Tuesday, 14 May 2024
กระทรวงยุติธรรม

นราธิวาส-ชาวนราธิวาส 300 คน ต้อนรับคณะ รมว.ยุติธรรมในโอกาส เยือน นราธิวาสครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม - ว่าทีเลขาศอ.บต.ร่วมคณะ

บรรยากาศ บริเวณ ท่าอากาศยานนราธิวาส บ้านทอน ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ประชาชน จากจังหวัดนราธิวาส  กว่า 300 คน ต้อนรับ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมกล่าวต้อนรับเป็นภาษามลายู สือลามัตดาตัง ( ยินดีต้อน) อีกทั้งยัง มีเสียง ชื่นชมที่ไม่เคยลืมชาวนราธิวาส  

ในโอกาสนี้ มีคณะผู้ติดตาม รมว.ยุติธรรม ประกอบด้วย นายกูเฮง ยาวอหะชัน เลขานุการ รมว.ยุติธรรม นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน (ว่าทีเลขาธิการ ศอ.บต.) นายเสกสรร สุขแสง ผู้ตรวจการราชการกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมบังคับคดี นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตรรองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายเฉลิมชัย บัวจันอัด หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมบังคับคดี นายธวัช เอียดพิมพ์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสงขลา ประธานเขต 9 แทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายรัชพล ปาละกูล ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 แทนเลขาธิการปปส. นายจีระพันธุ์ มาชาวป่า นักนิติวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ นิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนใต้ (สนว. แทนผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมเดินทางลงพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส จากนั้นรมว.ยุติธรรม ได้นำคณะเดินทางไป มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา กรณีโกดังพลุระเบิด อำเภอมูโนะ จังหวัดนราธิวาส  ภายใต้กิจกรรม คุ้มครองคน คุ้มครองสิทธิ เพื่อสร้างวิถีชีวิตแห่งความเป็นธรรม จำนวน 346 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,241,888 บาท 

นอกจากนี้ ยังมี ข้าราชการ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงจาก ศอ.บต. ร่วมให้การต้อนรับ คณะรมว.ยุติธรรมและ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน (ว่าทีเลขาธิการ ศอ.บต.) ในฐานนะเยือนพื้นที่เป็นครั้งแรก

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประชุมแม่ทัพภาคที่2-ป.ป.ส.-ดีเอสไอ บูรณาการทุกหน่วยงาน ร่วมมือแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ

วานนี้ (18 ตุลาคม 2566) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมประชุมและหารือข้อราชการระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและ พล.ท. อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 ในการดำเนินการร่วมกันเรื่องการดำเนินการของ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ อาคารกระทรวงยุติธรรม

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หารือและแลกเปลี่ยนกรอบแนวคิด สภาพปัญหา และแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล โดยปัญหาเรื่องยาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยที่ต้องแก้ไขปัญหาให้ลดน้อยลงและหมดไป ปัญหายาเสพติดนั้นมีหลายมิติ หากทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจกันจะเป็นจุดเริ่มต้นในการขจัดปัญหานี้ออกไปจากสังคมไทย

“ตั้งเป้าปัญหาการนำเข้ายาเสพติดให้เป็นศูนย์” พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังกล่าวด้วยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประกาศแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมย้ำทุกหน่วยงานต้องร่วมมือแก้ไขปัญหา บังคับใช้กฎหมายยาเสพติดอย่างจริงจัง และมีประสิทธิภาพ 

ที่ประชุมยังได้หารือถึงการแก้ปัญหาร่วมกัน 3 ข้อ คือ 1.) นโยบายแก้ปัญหายาเสพติดที่เข้มแข็ง 2.) การตั้งงบประมาณที่สอดคล้องกัน และ 3.) การประสานงานที่เข้มแข็ง โดยมีเป้าหมายคือ สกัดกั้นยาเสพติดในรูปแบบมิติใหม่ ที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร ท้องถิ่น และประชาชน เข้าร่วมด้วยกัน โดยภายใน 1 ปี ต้องให้เห็นผลจากการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดงานชักพระที่จังหวัดยะลา

