับท่านมากมาย^_^

กลับถึงกรุงเทพเรียบร้อยโดยสวัสดิภาพแล้วค่ะเวลานี้

'เดชอิศม์' เละ!! ถูกโซเชียลจับโป๊ะกลางรายการ หลังบอกผู้ใหญ่ใน ปชป.ไม่หนุนโหวต 'มาดามเดียร์'

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.66 นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ปชป. ให้สัมภาษณ์ในรายการคมชัดลึก ประเด็นที่มีความพยายามสกัดกั้นคุณวทันยา บุนนาค หรือ มาดามเดียร์ ไม่ให้ผ่านคุณสมบัติในการลงสมัครหัวหน้าพรรค ปชป. เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา ว่า...

ตนและกลุ่ม สส.ปชป. เกือบทั้งหมดยกมือสนับสนุนมาดามเดียร์ในการลงสมัคร แต่ผู้ใหญ่ในพรรค ปชป. ไม่สนับสนุนมาดามเดียร์ 

อย่างไรก็ตาม ชาวโซเชียลต่างวิจารณ์นายเดชอิศม์ เป็นอย่างมากว่า 'พูดเท็จ' กลางรายการ เนื่องจากมีภาพวิดีโอในวันเลือกหัวหน้าพรรค ปชป. อย่างชัดเจนว่า ผู้ใหญ่ในพรรค ปชป. โดยเฉพาะท่านชวน หลีกภัย เป็นผู้ลุกขึ้นยืนขอเสียงสนับสนุนให้มาดามเดียร์ แต่กลับเป็น สส.กลุ่มนายเฉลิมชัย และ นายเดชอิศม์ รวมถึง นางสาวสุภาพร กำเนิดผล (ภรรยา นายเดชอิศม์) เอง ที่กลับนั่งเฉยก้มหน้าไม่ยกมือให้มาดามเดียร์ลงสมัครหัวหน้าพรรค ทำให้ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์คำพูดที่ไม่เป็นความจริงของเลขาธิการพรรค ปชป. เป็นอย่างมาก

'ชวน' ถาม ‘เศรษฐา' ปมย้าย 'อุเทนถวาย' นักศึกษา ‘เก่า-ใหม่’ จะไปเรียนที่ไหน?

นักศึกษาเก่า-ใหม่จะไปเรียนที่ไหน?! ‘ชวน’ ทวงถามปม ‘อุเทนถวาย’ เตรียมคืนพื้นที่ให้ ‘จุฬาฯ’ ตามคำพิพากษาศาลฯ ด้าน ‘นายกฯ’ รับห่วงปัญหา ‘ศึกวิวาท 2 สถาบัน’ กำชับฝ่ายมั่นคงดูแลเป็นพิเศษ รับปากดูแล-ยกระดับ-จัดหาสถานที่ให้เหมาะสม ขณะที่ ‘รมว.อว.’ เปิด ‘4 พื้นที่รองรับ’ ยันยังเปิดรับนศ.ปี 1 แต่ปรับแผนรองรับไปที่วิทยาเขตอื่น เร่งผนึกหน่วยเกี่ยวข้องจัดทำงบฯ

(8 ก.พ. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสด โดยนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และน.ส.ศุภมาส อิสรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กรณีข้อขัดแย้งระหว่างสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตอุเทนถวาย กับสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันว่า แนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจากแนวความคิดการให้สัมภาษณ์ของน.ส.ศุภมาส เกี่ยวพันถึงนายกฯ ซึ่งตนเคยมีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุน 2 สถาบันนี้ มาตั้งแต่สมัยตนเป็นรมว.ศึกษาธิการ จนตนมาเป็นนายกฯ ก็ได้แก้กฎหมายยกระดับจากที่มีการสอนในระดับปวช. ปวส. มาเป็นการสอนในระดับอุดมศึกษา ตนภูมิใจว่าสถาบันทั้ง 2 นี้เป็นสถาบันหลักของชาติ เป็นผลผลิตด้านการช่างจนถึงระดับวิศวกรให้ประเทศ ทำหน้าที่ให้กับบ้านเมืองตลอด ดังนั้นเราจะต้องไม่ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากคนไม่กี่คน ทำลายชื่อเสียงของสถาบันทั้ง 2

