เกิดขึ้นแน่!! Internet of Bodies อนาคตมนุษยชาติที่มิอาจแยกร่างจากอินเทอร์เน็ต โลกสุดล้ำที่กำลังส่งสัญญาณแห่งความเหลื่อมล้ำระหว่าง 'คนรวย-คนจน' ชัดขึ้น
ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญอย่างมากในการเชื่อมต่อสังคมมนุษย์ทั่วโลกเข้าด้วยกัน เป็นสื่อกลางในการรับส่งคลังข้อมูล ข่าวสารที่ทรงพลัง และส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของมนุษย์ แต่นั่นยังไม่สุดขีดความพัฒนาของโลกอินเทอร์เน็ต เพราะอีกไม่นาน นอกจากเราจะขาดอินเทอร์เน็ตในชีวิตไม่ได้แล้ว เราอาจแยกตัวออกจากมันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ เราคงเคยได้ยินคำว่า 'Internet of Things' หรือ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่งรอบตัวเรา แต่ทว่าในปี 2016 ได้เกิดนิยามศัพท์ใหม่ของโลกยุคอินเทอร์เน็ตขึ้น
โดย ด็อกเตอร์ แอนเดรีย แมทไวชิน นักวิชาการด้านกฎหมาย นโยบายเทคโนโลยี และ คอมพิวเตอร์ จาก The Pennsylvania State University ได้ให้คำนิยามของโลกอินเทอร์เน็ตในอนาคต ว่ากำลังพัฒนาสู่ระดับ 'Internet of Bodies' หรือ IoB โดยได้อธิบายว่า มันคือเครือข่ายของร่างกายมนุษย์ที่บูรณาการ หรือมีฟังก์ชันการทำงานอย่างน้อย 1 ส่วนที่เชื่อมโยงกับอินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปัญญาประดิษฐ์
ซึ่งนั่นหมายความว่า อีกไม่นาน อินเทอร์เน็ต จะไม่ใช่เพียงแค่อุปกรณ์เสริมสำหรับใช้งานภายนอกเท่านั้น แต่ในไม่ช้า จะมีอุปกรณ์ที่สามารถผสานเข้ากับการทำงานของร่างกายคนเราได้อย่างสมบูรณ์ และเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้นิ้วสัมผัสอีกต่อไป
คลื่นลูกใหม่ของ Internet of Bodies ในปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็น 3 ยุค ได้แก่...
ยุคที่ 1 - อุปกรณ์ที่ยังใช้ได้เพียงภายนอกร่างกาย อาทิ Apple Watch ที่สามารถตรวจสอบการเต้นของหัวใจ จำนวนก้าว หรือการเผาผลาญแคลอรีของผู้สวมใส่ได้
ยุคที่ 2 - อุปกรณ์ที่ใช้ภายในร่างกาย อาทิ ประสาทหูเทียม เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า หรือ ยาดิจิทัล ที่ทำหน้าติดตาม หรือควบคุมการทำงานของร่างกายเราจากภายในและส่งข้อมูลออกมายังภายนอกได้
ยุคที่ 3 - อุปกรณ์ที่ฝังตัวเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์ ที่สามารถเชื่อมโยง และควบคุมอุปกรณ์ภายนอกได้แบบเรียลไทม์
และหนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีในยุคที่ 3 ที่โดดเด่นที่สุดคือ Neuralink ของ อีลอน มัสก์ ที่กำลังพัฒนาชิปรุ่นพิเศษขนาดเท่าเหรียญเงิน ให้สามารถฝังไว้ใต้กะโหลกศีรษะเพื่ออ่านสัญญาณสมอง จากนั้นก็จะเชื่อมต่อสัญญาณสมอง เข้ากับการทำงานของคอมพิวเตอร์หรือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายนอก ที่เรียกว่า 'The Link'
โดย Neuralink ได้ทำการทดสอบกับมนุษย์รายแรก ซึ่งเป็นผู้พิการอัมพาตตั้งแต่ไหล่ลงไป โดยได้ทดลองใช้อุปกรณ์นี้เล่นหมากรุกบนแล็ปท็อปของเขา แม้ว่าการทดลองครั้งนั้น ยังไม่ถือว่าประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจาก Neuralink พบการทำงานผิดปกติบางอย่างหลังจากการทดสอบขั้นนี้ไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ แต่นี่เป็นเพียงก้าวแรกของคลื่นลูกใหม่ในยุค Internet of Bodies ที่ยังต้องพัฒนากันต่อไป
ด้านผู้ที่สนับสนุนเทคโนโลยี IoB กล่าวว่า ประโยชน์ที่ได้จากการผสานเทคโนโลยียุคใหม่เข้ากับร่างกายมนุษย์นั้นชัดเจนมาก ที่ทำให้เราปรับปรุงการรับรู้ของสมอง และการทำงานของร่างกายเราได้ดียิ่งขึ้น ที่จะช่วยประหยัดต้นทุนในการดูแลสุขภาพ ส่งเสริมการทำงานของผู้คน และ องค์กร
แต่สำหรับผู้ที่เห็นต่าง และกังขาการมาถึงของ Internet of Bodies มองว่า อันตรายจากการฝังอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์แปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายนั้นเป็นเรื่องหนึ่งที่ยังต้องใส่ใจ แต่ยังมีอีกประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ตราบใดที่อุปกรณ์เหล่านี้เชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ สามารถติดตาม สอดแนมหรือ ส่งต่อข้อมูลไปยังบุคคลที่ 3 ได้ แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่เกิดปัญหาการแฮ็กข้อมูลจากอัตลักษณ์ และร่างกายของแต่ละคนในภายหลัง
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องความเท่าเทียมของผู้คนในสังคม หากกลุ่มคนร่ำรวยมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีในโลกยุคใหม่ได้มากกว่า ซึ่งยุค Internet of Bodies สามารถสร้างความแตกต่าง และความได้เปรียบในศักยภาพร่างกายของมนุษย์ได้ และจะยิ่งทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างคนร่ำรวย และ คนยากจน ขยายตัวอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ซึ่งประเด็นที่ยังถกเถียงอยู่นี้ คงไม่อาจหยุดยั้งการพัฒนาในโลกยุคอินเทอร์เน็ตในร่างกายของคนเราได้ ในปัจจุบันธุรกิจอุปกรณ์เทคโนโลยีทางการแพทย์ในยุคเริ่มต้นของ IoB สร้างมูลค่าได้ถึง 6.6 หมื่นล้านเหรียญในปี 2024 และคาดว่าธุรกิจนี้จะโตได้ถึง 1.32 แสนล้านเหรียญภายในอีก 5 ปีข้างหน้า คิดเป็นอัตราการเติบโตที่สูงเกือบ 15% ต่อปีเลยทีเดียว
เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์
อ้างอิง: CNBC / Forbes