เมื่อวานนี้ (30 ตุลาคม 2566) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณีชักพระประจำปี 2566 ซึ่งเทศบาลนครยะลาจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 30 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา โดยมีนายอำพล พงศ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา รอง ผวจ.ยะลา ผู้บริหารเทศบาลนครยะลา ตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ประเพณีชักพระเป็นประเพณีที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น ได้รับการสืบทอดมาแต่บรรพบุรุษและสืบสานมาจนถึงปัจจุบัน ทราบว่าจังหวัดยะลาได้จัดกิจกรรมประเพณีชักพระมาอย่างต่อเนื่องโดยเทศบาลนครยะลาเป็นหน่วยงานหลัก มีหน่วยงานภารรัฐและเอกชนสนับสนุนการจัดกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ทำให้พี่น้องชาวจังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมกันสืบสานประเพณีอันดีงาม ก่อให้เกิดความรักความสามัคคีของผู้คนในชุมชน ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เป็นการสร้างความเชื่อมั่น เสริมความมั่นใจ และเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชน ไม่ว่าไทยพุทธหรือมุสลิม ให้สามารถดำรงชีวิตภายใต้สังคมพวัฒนธรรมตามอัตลักษณ์ของตนในทุกศาสนา

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า มีความยินดีอย่างยิ่งในการให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมประเพณีชักพระในครั้งนี้ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับพี่น้องประชาชนในการสืบสานประเพณีอันดีงามให้อยู่คู่กับท้องถิ่นของเรา ทำให้พี่น้องประชาชนชาวยะลาและจังหวัดใกล้เคียงร่วมกันสร้างบุญกุศลแสดงออกถึงความรักความสามัคคีในการร่วมมือมือใจการประดิษฐ์เรือพระและการชักพระหรือลากพระเพื่อมาร่วมงานครั้งนี้ ในครั้งนี้จึงได้ร่วมสนับสนุนการแสดงคอนเสิร์ต "บิว กัลยาณี" ศิลปินคนใต้ เพื่อสร้างความสุขให้กับประชาชน

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หารือ คกก.แก้ปัญหาพีมูฟ เคาะแนวทางช่วยประชาชน

เมื่อวานนี้ (2 พฤศจิกายน 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานจากห้องประชุม 10-01 ชั้น 10 กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ผ่านมา มีการหารือแนวทางการขับเคลื่อนงาน ของคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม แนวทางการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ กลุ่มพีมูฟ ซึ่งมี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานอนุกรรมการฯ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน โดยมีคณะผู้บริหาร กระทรวงยุติธรรม ในฐานะ คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือด้วย

ทั้งนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะฯ มีการหารือที่มุ่งให้น้ำหนักการช่วยเหลือประชาชาชนและราษฎรซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการด้านนโยบายของรัฐ อาทิ ปัญหาการออกกฏหมายที่ดินหรือป่าไม้ที่มีพื้นที่ซ้อนทับกับชาวบ้านที่เป็นที่ทำกินอยู่เดิม และให้ช่วยเหลือคดีที่ไม่เป็นธรรมทั้งปวง โดยให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด ทั้งการดำเนินการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายเกี่ยวกับคดีที่ดินป่าไม้ รวมทั้งหารือและรับฟังข้อเสนอที่กลุ่มพีมูฟเสนอที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและคดีที่เกี่ยวกับที่ดิน ทรัพยากร ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม

‘ยุติธรรม-คลัง-กยศ.’ ร่วมประชุมถก ‘พ.ร.บ.กยศ.’ ฉบับที่ 2 ปี 66 พร้อมสรุป 4 แนวทางแก้ปัญหาหนี้สิน บรรเทาทุกข์ ‘ลูกหนี้ กยศ.’

(11 พ.ย. 66) คณะทำงานการปรับโครงสร้างหนี้สิน รวมถึงการบังคับคดีเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับความเป็นธรรมและให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะทำงาน พร้อมด้วย นายเสกสรร สุขแสง ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมบังคับคดี เข้าพบนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 เพื่อประชุมหารือแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้เป็นไปตามหลักการของพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566

ทั้งนี้ มีนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา, นายอภินันช์ ศุนทรนันท์ รองผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา, นางสาวนันทวัน วงศ์ขจรกิตติ รองผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ และ ดร.ขจร ธนะแพสย์ ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมหารือที่กระทรวงการคลัง และได้ข้อสรุปร่วมกันดังนี้

1.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาจะคำนวณภาระหนี้ ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ในคดีที่ขายทอดตลาดได้ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 และคดีที่มีการอายัดเงินไว้แต่ยังไม่ได้ทำบัญชีแสดงรายการรับ-จ่ายเงิน และส่งให้กรมบังคับคดีภายในเดือนธันวา คม 2566 เนื่องจากการคิดหนี้ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 จะทำให้ภาระหนี้ของลูกหนี้ลดลง โดยกรมบังคับคดีจะส่งข้อมูลคดีกลุ่มดังกล่าวให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา

2.) กรณีที่ลูกหนี้กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้ปิดบัญชีตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ หากมีกรณีลูกหนี้ชำระเกินไปกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาจะคืนเงินส่วนที่ชำระเกินแก่ลูกหนี้

3.) ในการพัฒนาโปรแกรมการคำนวณหนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาจะหาหน่วยงานมาช่วยพัฒนาเพื่อให้โปรแกรมเสร็จโดยเร็ว

4.) กรมบังคับคดีและกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พร้อมอำนวยความสะดวกให้ลูกหนี้ โดยลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา สามารถยื่นหนังสือยินยอมให้การงดการบังคับคดีและลงทะเบียน เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ทุกสำนักงานทั่วประเทศของกรมบังคับคดี และที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา

นายลวรณ ได้กล่าวขอบคุณที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คณะทำงานการปรับโครงสร้างหนี้สินฯ และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ร่วมหารือแนวทาง ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของลูกหนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ลูกหนี้ได้เป็นอย่างมาก

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ยกย่องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่กล้าหาญ ลบประวัติอาชญากร คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พร้อมเสนอเป็นกฎหมาย

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมแถลงข่าว โครงการลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วัตถุประสงค์เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่เคยมีประวัติถูกฟ้องคดีอาญา แต่ศาลยกฟ้อง ซึ่งยังมีประวัติอาชญากรรมอยู่ในฐานข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากร ทำให้อาจถูกตัดสิทธิ ไม่ได้รับการพิจารณาเข้าทำงาน ขาดโอกาสในการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ

โดยบนเวที ทางด้านพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวว่ากิจกรรมในวันนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเราพูดเสมอว่า เราจะธำรงไว้ซึ่งความสูงสุดของรัฐธรรมนูญ หรือความศักดิสิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด และที่สำคัญอย่างยิ่ง ก็คือ มนุษย์ทุกคนมีคุณค่า มีความสำคัญ และมีศักดิ์ศรี ในรัฐธรรมนูญได้บัญญัติว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ย่อมได้รับการคุ้มครอง วันนี้ต้องยอมรับว่าเมื่อเรา ได้รับความคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คือการบันทึกประวัติอาชญากร ซึ่งตนมองว่าถ้าเราทำนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ ที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินแล้วเป็นอาชญากร ก็คือการกระทำโดยไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ และทำลายศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ซึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด 

ซึ่งโครงการที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำขึ้น สมควรได้รับรางวัลที่สุดในด้านสิทธิมนุษยชน เราจนควรผลักดันให้ เป็นกฎหมาย และเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น กับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มความเห็นของคนที่พ้นโทษ และนอกจากนี้กระทรวงยุติธรรม ได้จัดทำพระราชบัญญัติขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ซึ่งถือว่าเป็นพระราชบัญญัติ ที่จะส่งเสริม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งได้มีการเสนอไป ครม.แล้ว หนึ่งในจำนวนขจัดการเลือกปฏิบัติ ก็คือเลือกปฏิบัติต่อผู้พ้นโทษ ในวันนี้ผู้พ้นโทษ เมื่อได้ผลโทษมาแล้ว มีระเบียบ มีหน่วยงานต่างๆจำนวนมาก เข้ามาจำกัดในสิทธิเสรีภาพของผู้พ้นโทษ 

ดังนั้นเราจะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับหลักนิติธรรม ก็คือหลักที่กฎหมายเป็นใหญ่กว่าคน  และกฎหมายจะต้องต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ กฎระเบียบต้องต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญต้องมีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นกฎระเบียบอะไรที่ไปขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ก็ขอให้มีการพิจารณาด้วย  ซึ่งต้องขอขอบคุณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่ได้ปลดโซ่ตรวน ปลดความเป็นทาสของบุคคล ขอขอบคุณและขอชื่นชมสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กล้าหาญ เพราะไม่มีหน่วยงานไหน ที่จะกล้าทำ

‘เศรษฐา’ จี้!! ‘ก.ยุติธรรม’ เร่งปราบ ‘หมูเถื่อน-หุ้นสตาร์ค-หุ้นมอร์’ กำชับ ต้องสาวถึงตัวการใหญ่ ขีดเส้น!! อาทิตย์หน้าเรื่องต้องคืบ