“ปัญหาที่เกิดขึ้นจากคำให้สัมภาษณ์ของ รมว.การอุดมศึกษาฯ ที่ได้มีคำสั่งงดรับนักศึกษาใหม่ อาจจะเพื่อต้องการให้จำนวนนักศึกษาลดน้อยลง เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง 2 สถาบันได้ง่ายขึ้น แต่ผลที่ตามมาคือ สถาบันการศึกษาจะไม่สามารถรับนักศึกษาใหม่ประมาณ 600 คนเข้ามาเรียนได้ จะเป็นการสูญเสีย นอกจากนี้ผมอยากเรียนไปยังนายกฯ ว่าในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีคำสั่งงดรับนักศึกษา ไม่ว่าสถานการณ์ชาติบ้านเมืองจะมีสงครามหรือเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น อย่างมากที่สุดคือ ส่งไปเรียนในที่ที่ไม่มีปัญหา ดังนั้นประเด็นที่รมว.การอุดมศึกษาฯ ให้สัมภาษณ์ไปนั้นทำให้เกิดความสับสนขึ้นพอสมควร แต่หลังจากสมาคมนักศึกษาฯ ยื่นหนังสือเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยต้องเปิดรับนักศึกษาใหม่ รัฐมนตรีจึงเปลี่ยนแปลงคำสั่งว่าสามารถให้อุเทนถวายรับนักศึกษาใหม่ได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องส่งนักศึกษาที่รับไปศึกษาที่อื่น ผมจึงขอถามว่า ตกลงจะรับนักศึกษาใหม่หรือไม่ ต้องไปเรียนที่ไหน และนักศึกษาปี 2 ปี 3 ปี 4 และปี 5 จะต้องไปศึกษาที่ใด นอกจากนี้การย้ายสถานที่ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่อุเทนถวายต้องย้ายออก และคืนพื้นที่ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เตรียมสถานที่ใหม่ รวมถึงงบประมาณแล้วหรือไม่” นายชวน กล่าว

ด้านนายเศรษฐา ชี้แจงว่า ในฐานะที่เป็นพ่อคน ตนเห็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างสถาบันทั้ง 2 ที่มีการทะเลาะวิวาทตีกัน จนส่งผลกระทบไปถึงพ่อแม่ ญาติพี่น้องที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ประสบเหตุ เรื่องนี้เป็นเรื่องสะเทือนใจ รัฐบาลจะให้ความสำคัญต่อไปในการแก้ไขปัญหานี้ที่เรื้อรังมานาน ยืนยันว่ารัฐบาลสนับสนุนในแง่ของการที่สถาบันได้ผลิตบัณฑิตที่ตรงกับสายงานที่มีความต้องการกับแรงงานมาหลาย 10 ปี ให้ประโยชน์กับประเทศอย่างเหลือล้น โดยเฉพาะด้านช่าง ด้านวิศวกร ประเทศเรามีความต้องการสูงจากการที่รัฐบาลต้องเจรจาเพื่อชักชวนต่างชาติมาลงทุน หากไม่มี 2 สถาบันนี้บัณฑิตของเราก็จะไม่ตรงกับสายงานที่ตลาดต้องการ

“จากปัญหาความขัดแย้งของ 2 สถาบันที่อยู่ใกล้กัน เราพยายามจะย้ายวิทยาเขตตรงนี้ ทางรมว.การอุดมศึกษาฯ ได้หารือกับรมช.คลังที่กำกับกรมธนารักษ์ เพื่อจัดหาพื้นที่รองรับที่จะมีการย้ายออกต่อไป ส่วนที่นักศึกษา 2 สถาบันตีกัน เราได้มีการตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุเฝ้าระวังระงับเหตุร้ายในสถาบัน ผมเองก็ได้กำชับฝ่ายความมั่นคง ให้ดูแลเป็นพิเศษ เพิ่มกำลังเป็นพิเศษในวันที่เราคาดการณ์ว่าจะมีการทะเลาะกัน ยอมรับว่า มาตรการเหล่านี้เป็นเพียงมาตรการป้องกัน แต่ไม่ได้แก้ที่วัฒนธรรมความเชื่อของนักศึกษาที่สืบทอดกันมาเป็นค่านิยม ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรายืนยันว่า เป็นค่านิยมที่ผิด ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง เราต้องตัดปัญหาโดยการย้ายสถานที่ ลดการกระทบกระทั่ง ปรับลดค่านิยมรุ่นพี่แกนนำปลูกฝังรุ่นน้อง ตัดวงจรวัฒนธรรมที่ไม่ถูกต้อง ก็จะได้กำชับให้กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ดำเนินการต่อไป” นายกฯ กล่าว

