'FED' ใช้ยาแรงตามคาด ลดดอกเบี้ย 0.5% ฟาก 'ตลาดหุ้นสหรัฐฯ' เด้งรับก่อนปิดลบ
(19 ก.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลง 0.5% เมื่อวันพุธที่ 18 ก.ย. 2567 ถือเป็นการเริ่มต้นวัฏจักรของการลดดอกเบี้ยอย่าง ‘เข้มข้น’ โดยการลดดอกเบี้ยถึง ‘ครึ่งเปอร์เซ็นต์’ แทนที่การลดดอกเบี้ย 0.25% ตามปกติ เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ในตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์เอาไว้ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ ที่ส่งสัญญาณอ่อนเเรงมาก่อนหน้านี้
ขณะที่ผลการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐในระยะยาว (Dot Plot) แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ 10 คนจาก 19 คน "สนับสนุนให้ลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.5% ในการประชุมอีก 2 ครั้งที่เหลือของปี 2024"
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 1.00% ในปี 2568 และลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในปี 2569
โดยรวมแล้ว Dot Plot บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2.00% หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันนี้
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ลงมติ 11 ต่อ 1 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 4.75% - 5.0% หลังจากคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษมาเป็นเวลากว่า 1 ปี
การเคลื่อนไหวที่เด็ดขาดเมื่อวันพุธเน้นย้ำถึง ‘ความกังวลที่เพิ่มมากขึ้น’ ของผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับทิศทางตลาดการจ้างงานของสหรัฐ
เฟดระบุในแถลงการณ์ว่า "คณะกรรมการมีความมั่นใจมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวไปสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน และเห็นว่าความเสี่ยงในการบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สมดุล" และเสริมว่าเจ้าหน้าที่ "มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนการจ้างงานสูงสุด" นอกเหนือจากการผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้กลับไปสู่เป้าหมาย
ทั้งนี้ เฟดลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุดคือในปี 2563 (2020) ซึ่งลดไป 0.50% เมื่อวันที่ 3 มี.ค. และอีก 1.00% ในวันที่ 15 มี.ค. โดยถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0-0.25% ยาวต่อเนื่องจนเข้าสู่วัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565-2566
>>หั่นคาดการณ์ GDP ปีนี้เหลือ 2.0%
นอกจากการปรับลดดอกเบี้ยแล้ว เฟดได้ ‘ปรับลด’ คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2567 ลงเหลือ 2% โดยประมาณการว่าจีดีพีสหรัฐจะโตได้ระดับ 2.0% ในทุกๆ ปี ตั้งแต่ปี 2567- 2570 หลังจากก่อนหน้านี้เคยคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ว่า จะมีการขยายตัว 2.1%, 2.0% และ 2.0% ในปี 2567, 2568 และ 2569 ตามลำดับ
นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับคาดการณ์การว่างงานในปีนี้ ‘เพิ่มขึ้น’ จาก 4.0% เป็น 4.4%
เฟดปรับตัวเลขคาดการณ์อัตราว่างงานในช่วง 4 ปีนี้ ตั้งแต่ปี 2567 - 2570 อยู่ที่ระดับ 4.4%, 4.4% และ 4.3% และ 4.2% ตามลำดับ หลังจากคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.0%, 4.2% และ 4.1% ในปี 2567, 2568 และ 2569 ตามลำดับ ส่วนอัตราว่างงานระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 4.2%
ขณะเดียวกัน เฟดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2567- 2570 อยู่ที่ระดับ 2.6%, 2.2%, 2.0% และ 2.0% ตามลำดับ ‘ลดลง’ หลังจากคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.8%, 2.3% และ 2.0% ในปี 2567, 2568 และ 2569 ตามลำดับ
>>'หุ้น-ทอง' พุ่งทุบสถิติใหม่!
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเขียวยกแผง โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวบวกขึ้นไปถึง 300 จุดในช่วงสั้นๆ หลังการประกาศผลประชุม ก่อนจะปรับลดลงมา ณ เวลาประมาณ 01.20 น. ตามเวลาในไทย Dow Jone บวกไปกว่า 174 จุด หรือราว 0.4% แตะสถิติสูงสุดใหม่ระหว่างการซื้อขาย ส่วน S&P500 บวกราว 0.51% และ Nasdaq บวกได้ราว 0.74% ก่อนที่ทั้งสามดัชนีจะ ‘ปิดตลาดลบลงไปเล็กน้อย’
-ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดลดลง 103.08 จุด หรือ -0.25% ปิดที่ 41,503.10 จุด
-ดัชนี S&P500 ปิดลบ 16.32 จุด หรือ -0.29% ปิดที่ 5,618.26 จุด
-ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 54.76 จุด หรือ -0.31% ปิดที่ 17,573.30 จุด
ด้านสัญญาทองคำฟิวเจอร์ตลาด Comex ปิดตลาดวันพุธที่ 18 ก.ย. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% ปิดที่ 2,598.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 6.2 ดอลลาร์จากวันก่อนหน้า ขณะที่ราคาทองสปอตทะยานไปแตะ 2,592.39 ดอลลาร์/ออนซ์ ระหว่างการซื้อขายเมื่อคืนนี้
ที่มา : Bangkokbiznews