(21 พ.ย. 66) ที่สถานีรถไฟฟ้าวัดพระศรีมหาธาตุ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการประชุม ครม.ว่า ได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีอีเอส) ในเรื่องของการปราบปรามการค้าหมูเถื่อน ต้องสาวถึงตัวการใหญ่

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนคดีของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และเรื่องหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) ได้มีการขยายผลแล้วซึ่งเราให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

นายกฯ เศรษฐา เผยว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ตนได้มีโอกาสหารือกับผู้ประกอบการค้าข้าวรายใหญ่ของประเทศไทย จึงมีการพูดคุยปัญหาเรื่องของข้าว วันนี้ปัญหาข้าวไทยผลผลิตต่อไร่ของเราต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอยู่เยอะมาก หนึ่งในเหตุผลคือ เรื่องของปัญหาข้าวไทยที่มีการพัฒนาช้า ได้รับการรับรองพันธุ์ข้าวจากกรมการข้าวที่ล่าช้า ทำให้เรานำข้าวมาปลูกได้ช้า ซึ่งตนได้มีการสั่งการไปยังรมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทาง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ขานรับอย่างดีว่าจะไปดูแลในเรื่องขั้นตอนในการขอพันธุ์ข้าว เพื่อให้เรามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลข้าวที่ดีและสูงขึ้น เพื่อให้เท่าเทียมกับเพื่อนบ้านเราได้

นายกฯ กล่าวว่า ขณะที่การประชุม ครม.มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อใช้ในการรับรองสมรสเท่าเทียม ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาในการเปิดประชุมสภาวันที่ 12 ธ.ค.

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เรื่องของวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกอร์วินโดว์ ซิงเกอร์ฟอร์ม โดยเป็นการรวบรวมหน่วยงาน เพื่อให้สะดวกสบายกับการค้าขายและการส่งออกสินค้าในต่างประเทศ ซึ่งมีปัญหาสินค้าติดอยู่ที่ชายแดน จึงต้องทำวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกอร์วินโดว์ ซิงเกอร์ฟอร์ม จึงได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงสาธารณสุข ทำวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกอร์วินโดว์ ซิงเกอร์ฟอร์ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน

‘ครม.’ ไฟเขียว ‘สมรสเท่าเทียม’ เตรียมส่งสภาฯ พิจารณา 12 ธ.ค.นี้ ยกระดับความเท่าเทียมทางเพศแก่คู่รักเพศเดียวกัน ตามสิทธิขั้นพื้นฐาน

(21 พ.ย. 66) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า กระทรวงยุติธรรม ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อให้มีกฎหมายรับรองสิทธิการก่อสร้างครอบครัวของคู่รักเพศเดียวกัน

โดยมีหลักการสำคัญคือ “แก้ไขคำว่า ‘ชาย-หญิง-สามี-ภรรยา’ เป็น ‘บุคคล-คู่หมั้น-คู่รับหมั้น และคู่สมรส’ เพื่อให้มีความหมายครอบคลุมว่า การสมรสต่อไป ‘ชายหญิง’, ‘ชายชาย’ หรือ ‘หญิงหญิง’ สามารถสมรสกันได้ โดยไม่ตัดสิทธิการสมรสเหมือนชายหญิง”

นายคารม ยังชี้แจงขั้นตอนระหว่างนี้ว่า จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน อาทิ เรื่องบำเหน็จ บำนาญ โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา จะไปแก้ไขให้สอดคล้องกับการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งดังกล่าว ซึ่งกระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินการรับฟังความเห็นเรียบร้อยแล้ว โดยหลังการตรวจสอบของกฤษฎีแล้ว ก็สามารถเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาในสมัยประชุมหน้า ที่จะเปิดในวันที่ 12 ธันวาคมนี้

'ทวี' ลุยจัดระเบียบ 'กระท่อม-กัญชา' รัฐมนตรียุติธรรม เตรียมวางมาตรการคุมเข้ม 'กระท่อม - กัญชา' แม้ไม่ใช่ยาเสพติดตามกฎหมาย แต่ประขาชนไม่ไว้ใจ ลั่นต้องไม่มีวางขายเกลื่อน

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในประเด็นนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติด ว่า  นโยบายของรัฐบาล ของกระทรวงยุติธรรม และ ป.ป.ส. ที่ดูแล คือ เราจะแก้ปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ให้ประชาชนเป็นผู้ประเมินว่าการแก้ปัญหายาเสพติดเราได้ทำอย่างจริงจัง  