ขณะที่ รมว.การอุดมศึกษาฯ ชี้แจงประเด็นที่มีการงดรับนักศึกษาใหม่ของอุเทนถวายว่า ยืนยันว่าอุเทนถวายยังคงเปิดรับนักศึกษาใหม่เหมือนเดิม แต่ให้มีการบริหารจัดการการเรียนการสอนให้สอดรับกับแผนการย้ายไปยังสถานที่ใหม่เพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฯ ที่จะต้องย้ายออก และคืนพื้นที่ให้จุฬาฯ และเปิดรับนักศึกษาใหม่ในวิทยาเขตอื่นๆ แทน ซึ่งทางอุเทนถวายได้ทำแผนการย้ายเข้าที่ประชุมที่มีตนเป็นประธาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และมีข้อเสนอร่วมกันให้อุเทนถวายย้ายสถานที่ไปยัง 1.วิทยาเขตบางพระ จ.ชลบุรี 2.วิทยาเขตจักพงษภูวนารถ ถนนวิภาวดีรังสิต กทม. 3.พื้นที่ที่มีผู้ที่สนใจจะบริจาคให้ บริเวณมีนบุรี และ 4.พื้นที่ราชพัสดุ ในจ.สมุทรปราการ ขณะที่ในเรื่องงบประมาณ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ประสานกับอุเทนถวายจัดทำรายละเอียดในการจัดทำคำของบฯ และประสานสำนักงบประมาณเพื่อให้ความช่วยเหลือสนับสนุนด้านต่างๆ รวมถึงประสานกับจุฬาฯ ในด้านการจัดการศึกษา รวมถึงการชำระค่าเสียหายจากการขนย้ายสถานที่อีกด้วย

ขณะที่นายกฯ ลุกขึ้นกล่าวอีกครั้งว่า ตนขอบคุณนายชวน ที่ได้ย้ำให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาไทย ยืนยันว่า รัฐบาลต้องการยกระดับการศึกษา และจะพยายามจัดหาสถานที่เรียนอย่างเหมาะสม ที่ผู้ดูแลโดยกรมธนารักษ์ ซึ่งตนในฐานะรมว.คลัง จะรับไปดูให้เป็นพิเศษ ตนขอขอบคุณทุกข้อเสนอแนะ และข้อเตือนใจทุกข้อ

'ชวน' สะบัดใบมีดโกน กรีด 'ทักษิณ' เลือดสาด ชี้!! หายป่วยเป็นเรื่องดี จะได้มารับกรรมที่ทำไม่ดีไว้

(4 เม.ย.67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2

โดย นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายว่า ต้องขอชี้แจงก่อนว่าที่ตนลุกขึ้นมาอภิปราย ไม่ใช่ว่าประสงค์จะพูดเพื่อให้เห็นใจ เพื่อที่เที่ยวหน้าจะได้เลือกพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น แต่อยากให้ประชาชนติดตามรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา ประชาชนเลือกอย่างไรมา เราก็จะได้ผู้แทนอย่างนั้น และจะมีรัฐบาลอย่างนั้น ถ้าเราเลือกคนซื้อเสียง เลือกคนโกงมา เราจะได้รัฐบาลโกง เพราะเสียงข้างมากมาจากสภาผู้แทนราษฎร

นายชวน อภิปรายถึงเรื่องราคายางพารา ว่า ตนโตมากับสวนยาง และรู้สึกดีใจที่เรายากลำบากมากับยางพารามาก เพราะราคาตกมาหลายปี ตนเป็นหนึ่งในคนที่ดิ้นรนในเรื่องนี้มากกว่าทุกคน เรียกร้องไปยังรัฐบาลทุกชุด เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาราคาปัญหายางฯ ตกต่ำ แต่ขณะนี้มีคนปลูกยางแล้ว 69 จังหวัด กว่า 1,700,000 ครัวเรือน เมื่อวันนี้ราคายางฯ ขึ้น ก็เป็นเรื่องน่าดีใจ ตนขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยสนับสนุน แต่ว่าราคายางฯที่ขึ้น มันอยู่ที่อุปสงค์อุปทาน หรืออยู่ที่การควบคุมโดยการตรวจจับยางฯ เถื่อน ถ้าเป็นจริงได้อย่างนี้ก็ดีมาก

