‘รวมไทยสร้างชาติ’ รับร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ฟาก ‘อัครเดช’ ยัน!! ไม่มีใครอยากเป็นชนกลุ่มน้อย เชื่อ!! ทุกคนอยากเป็น ‘คนไทย’

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 67 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้อภิปรายเกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ.. ระบุว่า…

“พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มีมติในการประชุม สส.ของพรรค ว่า เราจะสนับสนุนเพียงร่างเดียว คือร่างของคณะรัฐมนตรี ที่เสนอเข้ามาให้สภาฯ พิจารณา เหตุผลที่พรรครับเพียงร่างเดียว และทำไมอีก 3 ร่าง พรรคถึงไม่รับ ในส่วนร่างของ ครม. จะเห็นว่าไม่มีคำว่าชนเผ่าพื้นเมืองอยู่ในร่าง พ.ร.บ. แต่ใช้คำว่า พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ร.บ.ฉบับนี้ตอบโจทย์กลุ่มชาติพันธุ์ ที่มีอยู่ 30-60 กลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย”

นายอัครเดช เสริมต่อว่า “ทั้งนี้ พรบ.ฉบับ ครม.ตอบโจทย์ความต้องการของทุกชาติพันธุ์ทั้งในสิทธิทางวัฒนธรรม สิทธิที่ดินทำกินและทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิในความเสมอภาค และไม่เลือกปฏิบัติสิทธิในการมีส่วนร่วม และสิทธิการรับบริการขั้นพื้นฐานของรัฐ ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของกลุ่มชาติพันธุ์ ที่เปรียบเสมือนเป็นคนไทยอยู่แล้ว”

“ทั้งนี้ กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เขาอยากเป็นคนไทย เขาไม่ได้อยากเป็นชนกลุ่มน้อย หรือเป็นชนเผ่า ซึ่งเมื่อได้รับรองเป็นคนไทยจะได้สิทธิตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ ทุกคนต้องการจะเป็นคนไทยมีชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์จีน ชาติพันธุ์อินเดีย ชาติพันธุ์แขก ชาติพันธุ์มลายู ชาติพันธุ์ม้ง ชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ทุกคนถือว่าเป็นคนไทย ตามแต่ละหน่วยงานที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ พ.ร.บ.ของคณะรัฐมนตรี ที่ได้เสนอเข้ามาในสภาฯ มีการคุ้มครองสิทธิต่าง ๆ สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ได้” นายอัครเดชกล่าว

นายอัครเดช กล่าวเพิ่มเติมกรณีไม่สนับสนุนอีก 3 พ.ร.บ. ว่า “เหตุผลที่พรรครวมไทยสร้างชาติไม่สนับสนุนอีก 3 พ.ร.บ. ไม่ว่าจะเป็นร่าง พ.ร.บ.สภาชนเผ่าพื้นเมือง ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ซึ่ง 2 ฉบับนี้เสนอมาในกลุ่มภาคประชาชน ส่วน พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองของพรรคก้าวไกล 1 ฉบับ ทางพรรครวมไทยสร้างชาติจะไม่ลงมติในการรับหลักการ เนื่องจากทั้ง 3 ฉบับมีคำว่าชนเผ่าพื้นเมือง” 

นายอัครเดช อธิบายต่อว่า “อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยได้ไปแถลงที่สหประชาชาติว่าประเทศไทยไม่มีชนเผ่าพื้นเมือง ที่ไม่มีชนเผ่าพื้นเมืองเพราะว่า ประเทศไทยของเรามีเผ่าพันธุ์เดียวคือเผ่าพันธุ์ไทย เรามีกลุ่มชาติพันธุ์ 30-60 ชาติพันธุ์ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร เรามีเผ่าพันธุ์ไทย คำว่าชนเผ่าพื้นเมืองในหลักสากลในความหมายของสหประชาชาติก็คือชนเผ่าที่อยู่ในพื้นที่ของตนเอง แล้วโดนรุกรานมายึดพื้นที่ เช่นที่อเมริกาอินเดียแดงถือว่าเป็นชนเผ่าพื้นเมืองโดนคนผิวขาวมายึดพื้นที่แล้วตั้งเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา อันนี้คือตัวอย่างในนามของสหประชาชาติคือชนเผ่าพื้นเมือง แต่ประเทศไทยเราไม่มีชนเผ่าพื้นเมือง”