1.ปริมาณการค้ายาเสพติดต้องลดลง หมดได้ยิ่งดี 

2.ลดจำนวนผู้เสพ ผู้ใช้ และลดผู้ติดใหม่ 

มันมีเทคนิคที่สำคัญ คือปัจจุบัน ถึงจะแก้ไขตรงนั้นเกือบหมด แค่ปรากฏว่า มีพืชบางชนิด เช่นกระท่อม กับ กัญชา เป็นวาระทางกฎหมาย ในส่วนของกัญชา รัฐมนตรีสาธารณสุขกำลังดำเนินการเรื่องกฎหมาย

ส่วนของกระท่อม ได้คุยเลขาธิการ ป.ป.ส. คงต้องมีมาตรการ ไม่ใช่ให้วางขายเกลื่อน แม้ว่าเราจะจัดการยาเสพติดที่เป็นยาบ้า หรือตัวอื่นๆแล้ว ซึ่งตอนนี้รู้สึกลงลด แต่ความรู้สึกไม่ปลอดภัยในกระท่อม ประชาชนยังเห็นว่าเป็นอันตราย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องมีมาตรการควบคุมที่เข้มขึ้น

เป็นวาระร่วมกันที่จะเอาลูกหลาน เอาคนที่มีคุณภาพกลับเข้ามาสู้สังคม ปัญหายาเสพติดจึงเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วน จึงเป็นวาระ แห่งชาติที่จะต้องเร่งการแก้ไข้ ในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ใช่พื้นที่ผลิตยาเสพติด แต่เป็นพื้นที่ของการแพร่ระบาดแล้วก็เป็นทางผ่านของยาอีหรือยาเสพติดที่ไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปริมาณ การแพร่ระบาด ตัวเลขที่เราค้นพบค่อนข้างสูง จึงเป็นปัญหา สำคัญที่ต้องมาแก้ไข

ต้องการจัดการนักค้า ซึ่งนักค้ารายสำคัญ ต้องคุยกับเพื่อนข้าราชการว่า ต้องไม่มีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไปส่งเสริม ข้าราชการหมายถึงทุกระดับ รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ หรือบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องทางด้านอิทธิพล ครั้งนี้เราจะใช้มาตราการทางด้านการป้องกัน การดำเนินการ สุดท้ายเราจะติดตามทางการเงิน แล้วเราจะร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ พื้นที่ชายแดน สงขลา นราธิวาส เขตติดต่อชายแดนทั้งหมด จะเป็นพื้นที่ที่มีการผสมทั้งแพร่ระบาดและการค้ายาเสพติด ต้องดูอย่างเคร่งครัดแล้วคงต้องมีมาตรการจับกุม ดำเนินคดีกับผู้สนับสนุน แม้จะเป็นข้าราชการ หรือทางการเมือง ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนรับมอบนโยบายการขับเคลื่อนทิศทางการบริหาร กระทรวงยุติธรรม ปี พ.ศ.2567

วันที่ 15 ถึงวันทึ่ 16 มกราคม 2567 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดี-รับสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้เกียรติ "มอบนโยบายการขับเคลื่อนทิศทางการบริหาร กระทรวงยุติธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567" ภายใต้โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ "การมอบนโยบายและแนวทางการ ปฏิบัติราชการ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567" โดยมี พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนพร้อมคณะรองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ผู้เข้าร่วมโครงการนี้ จำนวน 144 คน ให้การต้อนรับพร้อมร่วมรับฟังนโยบายโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบนโยบาย และแนวทางในสังกัดกรมพินิจฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบนโยบาย และแนวทางในการปฏิบัติราชการของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

สามารถนำไปถ่ายทอดให้กับผู้ปฏิบัติงาน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของกรมไปในทิศทางเดียวกัน และมีนางนลินนา ไกรนรา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ฝ่ายปฏิบัติการและนายโกมล พรมเพ็ง รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ฝ่ายบริหาร ร่วมกล่าวถึงแนวทาง

"การขับเคลื่อนการบริหารราชการกรมพินิจฯ อย่างมีประสิทธิภาพ"ตามลำดับ โดยในช่วงเช้า (เวลา 09.00 - 11.00 น.) ได้รับเกียรติจาก ดร.เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มทรัพยากรบุคคล บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมบรรยายในหัวข้อ "บริหารงานให้ได้ผลบริหารคนให้ได้งาน" 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top