"แต่ในโลกความเป็นจริงของยางพารา วันหนึ่งเมื่อการเปลี่ยนแปลงไป ผลผลิตยางอาจจะเพิ่มขึ้น และวันหน้าเมื่อยางราคาตก รัฐบาลก็จะโดนตำหนิอย่างหนักว่าหลอกชาวบ้านว่าปราบยางเถื่อนแล้วยังจะราคาขึ้นตลอดไป ตรงนี้คือสิ่งแรกที่อยากจะให้รัฐบาลทบทวนความเข้าใจโดยเฉพาะชาวสวนยางทั่วประเทศ" นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวต่อว่า ตนมีคำถามไปยังนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1.ราคายางฯ จะดีอย่างนี้ตลอดไปใช่หรือไม่ โดยไม่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์ อุปทานในอนาคต 2.โดยความเชื่อส่วนตัว เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น คืออุปสงค์ อุปทาน ไม่ต้องสมมติว่าวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อมันเปลี่ยนแปลงด้วยผลผลิตและความต้องการที่ทำให้ยางราคาตกลงรัฐบาล รัฐบาลมีแนวทางป้องกันหรือไม่ ว่าราคายาง ต้องให้ราคาที่ชาวบ้านอยู่ได้ด้วยราคาไม่ต่ำกว่าเท่าไหร่ รัฐบาลที่แล้วมีประกันรายได้โดยกำหนดราคายางดิบกิโลกรัมละ 60 บาท หากต่ำกว่า 60 บาท จะมีการชดเชยใช้เงินเป็นหมื่น ๆ ล้าน ตนจึงฝากสองคำถามเพื่อทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นกับชาวสวนยางทั่วประเทศ

"เมื่อนายกรัฐมนตรีมีความเห็นต่างออกไปโดยเชื่อว่าการปราบยางเถื่อน นั้นคือเหตุผลที่ทำให้ยางราคาขึ้น ผมเชื่อว่าความเชื่อนั้นน่าจะไม่รอบคอบ น่าจะผิดพลาด เพราะจริง ๆ ถึงอย่างไรก็หนีความจริงในทางเศรษฐศาสตร์ไปไม่พ้นคืออุปสงค์อุปทาน" นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวต่อว่า ขณะที่การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด ปัญหาภาคใต้ต้องเป็นปัญหาที่ห่วงใยชีวิตไม่ว่าจะทั้งชาวไทยพุทธ หรือมุสลิม เราอยากจะรู้ว่า เหตุเป็นอย่างไร หรือรุนแรงอย่างไร ต้องดูข่าวพระราชสำนัก เพราะเราเห็นผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นตัวแทนพระองค์ไปมอบสิ่งของ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงไม่ทรงทอดทิ้ง บรรดาพี่น้องประชาชนทั้งชาวพุทธ ชาวมุสลิม และข้าราชการทุกระดับที่ต้องเสี่ยงต่อชีวิตและต้องสูญเสียอยู่ตลอด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่จากเมื่อปี 2544 ที่รัฐบาลสมัยนั้นปกครองอยู่ มีนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภาคใต้ด้วยวิธีการจัดการเพียง 12 เดือนก็หมด พูดง่ายๆ คือ ฆ่าทิ้งซะ ด้วยความเชื่อว่ามีหัวโจกไม่เกิน 17 - 18 คน แต่มาถึงปัจจุบันนี้ เหตุการณ์ไม่ได้จบ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลนี้ต้องหยิบยกขึ้นมาว่า ถ้าชีวิตคนมีค่าต้องทบทวนโดยละเอียดว่าเราจะมีมาตรการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไรในพื้นที่ที่เป็นด้ามขวานของเรา

"หากไม่มีเหตุร้ายนั่นคือด้ามขวานทองของเรา แต่เพราะความไม่สงบจึงทำให้ที่นั่นมีข้อแม้ ชาวบ้านก็รายได้ตกต่ำกว่าที่อื่น แต่ถ้ารัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนว่าเราจะทำอะไรก็ตามในทางที่จะป้องกัน เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาในภาคใต้ดีขึ้น" นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการก่อเหตุในพื้นที่เกือบ 50 ครั้ง นายกฯ ให้สัมภาษณ์ในวันต่อมาว่า รับทราบ แต่เหตุการณ์ดีขึ้น และได้โทรศัพท์ไปหา นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จึงอยากถามนายกฯ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายใน หรือเรื่องระหว่างประเทศ และขอถามว่านายกฯ มาเลเซีย แนะนำ หรือเสนออย่างไรบ้าง