“ประเทศไทยไม่มีชนเผ่าพื้นเมือง เรามีเผ่าพันธุ์ไทยมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งชาติ ล้วนแล้วแต่เป็นชาติพันธุ์ ใครที่เป็นลูกหลานคนไทยเชื้อสายจีนอย่างตนก็เป็นคนไทยเชื้อสายจีนมีความภูมิใจในความเป็นคนไทย แต่เราเชื้อสายจีนเป็นชาติพันธุ์จีน หลายท่านในที่นี้ก็มีหลายชาติพันธุ์ ทั้งชาติพันธุ์แขก ชาติพันธุ์มลายู ชาติพันธุ์ม้ง ชาติพันธุ์ลาว รัฐธรรมนูญมาตรา 70 ให้ความคุ้มครองในความเป็นชาติพันธุ์ ในรัฐธรรมนูญเราก็ไม่ได้ใช้คำว่าชนเผ่าพื้นเมือง ดังนั้นการที่เราจะรับรอง 3 พ.ร.บ.ดังกล่าวก็เสี่ยงจะขัดรัฐธรรมนูญถ้าเราจะใช้คำว่าชนเผ่าพื้นเมือง” นายอัครเดชกล่าว

นายอัครเดช กล่าวต่อไปว่า “นอกจากนั้น ประเทศไทยเราไปรับปฏิญญาว่าด้วยชนเผ่าพื้นเมือง เพราะประเทศไทยเราเคยประกาศแล้วไปแถลงว่า เราไม่มีชนเผ่าพื้นเมือง ถ้าเราไปรับว่าเรามีชนเผ่าพื้นเมืองในปฏิญญาสากลว่าด้วยชนเผ่าพื้นเมือง สามารถแยกไปปกครองตนเองได้ ถ้าเรารับว่าประเทศไทยมีชนเผ่าพื้นเมืองก็จะเป็นภัยต่อความมั่นคงในอนาคตอาจปกครองลำบากเพราะบางพื้นที่อาจขอไปปกครองตนเองได้ อันนี้คือสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคง กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเป็นห่วงในประเด็นนี้ การที่เรามีชนเผ่าพันธุ์เดียวคือเผ่าพันธุ์ไทยมาตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์นี่คือความภาคภูมิใจในความเป็นไทย แต่เรายอมรับในความหลากหลาย เรามี 30-60 ชาติพันธุ์ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร จะทำให้เรารวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยเป็นประเทศไทย”

นายอัครเดช กล่าวย้ำว่า “สส.รวมไทยสร้างชาติ ได้ลงไปสำรวจแล้ว ไม่มีใครอยากเป็นคนชนเผ่า เพราะทุกคนอยากเป็นคนไทย ได้สิทธิเหมือนคนไทย มีความภูมิใจในความเป็นไทย แต่ยังดำรงรักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของแต่ละชาติพันธุ์ไว้ ขอเรียกร้องให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้งดใช้คำว่าชนเผ่าพื้นเมืองเพื่อความมั่นคงของประเทศ แล้วให้ใช้คำว่าชาติพันธุ์แทน ประเทศไทยเราจะได้เข้าสู่ความกลมเกลียว ว่าทุกคนนั้นอยากเป็นคนไทยแล้วก็ได้สิทธิในความเป็นไทยเหมือนกัน คือเหตุผลที่เราไม่รับหลักการในส่วนของ 3 พ.ร.บ.นี้”

นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้ายว่า “รัฐธรรมนูญมาตรา 70 ยอมรับความหลากหลายทางชาติพันธุ์ เราไม่อยากจะเห็นการเอาประเด็นนี้มาหาเสียงทางการเมือง เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศในอนาคต สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงได้ประชุมกันแล้ว มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ของคณะรัฐมนตรี สามารถตอบโจทย์ความต้องการของทุกกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยได้ และไม่รับอีก 3 พ.ร.บ.ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล และเสนอโดยภาคประชาชน เพราะเราเห็นว่าประเทศไทยไม่ควรมีการใช้คำว่าชนเผ่าพื้นเมือง ทุกคนเป็นคนไทย เคารพในความหลากหลายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 ที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร และเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติสืบต่อไปในอนาคต”