'วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนด์' ปลุกสติ 'คนอเมริกัน' หาทางรอดที่แท้จริงจากวิกฤต โยนทิ้ง 'ประชาธิปไตย' หายนะที่ซ่อนอยู่ในคราบแห่ง 'ความหวัง-เท่าเทียม'

ไม่นานมานี้ เบอร์นี่ แซนเดอร์ส (Bernie Sanders) วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนด์ สังกัดพรรครัฐบาลเดโมแครต ได้กล่าวในสิ่งที่กำลังทำให้ชาวอเมริกันต้องคิดหนักถึงโลกแห่งความจริง ในวันนี้ที่ แนวคิดตะวันออก คือ ทางเลือกบนทางรอด และถึงวันที่ โลกทุนนิยม...กำลังเดินมาถึงจุด...รอวันล่มสลายแล้ว

เบอร์นี กล่าวว่า 'ประชาธิปไตย' ไม่ใช่ทางเลือกของโลกอีกต่อไปแล้ว เราต้องช่วยกัน เปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศเรา ให้เป็น 'สังคมนิยม' และประเทศในกลุ่มประชาธิปไตย ไม่อาจหนีการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ และผมเสนอแนวคิดให้เปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศสหรัฐอเมริกาเป็น 'สังคมนิยมกึ่งประชาธิปไตย' 

เหตุผลที่ เบอร์นี กล่าวเช่นนี้ เพราะเขามองว่าสภาพการเมืองของสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน กำลังมุ่งสู่ 'คณาธิปไตย' และ 'ลัทธิอำนาจนิยม' มากขึ้น

“มีเพียงเศรษฐีกลุ่มเล็ก ๆ ที่ร่ำรวยอย่างมาก และมีอำนาจควบคุมหัวใจเศรษฐกิจ และ อำนาจทางการเมืองของสหรัฐอเมริกามากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันนี้คนอเมริกัน มีเพียง 3 ตระกูลเท่านั้นที่ครองความมั่งคั่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของคนอเมริกันทั้งประเทศ จนเป็นไปในลักษณะ 'รวยกระจุกจนกระจาย'”

เบอร์นี ขยายความอีกว่า ผู้ร่ำรวยที่สุด ในสหรัฐอเมริกา มีเพียง 1% ของประชากร 328 ล้านคน ครอบครองความมั่งคั่ง มากกว่า ประชากร 92% รวมกัน นี่คือ ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

อีกทั้ง 49% จากรายได้ของชาวอเมริกันในแต่ละวัน กลายเป็นของคนกลุ่มรวยที่สุด 1% นั้นด้วย นั่นจึงทำให้สังคมในสหรัฐอเมริกา ที่แท้จริง 'ไม่มีความเท่าเทียม' อีกแล้ว แต่กลับมีความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ภายใต้ชื่อ 'ระบบประชาธิปไตย'

ปัจจุบันนี้ คนอเมริกันเกือบ 40 ล้านคน หรือราว 12.2% เป็น 'คนยากจน' ... ทุกคืน จะมีคนราว 5 แสนคน ต้องนอนข้างถนน เพราะเป็นคนไร้บ้าน

ขณะที่อีกประมาณ 50% ของคนอเมริกัน มีเงินไม่พอใช้ 'ต้องหาเช้ากินค่ำ' มีเงินใช้แบบเดือนชนเดือนเท่านั้น

เบอร์นี กล่าวว่า ระบอบทุนนิยมเสรี เป็นระบอบการปกครองที่ล้มเหลว ที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจพังทลาย และ 'ไม่ยุติธรรม' บรรดามหาเศรษฐี เสพสุขกับตลาดหุ้น คอยเก็บเกี่ยวความมั่งคั่งที่เกิดขึ้น แต่ชนชั้นกลาง กับ ผู้ใช้แรงงานต้อง 'ดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ' ถึงขนาดที่มีการวัดกันว่า รายได้เฉลี่ยของกรรมกรอเมริกันตอนนี้ ยังคงพอๆ กับรายได้เมื่ออดีต 46 ปีก่อนกันเลยทีเดียว

"ผู้ใช้แรงงานจำนวนมาก ต้องดิ้นรน ทำงานหลายงาน เพื่อความอยู่รอด ระบอบประชาธิปไตย สร้างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ส่งผลต่อวิถีการดำเนินชีวิต การดิ้นรนต่อสู้ มีผลต่ออายุขัยด้วย เพราะเศรษฐีอเมริกันจะมีอายุยืนยาว กว่าคนจน เฉลี่ยถึง 15 ปี" เบอร์นี กล่าวและว่า...

"อุดมคติเดิมที่ว่า ระบอบประชาธิปไตย ทำให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน คนขยันมีโอกาส สร้างตนสร้างฐานะนั้น พิสูจน์ได้ว่า ล่มสลายลงไปแล้ว ไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว เยาวชนคนรุ่นใหม่ มีแนวโน้มใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก มีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ มากกว่าคนรุ่นก่อน ที่เป็นบิดารมารดาปู่ย่าตายาย...

"การแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียม ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เต็มไปด้วยอุปสรรค เพราะบริษัทยักษ์ พวกตลาดหุ้น ชนชั้นปกครองชนชั้นสูง (อีลิท) ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนี้ คนเหล่านี้ รวมหัวกัน ต่อต้านแนวคิดสังคมนิยม ต่อต้านนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า พวกเขาเป็นเจ้าของสื่อสารมวลชน เจ้าของในตลาดหุ้น ที่สามารถควบคุมความคิดของคนส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ให้มองไม่เห็นสาเหตุ ที่มาของปัญหาว่า เกิดจากระบบทุนผูกขาด"

เบอร์นี เปิดเผยด้วยว่า ชนชั้นปกครอง ในทำเนียบขาว ใช้วิธีการเดิม ๆ พยายามเบี่ยงเบนปัญหาสำคัญ  ภายในประเทศไปเป็นเรื่องอื่น ๆ ตลอดมา เช่น พยายามใช้วิธีแบ่งแยกประชาชน ให้มีการเหยียดผิว สร้างความเกลียดชัง ยุยงก่อให้เกิดสงคราม ยุแยงให้เกิดความแตกแยกไปทั่วโลก เพื่อให้อุตสาหกรรมค้าอาวุธเติบโต เพื่อมาค้ำจุนให้เกิดการจ้างงาน จ้างผู้ชำนาญการพิเศษในทุกสาขา เช่น ด้านไอที ที่เป็นหัวใจของอุตสาหกรรมมาช่วยผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ยุคใหม่

ดังนั้น ประเทศ สหรัฐอเมริกา ไม่ควรสร้างลัทธิการเมืองบนความเกลียดชัง ความคิดในการยุให้เกิดการแบ่งแยก แต่ควรใช้หลักคิด ในระบอบการปกครองที่มีคุณธรรม มีเมตตา ยุติธรรม และ ความรัก นั่นคือ ต้องเปลี่ยนแปลงการปกครอง ของ สหรัฐอเมริกา เป็น 'สังคมนิยม กึ่งประชาธิปไตย'

"สหรัฐอเมริกา จึงจะรอดจากหายนะ"

เบอร์นี่ แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนด์