Tuesday, 14 May 2024
กระทรวงยุติธรรม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบนโยบายให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนขับเคลื่อนการปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน ต่อการคืนเยาวชนหลักการ "การสร้างคน ให้คนกลับมาสร้างชาติ"

วันที่ 16 มกราคม 2567 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดี-รังสิต เขตหลักสี่ กทม. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เกียรติร่วมโครงการและ "มอบนโยบายการบริหารและขับเคลื่อน กระทรวงยุติธรรมเข้าสู่ยุค "ความ ยุติธรรมสำหรับทุกคน หรือความ ยุติธรรมนำประเทศ" ในโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ "การมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 " โดยมี พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจฯ พร้อม ด้วยรองอธิบดีฯ และผู้เข้าร่วม โครงการฯ จำนวน 144 คน ให้การต้อนรับและร่วมรับฟังนโยบายฯ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกรมพินิจฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบนโยบาย และแนวทางในการปฏิบัติราชการของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 

สามารถนำไปถ่ายทอดให้กับผู้ปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของกรมไปในทิศทางเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า "กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นกรมที่สร้างอนาคตให้กับประเทศไทย 

ท่านทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนที่ก้าวปกครองของเด็กและเยาวชนที่ก้าวพลาด ซึ่งแน่นอนว่าการสร้างย่อมดีกว่าการซ่อม แต่ถ้าท่านสามารถซ่อมแซมเด็กและเยาวชนคนหนึ่งได้ก็เท่ากับท่านได้สร้างคนที่มีคุณภาพกลับคืนสู่ประเทศชาติเพื่อกลับมาพัฒนาบ้านเมืองของเรา ขอฝากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนว่าในพลวัตที่บ้านเมืองของเรามีความเปลี่ยนแปลงไป เราจะทำอย่างไรให้สถานพินิจฯ ที่เราอยู่นี้ให้เป็นสถานที่ที่มีคุณค่า เปลี่ยนมนุษย์จากที่ไม่รู้...ให้รู้ เปรียบเหมือนกับการช่วยเหลือคนจน หรือคนเจ็บป่วย หรือคนที่ตกทุกข์ได้ยากก่อนและอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือท่านต้องยึด โยงกับชุมชนให้ได้ เพราะ  อบต.ทุกแห่งก็มีการเชื่อมโยงกับระบบการศึกษา ฉะนั้นเราเป็นเหมือนพ่อแม่ที่ไม่ใช่แค่สอนเรื่องการศึกษาแต่เราต้องสอนให้เขาได้เรียนรู้ชีวิตด้วย 

ขอให้ท่านรักและศรัทธาในงานของท่าน เพราะสิ่งที่ยากคือการบูรณะกล่อมเกลาเขาให้ไม่กลับมากระทำผิดซ้ำ ฉะนั้นงานของท่านจึงเป็นงานที่มีคุณค่ามาก เราต้องให้คนกลุ่มนี้กลับมาพัฒนาสังคม และกระทรวงยุติธรรมยังมีอีกหน้าที่หนึ่งคือ "การสร้างคน...เพื่อให้คนกลับมาสร้างชาติ" และขอฝากทุกท่านในเรื่องของการสื่อสารและสร้างความเข้าใจให้กับสังคมในภารกิจงานของกรมพินิจฯ และกระทรวงยุติธรรมและช่วยกันนำความยุติธรรมไปสู่ทุกชุมชนต่อไป"

กาฬสินธุ์รมว.ยุติธรรมลุยปราบยาเสพติดโชว์ยุทธการเด็ดปีกนักค้าอีสานเหนือ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานด้านการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ขณะที่ตำรวจภูธรภาค 4 แถลงผลเปิดปฏิบัติการไล่ล่า(เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252 

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานด้านการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์

โดยช่วงเช้าเวลา 09.30 น.ได้ตรวจเยี่ยมเรือนจำ จ.กาฬสินธุ์ รับฟังผลการดำเนินงานปัญหา อุปสรรค และมอบนโยบายแก่ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยรองผวจ.กาฬสินธุ์ นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 นายพลากร  พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 2 นายจำลอง ภูนวนทา ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 3 นายทินพล ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกอบจ.กาฬสินธุ์ นายจิรวุฒิ ปัญญาสวัสดิ์ ผบ.เรือนจำ จ.กาฬสินธุ์ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

จากนั้นเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.พรชัย มาหลิน รองแม่ทัพภาคที่ 2, นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.กาฬสินธุ์ , พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย  ผบช.ภ.4 , พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 นายพลากร  พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 2 พร้อมด้วยรองผบช.ภ.4  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจาก 12 จังหวัดอีสานเหนือ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการไล่ล่าเด็ดปีก นักค้าอีสานเหนือ 252 "No Place for Drug"(NPD.P.4) ของตำรวจภูธรภาค 4 

โดยมีการบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง กองทัพภาคที่ 2 สาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และตำรวจภูธรภาค 4 ทั้ง 252 สถานี มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ทั้งปูพรม สืบสวนขยายผล จากผู้เสพนำไปสู่ผู้ค้ารายย่อย ออกหมายจับนักค้า 381 ราย ตรวจค้นเป้าหมายบุคคลตามหมายจับค้างเก่า 400 หมาย จับกุม ยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์สินนักค้ารายย่อยทุกราย สามารถจับกุมนักค้าได้ถึง 309 ราย ตรวจค้นจับกุมหมายจับค้างเก่าได้ 43 ราย ของกลางยาบ้า 1,418,412 เม็ด, ยาไอซ์ 0.62 กิโลกรัม ยึดและอายัดทรัพย์สิน 1,318 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 171,605,208 บาท

จากนั้นเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะได้ร่วมประชุมติดตามผลการดำเนินงานด้านการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และมอบนโยบายแก่หน่วยงานบูรณาการและสร้างการรับรู้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้แก่ นายอำเภอทุกอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแกนนำอาสาสมัครกลุ่มต่างๆ ที่หอประชุมศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 6 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

นอกจากนี้ในช่วงเวลา 14.30 น.ยังได้เข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน ตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ ที่หอประชุมโรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลกมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อค้นหา และนำผู้เสพยาเสพติด เข้าสู่กระบวนการบำบัดโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน (CBTx) เพื่อคัดแยก/คัดกรองผู้ป่วยจิตเวชที่เกิดจากการใช้ยาเสพติดตามกลุ่มสี เข้าสู่กระบวนการบำบัดโดยแพทย์ โดยใช้รูปแบบ “หัวโทนโมเดล” เพื่อกวาดล้าง จับกุมผู้ค้ายาเสพติด ในตำบลเป้าหมาย 100 ตำบลอย่างเด็ดขาด ให้เป็น “ตำบลสีขาวปลอดยาเสพติด” เพื่อให้เกิดการบูรณาการในการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่เป้าหมาย และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนในชุมชนอยู่อย่างปกติสุข

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ต่อไปนี้การป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดจะต้องครบทุกมิติ ซึ่งรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศนโยบาย และเปิดปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดให้ได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 1 ปี ถือเป็นนโยบายเร่งด่วน โดยการปลุกชุมชนให้เข้มแข็ง เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย ปราบปรามและยึดทรัพย์นักค้า และในส่วนการปฏิบัติการไล่ล่า(เด็ดปีก)นักค้าอีสานเหนือครั้งนี้ ถือเป็นการนำร่องเดินหน้าปราบปรามนักค้ายาเสพติด เพราะภาคอีสานมีชายแดนที่ยาว มีการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามามากจะต้องเร่งดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ต้องขอชื่นชมทุกภาคส่วนและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งกำชับให้ช่วยกันเดินหน้าที่แก้ปัญหายาเสพติดให้หมดสิ้นไป

‘พีระพันธุ์’ ปัดตอบ!! คุม ก.ยุติธรรม ใช้ภาพลักษณ์การันตี ‘คดีทักษิณ’

(13 ก.พ. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กรณีการได้รับแบ่งงานมาคุม กระทรวงยุติธรรม และรักษาการแทน รมว.ยุติธรรม โดยถูกจับตามองว่า เป็นการเอาภาพลักษณ์มาการันตีคดีของ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ ซึ่งนายพีระพันธุ์ ตอบว่า "ต้องไปถาม กระทรวงยุติธรรม ไม่เกี่ยวอะไรกับผม" ก่อนเดินขึ้นตึกบัญชาการ 2 เดินผ่านทางเชื่อมไปประชุม ครม. ที่ตึกบัญชาการ 1

25 มีนาคม พ.ศ. 2434 ‘ในหลวง ร.5’ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จัดตั้ง ‘กระทรวงยุติธรรม’ ปรับโฉมระบบยุติธรรมไทยให้ทันสมัย - แก้ปัญหาพิจารณาคดีล่าช้า

ประเทศสยามในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 บ้านเมืองเกิดปัญหาต่าง ๆ มากมายในกระบวนการพิจารณาคดีความ ทำให้การอำนวยความยุติธรรมเป็นไปอย่างยากลำบาก จนนำไปสู่วิกฤตทางการศาลขึ้น โดยสาเหตุหลักมาจาก 

1. ความไม่เหมาะสมของระบบการศาลเดิมที่ขึ้นตามกระทรวงต่าง ๆ ทำให้เกิดความล่าช้าสับสน

2. ความไม่เหมาะสมของวิธีพิจารณาความแบบเดิม ที่มีวิธีการพิจารณาและพิพากษาคดี รวมถึงขอบเขตการลงโทษที่ไม่เหมาะสม

3. ความบีบคั้นจากต่างประเทศในด้านการศาล สืบเนื่องมาจากการมีสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของชาวต่างชาติ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความมั่นคงในเอกราชของไทย

ด้วยเหตุนี้ เพื่อให้ระบบยุติธรรมในสยามมีประสิทธิภาพ มีความเหมาะสม และสามารถบังคับใช้ได้แก่ประชาชนทั่วไปในสยาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศจัดตั้งกระทรวงยุติธรรมขึ้น เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2434 โดยมีการรวบรวมศาลต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายเข้ามาในระบบภายใต้การควบคุมของกระทรวงยุติธรรม และกำหนดรูปแบบวิธีพิจารณาและพิพากษาคดีขึ้นใหม่อีกด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top