นายชวน กล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ตนขอชื่นชมผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ท้วงติงนโยบายดังกล่าว เพราะผู้ว่าฯ ธปท.ไม่ใช่นักการเมือง จึงไม่เกี่ยวกับเรื่องคะแนนเสียง แต่เป็นความคิดที่หวังดีกับประเทศชาติ

นายชวน กล่าวต่อว่า ส่วนนายกฯ เมื่อเป็นนายกฯ อย่าคิดว่าไปลงพื้นที่แล้วต้องถามว่า มี สส.เพื่อไทย อยู่หรือไม่ แต่เป็นหน้าที่นายกฯ ต้องไป อย่าทวงบุญคุณ เพราะคือหน้าที่ นายกฯ อยู่แล้ว ที่นายกฯ เคยบอกว่ามีผู้นำบางคนพูดว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ นายกฯ ไปเอามาจากไหน ตนไม่เคยพูด ตนพูดในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ว่าภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติ คนที่เลือกปฏิบัติเขาไม่ได้ทำโดยแอบทำ แต่เขาพูดตรงไปตรงมาว่าเมื่อเราได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเรา ก่อนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ถ้านายกฯ ไม่รู้ว่าคนที่พูดคือใคร ตนจะบอกให้ว่าคนที่พูดคือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายทักษิณ ไม่ได้แอบพูด แต่ประกาศตรง ๆ นี่คือการเลือกปฏิบัติ

ทำให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า ขอความกรุณาอย่าเอ่ยถึงคนนอกที่ไม่มีสิทธิ์ชี้แจง เพราะเรื่องนี้กระทบกับคนนอก ขอให้ระมัดระวัง ที่เอ่ยชื่อถึงอดีตนายกฯ ในทางเสียหาย ว่าพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการเลือกปฏิบัติ ซึ่งไม่เป็นความจริง ขอให้อภิปรายอยู่ในกรอบการพิจารณาของเรา โดย นายชวน จึงตอบกลับว่า "ไม่มีใครอยู่ในกรอบเท่าผม"

จากนั้น นายชวน จึงกล่าวต่อว่า ตนขอชี้แจงต่อนายกฯ ว่า นายกฯ เข้าใจผิด ตนไม่เคยพูดว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ แต่ตนพูดว่าภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติ และขอความเป็นธรรมให้กับภาคใต้ และขอให้ชดเชยให้ ตนไม่ใช่คนที่พูดพล่อย ๆ หรือบ้าน้ำลายรายวัน พูดอะไรต้องเป็นเรื่องจริง และรับผิดชอบ

นายชวน กล่าวด้วยว่า ส่วนนโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้ว่า จะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นที่ยอมรับกับนานาประเทศ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกรณีนักโทษ การที่คนป่วยหายป่วย เป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าใครก็ตาม เขาจะได้มีชีวิต เป็นขวัญใจให้กับลูกหลานต่อไป จะได้มีโอกาสมาชื่นชมผลงาน และรับกรรมที่ทำไม่ดีเอาไว้ ขณะที่เรื่อง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ปี 2560 ไม่ว่าจะออกในสมัยใด ตนไม่ตำหนิ แต่ปัญหามันมีเพียงว่าแต่ละข้อได้มีการปฏิบัติตามนั้นหรือไม่ นี่คือประเด็น และรัฐบาลซึ่งเป็นตัวหลักที่จะทำให้นิติธรรมเกิดขึ้น แต่ก็ปล่อยปละละเลยไม่ให้กฎเกณฑ์กติกาความถูกต้อง ความเสมอภาค ความชอบธรรม หรือการไม่เลือกปฏิบัติเกิดขึ้น

"คำถามคือ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น รัฐบาลจะดำเนินการกับ สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร ไม่เกี่ยวกับคนป่วย แต่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ แต่หากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ รัฐบาลที่เป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่รัฐ จะดำเนินการอย่างไร ผมคิดว่าเราจะให้ประชาธิปไตยไปได้ดี ไม่ว่าฝ่ายใด ต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง ถ้าเราเลือกปฏิบัติความสุขของประชาชนไม่เกิดขึ้น ที่ผมพูดเรื่องนี้ เพราะมีสิ่งที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนต้องยอมรับคือถ้าเราต้องการให้ประชาชนของเรามีความสุข เราต้องทำให้ความยุติธรรมเกิดขึ้น ถ้าเราไม่รักษาความยุติธรรมความสุขของประชาชนไม่เกิดขึ้น คำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวของในหลวงที่เคยรับสั่งไว้" นายชวน ระบุ

‘สาทิตย์’ รับ!! สะพัด ‘ชวน’ ชวดลงสมัคร สส. หนาหู ชี้!! หากเป็นจริง กระทบความนิยม ปชป.ภาคใต้แน่

(12 เม.ย. 67) ที่บ้านวงศ์หนองเตย ถ.เทศบาล 5 อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ 7 สมัย และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรัง เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวที่มีการพูดกันหน้าหูในคนใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันว่า คุณชวน หลีกภัย จะไม่ได้ลงสมัคร สส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ เรื่องนี้นายสาทิตย์ กล่าวว่า ก็หนาหูมาก ซึ่งตนเองก็ไม่สามารถไปตอบคำถามอะไรได้ เพราะเราไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับท่านชวน ถ้าเกิดท่านอยากจะลงแต่ว่าด้วยเหตุผลกลใดที่ไม่ได้ลง ตนมองว่ามีผลกระทบต่อความนิยมต่อพรรคประชาธิปัตย์ใน จ.ตรัง และภาคใต้แน่นอน เพราะต้องตอบให้ได้ว่าท่านทำผิดอะไร ที่กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ตัดรายชื่อนายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นทั้งอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเคยเป็นนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ออกจากผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งหน้า

ในส่วนการเมืองท้องถิ่น ที่มีกระแสข่าวว่าตนเองมีความสนใจนั้น จริง ๆ ตนเองสนใจเรื่อง อบจ.ตรัง หลายครั้งที่มีส่วนเข้าไปช่วยหาเสียงตั้งแต่ยุคสมัย นายกิจ หลีกภัย อดีตนายก อบจ.ตรัง พี่ชายนายชวน หลีกภัย ลงรับสมัคร เพราะตนมองว่า อบจ.เป็นจักรกลใหญ่ ที่เป็นตัวแทนคนตรังในการพัฒนาจังหวัด ครั้งที่แล้วนายสาธร วงศ์หนองเตย น้องชายตน ลงสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.ตรัง แต่ด้วยรัฐธรรมนูญ ตนไปช่วยหาเสียงไม่ได้ ก็น่าเสียดาย เลยได้ อบจ.ชุดใหม่มา ตอนนี้เป็นความกังวลมีการพัฒนามา 3 ปีกว่าแล้ว แต่ตรังเรายังไปไม่ถึงไหนเลย และตามที่ อบจ.ตรัง ประกาศนโยบายเอาไว้ตั้งหลายข้อ ก็ยังมีคนถามว่าทำครบหรือยัง นอกเหนือจากถนนหนทางที่ทำกันไปทุกที่ โดยภาพรวมเราเทียบ จ.ตรัง กับจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.กระบี่ โกอินเตอร์ เป็นจังหวัดท่องเที่ยวติดอันดับโลก ขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าตรัง อบจ.เขามีบทบาทสูงมากในการพัฒนาขึ้นมาได้ขนาดนี้ ส่วน จ.พัทลุง เขาไม่มีทะเลแต่ทุกวันนี้หาตัวตนพบ คน จ.ตรัง ขับรถพาพ่อแม่ลูกเมียไปเที่ยว จ.พัทลุง แล้ว จ.ตรัง เรามีจุดขายอยู่แค่เพียงชายหาดปากเมง ในส่วนแลนด์มาร์คอื่น ๆ ระยะเวลา 3 ปีกว่าตนยังไม่เห็นว่า อบจ.ตรัง จะทำให้ตรังเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศหรือทั่วโลก ส่วนเกาะกระดานนั้นมีอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวมาเที่ยวอยู่แล้ว

ถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนตัวผู้บริหาร อบจ.ตรัง ที่มีวิสัยทัศน์ มองไปข้างหน้า ทำให้ตรังเศรษฐกิจเติบโต เพราะศักยภาพเรามีเยอะ มีทั้งทะเล ป่าไม้ ภูเขา มีทั้งประวัติศาสตร์ ของกิน อาหารที่โด่งดัง แต่เหมือนว่าเราไปไม่ถึงไหนสักที มันเป็นเพราะกลไกของ อบจ. ของจังหวัด ไม่ได้จับมือกัน ไม่ได้ตั้งใจทำให้ตรังนั้นเติบโตหรืออย่างไร ตนคิดว่าที่สนใจคือใครจะมาลง ถ้ามีคนดีมาลงแล้วตนเห็นว่ามีแนวคิดที่ดีทำให้เศรษฐกิจตรังมันก้าวหน้า และเป็นการทลายการเมืองอิทธิพลในตรังตนจะสนับสนุน ซึ่งตนเองยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะลงด้วยตัวเอง ตอนนี้ก็พยายามกับพรรคพวกหลายฝ่ายหลายกลุ่มเฟ้นหาตัว หรือพยายามสดับรับฟังว่าใครที่จะสมัครลงเป็นนายก อบจ.ตรังบ้าง ก็บอกว่าถ้าเจอคนที่ดี ตั้งใจ มีวิสัยทัศน์ ทำให้ตรังเติบโตก้าวหน้าเศรษฐกิจดีขึ้น ชาวตรังอยู่ดีกินดีตนพร้อมที่จะสนับสนุน

ส่วนตัวหลังลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ยังไม่ได้คิดจะวางมือ ก็ยังอยู่ในแวดวงการเมือง ตั้งใจจะทำหน้าที่เป็นนักการเมืองของประชาชนต่อไป แม้จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังพูดคุยกับ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณกรณ์ จาติกวณิช และอีกหลายคน ต่างก็มีความเห็นร่วมกันว่า การเมืองยุคนี้เป็นการเมืองยุคฮั้วข้ามค่ายข้ามพรรค เป็นไปได้อย่างไรที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม นิยมทหารกับระบอบทักษิณจับมือกันตั้งรัฐบาล ซึ่งลักษณะนี้มันมีความรู้สึกว่ามันเหมือนกับมีดีลลับจริง ๆ แล้วก็ถ้ามีลักษณะแบบนี้ภาพที่เราเห็นก็คือมีความพยายามที่จะทำให้ฝ่ายค้านมีบทบาทน้อยที่สุด อย่างที่คุณทักษิณ เคยทำมาสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 หรือจะเป็นครั้งแรกก็ตาม

เพราะฉะนั้นข่าวเรื่องยุบพรรคก้าวไกล ข่าวเรื่องจะดึงพรรคประชาธิปัตย์ ไปเป็นรัฐบาล ก็สะท้อนให้เห็นเจตนาของรัฐบาล ซึ่งตนเชื่อว่าคนที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลก็คือคุณทักษิณ ที่พยายามทำให้ฝ่ายค้านอ่อนแอ คนที่เสียประโยชน์คือประชาชน เพราะจะกลายเป็นว่าชนชั้นอภิสิทธิชน ประสานผลประโยชน์กันได้แล้วก็ฮั้วจับมือกัน พรรคประชาธิปัตย์เองถูกชวนไปร่วมรัฐบาลก็ไม่เห็นปฏิเสธอย่างแข็งขัน ฝ่ายค้านเองกรณีคุณทักษิณไม่ติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว ตนก็ไม่เห็นว่าจะทำหน้าที่อย่างแข็งขันในสภา ก็มีแต่ คุณสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา พูดชัดเจนมากเรื่องการปกป้องระบบนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศ เพราะฉะนั้นกลุ่มของเราก็คิดว่าถ้าการเมืองยังฮั้วกันอยู่แบบนี้ ประชาชนก็ยังจะถูกหลอกอยู่ร่ำไป

หากถามว่าคิดอย่างไรกับพรรคก้าวไกลในภาคใต้ ตนมองว่าเลือกตั้ง ปี 66 ที่ผ่านมา พื้นที่ภาคใต้ก้าวไกลมาเป็นที่ 1 ส่วน จ.ตรัง พรรคก้าวไกลคะแนนก็มาเป็นอันดับ 1 สะท้อนความรู้สึกของคนอยู่หลายทางเหมือนกันว่าอาจจะเห็นว่าพรรคการเมืองอื่นไม่สามารถเป็นที่พึ่งหวังได้ ก็มีแต่พรรคก้าวไกลเป็นที่พึ่งหวังมีความตั้งใจที่จะทำหลายเรื่องกระแสก้าวไกลยังดีอยู่ ตนมองว่ากระแสในตอนนี้ก็ยังดีอยู่ และเชื่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า ในภาคใต้รวมทั้ง จ.ตรัง พรรคก้าวไกลจะกวาดไปได้หลายที่นั่ง 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top